ที่นี่ไม่มีนายเอก (Heroine)
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559
จวบแสงอุษาสาง
ชายหนึ่งแรกรัก ช่างหอมหวาน เปลี่ยนแล้งนาเป็นตระกาลเขียวขจี ล่วงพ้นคืนวันหมั่นเพียรถาม สาวเจ้านางอิดเอื้อนรอวันคืน ชายหนุ่มร้อนรัก แปรปันใจ ปวด แลบ รวดร้าวข้างในจิต ยิ่งนับวัน นานวันให้หวนคิด คนึงนิตย์พิศวาสมิเคยคลาย เจอใครหนอใครใช่เหมือนเจ้า เจอเขาร้อนรักหักหาญใจ ดิ่งจมลงสู่ห้วงบาดาลใจ ไม่อยากเงยไม่อยากมอง
วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
ประกาศเปิดจองและโอนเงินครับผม
ประกาศเปิดจองหนังสือและโอนเงินครับผม
[/b]เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่ 19 มกราคม 2555 ถึง 19 กุมภาพันธ์ 2555
รายละเอียด
ชื่อเรื่อง ** เปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหมาะสมกับผู้อ่านในวงที่กว้างขึ้น จาก ที่นี่ไม่มี "นายเอก" เป็น Heroine ที่นี่ไม่มี "นางเอก" **
จำนวนหน้า 924 หน้า แบ่งเป็นสองเล่ม
เนื้อหาจากที่เคยโพสต์ในเล้านั้นได้เรียบเรียงแก้ไขใหม่ เพิ่มตอนพิเศษมากกว่า 400 หน้า
ปล. อาจจะสงสัยว่าทำไมมันมีน้อยหน้านะครับ คือว่าอัดแน่นจนปริล่ะครับผม อิอิ ของเดิมมันมีอยู่ 5oo กว่าหน้าเองยัดแล้วอัดแล้ว แต่จัดเรียงหน้ากระดาษใหม่เปลี่ยนฟร้อนมันเลยร่นขึ้นมา
สั่งจองได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนทองหล่อ
ชื่อบัญชี นาย ธรรพ์มนูญ เทียนทิพย์
เลขที่บัญชี 206-0-88734-2
ราคาหนังสือรวมค่าจัดส่งสองเล่ม 970 บาทครับ
โอนเงินแล้วรบกวนส่งเมล์มาที่ keytian14(แอด)yahoo(ดอท)com
หรือสามารถสั่งแจ้งได้โดยผ่านเฟสบุ้ค โดยการส่งข้อความไปที่ Eiky Thaiboyslove
วิธีการสั่งจอง
- สั่งจองผ่านสองช่องทางคือเฟสบุ้คกับเมล์ไปที่ยาฮูครับ ระบุว่าสั่งจองหนังสือ ระบุจำนวน
-โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่ผมแจ้งไว้
-พีเอ็มไปที่เฟสบุ้ค Eiky Thaiboyslove หรือเมล์ไปที่ keytian14(แอด)yahoo(ดอท)com ระบุว่าโอนเงินแล้ว
- โดยแจ้งชื่อ วันเวลาและจำนวนเงินที่โอน
-แจ้งชื่อที่อยู่ผู้รับ
ปล. ๑. ใครอยากได้ลายเซ็นระบุด้วยนะครับผม อิอิ เหมือนเป็นคนดังเลยเนอะ ก๊ากกก
ปล. ๒. อย่าจองอย่างเดียวแล้วไม่โอนเงินนะคร้าบ ผมตัดสินใจสั่งพิมพ์มะถูกน้า แฮ่ๆๆๆ
ปล. ๓. กำลังหาของแถมอยู่นะครับผมถ้าไม่เกินงบประมาณมากเกินไปอยากให้จริงๆครับกำลังหาอยู่ อิอิ ใจเยนๆเนะ
Ps. ก่อนตัดสินใจสั่งจองและโอนเงินสิ่งที่จะได้จากในหนังสือที่คนที่เคยอ่านแล้วจะได้ตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของง่ายขึ้นนะครับ อิอิ
-ตอนพิเศษกว่า ๔๐๐ หน้า
-เพิ่มฉากมากกว่าเหมือนอ่านเรื่องสั้นอีกเรื่อง อีกมุมที่ไม่ได้เอ่ยถึงในที่นี่แต่มีอยู่ในหนังสือ
-เพิ่มตัวละคร คนที่ไม่มีบทบาทเพิ่มบท เพิ่มความสำคัญโยงใยตัวละครเข้าหากัน
-สอดแทรกเนื้อหาเกือบทุกฉากให้มีอรรถรสเพิ่มมากขึ้น
-ปรับเรียงคำใหม่ให้ละเมียดละไมลื่นไหลกว่าเดิม
-ปรับแก้เนื้อหาให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
-รับประกันความมัน เข้มข้น เพราะว่าเป็นเรื่องที่ผมเองเขียนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งและตั้งใจเขียนและเต็มที่กับเรื่องนี้มาก
-นิยายเรื่องนี้รับรองครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดร้อนแรง มันสะแด่ว ขมเจือหน่อยๆ ควรจับจองมีไว้เป็นเจ้าของด้วยประการทั้งปวง อิอิ
ปล. เคยมีคนแซวผมนะว่านิยายชายรักชายมันก็หนีไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆตามจีบกันไปวันๆ งอนกันประมาณนั้น แต่ผมว่าไม่จริงหรอกหลายเรื่องที่สะท้อนสังคมหลายเรื่องที่เขียนมุมมองของชายรักชายได้ดีกว่านิยายธรรมดาทั่วไป ลองเปิดใจอ่านดูแล้วจะรู้ว่ามันน่าอ่านมากเพียงไหน เรื่องนี้ที่ผมเขียนเหมือนกัน เพราะผมตีพล็อตเรื่องออกมาจากแค่ประโยคๆเดียวว่า “ทำไมคนทำดีต้องยอม ทำไมคนทำดีต้องบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่เขาทำผิด ทั้งที่เขาทำไม่ถูก” แต่ไม่ได้ให้เป็นคนไม่ยอมคนหรอกนะครับแต่อยากให้ลองอ่านดูว่ามันมีอะไรมากไปกว่านิยายจริงๆ อิอิ ขอบคุณคร้าบผม
อิ๊กกี้
[/b]เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่ 19 มกราคม 2555 ถึง 19 กุมภาพันธ์ 2555
รายละเอียด
ชื่อเรื่อง ** เปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหมาะสมกับผู้อ่านในวงที่กว้างขึ้น จาก ที่นี่ไม่มี "นายเอก" เป็น Heroine ที่นี่ไม่มี "นางเอก" **
จำนวนหน้า 924 หน้า แบ่งเป็นสองเล่ม
เนื้อหาจากที่เคยโพสต์ในเล้านั้นได้เรียบเรียงแก้ไขใหม่ เพิ่มตอนพิเศษมากกว่า 400 หน้า
ปล. อาจจะสงสัยว่าทำไมมันมีน้อยหน้านะครับ คือว่าอัดแน่นจนปริล่ะครับผม อิอิ ของเดิมมันมีอยู่ 5oo กว่าหน้าเองยัดแล้วอัดแล้ว แต่จัดเรียงหน้ากระดาษใหม่เปลี่ยนฟร้อนมันเลยร่นขึ้นมา
สั่งจองได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนทองหล่อ
ชื่อบัญชี นาย ธรรพ์มนูญ เทียนทิพย์
เลขที่บัญชี 206-0-88734-2
ราคาหนังสือรวมค่าจัดส่งสองเล่ม 970 บาทครับ
โอนเงินแล้วรบกวนส่งเมล์มาที่ keytian14(แอด)yahoo(ดอท)com
หรือสามารถสั่งแจ้งได้โดยผ่านเฟสบุ้ค โดยการส่งข้อความไปที่ Eiky Thaiboyslove
วิธีการสั่งจอง
- สั่งจองผ่านสองช่องทางคือเฟสบุ้คกับเมล์ไปที่ยาฮูครับ ระบุว่าสั่งจองหนังสือ ระบุจำนวน
-โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่ผมแจ้งไว้
-พีเอ็มไปที่เฟสบุ้ค Eiky Thaiboyslove หรือเมล์ไปที่ keytian14(แอด)yahoo(ดอท)com ระบุว่าโอนเงินแล้ว
- โดยแจ้งชื่อ วันเวลาและจำนวนเงินที่โอน
-แจ้งชื่อที่อยู่ผู้รับ
ปล. ๑. ใครอยากได้ลายเซ็นระบุด้วยนะครับผม อิอิ เหมือนเป็นคนดังเลยเนอะ ก๊ากกก
ปล. ๒. อย่าจองอย่างเดียวแล้วไม่โอนเงินนะคร้าบ ผมตัดสินใจสั่งพิมพ์มะถูกน้า แฮ่ๆๆๆ
ปล. ๓. กำลังหาของแถมอยู่นะครับผมถ้าไม่เกินงบประมาณมากเกินไปอยากให้จริงๆครับกำลังหาอยู่ อิอิ ใจเยนๆเนะ
Ps. ก่อนตัดสินใจสั่งจองและโอนเงินสิ่งที่จะได้จากในหนังสือที่คนที่เคยอ่านแล้วจะได้ตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของง่ายขึ้นนะครับ อิอิ
-ตอนพิเศษกว่า ๔๐๐ หน้า
-เพิ่มฉากมากกว่าเหมือนอ่านเรื่องสั้นอีกเรื่อง อีกมุมที่ไม่ได้เอ่ยถึงในที่นี่แต่มีอยู่ในหนังสือ
-เพิ่มตัวละคร คนที่ไม่มีบทบาทเพิ่มบท เพิ่มความสำคัญโยงใยตัวละครเข้าหากัน
-สอดแทรกเนื้อหาเกือบทุกฉากให้มีอรรถรสเพิ่มมากขึ้น
-ปรับเรียงคำใหม่ให้ละเมียดละไมลื่นไหลกว่าเดิม
-ปรับแก้เนื้อหาให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
-รับประกันความมัน เข้มข้น เพราะว่าเป็นเรื่องที่ผมเองเขียนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งและตั้งใจเขียนและเต็มที่กับเรื่องนี้มาก
-นิยายเรื่องนี้รับรองครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดร้อนแรง มันสะแด่ว ขมเจือหน่อยๆ ควรจับจองมีไว้เป็นเจ้าของด้วยประการทั้งปวง อิอิ
ปล. เคยมีคนแซวผมนะว่านิยายชายรักชายมันก็หนีไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆตามจีบกันไปวันๆ งอนกันประมาณนั้น แต่ผมว่าไม่จริงหรอกหลายเรื่องที่สะท้อนสังคมหลายเรื่องที่เขียนมุมมองของชายรักชายได้ดีกว่านิยายธรรมดาทั่วไป ลองเปิดใจอ่านดูแล้วจะรู้ว่ามันน่าอ่านมากเพียงไหน เรื่องนี้ที่ผมเขียนเหมือนกัน เพราะผมตีพล็อตเรื่องออกมาจากแค่ประโยคๆเดียวว่า “ทำไมคนทำดีต้องยอม ทำไมคนทำดีต้องบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่เขาทำผิด ทั้งที่เขาทำไม่ถูก” แต่ไม่ได้ให้เป็นคนไม่ยอมคนหรอกนะครับแต่อยากให้ลองอ่านดูว่ามันมีอะไรมากไปกว่านิยายจริงๆ อิอิ ขอบคุณคร้าบผม
อิ๊กกี้
วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553
(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ปิดฉาก
"แทน เป็นอะไร ออกมาคุยกับพี่ก่อน แทนเปิดประตูหน่อย"
หลังจากรับโทรศัพท์จากพีทเสร็จก็ทรุดตัวลง เสียงร้องของแพทย์หญิงศิริกานต์ทำให้แวนวิ่งออกมาดู แต่แทนทวีวิ่งขึ้นมาบนห้องของตัวเองแล้ว
"เปิดประตูให้พี่หน่อยแทน แทนมีอะไร เปิดประตูให้พี่หน่อย"
แวนยังคงทุบประตูเสียงดัง บิดามารดาเองก็ลุ้นอยู่ด้านล่างเกาะกุมกันอยู่
"อย่ามายุ่งกับผม ออกไป๊"
แทนทวีโต้ตอบลอดผ่านประตูออกมา
"แทน มีอะไร บอกพี่มาแทน พี่เป็นห่วงนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย"
น้ำเสียงอ่อนอ้อนวอน นานพอสมควรแทนทวีถึงยอมเปิดประตูให้ พอก้าวขาเข้าไปในห้องแวนเองถึงกับร้องออกมา
"แทน"
แทนทวีน้ำตาเอ่อนองหน้าหัวโดนทึ้งยุ่งเหยิงสภาพช่างน่าเวทนานัก
"มีอะไรแทน เกิดอะไรขึ้น"
แวนปรี่เข้าไปจับแขนเขย่าอยู่
"พี่ พีทเขาเป็นเอดส์"
"อะไรนะ"
แวนครางออกมาเปล่งเสียงแทบไม่ออก หน้าซีดเผือดลงร่างแทบทรุด
"ใจเย็นๆแทน เรายังไม่ได้ไปตรวจ อย่าเพิ่งตีโพยพีพายไปก่อน"
"ผมจะทำยังไงดี พี่แวน ผมจะทำยังไงดี"
"ไปตรวจกันแทน เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก"
"ผมกลัวพี่แวน ผมกลัว"
"เราไม่ได้ป้องกันเหรอแทน"
แวนถามขึ้นไม่ได้มีจุดประสงค์จะบั่นทอนความรู้สึกของน้องชาย เพราะตอนนี้เองความรู้สึกเขาคงไม่มีอะไรจะบั่นทอนหรือทำร้ายได้แล้ว เพราะมันแหลกสลายไปแล้ว
"ผมป้องกันตลอดนะพี่แวน ทั้งกับภูมิเอง ผมก็ป้องกันตลอด แต่พีทเองไม่อยากให้ผมใส่ถุงแต่ผมไม่เคยนะพี่ ผมจะติดไหม"
แทนทวีพูดออกมาดูเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"แทน งั้นไม่ต้องกลัว เราป้องกันตัวน่ะดีแล้ว พี่ว่ามันไม่ติดหรอก ดีแล้ว"
"ผมกลัวพี่"
น้ำตายังคลอที่เบ้าตาแวนเองก็พยายามปลอบ จนแทนทวีรู้สึกดีขึ้นจึงพากันไปตรวจ ระหว่างที่รอแทนทวีเหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่งสั่นกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้องตรวจ มือเย็นแต่เหงื่อเปียกชุ่ม แวนเองก็คอยกุมมืออยู่ตลอดเวลาไม่ห่าง ผลตรวจออกมาแล้ว แทนทวีไม่มีเชื้ออยู่ ครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกับพีทคือตอนที่บอกเลิกกับภูมิบุญมันนานมาแล้ว อีกทั้งทุกครั้งเขาก็ป้องกันตัวอย่างดี แม้ตัวพีทเองจะอ้อนวอนแต่แทนทวีก็ไม่ยอม ไม่เสียชื่อที่เป็นลูกของหมอ
"หมดเรื่องกันไปเสียทีนะลูก"
แพทย์หญิงศิริกานต์ลูบหัวบุตรชายปลอบอยู่
"พ่อครับแม่ครับ แทนอยากจะบวช"
ตัดสินใจแล้วผ่านเรื่องร้าย ทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ อยากจะทำจิตใจให้สงบหันหน้าพึ่งทางธรรมบ้าง หวังให้ใจเย็นลงสงบลงบ้าง มารดาถึงกับสะอึกน้ำตาร้องไห้ออกมา
"ดีแล้วลูก ดีแล้ว"
ไม่มีใครขัด ทั้งบิดามารดาต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนทวีบวชเงียบๆที่วัดที่จังหวัดตาก อยากออกห่างจากความวุ่นวายสับสนของเมืองใหญ่ ภูมิบุญเองพอรู้ข่าวก็ก็ตามขึ้นไปกราบขอขมา เพราะเป็นเวลาที่ต้องขึ้นเหนือกับโตโต้พอดี
"สบายดีเหรอโยม"
บาดลึกลงใจ น้ำเสียงที่เย็นสงบสายตาที่แน่นนิ่งไม่ไหวติง ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับหลวงพี่ กระผมสบายดี มากราบขอขมาหลวงพี่"
น้ำตาปริ่มออกมาแต่กระพริบตาถี่ๆไล่ม่านน้ำตาออกไป
"โยมภูมิ อาตมาไม่ติดใจอะไรแล้ว ที่ผ่านมามันเป็นวิบากกรรมของอาตมาเอง โยมเองเป็นคนดี หมั่นทำดีต่อไปนะ เรื่องที่แล้วที่ผ่านถือว่าชดใช้กรรมต่อกัน อย่าคิดอาฆาตแค้นต่อกันเลยนะโยม"
"กระผมไม่มีอะไรติดใจแล้วครับหลวงพี่ ไม่เคยติดใจอะไรกับใคร"
"ดีแล้วโยม โยมรู้ตัวไหมว่าโยมเป็นเหมือนเพชร อย่าเสียใจน้อยใจไปถ้าลิงมันจะไม่เห็นค่าของเพชร เพราะเพชรถึงอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเพชรก็ยังเป็นเพชรวันยังค่ำ ความดีมันจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับโยม เจริญพรนะโยม"
ก้มลงกราบพร้อมน้ำตา หลวงพี่เดินเข้ากุฏิไปแล้ว ส่วนภูมิบุญยังไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้น น้ำตาไหลออกมา โตโต้เข้ามาจับร่างดึงขึ้น
"ภูมิ"
"พี่ ภูมิดีใจเหลือเกิน ภูมิปลื้มใจที่เห็นหลวงพี่เขาคิดได้แบบนี้"
"เราไปกันเถอะภูมิ อนุโมทนากับพระท่านด้วย"
ทั้งสองประคองร่างกันออกไปจากวัด เนิ่นนานแสนนานกว่ามรสุมมันจะผ่านพ้นไป มีทั้งลูกน้อยลูกใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เผชิญอยู่ไม่ขาดตอน ต่อสู้ผ่าฟันกับมันมาตลอดไม่เคยหวั่น ไม่ได้อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ได้อยากให้มันบีบคั้นใครหลายๆคนแบบนี้ ชีวิตของแต่ละคนมันล้วนแล้วมีทางขีดไว้ให้ไปตามแต่ละบุญกรรมที่สั่งสมมา ชะตาชีวิตถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ผลกรรมที่กระทำหนุนให้สู่ที่หมายหรือร่วงลงที่ต่ำ
"ชั้นติดคนอื่นก็ต้องติดเหมือนกัน ชั้นไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวัง"
แม้จะไอเรื้อรังหน้าตาซูบผอม มือไม้เนื้อหนังเหี่ยวย่นลง ผิวพรรณที่เคยสดใสเปล่งปลั่งก็หมองหม่นลง พีทเองไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย ที่ไม่ยอมแพ้คือไม่ยอมอยู่นิ่งรักษามัน ทุกคืนเขาตระเวนออกไปหาเหยื่อ แถวสนามหลวงไปมาหมดแล้ว เปลี่ยนที่เป็นเธคที่สีลม ตลาดอตก แยกลำสาลี ที่ไหนที่มีแหล่งของเกย์เขาจะตระเวนไปทุกที่ และทุกคืนเขาก็จะมีคนติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกคน ทุกครั้งที่ระเริงรักเขาจะบอกให้คู่ขาไม่ต้องใช้ถุงยาง หรือถ้าใช้เขาเองก็จะแกล้งเอาเล็บจิกข่วนถุงยางนั้นให้มีสภาพไม่สมบูรณ์ คืนนี้ก็เช่นกัน พีทเอาเครื่องสำอางทาตัวลบเลือนริ้วรอยทั้งบนใบหน้าและตามตัว อาการทางร่างกายที่เริ่มฟ้องออกมามันไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด พอทาเครื่องประทินผิวลงไปใบหน้าที่เหี่ยวหมองไปก็กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม จุดหมายปลายทางของเขาคือเธอย่านรัชดา พีทบ่ายหน้าออกจากบ้านในเวลาที่ตนคิดไว้ พอไปถึงก็สอดส่องหาเหยื่อสายตาที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดี
"วันนี้ก็ครบสามร้อยแล้วสินะ หึหึ"
แสยะยิ้มออกมาสายตาก็ยั่วยวนมองหาเป้าหมายต่อไป
"เอ๊ะนั่นมันพีทนี่ ใช่พีทคนที่เคยมีเรื่องกับน้องภูมิไหมต้น ได้ข่าวว่าเป็นจ๊ะนี่"
หินนั่นเองเขามากับต้นและเพื่อนร่วมงานอีกสามคน ฉลองปิดโปรเจกต์ที่กาญจนบุรี พอต้นหันมาตามคำบอกเล่าของหินก็ซุบซิบกัน
"เลวที่สุด นี่มันกะจะเอามาแพร่เชื้อให้ทุกคนเหรอเนี่ย"
"อย่าไปยุ่งกับมันนะ"
พีทเองไม่ได้สนใจมองเดินรอบเธคอยู่มองหาคนที่เขาต้องการ สายตาไปสะดุดกับหนุ่มรุปร่างงามหน้าตาดีคนหนึ่งที่อยู่ในวงล้อมของผองเพื่อน ท่าทางเหมือนกำลังเรียนอยู่ไม่น่าจะเกินมหาวิทยาลัย พีทปรี่เข้าไปหาทันที
"น้องครับ น่ารักจังนะครับพี่เลี้ยงเหล้าเอาไหม"
โพล่งขึ้นกลางวง ของฟรีจะมีใครปฏิเสธอีกทั้งหน้าตาของคนที่เสนอเหล้าฟรีก็เด่นสะดุดตา เสียงน้องๆร้องขึ้นอย่างดีใจ
"อยากสั่งอะไรเต็มที่เลยครับน้องๆพี่ทุ่มไม่อั้น"
เป็นไปอย่างที่ใจคิด พีทแสยะยิ้มออกมาแล้วเข้าไปคลุกคลีกับเป้าหมาย
"เอาแล้วไหมล่ะ ไม่ได้นะต้องไปเตือนน้องเขาหน่อย อนคตจะดับวูบเพราะอีเปรตนี่แน่ๆ"
หินพูดขึ้นแล้วคอยสังเกตการณ์อยู่ พอถึงเวลาเธคเลิกน้องๆก็เมามายไม่ได้สติ
"เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะครับน้อง"
พีทไม่สนใจใครลากตัวเขาออกไปแล้ว
"นี่ต๊อป ทำไมทำแบบนี้ ทำไมเมาขนาดนี้ไหนบอกจะมาแป๊บเดียว"
หินปรี่เข้าไปทำท่ารู้จักพูดออกไปดึงแขนเขาไว้
"หือ พี่เป็นใคร"
"อย่ามาพูดแบบนี้นะต๊อป พี่เป็นใครก็เป็นเมียเธอน่ะสิ นี่แกเป็นใครปล่อยผัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ"
หินดึงมือเขาออกมาไม่อยากแตะตัวพีท แสดงท่ารังเกียจออกมา
"น้องพี่มีเรื่องจะบอก อย่าเพิ่งโวยวายไป"
หินกระซิบบอกเขา
"อะไรพี่ ไม่คุยผมจะไปกับพี่เขา"
"นอกใจพี่เหรอต๊อป ไปเลยแกอีหน้าด้าน ยังจะมายืนอยู่ ผัวเมียเค้าจะคุยกัน ไปให้พ้น"
หินแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมา พีททำหน้างงๆแล้วยอมเดินหนีไป จิ๊ปากออกมาแค้นใจอยู่แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น ที่นี่ไม่ได้ไปที่ใหม่ก็ได้
"ไอ้น้อง อยากเป็นเอดส์เหรอ ไม่รู้เหรอว่าอีนั่นมันเป็นเอดส์ เห็นแก่ของฟรีนะเรา"
พอพีทเดินห่างออกไปหินก็พูดขึ้น เพื่อนๆเขาหลีกทางให้กลับกันไปหมดแล้ว
"เฮ้ย พี่เอาอะไรมาพูด"
"หรือจะให้เรียกให้มันกลับมาหา หือ พี่รู้จักมันเพระมันเคยมีเรื่องกับเจ้านายของพี่ แต่มันไม่ได้รู้จักพี่หรอกนะ พี่ไม่ได้อะไรกับเราหนอกนะ แต่เห็นท่าทางเหมือนยังเรียนอยู่ ไม่อยากให้เสียอนาคต"
เขาเริ่มมีสติหน้าซีด
"ไปกลับบ้าน อย่าไปกับใครง่ายๆแบบนี้อีก"
หินบอกแล้วเดินหันหลังให้
"พี่ ขอบคุณมากนะครับ"
เขาเรียกไว้แล้วยกมือขึ้นไหว้ หินพยักหน้าให้
"พี่"
"อะไรอีก"
"ผมไม่เหลือตังค์เลยอ่ะ"
"นั่นให้มันได้อย่างนี้ มาเที่ยวอะไรไม่มีเงิน ปล่อยให้ไปกับอีเอดส์นั่นดีไหม"
ท่าทางของเขายังเมาร่อแร่อยู่ หินส่ายหน้า
"หลุดจากอีนั่นเดี๋ยวชั้นก็ฟาดเอาซะหรอก"
หินพูดออกมาก่อนจะไปส่งเขาที่หอพัก ส่วนพีทขับรถตรงไปยังสถานที่เดิมคือบริเวณวังสราญรมย์ วนรถอยู่สองสามรอบก็ได้เด็กมาสามคน ไปยังที่เดิม ทำเหมือนเดิมไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรม บาปที่ตัวเองรับมามันไม่พอเพียงมันต้องแผ่ให้คนอื่นได้รับกรรมนี้ด้วย กรรมหนอไม่มีวันยุติ ไม่มีวันจบสิ้น ร่างที่แบกเอาเชื้อโรคนำพามันไปทุกที่เพื่อแพร่กระจายมันออกไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่มีเพียงแต่เขาที่เป็น แต่ใครหลายคนที่ติดบ่วงกรรมไปด้วย อนิจจา บ่วงกรรมมันตีแผ่วงกว้างออกไปไกลแสนไกล จากคนนั้นไปคนนี้ จากแค่สามร้อย มันจะจบที่จำนวนเท่าไหร่ จากแค่สามร้อยที่เขาป้ายราคีให้ มันจะยังเพิ่มจำนวนต่อไป จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นอีกหลายพัน
ด้านพลอยงานแต่งงานถูกกำหนดขึ้นแล้วปลายปีหน้า จัดที่เดิมคือเขาค้อตอนนี้รักใคร่กับกายเป็นอย่างดีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำร่วมกันมามันผสานใจสองใจให้รักผูกพันกันเหนียวแน่น กายเองไม่คิดว่าจะรักพลอยได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเห็นว่าพลอยไม่ใช่แค่ผู้หยิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องคอยทำตัวหวานเพื่อให้หมู่ภมรมาตอม แต่พลอยเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ กริยามารยาทไม่ถึงกับดี จริตก็มีแต่พองาม ทำอาหารก็ได้ ทำงานก็เก่ง อีกอย่างคืนพลอยมีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่เอื้ออาทรต่อกันในทุกเรื่อง คอยพยุงฉุดรั้งกันในยามคับขัน ทางบ้านของกายพอใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก รักจนอยากจะจับแต่งให้เร็ววัน ส่วนบาสเองก็สอบเข้าคณะมัณฑณศิลป์ของสิลปากรได้ เขาดีใจมากแม้จะเรียนเป็นหน้าที่หลักแต่ก็ยังออกแบบงานให้กับทางบริษัทอยู่เรื่อยๆ บาสเป็นคนขยันหัวดี ไม่มีแววเกรเรก้าวร้าวเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่หอพักแล้ว เพราะเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของโตโต้ ห้องข้างๆภูมิบุญ บาสเองเอาไปเอามาก็ติดคุณอภิสรามาก เพราะเวลาออกแบบชิ้นงานมาก็เอามาอวด คุณอภิสราเองนอกจากเข้าวัดกับจันทร์แล้วก็มารอรับลุกหลานกลับจากเรียนหรือที่ทำงาน น่าประหลาดแท้แม้คนเหล่านี้จะไม่ใช่ลุกหลานในไส้ เป็นใครมาจากไหนก้ไม่รู้ แต่ความประพฤติกริยามารยาทมันมีค่ากว่าสายเลือดเสียอีก ทุกคนมีความสุข ความสุขที่ดูเหมือนจะเลือนหายไป หรือความสุขที่อาจจะมีความทุกข์เข้ามาบดบังในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว
"จอดตรงนี้ก่อนได้ไหมครับพี่โต้"
ภูมิบุญร้องขึ้นเมื่อกำลังเดินทางกลับที่พักหลังจากที่ขับรถตระเวนเที่ยวทั่ว ทั้งเมืองลำปาง ปลายเดือนธันวาคมอากาศที่หนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณบรรยากาศแห่งความสุข กระจายตลบอบอวลไปทั่ว ทุกพื้นที่ประดับประดาไปด้วยไฟแสงสี บ้านเล็กเมืองใหญ่ไม่ต่างกัน บรรยากาศของความสุขของใครหลายๆคน ดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า ลับปลายภูเขาที่อำเภอเถินที่สวยงามจับใจนัก แสงสีส้มอมแดงทาระยับอยู่ทั่วทั้งขอบฟ้า ภูมิบุญเปิดประตูรถออกไปสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกจ้องมองแผ่นฟ้านั้นเนิ่นนาน
"ดูได้แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวมืดก่อน"
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆหู โตโต้เดินเข้ามาสวมกอดจากข้างหลัง ไม่ขัดขืนไม่ค้านไหว แต่เอามือกอดกระชับแขนของเขาให้แน่นขึ้น
"ครับ ภูมิขอดูแป๊บเดียว สวยจังนะครับ"
"อืม ภูมิรู้ไหมพี่มีความสุขที่สุดเลยนะที่ได้มาที่นี่กับภูมิ"
"ภูมิก็มีความสุขครับ มีความสุขมาก"
ภาพชายสองคนที่ยืนโอบกอดกันอยู่ระหว่างทาง เบื้องหน้าเป็นหุบเขาสีเขียวจนดำ มองไกลออกไปเป็นเทือกเขาที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า เงาของทั้งคู่ทอดยาวพาดผ่านถนนไป สุขใจ อิ่มใจเหลือเกิน นานแสนนานที่แบกความทุกข์มา นานแสนนานที่ทนฝืนเกลียดชังกันมาทั้งที่หัวใจเอนไหวเข้าหากัน จะปิดบังความรู้สึกนั้นไปใย ในเมื่อหัวใจมันตรงกัน
"หลับตาก่อนสิภูมิ ยืนรอตรงนี้แป๊บนะ"
โตโต้บอกให้ภูมิบุญทำตามก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังรีสอร์ท ตระเตรียมกับทางรีสอร์ทให้เตรียมสถานที่ให้
"มีอะไรเหรอครับพี่โต้"
"ตามมาครับ เดินระวังนะ"
โตโต้โอบอยู่ด้านหลังดันร่างให้ไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ พอถึงที่ก็บอกให้ภูมิบุญลืมตา
"ลืมตาได้ครับภูมิ"
โคมไฟหลากสีสันปักห้อยอยู่บนไม้ไผ่ รายรอบไปด้วยตะเกียงเทียนบนพื้น โต๊ะตรงหน้ามันคืออาหารเย็นที่ประดับประดาไปด้วยแสงเทียน ดอกไม้ ภูมิบุญพอเปิดตาก็อ้าปากค้าง น้ำตาไหลออกมา
"พี่โต้"
โผเข้ากอดร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กอดแน่นสะอื้นไห้ออกมา
"ร้องไห้ทำไมครับคนดี หือ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ"
"มะ ไม่ใช่ ภูมิดีใจ ดีใจที่สุด"
โตโต้เองก็ยิ้มออกมาใบหน้าเปี่ยมสุข ภูมิบุญเองก็กอดกระชับแน่นกว่าเดิม วิมานบนดินที่โตโต้จัดเตรียมไว้มันได้พาหัวใจของภูมิบุญล่องลอยไปไกลแสนไกล หัวใจที่บอบช้ำมันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง กลัวไหมที่จะเริ่มรักใหม่ ไม่เคยกลัวกับความรัก ไม่ได้มั่นใจ แต่ไม่มีอะไรให้ต้องพะวง จะรักก็รัก จะมีใจก็ปล่อยมันไป นี่มันคือใจฉัน นี่มันคือความสุขของฉัน จะเจ็บอีกแล้วยังไง จะทรมานอีกมันก็ไม่ตาย รักมากยิ่งทุกข์มากแต่ใช่ว่าทุกคนจะหล่อเลี้ยงความรักเหมือนกัน ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่เติมเต็มความสุขให้ใจได้ตลอดเวลา เวลาที่ร่างท้อใจเหี่ยว เวลาที่เราต้องการใครสักคน ก็ได้แค่หวังว่าเขาคนนี้จะยืนอยู่เคียงข้างกัน จะว่าไปแล้วชายคนนี้อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ตั้งแต่เขากลับมาแม้จะไม่ลงรอยกันแต่เขาก็อยู่ข้างๆตลอดมา ขอให้อยู่อย่างนี้ตลอดไปเถอะนะ แม้ผมจะทำตัวไม่ได้น่ารักเหมือนนางเอกในละคร ก้าวร้าวปากเสียไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีใจไว้เผื่อให้ใครอื่นอีก รักเพียงคนเดียว รักมาเนิ่นนาน ที่รักของผม
หลังจากรับโทรศัพท์จากพีทเสร็จก็ทรุดตัวลง เสียงร้องของแพทย์หญิงศิริกานต์ทำให้แวนวิ่งออกมาดู แต่แทนทวีวิ่งขึ้นมาบนห้องของตัวเองแล้ว
"เปิดประตูให้พี่หน่อยแทน แทนมีอะไร เปิดประตูให้พี่หน่อย"
แวนยังคงทุบประตูเสียงดัง บิดามารดาเองก็ลุ้นอยู่ด้านล่างเกาะกุมกันอยู่
"อย่ามายุ่งกับผม ออกไป๊"
แทนทวีโต้ตอบลอดผ่านประตูออกมา
"แทน มีอะไร บอกพี่มาแทน พี่เป็นห่วงนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย"
น้ำเสียงอ่อนอ้อนวอน นานพอสมควรแทนทวีถึงยอมเปิดประตูให้ พอก้าวขาเข้าไปในห้องแวนเองถึงกับร้องออกมา
"แทน"
แทนทวีน้ำตาเอ่อนองหน้าหัวโดนทึ้งยุ่งเหยิงสภาพช่างน่าเวทนานัก
"มีอะไรแทน เกิดอะไรขึ้น"
แวนปรี่เข้าไปจับแขนเขย่าอยู่
"พี่ พีทเขาเป็นเอดส์"
"อะไรนะ"
แวนครางออกมาเปล่งเสียงแทบไม่ออก หน้าซีดเผือดลงร่างแทบทรุด
"ใจเย็นๆแทน เรายังไม่ได้ไปตรวจ อย่าเพิ่งตีโพยพีพายไปก่อน"
"ผมจะทำยังไงดี พี่แวน ผมจะทำยังไงดี"
"ไปตรวจกันแทน เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก"
"ผมกลัวพี่แวน ผมกลัว"
"เราไม่ได้ป้องกันเหรอแทน"
แวนถามขึ้นไม่ได้มีจุดประสงค์จะบั่นทอนความรู้สึกของน้องชาย เพราะตอนนี้เองความรู้สึกเขาคงไม่มีอะไรจะบั่นทอนหรือทำร้ายได้แล้ว เพราะมันแหลกสลายไปแล้ว
"ผมป้องกันตลอดนะพี่แวน ทั้งกับภูมิเอง ผมก็ป้องกันตลอด แต่พีทเองไม่อยากให้ผมใส่ถุงแต่ผมไม่เคยนะพี่ ผมจะติดไหม"
แทนทวีพูดออกมาดูเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"แทน งั้นไม่ต้องกลัว เราป้องกันตัวน่ะดีแล้ว พี่ว่ามันไม่ติดหรอก ดีแล้ว"
"ผมกลัวพี่"
น้ำตายังคลอที่เบ้าตาแวนเองก็พยายามปลอบ จนแทนทวีรู้สึกดีขึ้นจึงพากันไปตรวจ ระหว่างที่รอแทนทวีเหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่งสั่นกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้องตรวจ มือเย็นแต่เหงื่อเปียกชุ่ม แวนเองก็คอยกุมมืออยู่ตลอดเวลาไม่ห่าง ผลตรวจออกมาแล้ว แทนทวีไม่มีเชื้ออยู่ ครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกับพีทคือตอนที่บอกเลิกกับภูมิบุญมันนานมาแล้ว อีกทั้งทุกครั้งเขาก็ป้องกันตัวอย่างดี แม้ตัวพีทเองจะอ้อนวอนแต่แทนทวีก็ไม่ยอม ไม่เสียชื่อที่เป็นลูกของหมอ
"หมดเรื่องกันไปเสียทีนะลูก"
แพทย์หญิงศิริกานต์ลูบหัวบุตรชายปลอบอยู่
"พ่อครับแม่ครับ แทนอยากจะบวช"
ตัดสินใจแล้วผ่านเรื่องร้าย ทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ อยากจะทำจิตใจให้สงบหันหน้าพึ่งทางธรรมบ้าง หวังให้ใจเย็นลงสงบลงบ้าง มารดาถึงกับสะอึกน้ำตาร้องไห้ออกมา
"ดีแล้วลูก ดีแล้ว"
ไม่มีใครขัด ทั้งบิดามารดาต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนทวีบวชเงียบๆที่วัดที่จังหวัดตาก อยากออกห่างจากความวุ่นวายสับสนของเมืองใหญ่ ภูมิบุญเองพอรู้ข่าวก็ก็ตามขึ้นไปกราบขอขมา เพราะเป็นเวลาที่ต้องขึ้นเหนือกับโตโต้พอดี
"สบายดีเหรอโยม"
บาดลึกลงใจ น้ำเสียงที่เย็นสงบสายตาที่แน่นนิ่งไม่ไหวติง ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับหลวงพี่ กระผมสบายดี มากราบขอขมาหลวงพี่"
น้ำตาปริ่มออกมาแต่กระพริบตาถี่ๆไล่ม่านน้ำตาออกไป
"โยมภูมิ อาตมาไม่ติดใจอะไรแล้ว ที่ผ่านมามันเป็นวิบากกรรมของอาตมาเอง โยมเองเป็นคนดี หมั่นทำดีต่อไปนะ เรื่องที่แล้วที่ผ่านถือว่าชดใช้กรรมต่อกัน อย่าคิดอาฆาตแค้นต่อกันเลยนะโยม"
"กระผมไม่มีอะไรติดใจแล้วครับหลวงพี่ ไม่เคยติดใจอะไรกับใคร"
"ดีแล้วโยม โยมรู้ตัวไหมว่าโยมเป็นเหมือนเพชร อย่าเสียใจน้อยใจไปถ้าลิงมันจะไม่เห็นค่าของเพชร เพราะเพชรถึงอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเพชรก็ยังเป็นเพชรวันยังค่ำ ความดีมันจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับโยม เจริญพรนะโยม"
ก้มลงกราบพร้อมน้ำตา หลวงพี่เดินเข้ากุฏิไปแล้ว ส่วนภูมิบุญยังไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้น น้ำตาไหลออกมา โตโต้เข้ามาจับร่างดึงขึ้น
"ภูมิ"
"พี่ ภูมิดีใจเหลือเกิน ภูมิปลื้มใจที่เห็นหลวงพี่เขาคิดได้แบบนี้"
"เราไปกันเถอะภูมิ อนุโมทนากับพระท่านด้วย"
ทั้งสองประคองร่างกันออกไปจากวัด เนิ่นนานแสนนานกว่ามรสุมมันจะผ่านพ้นไป มีทั้งลูกน้อยลูกใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เผชิญอยู่ไม่ขาดตอน ต่อสู้ผ่าฟันกับมันมาตลอดไม่เคยหวั่น ไม่ได้อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ได้อยากให้มันบีบคั้นใครหลายๆคนแบบนี้ ชีวิตของแต่ละคนมันล้วนแล้วมีทางขีดไว้ให้ไปตามแต่ละบุญกรรมที่สั่งสมมา ชะตาชีวิตถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ผลกรรมที่กระทำหนุนให้สู่ที่หมายหรือร่วงลงที่ต่ำ
"ชั้นติดคนอื่นก็ต้องติดเหมือนกัน ชั้นไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวัง"
แม้จะไอเรื้อรังหน้าตาซูบผอม มือไม้เนื้อหนังเหี่ยวย่นลง ผิวพรรณที่เคยสดใสเปล่งปลั่งก็หมองหม่นลง พีทเองไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย ที่ไม่ยอมแพ้คือไม่ยอมอยู่นิ่งรักษามัน ทุกคืนเขาตระเวนออกไปหาเหยื่อ แถวสนามหลวงไปมาหมดแล้ว เปลี่ยนที่เป็นเธคที่สีลม ตลาดอตก แยกลำสาลี ที่ไหนที่มีแหล่งของเกย์เขาจะตระเวนไปทุกที่ และทุกคืนเขาก็จะมีคนติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกคน ทุกครั้งที่ระเริงรักเขาจะบอกให้คู่ขาไม่ต้องใช้ถุงยาง หรือถ้าใช้เขาเองก็จะแกล้งเอาเล็บจิกข่วนถุงยางนั้นให้มีสภาพไม่สมบูรณ์ คืนนี้ก็เช่นกัน พีทเอาเครื่องสำอางทาตัวลบเลือนริ้วรอยทั้งบนใบหน้าและตามตัว อาการทางร่างกายที่เริ่มฟ้องออกมามันไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด พอทาเครื่องประทินผิวลงไปใบหน้าที่เหี่ยวหมองไปก็กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม จุดหมายปลายทางของเขาคือเธอย่านรัชดา พีทบ่ายหน้าออกจากบ้านในเวลาที่ตนคิดไว้ พอไปถึงก็สอดส่องหาเหยื่อสายตาที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดี
"วันนี้ก็ครบสามร้อยแล้วสินะ หึหึ"
แสยะยิ้มออกมาสายตาก็ยั่วยวนมองหาเป้าหมายต่อไป
"เอ๊ะนั่นมันพีทนี่ ใช่พีทคนที่เคยมีเรื่องกับน้องภูมิไหมต้น ได้ข่าวว่าเป็นจ๊ะนี่"
หินนั่นเองเขามากับต้นและเพื่อนร่วมงานอีกสามคน ฉลองปิดโปรเจกต์ที่กาญจนบุรี พอต้นหันมาตามคำบอกเล่าของหินก็ซุบซิบกัน
"เลวที่สุด นี่มันกะจะเอามาแพร่เชื้อให้ทุกคนเหรอเนี่ย"
"อย่าไปยุ่งกับมันนะ"
พีทเองไม่ได้สนใจมองเดินรอบเธคอยู่มองหาคนที่เขาต้องการ สายตาไปสะดุดกับหนุ่มรุปร่างงามหน้าตาดีคนหนึ่งที่อยู่ในวงล้อมของผองเพื่อน ท่าทางเหมือนกำลังเรียนอยู่ไม่น่าจะเกินมหาวิทยาลัย พีทปรี่เข้าไปหาทันที
"น้องครับ น่ารักจังนะครับพี่เลี้ยงเหล้าเอาไหม"
โพล่งขึ้นกลางวง ของฟรีจะมีใครปฏิเสธอีกทั้งหน้าตาของคนที่เสนอเหล้าฟรีก็เด่นสะดุดตา เสียงน้องๆร้องขึ้นอย่างดีใจ
"อยากสั่งอะไรเต็มที่เลยครับน้องๆพี่ทุ่มไม่อั้น"
เป็นไปอย่างที่ใจคิด พีทแสยะยิ้มออกมาแล้วเข้าไปคลุกคลีกับเป้าหมาย
"เอาแล้วไหมล่ะ ไม่ได้นะต้องไปเตือนน้องเขาหน่อย อนคตจะดับวูบเพราะอีเปรตนี่แน่ๆ"
หินพูดขึ้นแล้วคอยสังเกตการณ์อยู่ พอถึงเวลาเธคเลิกน้องๆก็เมามายไม่ได้สติ
"เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะครับน้อง"
พีทไม่สนใจใครลากตัวเขาออกไปแล้ว
"นี่ต๊อป ทำไมทำแบบนี้ ทำไมเมาขนาดนี้ไหนบอกจะมาแป๊บเดียว"
หินปรี่เข้าไปทำท่ารู้จักพูดออกไปดึงแขนเขาไว้
"หือ พี่เป็นใคร"
"อย่ามาพูดแบบนี้นะต๊อป พี่เป็นใครก็เป็นเมียเธอน่ะสิ นี่แกเป็นใครปล่อยผัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ"
หินดึงมือเขาออกมาไม่อยากแตะตัวพีท แสดงท่ารังเกียจออกมา
"น้องพี่มีเรื่องจะบอก อย่าเพิ่งโวยวายไป"
หินกระซิบบอกเขา
"อะไรพี่ ไม่คุยผมจะไปกับพี่เขา"
"นอกใจพี่เหรอต๊อป ไปเลยแกอีหน้าด้าน ยังจะมายืนอยู่ ผัวเมียเค้าจะคุยกัน ไปให้พ้น"
หินแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมา พีททำหน้างงๆแล้วยอมเดินหนีไป จิ๊ปากออกมาแค้นใจอยู่แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น ที่นี่ไม่ได้ไปที่ใหม่ก็ได้
"ไอ้น้อง อยากเป็นเอดส์เหรอ ไม่รู้เหรอว่าอีนั่นมันเป็นเอดส์ เห็นแก่ของฟรีนะเรา"
พอพีทเดินห่างออกไปหินก็พูดขึ้น เพื่อนๆเขาหลีกทางให้กลับกันไปหมดแล้ว
"เฮ้ย พี่เอาอะไรมาพูด"
"หรือจะให้เรียกให้มันกลับมาหา หือ พี่รู้จักมันเพระมันเคยมีเรื่องกับเจ้านายของพี่ แต่มันไม่ได้รู้จักพี่หรอกนะ พี่ไม่ได้อะไรกับเราหนอกนะ แต่เห็นท่าทางเหมือนยังเรียนอยู่ ไม่อยากให้เสียอนาคต"
เขาเริ่มมีสติหน้าซีด
"ไปกลับบ้าน อย่าไปกับใครง่ายๆแบบนี้อีก"
หินบอกแล้วเดินหันหลังให้
"พี่ ขอบคุณมากนะครับ"
เขาเรียกไว้แล้วยกมือขึ้นไหว้ หินพยักหน้าให้
"พี่"
"อะไรอีก"
"ผมไม่เหลือตังค์เลยอ่ะ"
"นั่นให้มันได้อย่างนี้ มาเที่ยวอะไรไม่มีเงิน ปล่อยให้ไปกับอีเอดส์นั่นดีไหม"
ท่าทางของเขายังเมาร่อแร่อยู่ หินส่ายหน้า
"หลุดจากอีนั่นเดี๋ยวชั้นก็ฟาดเอาซะหรอก"
หินพูดออกมาก่อนจะไปส่งเขาที่หอพัก ส่วนพีทขับรถตรงไปยังสถานที่เดิมคือบริเวณวังสราญรมย์ วนรถอยู่สองสามรอบก็ได้เด็กมาสามคน ไปยังที่เดิม ทำเหมือนเดิมไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรม บาปที่ตัวเองรับมามันไม่พอเพียงมันต้องแผ่ให้คนอื่นได้รับกรรมนี้ด้วย กรรมหนอไม่มีวันยุติ ไม่มีวันจบสิ้น ร่างที่แบกเอาเชื้อโรคนำพามันไปทุกที่เพื่อแพร่กระจายมันออกไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่มีเพียงแต่เขาที่เป็น แต่ใครหลายคนที่ติดบ่วงกรรมไปด้วย อนิจจา บ่วงกรรมมันตีแผ่วงกว้างออกไปไกลแสนไกล จากคนนั้นไปคนนี้ จากแค่สามร้อย มันจะจบที่จำนวนเท่าไหร่ จากแค่สามร้อยที่เขาป้ายราคีให้ มันจะยังเพิ่มจำนวนต่อไป จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นอีกหลายพัน
ด้านพลอยงานแต่งงานถูกกำหนดขึ้นแล้วปลายปีหน้า จัดที่เดิมคือเขาค้อตอนนี้รักใคร่กับกายเป็นอย่างดีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำร่วมกันมามันผสานใจสองใจให้รักผูกพันกันเหนียวแน่น กายเองไม่คิดว่าจะรักพลอยได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเห็นว่าพลอยไม่ใช่แค่ผู้หยิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องคอยทำตัวหวานเพื่อให้หมู่ภมรมาตอม แต่พลอยเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ กริยามารยาทไม่ถึงกับดี จริตก็มีแต่พองาม ทำอาหารก็ได้ ทำงานก็เก่ง อีกอย่างคืนพลอยมีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่เอื้ออาทรต่อกันในทุกเรื่อง คอยพยุงฉุดรั้งกันในยามคับขัน ทางบ้านของกายพอใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก รักจนอยากจะจับแต่งให้เร็ววัน ส่วนบาสเองก็สอบเข้าคณะมัณฑณศิลป์ของสิลปากรได้ เขาดีใจมากแม้จะเรียนเป็นหน้าที่หลักแต่ก็ยังออกแบบงานให้กับทางบริษัทอยู่เรื่อยๆ บาสเป็นคนขยันหัวดี ไม่มีแววเกรเรก้าวร้าวเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่หอพักแล้ว เพราะเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของโตโต้ ห้องข้างๆภูมิบุญ บาสเองเอาไปเอามาก็ติดคุณอภิสรามาก เพราะเวลาออกแบบชิ้นงานมาก็เอามาอวด คุณอภิสราเองนอกจากเข้าวัดกับจันทร์แล้วก็มารอรับลุกหลานกลับจากเรียนหรือที่ทำงาน น่าประหลาดแท้แม้คนเหล่านี้จะไม่ใช่ลุกหลานในไส้ เป็นใครมาจากไหนก้ไม่รู้ แต่ความประพฤติกริยามารยาทมันมีค่ากว่าสายเลือดเสียอีก ทุกคนมีความสุข ความสุขที่ดูเหมือนจะเลือนหายไป หรือความสุขที่อาจจะมีความทุกข์เข้ามาบดบังในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว
"จอดตรงนี้ก่อนได้ไหมครับพี่โต้"
ภูมิบุญร้องขึ้นเมื่อกำลังเดินทางกลับที่พักหลังจากที่ขับรถตระเวนเที่ยวทั่ว ทั้งเมืองลำปาง ปลายเดือนธันวาคมอากาศที่หนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณบรรยากาศแห่งความสุข กระจายตลบอบอวลไปทั่ว ทุกพื้นที่ประดับประดาไปด้วยไฟแสงสี บ้านเล็กเมืองใหญ่ไม่ต่างกัน บรรยากาศของความสุขของใครหลายๆคน ดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า ลับปลายภูเขาที่อำเภอเถินที่สวยงามจับใจนัก แสงสีส้มอมแดงทาระยับอยู่ทั่วทั้งขอบฟ้า ภูมิบุญเปิดประตูรถออกไปสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกจ้องมองแผ่นฟ้านั้นเนิ่นนาน
"ดูได้แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวมืดก่อน"
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆหู โตโต้เดินเข้ามาสวมกอดจากข้างหลัง ไม่ขัดขืนไม่ค้านไหว แต่เอามือกอดกระชับแขนของเขาให้แน่นขึ้น
"ครับ ภูมิขอดูแป๊บเดียว สวยจังนะครับ"
"อืม ภูมิรู้ไหมพี่มีความสุขที่สุดเลยนะที่ได้มาที่นี่กับภูมิ"
"ภูมิก็มีความสุขครับ มีความสุขมาก"
ภาพชายสองคนที่ยืนโอบกอดกันอยู่ระหว่างทาง เบื้องหน้าเป็นหุบเขาสีเขียวจนดำ มองไกลออกไปเป็นเทือกเขาที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า เงาของทั้งคู่ทอดยาวพาดผ่านถนนไป สุขใจ อิ่มใจเหลือเกิน นานแสนนานที่แบกความทุกข์มา นานแสนนานที่ทนฝืนเกลียดชังกันมาทั้งที่หัวใจเอนไหวเข้าหากัน จะปิดบังความรู้สึกนั้นไปใย ในเมื่อหัวใจมันตรงกัน
"หลับตาก่อนสิภูมิ ยืนรอตรงนี้แป๊บนะ"
โตโต้บอกให้ภูมิบุญทำตามก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังรีสอร์ท ตระเตรียมกับทางรีสอร์ทให้เตรียมสถานที่ให้
"มีอะไรเหรอครับพี่โต้"
"ตามมาครับ เดินระวังนะ"
โตโต้โอบอยู่ด้านหลังดันร่างให้ไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ พอถึงที่ก็บอกให้ภูมิบุญลืมตา
"ลืมตาได้ครับภูมิ"
โคมไฟหลากสีสันปักห้อยอยู่บนไม้ไผ่ รายรอบไปด้วยตะเกียงเทียนบนพื้น โต๊ะตรงหน้ามันคืออาหารเย็นที่ประดับประดาไปด้วยแสงเทียน ดอกไม้ ภูมิบุญพอเปิดตาก็อ้าปากค้าง น้ำตาไหลออกมา
"พี่โต้"
โผเข้ากอดร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กอดแน่นสะอื้นไห้ออกมา
"ร้องไห้ทำไมครับคนดี หือ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ"
"มะ ไม่ใช่ ภูมิดีใจ ดีใจที่สุด"
โตโต้เองก็ยิ้มออกมาใบหน้าเปี่ยมสุข ภูมิบุญเองก็กอดกระชับแน่นกว่าเดิม วิมานบนดินที่โตโต้จัดเตรียมไว้มันได้พาหัวใจของภูมิบุญล่องลอยไปไกลแสนไกล หัวใจที่บอบช้ำมันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง กลัวไหมที่จะเริ่มรักใหม่ ไม่เคยกลัวกับความรัก ไม่ได้มั่นใจ แต่ไม่มีอะไรให้ต้องพะวง จะรักก็รัก จะมีใจก็ปล่อยมันไป นี่มันคือใจฉัน นี่มันคือความสุขของฉัน จะเจ็บอีกแล้วยังไง จะทรมานอีกมันก็ไม่ตาย รักมากยิ่งทุกข์มากแต่ใช่ว่าทุกคนจะหล่อเลี้ยงความรักเหมือนกัน ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่เติมเต็มความสุขให้ใจได้ตลอดเวลา เวลาที่ร่างท้อใจเหี่ยว เวลาที่เราต้องการใครสักคน ก็ได้แค่หวังว่าเขาคนนี้จะยืนอยู่เคียงข้างกัน จะว่าไปแล้วชายคนนี้อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ตั้งแต่เขากลับมาแม้จะไม่ลงรอยกันแต่เขาก็อยู่ข้างๆตลอดมา ขอให้อยู่อย่างนี้ตลอดไปเถอะนะ แม้ผมจะทำตัวไม่ได้น่ารักเหมือนนางเอกในละคร ก้าวร้าวปากเสียไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีใจไว้เผื่อให้ใครอื่นอีก รักเพียงคนเดียว รักมาเนิ่นนาน ที่รักของผม
วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553
(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากแปดสิบเอ็ด
"พี่โต้ครับ เมื่อกี๊ที่พูดออกไป ภูมิขอโทษนะครับ"
พอเดินเข้ามาในบ้านมีเวลาที่ได้อยู่กันเพียงลำพัง ภูมิบุญนั่งลงบนเตียงของตัวเองถอนหายใจออกมา ส่วนโตโต้เดินตามเข้ามายิ้มกริ่มอยู่
"เรื่องอะไรครับ"
"เอ่อ เรื่องที่ภูมิหลอกพี่แทนไปน่ะครับ"
"อ้าว ภูมิไม่ได้พูดจริงหรอกเหรอ พี่อุตส่าห์ดีใจ ว้า"
เดินเข้าไปถึงตัวแล้ว โตโต้กอดเข้าที่เอวของภูมิบุญทันที
"จะทำอะไรครับพี่"
"ภูมิไม่คิดพี่ไม่สนใจหรอก เพราะพี่คิดไปแล้ว"
"พี่โต้"
"พี่รักภูมิมานานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่ทำร้ายภูมิไปเพราะพี่เรียกร้องความสนใจ ยิ่งอยู่ใกล้เราพี่ยิ่งรัก พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่ขาดเราไม่ได้"
โตโต้เอาคางเกยที่บ่าของภูมิบุญสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ทำเอาคนที่พยายามจะดิ้นหนีออกหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา
"อย่าทำแบบนี้เลยครับ"
ยังขัดขืนอยู่แต่โตโต้ก็รุกหนักจากแค่สูดลมหายใจก็เป็นปักจมูกลงไปบนคอภูมิบุญอ่อนระทวยไป
"ภูมิเองก็คิดเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ พี่อยากกอดภูมิแบบนี้มานานแล้ว"
พูดไม่ออกพยายามจะดึงตัวออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งพยายามเขายิ่งกอดรัดแน่นขึ้น
"ภูมิยังไม่พร้อม"
ยอมพูดออกมา เสียงเหมือนกระซิบแผ่วเบาอยู่ในลำคอ
"พี่รอได้ครับภูมิ พี่รอได้"
"รอได้ก็ปล่อยภูมิเสียทีสิครับ"
"ก็มัดจำไงภูมิ"
โตโต้เอามือจับหน้าของภูมิบุญหันมา จ้องตาที่หลุบลงต่ำ วาบหวามเข้าไปในใจ ละลายไปแล้วทั้งใจ ริมฝีปากหนาอุ่นทาบลงทันที ภูมิบุญสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี เป็นครั้งแรกที่ได้ทำมันออกมาจากใจ รอยจุมพิศที่เป็นความพึงใจของคนทั้งสองฝ่าย หลับตาพริ้มหวานละมุน นี่มันคงไม่ใช่ฝัน คนที่สัมผัสโอบกอดอยู่ต่อหน้าเขาคงไม่ใช่ฝัน รอยจุมพิศนี้มันคงไม่ใช่แค่มายาหลอกหลอน รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล มันแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ชื่นใจ พึงใจ นี่หรือที่เขาเรียกว่าความสุข ไม่ขอมีอะไรอีกแล้วในโลกนี้ ขอแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
"เป็นยังไง ห๊า จนต่อหลักฐานทุกอย่าง ทำไมไปขโมยงานเขามา ชั้นอุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา มีปัญญาทำแค่ขโมยเขาเนี่ยเหรอ ห๊า"
เสียงคุณอรอุมาด่ากราดหลังจากออก มาจากศาล ผู้เป็นแม่หน้าซีดร่ำไห้อยู่ ส่วนพีทเองหน้าซีดดูเลื่อนลอยไม่มีสติอยู่กับตัว "สิบล้าน" เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เงินที่ได้จากงานแต่งของเพื่อนไม่ถึงแสน เพราะได้ควักเนื้อออกให้เพื่อนไปเสียส่วนใหญ่ ได้ไม่คุ้มเสีย เสียมากด้วย ร่างทรุดลงร้องไห้ ตอนนั้นคิดแค่อยากให้ภูมิบุญเสียหน้า ไม่คิดเลยอยากให้เขาเจ็บ แต่มันกลับทำให้เราเจ็บยอกกลับมาไม่รู้กี่เท่า
"ทำอะไรไม่รู้จักคิด เป็นยังไง เจ๊ง เจ๊ง โอ๊ย บริษัทชั้น"
ทั้งตบทั้งตีบุตรชายที่นั่งร้องไห้อยู่ เป็นภาพที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก ภูมิบุญเดินออกมาจากศาลพร้อมกับโตโต้และคุณอนิรุธ
"แก เพราะแกคนเดียว ไอ้ภูมิ"
พอเห็นหน้าก็ปรี่ลุกขึ้นจะเข้าไปทำร้าย
"หยุดนะ นี่ยังไม่พออีกเหรอ"
โตโต้ตวาดลั่นเสียงกึกก้อง
"หยุดนะพีท ทำไมทำตัวแบบนี้ ไป๊ ไปให้พ้นหน้าชั้น ลูกเลว"
มารดาก็กระชากแขนไว้ พีทเองก็ร่างไหวด้วยแรงกระตุก ไม่มีสติ ในใจมีแต่ความแค้นผสมอยู่กับความอับอาย เม้มปากแน่นสายตามองด้วยความเคียดแค้น
"แกจำไว้ จำไว้ให้ดี มันจะไม่จบแค่นี้"
ตะโกนออกมา
"ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันกับคลิปวีดีโอที่"
"แล้วบริษัทเอ็นออร์กาไนเซอร์จะยังคงอยู่ได้ไหมครับ"
นักข่าวของแวดวงสังคมไฮโซกรูกันเข้ามา โตโต้พาภูมิบุญเดินอ้อมไปด้านหลัง ส่วนพีทกับมารดาถูกล้อมไว้แล้วซึ่งนักข่าว
"กรี๊ดด อย่ามาถามอย่ามาถาม ออกไป๊"
พีทกรีดร้องขึ้น มารดาเองก็ทำเหมือนกัน ขาดสติทั้งแม่ลูก
"มันคงไม่เกินไปหรอกใช่ไหมครับ พี่โต้"
ภูมิบุญเอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นนั่งบนรถ
"ไม่หรอกภูมิ มันคือธุรกิจ ไม่ซื่อสัตย์ก็ต้องเจอแบบนี้ มันเป็นกลไกของสังคม"
ได้แต่ระบายลมหายใจออกมา ไม่ได้อยากให้มันรุนแรงขนาดนี้ คิดย้อนดูแล้วการที่จะทำให้ใครบางคนจนหนทางไป มันไม่ใช่เรื่องสนุก พื้นฐานของใจไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น อย่างน้อยก็ยังเป็นคนอยู่ แต่พอทำไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ ถ้าเรานิ่งเราไม่โต้ตอบ เราเองสินะที่คงกำลังคร่ำครวญเสียใจอยู่ ไม่น่าจะเป็นเขา อโหสิกรรมให้ด้วยนะ พีท
"นังป๊อด แกมีของไหม"
พอร้องไห้คร่ำครวญอยู่สักพักก็หาทางระบายออก ไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้จะไปไหนดี พีทจึงกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิท
"ของไรยะ"
"แกตี้ป่ะวันนี้"
"ว้าย มีเงินเหรอยะแก ได้ข่าวว่าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วนี่ ยังมีหน้าจะมาตี้อีกเหรอ เก็บเงินไว้กินข้าวแกงไม่ดีกว่าเหรอ นังพีท"
เพื่อนสนิท? นี่น่ะหรือเพื่อนกัน
"อีป๊อดทำไมแกพูดแบบนี้"
"ทำไม ก็พูดเรื่องจริง ไม่มีเงินชั้นไม่คบหรอกนะแก ไม่อยากทำการกุศล"
"อีป๊อด แต่ก่อนชั้นช่วยแกตลอด มีอะไรชั้นก็จ่าย แล้วทำไมแกพูดแบบนี้ เลี้ยงไม่เชื่อง อีงูพิษ"
ไม่ยอมเช่นกันด่ากราดออกไป
"นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างอีพีท ใครเขาจะคบแก แค่นี้นะไม่อยากคุยกะคนจน"
"กรี๊ดดด"
เป็นอีกครั้งที่ปาโทรศัพทืเข้าผนังห้อง ดึงทึ้งผ้าห่มบนเตียง เอาหมอนมาบีบต่อยอยู่อย่างนั้น
"เลว ไม่มีใครจริงใจ เลวที่สุด"
ใครบอกเงินซื้อได้ทุกอย่าง วันนี้คงเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพื่อน ผู้ชาย ใช่นั่นมันแต่ก่อนอย่างที่เพื่อนของพีทพูด แต่ก่อนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ อยากได้อะไร อยากไปไหน ชี้นิ้วสั่งเอาได้สมใจทุกอย่าง ไม่เคยอยู่อย่างนี้ ไม่เคยอยู่แบบอับอายผู้คนแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิดมา พีทกรีดร้อง ยิ่งคิดยิ่งกรีดร้องออกมา
"ชั้นไม่แคร์ ชั้นไปเองก็ได้ จำไว้นะอีป๊อด แม่จะเล่นให้เจ็บ"
พีทคาดโทษเอาไว้ก่อนจะแต่งตัวออกจากบ้านไป ที่จริงเงินสิบล้านมันก็มากพอสมควร แต่ทรัพย์สินที่มารดาสะสมมามันก้ไม่ได้ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวไปเสียทีเดียว เพียงแต่มันไม่เหมือนเดิม พีทบึ่งรถออกจากบ้าน ไม่ฟังเสียงทัดทานจากใคร
ยามวิกาลย่านวังสราญรมย์มันช่างดูวังเวงนัก มีไฟที่ส่องสว่างอยู่ตามเสาหรือจุดต่างๆอยู่วิบวับพอให้เห็นเงาสลัวๆของใครหลายคนที่สัญจรไปมาตามท้องถนน ไฟจากรถยนต์สาดส่องไปทำให้เห็นเงาของใครบางคนที่กำลังยืนรอ รอลูกค้า ได้ยินมาจากเพื่อน เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เพิ่งตัดความสัมพัธ์กันไป พอจวนตัวหาทางไปไม่เจอก็คิดขึ้นมาได้ พีทขับรถวนตามถนนเลียบคลองหลอดช้าๆ เงามืดของชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่เป็นจุดๆมันช่างดูไม่น่าไว้วางใจ ขับวนผ่านหน้ากระทรวงเลี้ยวขวาผ่านหน้าวัดโพธิ์ ตรงเข้าไปเส้นผ่านท่าเตียน ทำไมใจมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ กลัวหรือ ไม่ใช่ มันคือความท้าทาย ขับวนอยู่อย่างนั้นช้าๆ สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่ต้องการ และแล้วก็ไปสะดุดตากับชายรูปร่างกำยำยืนอยู่ทางไปศิลปากร พีทชะลอรถใจเต้นโครมคราม นี่เขาทำกันยังไงนะ เขาเดินเข้ามาหาที่รถทันที พีทสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ลดกระจกรถลง
"เที่ยวไหมพี่"
เขายิงเข้าประเด็นทันที สายตามองสำรวจภายในรถอย่างรวดเร็ว
"เอ่อ ไปที่ไหนล่ะครับ"
"ผมรู้จักที่พี่"
นิ่งคิดอยู่ ใจมันก็เต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เลือดในกายมันสูบฉีดได้เต็มที่ร้อนไปทั้งตัว
"เท่าไหร่"
ถามออกไป เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่ชวนไปฟรีๆ
"๕๐๐ พี่"
"ห๊า ๕๐๐"
ร้องออกมามองหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ อะไรกันแค่นี้เนี่ยนะแล้วเขาจะทำอะไรให้เรา พีทตั้งคำถามขึ้นในใจ
"แพงไปเหรอพี่ ถูกแล้วนะครับ"
"ขึ้นมาก่อน"
พีทเองอึกอักก่อนจะพูดออกไป ไม่มั่นใจ กลัวเหมือนกัน แต่แรงเรียกร้องของบางอย่างภายใต้ร่างอันนี้มันรุนแรงมากเกินกว่าที่จะขับรถหนีไปได้
"แล้วทำอะไรบ้าง"
พอเขาขึ้นมาบนรถก็ถามเสียงสั่น มองดูเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีตุ่นๆของเขา
"ทุกอย่างพี่ แต่ผมไม่รับ"
พอใจเป็นที่สุด ฉายรอยยิ้มออกมา
"ดี ใหญ่ไหม"
"เจ็ดพี่"
"หือ จริงเหรอ ไปที่ไหนนะ"
ใจสั่นอยากเห็นของจริงขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เขาบอกทางให้พีทขับรถเข้าไปในซอยคอกวัว หาที่จอดแล้วเดินเข้าไปในหลืบในซอก มาหยุดอยู่ต่อหน้าห้องแถวเก่าๆโทรมๆแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะทำเป็นโรงแรมชั่วคราว นี่น่ะหรือโรงแรมจิ้งหรีดอย่างที่เขาว่ากัน พีทเดินตามเขาเข้าไปในใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆหวาดหวั่นไม่น้อย แต่ก็ไม่ยอมถอยมันคือความแปลกใหม่สำหรับตัวเขา อยากลอง ไม่แพง พอจ่ายค่าห้องก็ถึงกับพูดไม่ออก ค่าห้อง๓๐๐บาท ไม่เคยนอนที่ไหนถูกแบบนี้มาก่อน พีทยิ่งแปลกประหลาดในใจมากเข้าไปอีก
"เอาเลยไหมพี่ ของขึ้นแล้ว"
เขาไม่รีรอเพราะทุกนาทีคือเวลาทำมาหากิน ส่วนพีทเองก็ไม่อิดออดเช่นกัน กระโจนเข้าหาอย่างกระหายอยาก ลีลารักที่เขามอบให้แม้จะไม่ถึงใจเหมือนใครหลายคนที่ผ่านมา แต่ขนาดของเขาก็สร้างความพึงใจให้เขาได้ไม่น้อย
"ไม่ใส่ถุงได้ไหม"
พีทร้องออกมา เขาชะงัก
"ไม่ได้หรอกพี่"
"พี่ให้พันนึง เอาไหม"
ยื่นข้อเสนอ ทำให้เขานิ่งคิดอยู่ก่อนจะทำตามความประสงค์ของลูกค้า พีทเป็นคนสะอาด ร่างกายผุดผ่องหน้าตาก็ดีเทียบชั้นดารา เขาเองจึงไม่ลังเลนานนัก เสียงครวญครางที่ออกมาจากปากของพีทมันแสดงให้เห็นถึงความพึงใจที่เขาได้รับ ไม่เคยจ่ายให้ผู้ชายน้อยอย่างนี้มาก่อน ชอบใจถูกใจยิ่งนัก จ่ายไม่ถึงพันห้าก็ได้เสพสมอารมณ์หมาย นี่คือแหล่งแห่งความสำราญใจแห่งใหม่ของพีท
"คิดอะไรอยู่ครับภูมิ พี่เห็นนั่งเหม่อมานานแล้วนะ"
โตโต้เดินเข้ามาทักเพราะเห็นว่าภูมิบุญนั่งเหม่อออกไปหน้าบ้านนานแล้ว เฝ้ามองดูอยู่ทุกฝีก้าว
"มะ ไม่มีอะไรครับพี่โต้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม คนดี"
หันมามองทันที สายตาของเขามันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ภูมิบุญเม้มปากแน่น "คนดี" เคยได้ยินจากปากใครกันนะ ทำไมมันคุ้นเสียเหลือเกิน มันเหมือนยังก้องดังอยู่ในหู
"ภูมิเหนื่อย"
เสียงที่ลอดริมฝีปากออกมา มันทำให้คนตัวใหญ่ปรี่เข้าไปกุมมือเอาไว้ บีบคลึงอยู่เบาๆ แค่คำๆเดียวมันสื่อทุกอย่าง มันเหมือนบอกความในใจใต้แววตาคู้นี้ออกมาจดหมดเปลือก
"ไปพักไหม ไปกับพี่ ไปกันสองคน"
เสียงทุ้มนุ่มยังสร้างความวาบหวามให้ใจ โตโต้เองมองตาภูมิบุญไม่วางตา
"ไปไหนครับ เราต้อง"
นิ้วชี้แข็งๆมาปิดไว้ที่ปากแล้ว เขาส่ายหน้าเบาๆปรามไม่ให้พูด
"พี่ไม่สนใจอะไรแล้ว ภูมิรู้ไหมสิ่งเดียวที่พี่ห่วงคือภูมิ"
"พี่โต้"
ร้องออกมา น้ำตาไหลออกมาคลอสองตา ปลื้มใจกระตุกหัวใจเหลือเกิน คนตัวใหญ่เองก็มองจ้องอยู่กุมมือไว้แน่น รักภูมิบุญตั้งแต่ตอนไหนนะ ความรู้สึกรักมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน
ยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ลากตัวภูมิบุญขึ้นไปบนรถ ปากบอกกับมารดาว่าจะไปส่งภูมิบุญให้ที่มหาวิทยาลัย แต่ขับตรงไปบนถนนวงแหวนเฉลิมพระเกียรติ ทะเลาะกันรุนแรง ภูมิบุญบอกให้จอดรถก็จอด วินาทีที่ถีบภูมิบุญลงจากรถ จิตใจมันสะท้อนไหวหวั่นไป ร่างเล็กๆเกลือกลิ้งอยู่กับพื้นซีเมนต์ร้อนระอุ เจ็บยอกเข้าไปในใจยิ่งเห็นคนร่างเล็กเดินร้องไห้สะอื้นอยู่บนถนนเส้นนั้นเพียงลำพัง ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร แม้จะเจ็บร้องไห้อยู่ ก็มีฐิธิมานะพอ ใจมันไหวไป นี่เราทำอะไรลงไป เกินไปไหม เขาทำผิดอะไร เราถึงทำกับเขาได้มากขนาดนั้น ภาพของภูมิบุญที่เดินลากร่างตัวเองไปตามถนนที่แดดร้อนเปรี้ยงยังตรึงอยู่ในใจอยู่ในตาไม่เคยลบเลือน
"พ่อผมขอโทษ ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว ใจผมมันแตกไปแล้ว ผมมันโง่ มีเพชรอยู่ในมือแท้ๆแต่กลับปาทิ้ง ไปคว้าเอาก้อนกรวดมา"
แทนทวีเองก็ร้องไห้คร่ำครวญก้มลงกราบแทบเท้าบิดา แพทย์หญิงศิริกานต์เม้มปากแน่นน้ำตาไหล แวนเองก็อุ้มลูกเดินหนีไปทนเห็นสภาพไม่ได้
"เอาเถอะ ตาแทน ตอนนี้ก็รู้แล้ว เวรกรรมแท้ๆ ถือว่าหมดเวรหมดกรรมกันซะ"
นายแพทย์แทนชัยเอ่ยออกมา
"ผมเสียดายน้องภูมิ ผมไม่น่าเลยพ่อ"
ครวญครางออกมา ยิ่งร้องมากเท่าไหร่แพทย์หญิงศิริกานต์ก็เม้มปากแน่นมากเท่านั้น
"แม่ผิดเองแทน แม่ผิดเอง แม่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการให้เราไปเรียนที่โน่นเอง แม่เสียใจ"
ร้องไห้ออกมาก้มลงกอดตัวลูกชายไว้
"แม่อยากจะกันเราออกจากภูมิ แต่ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ แม่เสียใจ"
ใครก็สามารถคิดผิดได้ มองผิดได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ของบางอย่างเรามองผิดไป แต่เราก็สามารถแก้ตัวทำให้มันกลับคืนมาได้เหมือนเดิมไม่ยากเย็นนัก แต่เรื่องหัวใจ เรื่องความรัก ตอนมีรักเห็นรักเป็นของเล่น เห็นหัวใจเขาเป็นแค่สิ่งของแค่ก้อนเนื้อ เป็นของตายจะทำอะไรก็ทำตามใจไม่คิดเห็นน้ำใจกัน ไม่มองเห็นค่าของก้อนเนื้อนั้น แต่รู้อะไรไหมหัวใจที่ร้าวแตกไปมันยิ่งกว่าแก้ว ที่พอร้าวแล้วจะประสานยังไงให้มันคืนดังเดิม แก้วร้าวทุบใหม่ยังพอมีหวังหลอมให้มันเป็นรูปเดิร่างเดิมได้ไม่ยาก แต่ใจล่ะทำให้มันมีตำหนิแล้ว จะเอายาที่ไหนมาทา เอาอะไรที่ไหนมาลบ เสียใจด้วยแทนทวี
ผ่านวันคืนที่โหดร้ายอันยาวนาน ทุกอย่างในชีวิตดูจะกลับคืนสู่สภาพปกติ หัวใจที่แห้งเหี่ยวโรยราเหมือนได้น้ำทิพย์ปลอบประโลมชะโลมใจให้ชุ่มฉ่ำมี ชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง โตโต้วางแผนจะพาภูมิบุญไปเที่ยวยุโรปเพื่อพักผ่อน แต่ภูมิบุญเองค้านไม่อยากไปต่างประเทศบอกว่าอยากเที่ยวอยู่ในเมืองไทย โตโต้เองจึงเปลี่ยนแผนจะพาไปเที่ยวทางเหนือ เริ่มจากลำปาง ลำพูนแล้วก็เชียงใหม่ ภูมิบุญเองก็เห็นดีด้วยชีวิตมีความสุขมากขึ้น ตอนนี้โตโต้เองเปิดตัวอย่างไม่อายใครว่าภูมิบุญคือดวงใจของเขา คุณอภิสราเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรายนั้นหันหน้าเข้าหาวัดไปแล้ว จันทร์เองก็เช่นกัน แทนทวีพอหายจากเศร้าใจก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานไม่สนใจใคร ส่วนพีทก็ทำงานบ้างเพราะหลังจากที่เจอพายุร้ายบริษัทก็เสื่อมสถานะทางการเงิน พนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก คุณอรอุมาเองต้องลงมาบริหารจัดการเกือบทุกอย่าง พีทเองก็ทำแต่ไม่มาก ไม่สนใจเพราะสิ่งใหม่ที่เขาค้นพบมันน่าค้นหาน่าดึงดูดมากกว่า
"ไปหาหมอสิพีท จะมานอนซมอยู่แบบนี้ได้ยังไง"
พอไม่สบายก็นอนซมอยู่แต่ในบ้าน ส่วนมารดาก็ไม่ได้มีเวลามาดูแลเพราะทำงานหนัก
"เดี๋ยวก็หายน่ะแม่ วันนี้พีทไม่ไปทำงานนะ"
"แหม ถึงแกหายดีแกก็ไม่ไปไม่ใช่เหรอ"
"หึ แม่ออกไปเถอะ พีทจะนอน"
หันหลังให้มารดาทันที หน้าตาที่ซูบผอมลงตอบลงเยอะทำให้พีทดูไม่ดีเท่าเดิม แต่ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็หาย แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น ร่างกายที่อ่อนแอเหมือนมันจะพร้อมยอมให้เชื้อโรคในร่างมันทำงานได้เร็วขึ้น พีทตัดสินใจไปหาหมอเพราะทนกับสภาพของตัวเองไม่ไหว
"เอ่อ ทำใจดีๆไว้นะครับ"
พอตรวจเสร็จหมอก็ทำสีหน้าเครียด ส่วนพีทยังตีสีหน้าปกติอยู่
"ผมเป็นอะไรครับหมอ ทำไมพักนี้ปวดหัวบ่อย ท้องเสียด้วย นอนก็ลำบาก"
พีทบอกอาการเพิ่มเติมไป หมอถอนหายใจออกมาก่อนจะจ้องตาของพีท
"ผมเสียใจด้วยนะครับ คุณมีเลือดบวก"
"เลือดบวก นี่หมอหมายถึงผมเป็นเอดส์เหรอ ไม่จริง หมอเอาอะไรมาพูด"
โวยวายขึ้นทันที สีหน้าซีดเผือดลง ร่างสั่นไหวหัวใจร้าวราน
"ไม่ใช่จะไม่มีทางรักษานะครับ อย่าเพิ่งตกใจไป คนที่เป็นโรคนี้ถ้าดูแลตัวเองดีๆก็อยู่ได้หลายสิบปีนะครับ"
"ยังไง ไม่จริงหมอ หมอตรวจผิด ผมไม่มีทาง ไม่จริง"
เอามือกุมหน้าตัวเองไม่ยอมรับกับสิ่งที่ได้ยิน พีทวิ่งออกจากห้องทันที
"ชั้นเป็นเอดส์ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง"
ลนลานเหมือนคนบ้าขาดสติ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ พีทเหมือนคนจนหนทางไป นั่งอยู่ในรถร้องไห้อยู่
"ถ้าชั้นเป็น คนอื่นก็ต้องเป็น ชั้นไม่ยอมหรอก"
พีทร้องขึ้นสายตาฉายความโกรธแค้นออกมา พลันก็กดโทรศัพท์ไปหาแทนทวีทันที
"แทน อย่าเพิ่งวางสาย"
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย พีทก็ขู่ไม่ให้วางสาย
"มีอะไร"
"หึหึ ฮ่าๆๆๆ แกซวยแล้วไอ้แทน แกซวยแล้ว"
หัวเราะออกไป แทนทวีเอาโทรศัพท์ออกให้ไกลหูเพราะเสียงหัวเราะที่ดังออกมาเหมือนคนบ้ามันแสบแก้วหู
"เป็นบ้าเหรอ มึงมีอะไรถ้าไม่พูดกูวางนะ"
แทนทวีทำเป็นไม่สนใจ
"กูเป็นเอดส์ ฮ่าๆๆๆ กูเป็นเอดส์ไอ้แทน มึงอย่าคิดว่ามึงจะรอดไปได้"
หูตึงประสาทตาดับ มองไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินเสียงใด แทนทวีปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงลงจากมือหล่นลงพื้นทันที ร่างทรุดลงไม่มีที่เกาะกุม
"ไม่จริง"
แทนทวีค้าน ร่างสั่นไหวไป
"ว้าย อะไรกันแทน มีอะไรลูก เกิดอะไรขึ้น"
แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องออกมา เข้ามาประคองร่างของบุตรชายไว้ น้ำตาไหลออกมานองหน้าของเขาแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น นี่มันไม่จริงใช่ไหม
อนิจจา ไฟใดไหนจะร้อนรนเผาไหม้ได้ร้อนยิ่งกว่าไฟในใจ ยิ่งสุมยิ่งคุกรุ่นอยู่ คนที่เจ็บช้ำจะเป็นใครไหนเลยนอกจากเรา ไฟในทรวงยิ่งพัดกระพือโหมลุกโชน ดวงใจของเจ้าของร่างนั้นก็มอดไหม้แหลกลาญไป
พอเดินเข้ามาในบ้านมีเวลาที่ได้อยู่กันเพียงลำพัง ภูมิบุญนั่งลงบนเตียงของตัวเองถอนหายใจออกมา ส่วนโตโต้เดินตามเข้ามายิ้มกริ่มอยู่
"เรื่องอะไรครับ"
"เอ่อ เรื่องที่ภูมิหลอกพี่แทนไปน่ะครับ"
"อ้าว ภูมิไม่ได้พูดจริงหรอกเหรอ พี่อุตส่าห์ดีใจ ว้า"
เดินเข้าไปถึงตัวแล้ว โตโต้กอดเข้าที่เอวของภูมิบุญทันที
"จะทำอะไรครับพี่"
"ภูมิไม่คิดพี่ไม่สนใจหรอก เพราะพี่คิดไปแล้ว"
"พี่โต้"
"พี่รักภูมิมานานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่ทำร้ายภูมิไปเพราะพี่เรียกร้องความสนใจ ยิ่งอยู่ใกล้เราพี่ยิ่งรัก พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่ขาดเราไม่ได้"
โตโต้เอาคางเกยที่บ่าของภูมิบุญสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ทำเอาคนที่พยายามจะดิ้นหนีออกหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา
"อย่าทำแบบนี้เลยครับ"
ยังขัดขืนอยู่แต่โตโต้ก็รุกหนักจากแค่สูดลมหายใจก็เป็นปักจมูกลงไปบนคอภูมิบุญอ่อนระทวยไป
"ภูมิเองก็คิดเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ พี่อยากกอดภูมิแบบนี้มานานแล้ว"
พูดไม่ออกพยายามจะดึงตัวออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งพยายามเขายิ่งกอดรัดแน่นขึ้น
"ภูมิยังไม่พร้อม"
ยอมพูดออกมา เสียงเหมือนกระซิบแผ่วเบาอยู่ในลำคอ
"พี่รอได้ครับภูมิ พี่รอได้"
"รอได้ก็ปล่อยภูมิเสียทีสิครับ"
"ก็มัดจำไงภูมิ"
โตโต้เอามือจับหน้าของภูมิบุญหันมา จ้องตาที่หลุบลงต่ำ วาบหวามเข้าไปในใจ ละลายไปแล้วทั้งใจ ริมฝีปากหนาอุ่นทาบลงทันที ภูมิบุญสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี เป็นครั้งแรกที่ได้ทำมันออกมาจากใจ รอยจุมพิศที่เป็นความพึงใจของคนทั้งสองฝ่าย หลับตาพริ้มหวานละมุน นี่มันคงไม่ใช่ฝัน คนที่สัมผัสโอบกอดอยู่ต่อหน้าเขาคงไม่ใช่ฝัน รอยจุมพิศนี้มันคงไม่ใช่แค่มายาหลอกหลอน รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล มันแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ชื่นใจ พึงใจ นี่หรือที่เขาเรียกว่าความสุข ไม่ขอมีอะไรอีกแล้วในโลกนี้ ขอแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
"เป็นยังไง ห๊า จนต่อหลักฐานทุกอย่าง ทำไมไปขโมยงานเขามา ชั้นอุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา มีปัญญาทำแค่ขโมยเขาเนี่ยเหรอ ห๊า"
เสียงคุณอรอุมาด่ากราดหลังจากออก มาจากศาล ผู้เป็นแม่หน้าซีดร่ำไห้อยู่ ส่วนพีทเองหน้าซีดดูเลื่อนลอยไม่มีสติอยู่กับตัว "สิบล้าน" เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เงินที่ได้จากงานแต่งของเพื่อนไม่ถึงแสน เพราะได้ควักเนื้อออกให้เพื่อนไปเสียส่วนใหญ่ ได้ไม่คุ้มเสีย เสียมากด้วย ร่างทรุดลงร้องไห้ ตอนนั้นคิดแค่อยากให้ภูมิบุญเสียหน้า ไม่คิดเลยอยากให้เขาเจ็บ แต่มันกลับทำให้เราเจ็บยอกกลับมาไม่รู้กี่เท่า
"ทำอะไรไม่รู้จักคิด เป็นยังไง เจ๊ง เจ๊ง โอ๊ย บริษัทชั้น"
ทั้งตบทั้งตีบุตรชายที่นั่งร้องไห้อยู่ เป็นภาพที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก ภูมิบุญเดินออกมาจากศาลพร้อมกับโตโต้และคุณอนิรุธ
"แก เพราะแกคนเดียว ไอ้ภูมิ"
พอเห็นหน้าก็ปรี่ลุกขึ้นจะเข้าไปทำร้าย
"หยุดนะ นี่ยังไม่พออีกเหรอ"
โตโต้ตวาดลั่นเสียงกึกก้อง
"หยุดนะพีท ทำไมทำตัวแบบนี้ ไป๊ ไปให้พ้นหน้าชั้น ลูกเลว"
มารดาก็กระชากแขนไว้ พีทเองก็ร่างไหวด้วยแรงกระตุก ไม่มีสติ ในใจมีแต่ความแค้นผสมอยู่กับความอับอาย เม้มปากแน่นสายตามองด้วยความเคียดแค้น
"แกจำไว้ จำไว้ให้ดี มันจะไม่จบแค่นี้"
ตะโกนออกมา
"ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันกับคลิปวีดีโอที่"
"แล้วบริษัทเอ็นออร์กาไนเซอร์จะยังคงอยู่ได้ไหมครับ"
นักข่าวของแวดวงสังคมไฮโซกรูกันเข้ามา โตโต้พาภูมิบุญเดินอ้อมไปด้านหลัง ส่วนพีทกับมารดาถูกล้อมไว้แล้วซึ่งนักข่าว
"กรี๊ดด อย่ามาถามอย่ามาถาม ออกไป๊"
พีทกรีดร้องขึ้น มารดาเองก็ทำเหมือนกัน ขาดสติทั้งแม่ลูก
"มันคงไม่เกินไปหรอกใช่ไหมครับ พี่โต้"
ภูมิบุญเอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นนั่งบนรถ
"ไม่หรอกภูมิ มันคือธุรกิจ ไม่ซื่อสัตย์ก็ต้องเจอแบบนี้ มันเป็นกลไกของสังคม"
ได้แต่ระบายลมหายใจออกมา ไม่ได้อยากให้มันรุนแรงขนาดนี้ คิดย้อนดูแล้วการที่จะทำให้ใครบางคนจนหนทางไป มันไม่ใช่เรื่องสนุก พื้นฐานของใจไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น อย่างน้อยก็ยังเป็นคนอยู่ แต่พอทำไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ ถ้าเรานิ่งเราไม่โต้ตอบ เราเองสินะที่คงกำลังคร่ำครวญเสียใจอยู่ ไม่น่าจะเป็นเขา อโหสิกรรมให้ด้วยนะ พีท
"นังป๊อด แกมีของไหม"
พอร้องไห้คร่ำครวญอยู่สักพักก็หาทางระบายออก ไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้จะไปไหนดี พีทจึงกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิท
"ของไรยะ"
"แกตี้ป่ะวันนี้"
"ว้าย มีเงินเหรอยะแก ได้ข่าวว่าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วนี่ ยังมีหน้าจะมาตี้อีกเหรอ เก็บเงินไว้กินข้าวแกงไม่ดีกว่าเหรอ นังพีท"
เพื่อนสนิท? นี่น่ะหรือเพื่อนกัน
"อีป๊อดทำไมแกพูดแบบนี้"
"ทำไม ก็พูดเรื่องจริง ไม่มีเงินชั้นไม่คบหรอกนะแก ไม่อยากทำการกุศล"
"อีป๊อด แต่ก่อนชั้นช่วยแกตลอด มีอะไรชั้นก็จ่าย แล้วทำไมแกพูดแบบนี้ เลี้ยงไม่เชื่อง อีงูพิษ"
ไม่ยอมเช่นกันด่ากราดออกไป
"นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างอีพีท ใครเขาจะคบแก แค่นี้นะไม่อยากคุยกะคนจน"
"กรี๊ดดด"
เป็นอีกครั้งที่ปาโทรศัพทืเข้าผนังห้อง ดึงทึ้งผ้าห่มบนเตียง เอาหมอนมาบีบต่อยอยู่อย่างนั้น
"เลว ไม่มีใครจริงใจ เลวที่สุด"
ใครบอกเงินซื้อได้ทุกอย่าง วันนี้คงเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพื่อน ผู้ชาย ใช่นั่นมันแต่ก่อนอย่างที่เพื่อนของพีทพูด แต่ก่อนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ อยากได้อะไร อยากไปไหน ชี้นิ้วสั่งเอาได้สมใจทุกอย่าง ไม่เคยอยู่อย่างนี้ ไม่เคยอยู่แบบอับอายผู้คนแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิดมา พีทกรีดร้อง ยิ่งคิดยิ่งกรีดร้องออกมา
"ชั้นไม่แคร์ ชั้นไปเองก็ได้ จำไว้นะอีป๊อด แม่จะเล่นให้เจ็บ"
พีทคาดโทษเอาไว้ก่อนจะแต่งตัวออกจากบ้านไป ที่จริงเงินสิบล้านมันก็มากพอสมควร แต่ทรัพย์สินที่มารดาสะสมมามันก้ไม่ได้ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวไปเสียทีเดียว เพียงแต่มันไม่เหมือนเดิม พีทบึ่งรถออกจากบ้าน ไม่ฟังเสียงทัดทานจากใคร
ยามวิกาลย่านวังสราญรมย์มันช่างดูวังเวงนัก มีไฟที่ส่องสว่างอยู่ตามเสาหรือจุดต่างๆอยู่วิบวับพอให้เห็นเงาสลัวๆของใครหลายคนที่สัญจรไปมาตามท้องถนน ไฟจากรถยนต์สาดส่องไปทำให้เห็นเงาของใครบางคนที่กำลังยืนรอ รอลูกค้า ได้ยินมาจากเพื่อน เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เพิ่งตัดความสัมพัธ์กันไป พอจวนตัวหาทางไปไม่เจอก็คิดขึ้นมาได้ พีทขับรถวนตามถนนเลียบคลองหลอดช้าๆ เงามืดของชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่เป็นจุดๆมันช่างดูไม่น่าไว้วางใจ ขับวนผ่านหน้ากระทรวงเลี้ยวขวาผ่านหน้าวัดโพธิ์ ตรงเข้าไปเส้นผ่านท่าเตียน ทำไมใจมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ กลัวหรือ ไม่ใช่ มันคือความท้าทาย ขับวนอยู่อย่างนั้นช้าๆ สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่ต้องการ และแล้วก็ไปสะดุดตากับชายรูปร่างกำยำยืนอยู่ทางไปศิลปากร พีทชะลอรถใจเต้นโครมคราม นี่เขาทำกันยังไงนะ เขาเดินเข้ามาหาที่รถทันที พีทสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ลดกระจกรถลง
"เที่ยวไหมพี่"
เขายิงเข้าประเด็นทันที สายตามองสำรวจภายในรถอย่างรวดเร็ว
"เอ่อ ไปที่ไหนล่ะครับ"
"ผมรู้จักที่พี่"
นิ่งคิดอยู่ ใจมันก็เต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เลือดในกายมันสูบฉีดได้เต็มที่ร้อนไปทั้งตัว
"เท่าไหร่"
ถามออกไป เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่ชวนไปฟรีๆ
"๕๐๐ พี่"
"ห๊า ๕๐๐"
ร้องออกมามองหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ อะไรกันแค่นี้เนี่ยนะแล้วเขาจะทำอะไรให้เรา พีทตั้งคำถามขึ้นในใจ
"แพงไปเหรอพี่ ถูกแล้วนะครับ"
"ขึ้นมาก่อน"
พีทเองอึกอักก่อนจะพูดออกไป ไม่มั่นใจ กลัวเหมือนกัน แต่แรงเรียกร้องของบางอย่างภายใต้ร่างอันนี้มันรุนแรงมากเกินกว่าที่จะขับรถหนีไปได้
"แล้วทำอะไรบ้าง"
พอเขาขึ้นมาบนรถก็ถามเสียงสั่น มองดูเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีตุ่นๆของเขา
"ทุกอย่างพี่ แต่ผมไม่รับ"
พอใจเป็นที่สุด ฉายรอยยิ้มออกมา
"ดี ใหญ่ไหม"
"เจ็ดพี่"
"หือ จริงเหรอ ไปที่ไหนนะ"
ใจสั่นอยากเห็นของจริงขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เขาบอกทางให้พีทขับรถเข้าไปในซอยคอกวัว หาที่จอดแล้วเดินเข้าไปในหลืบในซอก มาหยุดอยู่ต่อหน้าห้องแถวเก่าๆโทรมๆแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะทำเป็นโรงแรมชั่วคราว นี่น่ะหรือโรงแรมจิ้งหรีดอย่างที่เขาว่ากัน พีทเดินตามเขาเข้าไปในใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆหวาดหวั่นไม่น้อย แต่ก็ไม่ยอมถอยมันคือความแปลกใหม่สำหรับตัวเขา อยากลอง ไม่แพง พอจ่ายค่าห้องก็ถึงกับพูดไม่ออก ค่าห้อง๓๐๐บาท ไม่เคยนอนที่ไหนถูกแบบนี้มาก่อน พีทยิ่งแปลกประหลาดในใจมากเข้าไปอีก
"เอาเลยไหมพี่ ของขึ้นแล้ว"
เขาไม่รีรอเพราะทุกนาทีคือเวลาทำมาหากิน ส่วนพีทเองก็ไม่อิดออดเช่นกัน กระโจนเข้าหาอย่างกระหายอยาก ลีลารักที่เขามอบให้แม้จะไม่ถึงใจเหมือนใครหลายคนที่ผ่านมา แต่ขนาดของเขาก็สร้างความพึงใจให้เขาได้ไม่น้อย
"ไม่ใส่ถุงได้ไหม"
พีทร้องออกมา เขาชะงัก
"ไม่ได้หรอกพี่"
"พี่ให้พันนึง เอาไหม"
ยื่นข้อเสนอ ทำให้เขานิ่งคิดอยู่ก่อนจะทำตามความประสงค์ของลูกค้า พีทเป็นคนสะอาด ร่างกายผุดผ่องหน้าตาก็ดีเทียบชั้นดารา เขาเองจึงไม่ลังเลนานนัก เสียงครวญครางที่ออกมาจากปากของพีทมันแสดงให้เห็นถึงความพึงใจที่เขาได้รับ ไม่เคยจ่ายให้ผู้ชายน้อยอย่างนี้มาก่อน ชอบใจถูกใจยิ่งนัก จ่ายไม่ถึงพันห้าก็ได้เสพสมอารมณ์หมาย นี่คือแหล่งแห่งความสำราญใจแห่งใหม่ของพีท
"คิดอะไรอยู่ครับภูมิ พี่เห็นนั่งเหม่อมานานแล้วนะ"
โตโต้เดินเข้ามาทักเพราะเห็นว่าภูมิบุญนั่งเหม่อออกไปหน้าบ้านนานแล้ว เฝ้ามองดูอยู่ทุกฝีก้าว
"มะ ไม่มีอะไรครับพี่โต้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม คนดี"
หันมามองทันที สายตาของเขามันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ภูมิบุญเม้มปากแน่น "คนดี" เคยได้ยินจากปากใครกันนะ ทำไมมันคุ้นเสียเหลือเกิน มันเหมือนยังก้องดังอยู่ในหู
"ภูมิเหนื่อย"
เสียงที่ลอดริมฝีปากออกมา มันทำให้คนตัวใหญ่ปรี่เข้าไปกุมมือเอาไว้ บีบคลึงอยู่เบาๆ แค่คำๆเดียวมันสื่อทุกอย่าง มันเหมือนบอกความในใจใต้แววตาคู้นี้ออกมาจดหมดเปลือก
"ไปพักไหม ไปกับพี่ ไปกันสองคน"
เสียงทุ้มนุ่มยังสร้างความวาบหวามให้ใจ โตโต้เองมองตาภูมิบุญไม่วางตา
"ไปไหนครับ เราต้อง"
นิ้วชี้แข็งๆมาปิดไว้ที่ปากแล้ว เขาส่ายหน้าเบาๆปรามไม่ให้พูด
"พี่ไม่สนใจอะไรแล้ว ภูมิรู้ไหมสิ่งเดียวที่พี่ห่วงคือภูมิ"
"พี่โต้"
ร้องออกมา น้ำตาไหลออกมาคลอสองตา ปลื้มใจกระตุกหัวใจเหลือเกิน คนตัวใหญ่เองก็มองจ้องอยู่กุมมือไว้แน่น รักภูมิบุญตั้งแต่ตอนไหนนะ ความรู้สึกรักมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน
ยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ลากตัวภูมิบุญขึ้นไปบนรถ ปากบอกกับมารดาว่าจะไปส่งภูมิบุญให้ที่มหาวิทยาลัย แต่ขับตรงไปบนถนนวงแหวนเฉลิมพระเกียรติ ทะเลาะกันรุนแรง ภูมิบุญบอกให้จอดรถก็จอด วินาทีที่ถีบภูมิบุญลงจากรถ จิตใจมันสะท้อนไหวหวั่นไป ร่างเล็กๆเกลือกลิ้งอยู่กับพื้นซีเมนต์ร้อนระอุ เจ็บยอกเข้าไปในใจยิ่งเห็นคนร่างเล็กเดินร้องไห้สะอื้นอยู่บนถนนเส้นนั้นเพียงลำพัง ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร แม้จะเจ็บร้องไห้อยู่ ก็มีฐิธิมานะพอ ใจมันไหวไป นี่เราทำอะไรลงไป เกินไปไหม เขาทำผิดอะไร เราถึงทำกับเขาได้มากขนาดนั้น ภาพของภูมิบุญที่เดินลากร่างตัวเองไปตามถนนที่แดดร้อนเปรี้ยงยังตรึงอยู่ในใจอยู่ในตาไม่เคยลบเลือน
"พ่อผมขอโทษ ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว ใจผมมันแตกไปแล้ว ผมมันโง่ มีเพชรอยู่ในมือแท้ๆแต่กลับปาทิ้ง ไปคว้าเอาก้อนกรวดมา"
แทนทวีเองก็ร้องไห้คร่ำครวญก้มลงกราบแทบเท้าบิดา แพทย์หญิงศิริกานต์เม้มปากแน่นน้ำตาไหล แวนเองก็อุ้มลูกเดินหนีไปทนเห็นสภาพไม่ได้
"เอาเถอะ ตาแทน ตอนนี้ก็รู้แล้ว เวรกรรมแท้ๆ ถือว่าหมดเวรหมดกรรมกันซะ"
นายแพทย์แทนชัยเอ่ยออกมา
"ผมเสียดายน้องภูมิ ผมไม่น่าเลยพ่อ"
ครวญครางออกมา ยิ่งร้องมากเท่าไหร่แพทย์หญิงศิริกานต์ก็เม้มปากแน่นมากเท่านั้น
"แม่ผิดเองแทน แม่ผิดเอง แม่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการให้เราไปเรียนที่โน่นเอง แม่เสียใจ"
ร้องไห้ออกมาก้มลงกอดตัวลูกชายไว้
"แม่อยากจะกันเราออกจากภูมิ แต่ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ แม่เสียใจ"
ใครก็สามารถคิดผิดได้ มองผิดได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ของบางอย่างเรามองผิดไป แต่เราก็สามารถแก้ตัวทำให้มันกลับคืนมาได้เหมือนเดิมไม่ยากเย็นนัก แต่เรื่องหัวใจ เรื่องความรัก ตอนมีรักเห็นรักเป็นของเล่น เห็นหัวใจเขาเป็นแค่สิ่งของแค่ก้อนเนื้อ เป็นของตายจะทำอะไรก็ทำตามใจไม่คิดเห็นน้ำใจกัน ไม่มองเห็นค่าของก้อนเนื้อนั้น แต่รู้อะไรไหมหัวใจที่ร้าวแตกไปมันยิ่งกว่าแก้ว ที่พอร้าวแล้วจะประสานยังไงให้มันคืนดังเดิม แก้วร้าวทุบใหม่ยังพอมีหวังหลอมให้มันเป็นรูปเดิร่างเดิมได้ไม่ยาก แต่ใจล่ะทำให้มันมีตำหนิแล้ว จะเอายาที่ไหนมาทา เอาอะไรที่ไหนมาลบ เสียใจด้วยแทนทวี
ผ่านวันคืนที่โหดร้ายอันยาวนาน ทุกอย่างในชีวิตดูจะกลับคืนสู่สภาพปกติ หัวใจที่แห้งเหี่ยวโรยราเหมือนได้น้ำทิพย์ปลอบประโลมชะโลมใจให้ชุ่มฉ่ำมี ชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง โตโต้วางแผนจะพาภูมิบุญไปเที่ยวยุโรปเพื่อพักผ่อน แต่ภูมิบุญเองค้านไม่อยากไปต่างประเทศบอกว่าอยากเที่ยวอยู่ในเมืองไทย โตโต้เองจึงเปลี่ยนแผนจะพาไปเที่ยวทางเหนือ เริ่มจากลำปาง ลำพูนแล้วก็เชียงใหม่ ภูมิบุญเองก็เห็นดีด้วยชีวิตมีความสุขมากขึ้น ตอนนี้โตโต้เองเปิดตัวอย่างไม่อายใครว่าภูมิบุญคือดวงใจของเขา คุณอภิสราเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรายนั้นหันหน้าเข้าหาวัดไปแล้ว จันทร์เองก็เช่นกัน แทนทวีพอหายจากเศร้าใจก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานไม่สนใจใคร ส่วนพีทก็ทำงานบ้างเพราะหลังจากที่เจอพายุร้ายบริษัทก็เสื่อมสถานะทางการเงิน พนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก คุณอรอุมาเองต้องลงมาบริหารจัดการเกือบทุกอย่าง พีทเองก็ทำแต่ไม่มาก ไม่สนใจเพราะสิ่งใหม่ที่เขาค้นพบมันน่าค้นหาน่าดึงดูดมากกว่า
"ไปหาหมอสิพีท จะมานอนซมอยู่แบบนี้ได้ยังไง"
พอไม่สบายก็นอนซมอยู่แต่ในบ้าน ส่วนมารดาก็ไม่ได้มีเวลามาดูแลเพราะทำงานหนัก
"เดี๋ยวก็หายน่ะแม่ วันนี้พีทไม่ไปทำงานนะ"
"แหม ถึงแกหายดีแกก็ไม่ไปไม่ใช่เหรอ"
"หึ แม่ออกไปเถอะ พีทจะนอน"
หันหลังให้มารดาทันที หน้าตาที่ซูบผอมลงตอบลงเยอะทำให้พีทดูไม่ดีเท่าเดิม แต่ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็หาย แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น ร่างกายที่อ่อนแอเหมือนมันจะพร้อมยอมให้เชื้อโรคในร่างมันทำงานได้เร็วขึ้น พีทตัดสินใจไปหาหมอเพราะทนกับสภาพของตัวเองไม่ไหว
"เอ่อ ทำใจดีๆไว้นะครับ"
พอตรวจเสร็จหมอก็ทำสีหน้าเครียด ส่วนพีทยังตีสีหน้าปกติอยู่
"ผมเป็นอะไรครับหมอ ทำไมพักนี้ปวดหัวบ่อย ท้องเสียด้วย นอนก็ลำบาก"
พีทบอกอาการเพิ่มเติมไป หมอถอนหายใจออกมาก่อนจะจ้องตาของพีท
"ผมเสียใจด้วยนะครับ คุณมีเลือดบวก"
"เลือดบวก นี่หมอหมายถึงผมเป็นเอดส์เหรอ ไม่จริง หมอเอาอะไรมาพูด"
โวยวายขึ้นทันที สีหน้าซีดเผือดลง ร่างสั่นไหวหัวใจร้าวราน
"ไม่ใช่จะไม่มีทางรักษานะครับ อย่าเพิ่งตกใจไป คนที่เป็นโรคนี้ถ้าดูแลตัวเองดีๆก็อยู่ได้หลายสิบปีนะครับ"
"ยังไง ไม่จริงหมอ หมอตรวจผิด ผมไม่มีทาง ไม่จริง"
เอามือกุมหน้าตัวเองไม่ยอมรับกับสิ่งที่ได้ยิน พีทวิ่งออกจากห้องทันที
"ชั้นเป็นเอดส์ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง"
ลนลานเหมือนคนบ้าขาดสติ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ พีทเหมือนคนจนหนทางไป นั่งอยู่ในรถร้องไห้อยู่
"ถ้าชั้นเป็น คนอื่นก็ต้องเป็น ชั้นไม่ยอมหรอก"
พีทร้องขึ้นสายตาฉายความโกรธแค้นออกมา พลันก็กดโทรศัพท์ไปหาแทนทวีทันที
"แทน อย่าเพิ่งวางสาย"
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย พีทก็ขู่ไม่ให้วางสาย
"มีอะไร"
"หึหึ ฮ่าๆๆๆ แกซวยแล้วไอ้แทน แกซวยแล้ว"
หัวเราะออกไป แทนทวีเอาโทรศัพท์ออกให้ไกลหูเพราะเสียงหัวเราะที่ดังออกมาเหมือนคนบ้ามันแสบแก้วหู
"เป็นบ้าเหรอ มึงมีอะไรถ้าไม่พูดกูวางนะ"
แทนทวีทำเป็นไม่สนใจ
"กูเป็นเอดส์ ฮ่าๆๆๆ กูเป็นเอดส์ไอ้แทน มึงอย่าคิดว่ามึงจะรอดไปได้"
หูตึงประสาทตาดับ มองไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินเสียงใด แทนทวีปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงลงจากมือหล่นลงพื้นทันที ร่างทรุดลงไม่มีที่เกาะกุม
"ไม่จริง"
แทนทวีค้าน ร่างสั่นไหวไป
"ว้าย อะไรกันแทน มีอะไรลูก เกิดอะไรขึ้น"
แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องออกมา เข้ามาประคองร่างของบุตรชายไว้ น้ำตาไหลออกมานองหน้าของเขาแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น นี่มันไม่จริงใช่ไหม
อนิจจา ไฟใดไหนจะร้อนรนเผาไหม้ได้ร้อนยิ่งกว่าไฟในใจ ยิ่งสุมยิ่งคุกรุ่นอยู่ คนที่เจ็บช้ำจะเป็นใครไหนเลยนอกจากเรา ไฟในทรวงยิ่งพัดกระพือโหมลุกโชน ดวงใจของเจ้าของร่างนั้นก็มอดไหม้แหลกลาญไป
วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553
(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากแปดสิบ
"ปิ้งป่อง"
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนหันหน้าไปมองทางประตู พีทหน้าซีดเผือดลงร่างเริ่มสั่นไหว ส่วนแทนทวีร่างเองก็สั่นเพราะความโกรธที่สุมอัดแน่นอยู่ในใจ สายตาที่ฉายแววออกมามันมีเพียงแต่เพลิงของความอาฆาตแค้น
"ใคร"
เสียงห้วนดุดังตวาดอยู่ลั่นห้อง แทนทวีปรี่จะไปเปิดประตู
"แทนอย่า พีทเปิดเอง"
ร้องออกมาอย่างลืมตัววิ่งออกไปดักหน้าแทนทวี ยิ่งทำแบบนั้นแทนทวียิ่งเดือดดาลขึ้นมา กระชากมือของพีทเหวี่ยงไปล้มระเนระนาดลงกับพื้น
"แทน!!"
ประตูบานหนาใหญ่ถูกเปิดออก ลมจากภายนอกห้องตีปะทะหน้า พอเห็นว่าใครก็ผงะหน้าซีดลง
"ไอ้ทัน!!"
คืนก่อนหน้านั้น
"หวังว่ามึงยังคงใช้เมล์เดิมอยู่นะไอ้แทน ไอ้ควาย หึหึ"
ทันเองเอาคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ถ่ายโอนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ หลังจากส่งให้ภูมิบุญเสร็จก็ฉายแววตาขึ้นมา
"ภูมิไม่ต้องลงมือหรอกคนเลวอย่างมันสองคน พี่จัดการเอง"
เวปไซด์เกย์ หรือแม้แต่เวบทั่วไปที่สามารถโพสต์รูปหรือคลิปต่างๆลงไปได้ ทันสืบหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี เลือกเอาเฉพาะเวบที่มียอดคนเข้าชมสูงๆ เขาปล่อยคลิปไปแล้ว ตั้งชื่อกระทู้ว่า "ไฮโซร่านสวาท"
"เออกูเอง"
ทันทำท่าแสดงสีหน้าผงะนิดหน่อย แสดงความประหลาดใจออกมา
"มึงมาหาใคร"
แทนทวีถามเสียงห้วน ทันมองเข้าไปในห้องเห็นร่างของพีทกำลังจะลุกขึ้นหน้าตาเปรอะกรังไปด้วยเลือด พีทพอเห็นหน้าทันก็ส่ายหน้า ไม่ให้บอก
"เอ่อ นี่แฟนมึงเหรอ"
"อย่าบอกนะว่าคนในคลิปคือมึง ไอ้"
"พลั่ก" "อึ๊ก"
แทนทวีปรี่เข้าจะชกหน้าของทัน แต่รายนั้นง้างหมัดรอไว้แล้วยัดหมัดเข้าไปที่ลิ้นปี่แทนทวีจุกตัวงอล้มลง
"เออ กูเอง กูไม่รู้นี่หว่าว่านี่แฟนมึง ไหนบอกไม่มีแฟนไงคุณ"
ทันยังตีหน้าซื่อถามออกมา ไม่มีคำตอบจากพีท รายนั้นสั่นร้องไห้อยู่
"อะไรวะ มาหลอกกัน ไหนบอกรักกัน"
"สัตว์!! เลว!!"
แทนทวีกัดฟันพูดออกมาพยายามดันตัวขึ้น
"มึงออกจากห้องกูไปเลย อีชาติชั่ว อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ก่อนที่กูจะฆ่ามึง"
หันไปตวาดใส่พีท
"แทน! ทัน!"
ไม่รู้จะไปทางไหนดี ทันเองแอบฉายรอยยิ้มออกมา
"พีทไม่ได้ตั้งใจนะแทน พีท"
"หุบปากอีกตอแหล ที่ผ่านมามึงหลอกูมาตลอดใช่ไหม"
ปรี่เข้าไปกระชากแขนตบเข้าไปที่ปากที่เจ่ออยู่แล้วให้เลือดทะลักไหลออกมาอีก
"กรี๊ด แทน โว้ย!! พอแล้ว"
สุดทนเหมือนกัน โพล่งออกมาเหวี่ยงมือของแทนทวีออก
"จะเอายังไงคุณ จะอยู่กับมันหรือจะไปกับผม"
ทันเองก็กระพือเพิ่มเชื้อไฟมันโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก
"สัตว์ มึงทำอย่างนี้กับกูได้ยังไง ห๊า"
"โว้ย!! หยุดโวยวายซะที หัดมองดูตัวเองบ้าง ทันเขามีอะไรเหนือกว่าแทนทุกอย่าง เข้าใจด้วย เป็นใครๆก็เอาทันทั้งนั้นล่ะ"
"อี!!"
"หยุดนะ!! จะมาด่าว่าพีทอย่างนี้ไม่ได้นะ ก็แกมันโง่เอง ช่วยไม่ได้ ชั้นก็ต้องหาของที่ดีกว่าให้ตัวเองสิ เรื่องบนเตียงทันก็เริ่ดกว่า ส่วนแกมันควาย!!"
"กรี๊ด!!!"
ทันปรี่เข้ากระชากแขนมาต่อยมาตบจนสาแก่ใจแต่แทนเองก็ยืนยิ้มมองอยู่ไม่ไหวร่าง
"ทันช่วยพีทด้วย ไอ้แทนมันบ้าไปแล้ว"
วิ่งออกไปเกาะแขนทัน แทนทวีปรี่ตามออกไป ทันต่อยเข้าที่หน้าของแทนทวีหงายหลังไปอีก
"หึ ตั้งแต่เรียนแล้วนี่ไอ้แทน มึงโง่เป็นควายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เรื่องทุกเรื่องที่ว่าโง่ ไม่โง่สู้มึงทิ้งคนที่ดีที่สุดไปหรอกนะ มึงน่ะเขาไม่เรียกหรอกควาย เพราะมึงมันโง่กว่าควาย"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ นั่งนิ่งหน้าชาหัวใจแหลกราน น้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม นี่น่ะหรือที่บอกเคยรักกัน นี่น่ะหรือคนที่ตั้งใจว่าจะไปแต่งงานอยู่กันกันฉันผัวเมีย นี่น่ะหรือคนที่ทำให้ต้องบาดหมางใจกับครอบครัว และนี่น่ะหรือคือคนที่เขาทำให้ต้องเสียใครบางคน ใครคนนั้นที่ตอนนี้ฉายแววแห่งเพชรแท้ออกมา น้ำตาไหล สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับพื้น พีทเองก็รีบเก็บของออกจากห้อง ทันเองยังยืนอยู่นอกห้องมองดูอยู่ด้วยความสมเพชเวทนา แต่สาแก่ใจที่สุด
"ทำไมทำแบบนี้ พีท ทำไมทำแบบนี้"
คร่ำครวญร้องไห้ออกมาโศกาอาดูรอยู่เหมือนสิ้นไร้แล้วพลังแห่งใจ พอพีทจะเดินออกจากห้อง ก็ปรี่ไปเกาะขาไว้
"พีท อย่าไปนะพีท แทนไม่มีใคร พีทอย่าทิ้งแทนไปนะ"
"โว้ย!! อย่ามาจับชั้น เสนียด ไอ้ควายไปกินหญ้าต่อไป๊ ไปเถอะคุณ ให้มันโง่ตายอยู่นี่ล่ะคนเดียว"
เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา แทนทวีถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออก กัดฟันเงยหน้าขึ้นมอง
"ที่แท้มึงก็เหี้ยดีๆนี่เองอีสัตว์ ไปเลย แล้วมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"
สายตาที่มองไปด้วยน้ำตามันโกรธแค้นชิงชัง
"แหม ใครจะะกลับมาหาแกให้โง่ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะมึง อย่างมึงใครเขาจะเอา ไปเถอะคุณ รำคาญ"
เตะเท้าออกไปอย่างแรงมือของแทนทวีที่เกาะกุมอยู่ถูกเหวี่ยงจนพาร่างเซไป ทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว เหลือไว้เพียงแทนทวีที่นอนเกลือกกลิ้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ เจ็บเหลือเกินเหมือนโดนคนรุมเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ร่างโถมมาที่ใจเจ็บปวดเหลือเกิน นี่น่ะหรือคนถูกทิ้ง มันรู้สึกอย่างนี้เองน่ะหรือ แล้ว "ภูมิ" ร้องออกมา ยังจำได้ดีวันที่เจอกับภูมิบุญโดยบังเอิญที่ซีคอนฯ "นี่แฟนพี่เอง" พูดออกไปตามความจริง แต่สีหน้าของภูมิบุญในตอนนั้น มันเหมือนคนบ้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหัวเราะก็ไม่หัวเราะ จะร้องไห้ก็ไม่ ตอนนั้นเขาเวทนาภูมิบุญมากเช่นกัน พลันภาพต่างๆในอดีตที่เคยมีร่วมกัน ภาพความสวยงามของความทรงจำที่ฉายออกมาเด่นชัดเหลือเกิน รอยยิ้มนั้น กลิ่นกายที่หอมตรึงจิต ร่างเล้กสีน้ำผึ้งยามต้องแสงส่องประกายนั้น เขาเป็นคนปล่อยให้หลุดลอยไปจากมือเอง
"พี่สัญญา พี่จะรักภูมิคนเดียว"
"พี่รักภูมิคนเดียว"
"ในชีวิตพี่ไม่เคยรักใครเท่าภูมิมาก่อน พี่รักภูมิ"
"จำไว้นะภูมิ ไม่ว่าพี่ะอยู่ที่ไหน ไกลเท่าไร ภูมิคือหนึ่งในใจพี่คนเดียวเท่านั้น"
"พี่สัญญา"
"พี่สัญญา"
สะอึกน้ำตาตัวเองสะท้อนบาดลึกลงไปกลางใจ นี่เขาทำอะไรลงไป นี่เขาเขี่ยเพชรในมือทิ้งไปแล้วไปคว้าก้อนกรวดก้อนหินชั้นต่ำมาแนบไว้กับอก นี่เขาทำอะไรลงไป ตั้งแต่รู้จักภูมิบุญมาแววตาคู่นั้นที่เฝ้าฉายมองมา มันไม่เคยส่อแววไม่ซื่อสัตย์กับเขาเลย รักมั่นคงมันแจ่มจรัสฉายอยู่ในตา แล้วเขาเองทำลายมันลงไปได้อย่างไร ทันเองฟูมฟายคร่ำครวญเหมือนคนบ้า ตอนนี้ภาพต่างๆในอดีตกำลังเล่นงานเขา ภาพใบหน้าของคนที่เขาด่าว่าไปเมื่อวันก่อน
"รอตรงนี้ล่ะคุณผมไปเอารถก่อน"
ทันบอกขึ้นหลังลงมาถึงชั้นล็อบบี้ของคอนโด
"ทำไมคุณไม่ขึ้นไปชั้นลานจอดรถเลยล่ะคุณ อายคนเขา ดูหน้าตาพีทสิ"
"ไม่เป็นไรหรอก ผมจอดไว้ไกล กลัวว่าคุณจะเดินไกล รอตรงนี้ล่ะ"
ทันพูดแล้วเดินกลับขึ้นลิฟท์ไปอีก พีทเองก็นั่งรอจากนาทีเป็นสิบนาที เป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มกระวนกระวาย กดโทรศัพท์ออกไปหาทัน
"ทำไมนานจังล่ะคุณ พีทรอนานแล้วนะ"
"หึหึ มึงไม่ต้องรอหรอกอีหน้าด้าน ไปตายที่ไหนก็ไป"
ทันพูดออกมาเสียงเรียบ
"คุณ คุณพูดอะไรน่ะ พีทไม่เข้าใจ"
"เดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจ"
"อ๊าย อะไรกัน อย่าถ่าย อย่าถาย"
ยังไม่ทันจบการสนทนาแต่นักข่าวก็กรูกันเข้ามาในห้องโถงของคอนโด แสงแพลชวูบวาบจนแสบตา
"คุณพีทลูกชายของคุณอรอุมา เจ้าของบริษัทเอ็นออร์กาไนซ์เซอร์ใช่ไหมครับ"
"คลิปที่อยู่ในเน็ทคือน้องพีทใช่ไหมคะ"
"รู้สึกยังไงบ้างคะที่ทำไปแบบนั้น"
"เสพยาหรือเปล่าคะ"
"กรี๊ดดด ออกไป๊ ออกไป๊"
กรีดร้องขึ้นเอามือซุกหน้าไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนดี พีทถูรายล้อมไปด้วยนักข่าวจากแวดวงสังคมของตนเองที่เคยกล่าวว่ามันวิเศษเริศหรู ตอนนี้มันทำให้เขาจนทางไป ไม่รู้จะไปทางไหนดี ในใจก็โกรธทันที่ทำแบบนี้แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาพอี่จะมาคิดถึงเรื่องแบบนั้นได้แล้ว พีทตัดสินใจวิ่งขึ้นลิฟท์ไปยังรถของตัวเอง
"ภูมิ พี่ขอโทษ"
เสียงที่ลอดไรฟันออกมามันช่างสลดหดหู่เหลือเกิน น้ำตาที่ไหลอาบหน้าแววตาที่วิงวอนขอร้อง
"พี่ไม่คิดเลยว่าพีทจะเป็นคนแบบนี้ พี่มองภูมิผิดไป พี่ขอโทษ"
"มองผิดไปหรือ พูดอีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว" ภูมิบุญคิดในใจแล้วแสยะยิ้มออกมา
"พี่แทน เรื่องระหว่างเราภูมิอโหสิกรรมให้หมดแล้ว ไม่คิดติดใจอะไร พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันจบแล้ว"
"พี่ทำผิดกับภูมิเอาไว้มาก ภูมิให้อภัยพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่หูหนวกตาบอดไป"
"ครับ"
"ภูมิ ตอนนี้ภูมิก็ยังไม่มีใคร พี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม พี่ขอแก้ตัวอีกครั้ง"
สายตาที่วิงวอนขอร้อง ถ้าเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่นที่เขาทำผิด ภูมิบุญอาจจะเห็นแก่สายตาคู่นี้ที่กำลังมองมา อาจจะใจอ่อนให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่เขาทำผิดไว้กับหัวใจ มันลบล้างกันยังไงหรือ ทำร้ายใจต้องได้รับสิ่งนั้นสิ่งเดียวกันตอบแทน
"พี่แทนครับ ภูมิถามพี่แทนอย่างหนึ่งสิ ถ้าพี่แทนตอบคำถามภูมิได้ ภูมิอาจจะกลับไปหาพี่"
ถามขึ้นเสียงเรียบแต่มันทำให้แทนทวีตาวาวขึ้นมาทันที ปรี่จะเข้ามาจับมือ แต่ภูมิบุญถอยออกไปหนึ่งก้าว
"ได้ภูมิ ถามพี่เลย ถามมาเลย"
"ถ้าพี่แทนมีแก้วอะไรก็ได้อยู่ในมือ วันนึงพี่เผลอทำมันร้าวขึ้นมา พี่แทนจะทำยังไงให้มันกลับมาเป็นแก้วใบเดิมครับ ตอบภูมิที ตอบภูมิให้ภูมิกระจ่างแก่ใจที"
สายตาที่เค้นเอาคำตอบ แม้จะได้คำตอบมาก็คงไม่เป็นที่พอใจแน่
"ก็หลอมมันขึ้นมาใหม่สิภูมิ ไม่เห็นจะยาก" แสดงความเขลาออกไป
"หึ ถ้าหลอมขึ้นมาใหม่มันก็ไม่ได้เหมือนเดิม ถึงพี่จะพยายามทำให้มันเป็นเหมือนเดิม จำไว้นะครับพี่แทน ตอนที่ภูมิรักพี่แทนภูมิคอยประคบประหงมใจเหมือนรักษาแก้ว ไม่ให้มีอะไรมาแผ้วพาน แต่เมื่อพี่ทำมันแตกมันร้าวเอง ภูมิเองก็เสียใจครับ"
"ภูมิ พี่ขอโทษจะให้พี่ทำยังไงภูมิถึงจะกลับมาหาพี่เหมือนเดิม บอกพี่ที"
"อย่า เลยครับพี่แทน ตอนนี้พี่แทนแค่คงไม่มีใครและคงต้องการใคร เหมือนที่พี่อยู่ไกลภูมิแล้วบอกว่าเหงา ภูมิเองก็เหงานะครับที่รอ เอาเถอะมันไม่มีประโยชน์หรอกครับพี่แทน ภูมิเสียใจด้วยจริงๆ"
ยังคงรักษาระดับน้ำเสียงไว้อย่างมั่นคง โตโต้กับบาสเองก็ออกมาจากรถยืนดูอยู่ห่างๆ
"ภูมิ ภูมิพูดเหมือนไม่เคยรักพี่จริงๆเลยนะ"
"หึ พี่แทน พี่แทนกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง พี่อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมาว่าภูมิแบบนั้น รู้สึกยังไงล่ะครับที่โดนคนที่รักตบหน้าเอาแบบนี้ เจ็บไหม รู้สึกแปลบปวดเข้าถึงใจไหม ถ้ารู้สึกอย่างนั้น จำไว้ภูมิก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน"
ขึ้นเสียงสายตาเกรี้ยวกราด คนที่อยู่ต่อหน้าเหมือนจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
"ภูมิจำไม่ได้เหรอว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน ภูมิจำ"
"อย่ามาย้อนความคิดให้ภูมิจำ อย่ามาพูดว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน เคย มันแค่เคย ทำไมภูมิจะจำไม่ได้จำได้ดี จำได้ก็ลบมันออกได้ แล้วถามตัวเองบ้างไหมตอนที่มีเขาเข้ามา จำอะไรเกี่ยวกับภูมิได้บ้าง ตอนนั้นภูมิอยู่ไหน อยู่ตรงไหนของหัวใจพี่ พี่ถึงแบ่งแยกใจได้ลงคอ อย่ามารื้อฟื้นว่าเคยรักกันยังไง ใช่เคยรักมาก แต่มันหมดไปแล้ว มันไม่มีเหลือแล้ว"
"ภูมิ"
"พี่แทน เราจบกันไปแล้ว พอเถอะครับ"
"พี่ขอโทษภูมิ พี่จะทำยังไงดี ให้พี่ทำยังไงดี"
"พี่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ทำตัวเหมือนเคย โชคดีนะพี่แทน"
"ภูมิ พี่ขอเป็นแค่พี่น้องกับภูมิยังไม่ได้เหรอ เห็นแก่ที่เราเคยรักกัน ได้ไหมภูมิ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดกับภูมิมามาก ถ้าภูมิจะใจร้ายไม่ให้พี่กลับมาพี่ก็ขอโอกาสเป็นแค่นั้นไม่ได้เหรอ"
"พี่แทน สิ่งที่พี่แทนทำอย่าว่าแต่พี่น้องเลยครับ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่เอา แต่อย่าห่วงเลย ภูมิยกโทษให้หมดแล้ว เลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ ถือว่ามันเป็นแค่ฝันไปเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันจบแค่นี้"
"ภูมิ ทำไมภูมิใจดำแบบนี้ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ เพราะมันใช่ไหม"
สายตาปราดไปมองโตโต้ ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับ"
"ภูมิรักมันใช่ไหม อ้อที่แท้ คนที่เปลี่ยนไม่ใช่พี่หรอกแต่มันเป็นภูมิ ภูมิเองที่ปันใจ"
"หึหึ พี่แทน"
หัวเราะออกมา ยกริมฝีปากสูงขึ้น
"ใช่ครับ ภูมิเพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน ว่าที่ผ่านมาภูมิรักใคร กับพี่แทนเองบางทีมันเป็นแค่ความรักระหว่างพี่น้อง แต่สำหรับพี่โต้ ภูมิรักเขามานานแล้ว รักตั้งแต่วันแรกที่เห็น พอใจไหมครับ อย่าหาว่าภูมิหลอกพี่เลยนะครับ ถือว่าเราหายกัน"
กัดฟันพูดออกมา คนที่ได้ยินหัวใจกระตุกดีดลิงโลดขึ้นมา แต่อีกคนเม้มปากแน่น
"มักง่าย"
"งั้นจะมาเรียกร้องอะไรจากคนมักง่ายคนนี้ล่ะครับ"
เสียงเขียวสายตาที่จ้องมองทำให้แทนทวีสะอึก
"เอ่อ พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ ภูมิ พี่ขอโทษ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าภูมิจะรู้สึกแบบนั้น ไม่มีใจเหลือให้พี่จริงๆเลยหรือภูมิ ภูมิไม่มีอะไรเหลือให้พี่แล้วจริงๆเหรอ"
"ครับ ใจที่มีให้ไปหมดแล้ว พี่ก็ขยี้มันด้วยเท้าแหลกรานไปหมดแล้ว กลับไปเถอะพี่แทน ต่อจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ต่อจากนี้เวลาเจอหน้ากัน ขอให้ทำเหมือนไม่รู้จักภูมิ เพราะภูมิเองก็จะมองพี่เป็นธาตุอากาศเหมือนกัน"
"ภูมิ"
ร่ำไห้ออกมาปิ่มใจจะขาด ทรุดตัวลงสะอึกสะอื้นกอดขาภูมิบุญเอาไว้
"พี่ขอโทษ พี่รู้แล้ว พี่เจ็บแล้ว ภูมิพี่ขอโทษ อย่าทำแบบนี้กับพี่เลย"
คำพูดของภูมิบุญไม่ได้สะกิดใจให้แค่แทนทวีเท่านั้นที่สะอึก อีกสองคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับมองหน้ากันหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ
"อย่าทำแบบนี้เลยครับพี่แทน อย่ามาร้องไห้ให้ภูมิเลย มันไม่มีค่าอะไรหรอก"
"ภูมิ ทำไมพูดแบบนี้ ไม่เห็นใจพี่เลยเหรอ ภูมิพี่ขอโทษ"
"ภูมิบอกแล้วนี่ครับ ภูมิยกโทษให้แล้ว อย่ามาทำแบบนี้ รู้ไหมสิ่งที่พี่ทำมันทำให้ภูมิรู้สึกรังเกียจ พี่ดูไม่มีค่าอะไรเลย"
คำพูดที่ทิ่มแทงใจเฉือดเฉือนไม่ได้อยากพูดออกไป แต่อยากตัดให้ขาด ไม่ต้องมามีเยื่อใยเหลือต่อกันอีก
"ภูมิ"
"ปล่อยเถอะพี่แทน"
"ใจร้าย ทำไมภูมิเป็นคนใจร้ายแบบนี้"
ยอมปล่อยขาแต่โดยดี ร่างกายสั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้นไห้ ภูมิบุญเองก็มองอยู่ด้วยสายตาที่สมเพชเวทนา
"ใช่ครับภูมิใจร้าย ภูมิเคยบอกพี่แล้ว ว่าอย่าให้ภูมิได้ทำ ทำไมครับพี่ ในเมื่อภูมิเคยไว้ใจพี่ แล้วพี่ยังทำกับภูมิได้เลย แล้วทำไมภูมิจะทำให้พี่รู้ไม่ได้ว่าเจ็บน่ะ มันเป็นยังไง เจ็บไหมครับ ถ้าเจ็บนั่นล่ะคือสิ่งที่ภูมิเคยรู้สึก อ้อ ถ้ายังมีโอกาสเจอแฟนพี่ อ้อไม่ใช่สินะแฟนคนนั้นของพี่ ฝากบอกเขาด้วยนะว่ามันยังไม่จบ มันง่ายไปกับสิ่งที่พี่กับเขาทำไว้กับภูมิ ในเมื่อภูมิยอมหลีกทางให้แล้วไม่ยอมปล่อยภูมิไปเอง ก็รับเอาไปเถอะความใจร้ายของภูมิ บอกเขารอรับหมายศาลได้เลย"
เหวี่ยงขาออกเดินเข้าบ้านไปแล้ว โตโต้ยิ้มแสยะออกมา บาสวิ่งเข้าไปเปิดประตูให้โตโต้เอารถเข้าบ้าน ส่วนแทนทวีนั่งเหลือกกลิ้งอยู่หน้าบ้านเหมือนคนไม่มีทางไป น่าอนาถใจแท้
ด้านพีทพอไม่มีที่ไปก็กลับไปบ้านหามารดาของตน พอก้าวเข้าบ้านก็เห็นมารดายืนถลึงตาใส่อยู่
"ทำไมสร้างแต่เรื่อง เนี่ยเห็นไหม หมายศาล"
ปาซองเอกสารทางราชการใส่หน้าลูกชาย
"อะไรกันล่ะแม่ หมายศาลอะไร"
"ก็แกไปทำอะไรไว้ล่ะ ห๊า โอ๊ยกลับมาทั้งทีนี่มาสร้างเรื่องให้ชั้นเหรอ"
"อะไรแม่ โอ๊ยอย่ามาพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม พีทเครียด"
"ชั้นสิควรจะเครียดกว่าแก ละเมิดลิขสิทธิ์เขา รู้ไหมเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ เกือบสิบล้าน!!"
"โว้ยแม่!! ไหน"
ร้องตวาดกลับไปเช่นกัน พอเปิดเอกสารออกดูถึงกับปล่อยให้มันร่วงลงหน้าซีด ทรุดลงกับที่
"แก ไอ้ภูมิ"
สายตาเคียดแค้นน้ำตาล้นออกมา พีทวิ่งขึ้นไปบนบ้านรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิกออกมา พยายามติดต่อกับทันแต่ทำยังไงก็ติดต่อไม่ได้
"อะไรแก ชั้นไม่มีอารมณ์มาคุยหรอกนะ"
พอมีโทรศัพท์เรียกเข้ามาก็รีบกดรับนึกว่าเป้นของคนที่รออยู่ แต่พอเป็นเพื่อนสนิทก็โวยวายใส่
"ย่ะ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะคุยหรอก แต่แกเล่นบทรักได้เริ่ดนะหล่อน แหมครางซะ ทำหน้าซะ"
"แกพูดอะไร"
"แหมอีนี่ เข้าไปดูในเวบสิยะ ดังใหญ่แล้วนะแก ตอนนี้หน้าแกว่อนไปทุกเวบแล้ว"
"อะไรนะ"
หัวใจสั่นไหวปาโทรศัพท์เข้าผนังห้องทันที
"กรี๊ด"
พีทกรีดร้องออกมา ล้มตัวลงบนเตียงร่ำไห้อยู่ ผลกรรมมันตามมาทันแล้ว ไม่ต้องรอชาติหน้าหรือชาติไหน รับเอาไว้ตั้งรับเอาไว้ให้มั่น เพราะมันยังมีอีกระลอกที่ใหญ่กว่าตั้งเค้ากำลังจะถาโถมเข้ามา
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนหันหน้าไปมองทางประตู พีทหน้าซีดเผือดลงร่างเริ่มสั่นไหว ส่วนแทนทวีร่างเองก็สั่นเพราะความโกรธที่สุมอัดแน่นอยู่ในใจ สายตาที่ฉายแววออกมามันมีเพียงแต่เพลิงของความอาฆาตแค้น
"ใคร"
เสียงห้วนดุดังตวาดอยู่ลั่นห้อง แทนทวีปรี่จะไปเปิดประตู
"แทนอย่า พีทเปิดเอง"
ร้องออกมาอย่างลืมตัววิ่งออกไปดักหน้าแทนทวี ยิ่งทำแบบนั้นแทนทวียิ่งเดือดดาลขึ้นมา กระชากมือของพีทเหวี่ยงไปล้มระเนระนาดลงกับพื้น
"แทน!!"
ประตูบานหนาใหญ่ถูกเปิดออก ลมจากภายนอกห้องตีปะทะหน้า พอเห็นว่าใครก็ผงะหน้าซีดลง
"ไอ้ทัน!!"
คืนก่อนหน้านั้น
"หวังว่ามึงยังคงใช้เมล์เดิมอยู่นะไอ้แทน ไอ้ควาย หึหึ"
ทันเองเอาคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ถ่ายโอนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ หลังจากส่งให้ภูมิบุญเสร็จก็ฉายแววตาขึ้นมา
"ภูมิไม่ต้องลงมือหรอกคนเลวอย่างมันสองคน พี่จัดการเอง"
เวปไซด์เกย์ หรือแม้แต่เวบทั่วไปที่สามารถโพสต์รูปหรือคลิปต่างๆลงไปได้ ทันสืบหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี เลือกเอาเฉพาะเวบที่มียอดคนเข้าชมสูงๆ เขาปล่อยคลิปไปแล้ว ตั้งชื่อกระทู้ว่า "ไฮโซร่านสวาท"
"เออกูเอง"
ทันทำท่าแสดงสีหน้าผงะนิดหน่อย แสดงความประหลาดใจออกมา
"มึงมาหาใคร"
แทนทวีถามเสียงห้วน ทันมองเข้าไปในห้องเห็นร่างของพีทกำลังจะลุกขึ้นหน้าตาเปรอะกรังไปด้วยเลือด พีทพอเห็นหน้าทันก็ส่ายหน้า ไม่ให้บอก
"เอ่อ นี่แฟนมึงเหรอ"
"อย่าบอกนะว่าคนในคลิปคือมึง ไอ้"
"พลั่ก" "อึ๊ก"
แทนทวีปรี่เข้าจะชกหน้าของทัน แต่รายนั้นง้างหมัดรอไว้แล้วยัดหมัดเข้าไปที่ลิ้นปี่แทนทวีจุกตัวงอล้มลง
"เออ กูเอง กูไม่รู้นี่หว่าว่านี่แฟนมึง ไหนบอกไม่มีแฟนไงคุณ"
ทันยังตีหน้าซื่อถามออกมา ไม่มีคำตอบจากพีท รายนั้นสั่นร้องไห้อยู่
"อะไรวะ มาหลอกกัน ไหนบอกรักกัน"
"สัตว์!! เลว!!"
แทนทวีกัดฟันพูดออกมาพยายามดันตัวขึ้น
"มึงออกจากห้องกูไปเลย อีชาติชั่ว อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ก่อนที่กูจะฆ่ามึง"
หันไปตวาดใส่พีท
"แทน! ทัน!"
ไม่รู้จะไปทางไหนดี ทันเองแอบฉายรอยยิ้มออกมา
"พีทไม่ได้ตั้งใจนะแทน พีท"
"หุบปากอีกตอแหล ที่ผ่านมามึงหลอกูมาตลอดใช่ไหม"
ปรี่เข้าไปกระชากแขนตบเข้าไปที่ปากที่เจ่ออยู่แล้วให้เลือดทะลักไหลออกมาอีก
"กรี๊ด แทน โว้ย!! พอแล้ว"
สุดทนเหมือนกัน โพล่งออกมาเหวี่ยงมือของแทนทวีออก
"จะเอายังไงคุณ จะอยู่กับมันหรือจะไปกับผม"
ทันเองก็กระพือเพิ่มเชื้อไฟมันโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก
"สัตว์ มึงทำอย่างนี้กับกูได้ยังไง ห๊า"
"โว้ย!! หยุดโวยวายซะที หัดมองดูตัวเองบ้าง ทันเขามีอะไรเหนือกว่าแทนทุกอย่าง เข้าใจด้วย เป็นใครๆก็เอาทันทั้งนั้นล่ะ"
"อี!!"
"หยุดนะ!! จะมาด่าว่าพีทอย่างนี้ไม่ได้นะ ก็แกมันโง่เอง ช่วยไม่ได้ ชั้นก็ต้องหาของที่ดีกว่าให้ตัวเองสิ เรื่องบนเตียงทันก็เริ่ดกว่า ส่วนแกมันควาย!!"
"กรี๊ด!!!"
ทันปรี่เข้ากระชากแขนมาต่อยมาตบจนสาแก่ใจแต่แทนเองก็ยืนยิ้มมองอยู่ไม่ไหวร่าง
"ทันช่วยพีทด้วย ไอ้แทนมันบ้าไปแล้ว"
วิ่งออกไปเกาะแขนทัน แทนทวีปรี่ตามออกไป ทันต่อยเข้าที่หน้าของแทนทวีหงายหลังไปอีก
"หึ ตั้งแต่เรียนแล้วนี่ไอ้แทน มึงโง่เป็นควายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เรื่องทุกเรื่องที่ว่าโง่ ไม่โง่สู้มึงทิ้งคนที่ดีที่สุดไปหรอกนะ มึงน่ะเขาไม่เรียกหรอกควาย เพราะมึงมันโง่กว่าควาย"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ นั่งนิ่งหน้าชาหัวใจแหลกราน น้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม นี่น่ะหรือที่บอกเคยรักกัน นี่น่ะหรือคนที่ตั้งใจว่าจะไปแต่งงานอยู่กันกันฉันผัวเมีย นี่น่ะหรือคนที่ทำให้ต้องบาดหมางใจกับครอบครัว และนี่น่ะหรือคือคนที่เขาทำให้ต้องเสียใครบางคน ใครคนนั้นที่ตอนนี้ฉายแววแห่งเพชรแท้ออกมา น้ำตาไหล สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับพื้น พีทเองก็รีบเก็บของออกจากห้อง ทันเองยังยืนอยู่นอกห้องมองดูอยู่ด้วยความสมเพชเวทนา แต่สาแก่ใจที่สุด
"ทำไมทำแบบนี้ พีท ทำไมทำแบบนี้"
คร่ำครวญร้องไห้ออกมาโศกาอาดูรอยู่เหมือนสิ้นไร้แล้วพลังแห่งใจ พอพีทจะเดินออกจากห้อง ก็ปรี่ไปเกาะขาไว้
"พีท อย่าไปนะพีท แทนไม่มีใคร พีทอย่าทิ้งแทนไปนะ"
"โว้ย!! อย่ามาจับชั้น เสนียด ไอ้ควายไปกินหญ้าต่อไป๊ ไปเถอะคุณ ให้มันโง่ตายอยู่นี่ล่ะคนเดียว"
เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา แทนทวีถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออก กัดฟันเงยหน้าขึ้นมอง
"ที่แท้มึงก็เหี้ยดีๆนี่เองอีสัตว์ ไปเลย แล้วมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"
สายตาที่มองไปด้วยน้ำตามันโกรธแค้นชิงชัง
"แหม ใครจะะกลับมาหาแกให้โง่ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะมึง อย่างมึงใครเขาจะเอา ไปเถอะคุณ รำคาญ"
เตะเท้าออกไปอย่างแรงมือของแทนทวีที่เกาะกุมอยู่ถูกเหวี่ยงจนพาร่างเซไป ทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว เหลือไว้เพียงแทนทวีที่นอนเกลือกกลิ้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ เจ็บเหลือเกินเหมือนโดนคนรุมเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ร่างโถมมาที่ใจเจ็บปวดเหลือเกิน นี่น่ะหรือคนถูกทิ้ง มันรู้สึกอย่างนี้เองน่ะหรือ แล้ว "ภูมิ" ร้องออกมา ยังจำได้ดีวันที่เจอกับภูมิบุญโดยบังเอิญที่ซีคอนฯ "นี่แฟนพี่เอง" พูดออกไปตามความจริง แต่สีหน้าของภูมิบุญในตอนนั้น มันเหมือนคนบ้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหัวเราะก็ไม่หัวเราะ จะร้องไห้ก็ไม่ ตอนนั้นเขาเวทนาภูมิบุญมากเช่นกัน พลันภาพต่างๆในอดีตที่เคยมีร่วมกัน ภาพความสวยงามของความทรงจำที่ฉายออกมาเด่นชัดเหลือเกิน รอยยิ้มนั้น กลิ่นกายที่หอมตรึงจิต ร่างเล้กสีน้ำผึ้งยามต้องแสงส่องประกายนั้น เขาเป็นคนปล่อยให้หลุดลอยไปจากมือเอง
"พี่สัญญา พี่จะรักภูมิคนเดียว"
"พี่รักภูมิคนเดียว"
"ในชีวิตพี่ไม่เคยรักใครเท่าภูมิมาก่อน พี่รักภูมิ"
"จำไว้นะภูมิ ไม่ว่าพี่ะอยู่ที่ไหน ไกลเท่าไร ภูมิคือหนึ่งในใจพี่คนเดียวเท่านั้น"
"พี่สัญญา"
"พี่สัญญา"
สะอึกน้ำตาตัวเองสะท้อนบาดลึกลงไปกลางใจ นี่เขาทำอะไรลงไป นี่เขาเขี่ยเพชรในมือทิ้งไปแล้วไปคว้าก้อนกรวดก้อนหินชั้นต่ำมาแนบไว้กับอก นี่เขาทำอะไรลงไป ตั้งแต่รู้จักภูมิบุญมาแววตาคู่นั้นที่เฝ้าฉายมองมา มันไม่เคยส่อแววไม่ซื่อสัตย์กับเขาเลย รักมั่นคงมันแจ่มจรัสฉายอยู่ในตา แล้วเขาเองทำลายมันลงไปได้อย่างไร ทันเองฟูมฟายคร่ำครวญเหมือนคนบ้า ตอนนี้ภาพต่างๆในอดีตกำลังเล่นงานเขา ภาพใบหน้าของคนที่เขาด่าว่าไปเมื่อวันก่อน
"รอตรงนี้ล่ะคุณผมไปเอารถก่อน"
ทันบอกขึ้นหลังลงมาถึงชั้นล็อบบี้ของคอนโด
"ทำไมคุณไม่ขึ้นไปชั้นลานจอดรถเลยล่ะคุณ อายคนเขา ดูหน้าตาพีทสิ"
"ไม่เป็นไรหรอก ผมจอดไว้ไกล กลัวว่าคุณจะเดินไกล รอตรงนี้ล่ะ"
ทันพูดแล้วเดินกลับขึ้นลิฟท์ไปอีก พีทเองก็นั่งรอจากนาทีเป็นสิบนาที เป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มกระวนกระวาย กดโทรศัพท์ออกไปหาทัน
"ทำไมนานจังล่ะคุณ พีทรอนานแล้วนะ"
"หึหึ มึงไม่ต้องรอหรอกอีหน้าด้าน ไปตายที่ไหนก็ไป"
ทันพูดออกมาเสียงเรียบ
"คุณ คุณพูดอะไรน่ะ พีทไม่เข้าใจ"
"เดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจ"
"อ๊าย อะไรกัน อย่าถ่าย อย่าถาย"
ยังไม่ทันจบการสนทนาแต่นักข่าวก็กรูกันเข้ามาในห้องโถงของคอนโด แสงแพลชวูบวาบจนแสบตา
"คุณพีทลูกชายของคุณอรอุมา เจ้าของบริษัทเอ็นออร์กาไนซ์เซอร์ใช่ไหมครับ"
"คลิปที่อยู่ในเน็ทคือน้องพีทใช่ไหมคะ"
"รู้สึกยังไงบ้างคะที่ทำไปแบบนั้น"
"เสพยาหรือเปล่าคะ"
"กรี๊ดดด ออกไป๊ ออกไป๊"
กรีดร้องขึ้นเอามือซุกหน้าไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนดี พีทถูรายล้อมไปด้วยนักข่าวจากแวดวงสังคมของตนเองที่เคยกล่าวว่ามันวิเศษเริศหรู ตอนนี้มันทำให้เขาจนทางไป ไม่รู้จะไปทางไหนดี ในใจก็โกรธทันที่ทำแบบนี้แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาพอี่จะมาคิดถึงเรื่องแบบนั้นได้แล้ว พีทตัดสินใจวิ่งขึ้นลิฟท์ไปยังรถของตัวเอง
"ภูมิ พี่ขอโทษ"
เสียงที่ลอดไรฟันออกมามันช่างสลดหดหู่เหลือเกิน น้ำตาที่ไหลอาบหน้าแววตาที่วิงวอนขอร้อง
"พี่ไม่คิดเลยว่าพีทจะเป็นคนแบบนี้ พี่มองภูมิผิดไป พี่ขอโทษ"
"มองผิดไปหรือ พูดอีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว" ภูมิบุญคิดในใจแล้วแสยะยิ้มออกมา
"พี่แทน เรื่องระหว่างเราภูมิอโหสิกรรมให้หมดแล้ว ไม่คิดติดใจอะไร พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันจบแล้ว"
"พี่ทำผิดกับภูมิเอาไว้มาก ภูมิให้อภัยพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่หูหนวกตาบอดไป"
"ครับ"
"ภูมิ ตอนนี้ภูมิก็ยังไม่มีใคร พี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม พี่ขอแก้ตัวอีกครั้ง"
สายตาที่วิงวอนขอร้อง ถ้าเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่นที่เขาทำผิด ภูมิบุญอาจจะเห็นแก่สายตาคู่นี้ที่กำลังมองมา อาจจะใจอ่อนให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่เขาทำผิดไว้กับหัวใจ มันลบล้างกันยังไงหรือ ทำร้ายใจต้องได้รับสิ่งนั้นสิ่งเดียวกันตอบแทน
"พี่แทนครับ ภูมิถามพี่แทนอย่างหนึ่งสิ ถ้าพี่แทนตอบคำถามภูมิได้ ภูมิอาจจะกลับไปหาพี่"
ถามขึ้นเสียงเรียบแต่มันทำให้แทนทวีตาวาวขึ้นมาทันที ปรี่จะเข้ามาจับมือ แต่ภูมิบุญถอยออกไปหนึ่งก้าว
"ได้ภูมิ ถามพี่เลย ถามมาเลย"
"ถ้าพี่แทนมีแก้วอะไรก็ได้อยู่ในมือ วันนึงพี่เผลอทำมันร้าวขึ้นมา พี่แทนจะทำยังไงให้มันกลับมาเป็นแก้วใบเดิมครับ ตอบภูมิที ตอบภูมิให้ภูมิกระจ่างแก่ใจที"
สายตาที่เค้นเอาคำตอบ แม้จะได้คำตอบมาก็คงไม่เป็นที่พอใจแน่
"ก็หลอมมันขึ้นมาใหม่สิภูมิ ไม่เห็นจะยาก" แสดงความเขลาออกไป
"หึ ถ้าหลอมขึ้นมาใหม่มันก็ไม่ได้เหมือนเดิม ถึงพี่จะพยายามทำให้มันเป็นเหมือนเดิม จำไว้นะครับพี่แทน ตอนที่ภูมิรักพี่แทนภูมิคอยประคบประหงมใจเหมือนรักษาแก้ว ไม่ให้มีอะไรมาแผ้วพาน แต่เมื่อพี่ทำมันแตกมันร้าวเอง ภูมิเองก็เสียใจครับ"
"ภูมิ พี่ขอโทษจะให้พี่ทำยังไงภูมิถึงจะกลับมาหาพี่เหมือนเดิม บอกพี่ที"
"อย่า เลยครับพี่แทน ตอนนี้พี่แทนแค่คงไม่มีใครและคงต้องการใคร เหมือนที่พี่อยู่ไกลภูมิแล้วบอกว่าเหงา ภูมิเองก็เหงานะครับที่รอ เอาเถอะมันไม่มีประโยชน์หรอกครับพี่แทน ภูมิเสียใจด้วยจริงๆ"
ยังคงรักษาระดับน้ำเสียงไว้อย่างมั่นคง โตโต้กับบาสเองก็ออกมาจากรถยืนดูอยู่ห่างๆ
"ภูมิ ภูมิพูดเหมือนไม่เคยรักพี่จริงๆเลยนะ"
"หึ พี่แทน พี่แทนกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง พี่อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมาว่าภูมิแบบนั้น รู้สึกยังไงล่ะครับที่โดนคนที่รักตบหน้าเอาแบบนี้ เจ็บไหม รู้สึกแปลบปวดเข้าถึงใจไหม ถ้ารู้สึกอย่างนั้น จำไว้ภูมิก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน"
ขึ้นเสียงสายตาเกรี้ยวกราด คนที่อยู่ต่อหน้าเหมือนจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
"ภูมิจำไม่ได้เหรอว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน ภูมิจำ"
"อย่ามาย้อนความคิดให้ภูมิจำ อย่ามาพูดว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน เคย มันแค่เคย ทำไมภูมิจะจำไม่ได้จำได้ดี จำได้ก็ลบมันออกได้ แล้วถามตัวเองบ้างไหมตอนที่มีเขาเข้ามา จำอะไรเกี่ยวกับภูมิได้บ้าง ตอนนั้นภูมิอยู่ไหน อยู่ตรงไหนของหัวใจพี่ พี่ถึงแบ่งแยกใจได้ลงคอ อย่ามารื้อฟื้นว่าเคยรักกันยังไง ใช่เคยรักมาก แต่มันหมดไปแล้ว มันไม่มีเหลือแล้ว"
"ภูมิ"
"พี่แทน เราจบกันไปแล้ว พอเถอะครับ"
"พี่ขอโทษภูมิ พี่จะทำยังไงดี ให้พี่ทำยังไงดี"
"พี่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ทำตัวเหมือนเคย โชคดีนะพี่แทน"
"ภูมิ พี่ขอเป็นแค่พี่น้องกับภูมิยังไม่ได้เหรอ เห็นแก่ที่เราเคยรักกัน ได้ไหมภูมิ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดกับภูมิมามาก ถ้าภูมิจะใจร้ายไม่ให้พี่กลับมาพี่ก็ขอโอกาสเป็นแค่นั้นไม่ได้เหรอ"
"พี่แทน สิ่งที่พี่แทนทำอย่าว่าแต่พี่น้องเลยครับ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่เอา แต่อย่าห่วงเลย ภูมิยกโทษให้หมดแล้ว เลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ ถือว่ามันเป็นแค่ฝันไปเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันจบแค่นี้"
"ภูมิ ทำไมภูมิใจดำแบบนี้ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ เพราะมันใช่ไหม"
สายตาปราดไปมองโตโต้ ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับ"
"ภูมิรักมันใช่ไหม อ้อที่แท้ คนที่เปลี่ยนไม่ใช่พี่หรอกแต่มันเป็นภูมิ ภูมิเองที่ปันใจ"
"หึหึ พี่แทน"
หัวเราะออกมา ยกริมฝีปากสูงขึ้น
"ใช่ครับ ภูมิเพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน ว่าที่ผ่านมาภูมิรักใคร กับพี่แทนเองบางทีมันเป็นแค่ความรักระหว่างพี่น้อง แต่สำหรับพี่โต้ ภูมิรักเขามานานแล้ว รักตั้งแต่วันแรกที่เห็น พอใจไหมครับ อย่าหาว่าภูมิหลอกพี่เลยนะครับ ถือว่าเราหายกัน"
กัดฟันพูดออกมา คนที่ได้ยินหัวใจกระตุกดีดลิงโลดขึ้นมา แต่อีกคนเม้มปากแน่น
"มักง่าย"
"งั้นจะมาเรียกร้องอะไรจากคนมักง่ายคนนี้ล่ะครับ"
เสียงเขียวสายตาที่จ้องมองทำให้แทนทวีสะอึก
"เอ่อ พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ ภูมิ พี่ขอโทษ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าภูมิจะรู้สึกแบบนั้น ไม่มีใจเหลือให้พี่จริงๆเลยหรือภูมิ ภูมิไม่มีอะไรเหลือให้พี่แล้วจริงๆเหรอ"
"ครับ ใจที่มีให้ไปหมดแล้ว พี่ก็ขยี้มันด้วยเท้าแหลกรานไปหมดแล้ว กลับไปเถอะพี่แทน ต่อจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ต่อจากนี้เวลาเจอหน้ากัน ขอให้ทำเหมือนไม่รู้จักภูมิ เพราะภูมิเองก็จะมองพี่เป็นธาตุอากาศเหมือนกัน"
"ภูมิ"
ร่ำไห้ออกมาปิ่มใจจะขาด ทรุดตัวลงสะอึกสะอื้นกอดขาภูมิบุญเอาไว้
"พี่ขอโทษ พี่รู้แล้ว พี่เจ็บแล้ว ภูมิพี่ขอโทษ อย่าทำแบบนี้กับพี่เลย"
คำพูดของภูมิบุญไม่ได้สะกิดใจให้แค่แทนทวีเท่านั้นที่สะอึก อีกสองคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับมองหน้ากันหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ
"อย่าทำแบบนี้เลยครับพี่แทน อย่ามาร้องไห้ให้ภูมิเลย มันไม่มีค่าอะไรหรอก"
"ภูมิ ทำไมพูดแบบนี้ ไม่เห็นใจพี่เลยเหรอ ภูมิพี่ขอโทษ"
"ภูมิบอกแล้วนี่ครับ ภูมิยกโทษให้แล้ว อย่ามาทำแบบนี้ รู้ไหมสิ่งที่พี่ทำมันทำให้ภูมิรู้สึกรังเกียจ พี่ดูไม่มีค่าอะไรเลย"
คำพูดที่ทิ่มแทงใจเฉือดเฉือนไม่ได้อยากพูดออกไป แต่อยากตัดให้ขาด ไม่ต้องมามีเยื่อใยเหลือต่อกันอีก
"ภูมิ"
"ปล่อยเถอะพี่แทน"
"ใจร้าย ทำไมภูมิเป็นคนใจร้ายแบบนี้"
ยอมปล่อยขาแต่โดยดี ร่างกายสั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้นไห้ ภูมิบุญเองก็มองอยู่ด้วยสายตาที่สมเพชเวทนา
"ใช่ครับภูมิใจร้าย ภูมิเคยบอกพี่แล้ว ว่าอย่าให้ภูมิได้ทำ ทำไมครับพี่ ในเมื่อภูมิเคยไว้ใจพี่ แล้วพี่ยังทำกับภูมิได้เลย แล้วทำไมภูมิจะทำให้พี่รู้ไม่ได้ว่าเจ็บน่ะ มันเป็นยังไง เจ็บไหมครับ ถ้าเจ็บนั่นล่ะคือสิ่งที่ภูมิเคยรู้สึก อ้อ ถ้ายังมีโอกาสเจอแฟนพี่ อ้อไม่ใช่สินะแฟนคนนั้นของพี่ ฝากบอกเขาด้วยนะว่ามันยังไม่จบ มันง่ายไปกับสิ่งที่พี่กับเขาทำไว้กับภูมิ ในเมื่อภูมิยอมหลีกทางให้แล้วไม่ยอมปล่อยภูมิไปเอง ก็รับเอาไปเถอะความใจร้ายของภูมิ บอกเขารอรับหมายศาลได้เลย"
เหวี่ยงขาออกเดินเข้าบ้านไปแล้ว โตโต้ยิ้มแสยะออกมา บาสวิ่งเข้าไปเปิดประตูให้โตโต้เอารถเข้าบ้าน ส่วนแทนทวีนั่งเหลือกกลิ้งอยู่หน้าบ้านเหมือนคนไม่มีทางไป น่าอนาถใจแท้
ด้านพีทพอไม่มีที่ไปก็กลับไปบ้านหามารดาของตน พอก้าวเข้าบ้านก็เห็นมารดายืนถลึงตาใส่อยู่
"ทำไมสร้างแต่เรื่อง เนี่ยเห็นไหม หมายศาล"
ปาซองเอกสารทางราชการใส่หน้าลูกชาย
"อะไรกันล่ะแม่ หมายศาลอะไร"
"ก็แกไปทำอะไรไว้ล่ะ ห๊า โอ๊ยกลับมาทั้งทีนี่มาสร้างเรื่องให้ชั้นเหรอ"
"อะไรแม่ โอ๊ยอย่ามาพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม พีทเครียด"
"ชั้นสิควรจะเครียดกว่าแก ละเมิดลิขสิทธิ์เขา รู้ไหมเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ เกือบสิบล้าน!!"
"โว้ยแม่!! ไหน"
ร้องตวาดกลับไปเช่นกัน พอเปิดเอกสารออกดูถึงกับปล่อยให้มันร่วงลงหน้าซีด ทรุดลงกับที่
"แก ไอ้ภูมิ"
สายตาเคียดแค้นน้ำตาล้นออกมา พีทวิ่งขึ้นไปบนบ้านรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิกออกมา พยายามติดต่อกับทันแต่ทำยังไงก็ติดต่อไม่ได้
"อะไรแก ชั้นไม่มีอารมณ์มาคุยหรอกนะ"
พอมีโทรศัพท์เรียกเข้ามาก็รีบกดรับนึกว่าเป้นของคนที่รออยู่ แต่พอเป็นเพื่อนสนิทก็โวยวายใส่
"ย่ะ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะคุยหรอก แต่แกเล่นบทรักได้เริ่ดนะหล่อน แหมครางซะ ทำหน้าซะ"
"แกพูดอะไร"
"แหมอีนี่ เข้าไปดูในเวบสิยะ ดังใหญ่แล้วนะแก ตอนนี้หน้าแกว่อนไปทุกเวบแล้ว"
"อะไรนะ"
หัวใจสั่นไหวปาโทรศัพท์เข้าผนังห้องทันที
"กรี๊ด"
พีทกรีดร้องออกมา ล้มตัวลงบนเตียงร่ำไห้อยู่ ผลกรรมมันตามมาทันแล้ว ไม่ต้องรอชาติหน้าหรือชาติไหน รับเอาไว้ตั้งรับเอาไว้ให้มั่น เพราะมันยังมีอีกระลอกที่ใหญ่กว่าตั้งเค้ากำลังจะถาโถมเข้ามา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)