"แทน เป็นอะไร ออกมาคุยกับพี่ก่อน แทนเปิดประตูหน่อย"
หลังจากรับโทรศัพท์จากพีทเสร็จก็ทรุดตัวลง เสียงร้องของแพทย์หญิงศิริกานต์ทำให้แวนวิ่งออกมาดู แต่แทนทวีวิ่งขึ้นมาบนห้องของตัวเองแล้ว
"เปิดประตูให้พี่หน่อยแทน แทนมีอะไร เปิดประตูให้พี่หน่อย"
แวนยังคงทุบประตูเสียงดัง บิดามารดาเองก็ลุ้นอยู่ด้านล่างเกาะกุมกันอยู่
"อย่ามายุ่งกับผม ออกไป๊"
แทนทวีโต้ตอบลอดผ่านประตูออกมา
"แทน มีอะไร บอกพี่มาแทน พี่เป็นห่วงนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย"
น้ำเสียงอ่อนอ้อนวอน นานพอสมควรแทนทวีถึงยอมเปิดประตูให้ พอก้าวขาเข้าไปในห้องแวนเองถึงกับร้องออกมา
"แทน"
แทนทวีน้ำตาเอ่อนองหน้าหัวโดนทึ้งยุ่งเหยิงสภาพช่างน่าเวทนานัก
"มีอะไรแทน เกิดอะไรขึ้น"
แวนปรี่เข้าไปจับแขนเขย่าอยู่
"พี่ พีทเขาเป็นเอดส์"
"อะไรนะ"
แวนครางออกมาเปล่งเสียงแทบไม่ออก หน้าซีดเผือดลงร่างแทบทรุด
"ใจเย็นๆแทน เรายังไม่ได้ไปตรวจ อย่าเพิ่งตีโพยพีพายไปก่อน"
"ผมจะทำยังไงดี พี่แวน ผมจะทำยังไงดี"
"ไปตรวจกันแทน เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก"
"ผมกลัวพี่แวน ผมกลัว"
"เราไม่ได้ป้องกันเหรอแทน"
แวนถามขึ้นไม่ได้มีจุดประสงค์จะบั่นทอนความรู้สึกของน้องชาย เพราะตอนนี้เองความรู้สึกเขาคงไม่มีอะไรจะบั่นทอนหรือทำร้ายได้แล้ว เพราะมันแหลกสลายไปแล้ว
"ผมป้องกันตลอดนะพี่แวน ทั้งกับภูมิเอง ผมก็ป้องกันตลอด แต่พีทเองไม่อยากให้ผมใส่ถุงแต่ผมไม่เคยนะพี่ ผมจะติดไหม"
แทนทวีพูดออกมาดูเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"แทน งั้นไม่ต้องกลัว เราป้องกันตัวน่ะดีแล้ว พี่ว่ามันไม่ติดหรอก ดีแล้ว"
"ผมกลัวพี่"
น้ำตายังคลอที่เบ้าตาแวนเองก็พยายามปลอบ จนแทนทวีรู้สึกดีขึ้นจึงพากันไปตรวจ ระหว่างที่รอแทนทวีเหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่งสั่นกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้องตรวจ มือเย็นแต่เหงื่อเปียกชุ่ม แวนเองก็คอยกุมมืออยู่ตลอดเวลาไม่ห่าง ผลตรวจออกมาแล้ว แทนทวีไม่มีเชื้ออยู่ ครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกับพีทคือตอนที่บอกเลิกกับภูมิบุญมันนานมาแล้ว อีกทั้งทุกครั้งเขาก็ป้องกันตัวอย่างดี แม้ตัวพีทเองจะอ้อนวอนแต่แทนทวีก็ไม่ยอม ไม่เสียชื่อที่เป็นลูกของหมอ
"หมดเรื่องกันไปเสียทีนะลูก"
แพทย์หญิงศิริกานต์ลูบหัวบุตรชายปลอบอยู่
"พ่อครับแม่ครับ แทนอยากจะบวช"
ตัดสินใจแล้วผ่านเรื่องร้าย ทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ อยากจะทำจิตใจให้สงบหันหน้าพึ่งทางธรรมบ้าง หวังให้ใจเย็นลงสงบลงบ้าง มารดาถึงกับสะอึกน้ำตาร้องไห้ออกมา
"ดีแล้วลูก ดีแล้ว"
ไม่มีใครขัด ทั้งบิดามารดาต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนทวีบวชเงียบๆที่วัดที่จังหวัดตาก อยากออกห่างจากความวุ่นวายสับสนของเมืองใหญ่ ภูมิบุญเองพอรู้ข่าวก็ก็ตามขึ้นไปกราบขอขมา เพราะเป็นเวลาที่ต้องขึ้นเหนือกับโตโต้พอดี
"สบายดีเหรอโยม"
บาดลึกลงใจ น้ำเสียงที่เย็นสงบสายตาที่แน่นนิ่งไม่ไหวติง ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับหลวงพี่ กระผมสบายดี มากราบขอขมาหลวงพี่"
น้ำตาปริ่มออกมาแต่กระพริบตาถี่ๆไล่ม่านน้ำตาออกไป
"โยมภูมิ อาตมาไม่ติดใจอะไรแล้ว ที่ผ่านมามันเป็นวิบากกรรมของอาตมาเอง โยมเองเป็นคนดี หมั่นทำดีต่อไปนะ เรื่องที่แล้วที่ผ่านถือว่าชดใช้กรรมต่อกัน อย่าคิดอาฆาตแค้นต่อกันเลยนะโยม"
"กระผมไม่มีอะไรติดใจแล้วครับหลวงพี่ ไม่เคยติดใจอะไรกับใคร"
"ดีแล้วโยม โยมรู้ตัวไหมว่าโยมเป็นเหมือนเพชร อย่าเสียใจน้อยใจไปถ้าลิงมันจะไม่เห็นค่าของเพชร เพราะเพชรถึงอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเพชรก็ยังเป็นเพชรวันยังค่ำ ความดีมันจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับโยม เจริญพรนะโยม"
ก้มลงกราบพร้อมน้ำตา หลวงพี่เดินเข้ากุฏิไปแล้ว ส่วนภูมิบุญยังไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้น น้ำตาไหลออกมา โตโต้เข้ามาจับร่างดึงขึ้น
"ภูมิ"
"พี่ ภูมิดีใจเหลือเกิน ภูมิปลื้มใจที่เห็นหลวงพี่เขาคิดได้แบบนี้"
"เราไปกันเถอะภูมิ อนุโมทนากับพระท่านด้วย"
ทั้งสองประคองร่างกันออกไปจากวัด เนิ่นนานแสนนานกว่ามรสุมมันจะผ่านพ้นไป มีทั้งลูกน้อยลูกใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เผชิญอยู่ไม่ขาดตอน ต่อสู้ผ่าฟันกับมันมาตลอดไม่เคยหวั่น ไม่ได้อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ได้อยากให้มันบีบคั้นใครหลายๆคนแบบนี้ ชีวิตของแต่ละคนมันล้วนแล้วมีทางขีดไว้ให้ไปตามแต่ละบุญกรรมที่สั่งสมมา ชะตาชีวิตถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ผลกรรมที่กระทำหนุนให้สู่ที่หมายหรือร่วงลงที่ต่ำ
"ชั้นติดคนอื่นก็ต้องติดเหมือนกัน ชั้นไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวัง"
แม้จะไอเรื้อรังหน้าตาซูบผอม มือไม้เนื้อหนังเหี่ยวย่นลง ผิวพรรณที่เคยสดใสเปล่งปลั่งก็หมองหม่นลง พีทเองไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย ที่ไม่ยอมแพ้คือไม่ยอมอยู่นิ่งรักษามัน ทุกคืนเขาตระเวนออกไปหาเหยื่อ แถวสนามหลวงไปมาหมดแล้ว เปลี่ยนที่เป็นเธคที่สีลม ตลาดอตก แยกลำสาลี ที่ไหนที่มีแหล่งของเกย์เขาจะตระเวนไปทุกที่ และทุกคืนเขาก็จะมีคนติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกคน ทุกครั้งที่ระเริงรักเขาจะบอกให้คู่ขาไม่ต้องใช้ถุงยาง หรือถ้าใช้เขาเองก็จะแกล้งเอาเล็บจิกข่วนถุงยางนั้นให้มีสภาพไม่สมบูรณ์ คืนนี้ก็เช่นกัน พีทเอาเครื่องสำอางทาตัวลบเลือนริ้วรอยทั้งบนใบหน้าและตามตัว อาการทางร่างกายที่เริ่มฟ้องออกมามันไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด พอทาเครื่องประทินผิวลงไปใบหน้าที่เหี่ยวหมองไปก็กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม จุดหมายปลายทางของเขาคือเธอย่านรัชดา พีทบ่ายหน้าออกจากบ้านในเวลาที่ตนคิดไว้ พอไปถึงก็สอดส่องหาเหยื่อสายตาที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดี
"วันนี้ก็ครบสามร้อยแล้วสินะ หึหึ"
แสยะยิ้มออกมาสายตาก็ยั่วยวนมองหาเป้าหมายต่อไป
"เอ๊ะนั่นมันพีทนี่ ใช่พีทคนที่เคยมีเรื่องกับน้องภูมิไหมต้น ได้ข่าวว่าเป็นจ๊ะนี่"
หินนั่นเองเขามากับต้นและเพื่อนร่วมงานอีกสามคน ฉลองปิดโปรเจกต์ที่กาญจนบุรี พอต้นหันมาตามคำบอกเล่าของหินก็ซุบซิบกัน
"เลวที่สุด นี่มันกะจะเอามาแพร่เชื้อให้ทุกคนเหรอเนี่ย"
"อย่าไปยุ่งกับมันนะ"
พีทเองไม่ได้สนใจมองเดินรอบเธคอยู่มองหาคนที่เขาต้องการ สายตาไปสะดุดกับหนุ่มรุปร่างงามหน้าตาดีคนหนึ่งที่อยู่ในวงล้อมของผองเพื่อน ท่าทางเหมือนกำลังเรียนอยู่ไม่น่าจะเกินมหาวิทยาลัย พีทปรี่เข้าไปหาทันที
"น้องครับ น่ารักจังนะครับพี่เลี้ยงเหล้าเอาไหม"
โพล่งขึ้นกลางวง ของฟรีจะมีใครปฏิเสธอีกทั้งหน้าตาของคนที่เสนอเหล้าฟรีก็เด่นสะดุดตา เสียงน้องๆร้องขึ้นอย่างดีใจ
"อยากสั่งอะไรเต็มที่เลยครับน้องๆพี่ทุ่มไม่อั้น"
เป็นไปอย่างที่ใจคิด พีทแสยะยิ้มออกมาแล้วเข้าไปคลุกคลีกับเป้าหมาย
"เอาแล้วไหมล่ะ ไม่ได้นะต้องไปเตือนน้องเขาหน่อย อนคตจะดับวูบเพราะอีเปรตนี่แน่ๆ"
หินพูดขึ้นแล้วคอยสังเกตการณ์อยู่ พอถึงเวลาเธคเลิกน้องๆก็เมามายไม่ได้สติ
"เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะครับน้อง"
พีทไม่สนใจใครลากตัวเขาออกไปแล้ว
"นี่ต๊อป ทำไมทำแบบนี้ ทำไมเมาขนาดนี้ไหนบอกจะมาแป๊บเดียว"
หินปรี่เข้าไปทำท่ารู้จักพูดออกไปดึงแขนเขาไว้
"หือ พี่เป็นใคร"
"อย่ามาพูดแบบนี้นะต๊อป พี่เป็นใครก็เป็นเมียเธอน่ะสิ นี่แกเป็นใครปล่อยผัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ"
หินดึงมือเขาออกมาไม่อยากแตะตัวพีท แสดงท่ารังเกียจออกมา
"น้องพี่มีเรื่องจะบอก อย่าเพิ่งโวยวายไป"
หินกระซิบบอกเขา
"อะไรพี่ ไม่คุยผมจะไปกับพี่เขา"
"นอกใจพี่เหรอต๊อป ไปเลยแกอีหน้าด้าน ยังจะมายืนอยู่ ผัวเมียเค้าจะคุยกัน ไปให้พ้น"
หินแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมา พีททำหน้างงๆแล้วยอมเดินหนีไป จิ๊ปากออกมาแค้นใจอยู่แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น ที่นี่ไม่ได้ไปที่ใหม่ก็ได้
"ไอ้น้อง อยากเป็นเอดส์เหรอ ไม่รู้เหรอว่าอีนั่นมันเป็นเอดส์ เห็นแก่ของฟรีนะเรา"
พอพีทเดินห่างออกไปหินก็พูดขึ้น เพื่อนๆเขาหลีกทางให้กลับกันไปหมดแล้ว
"เฮ้ย พี่เอาอะไรมาพูด"
"หรือจะให้เรียกให้มันกลับมาหา หือ พี่รู้จักมันเพระมันเคยมีเรื่องกับเจ้านายของพี่ แต่มันไม่ได้รู้จักพี่หรอกนะ พี่ไม่ได้อะไรกับเราหนอกนะ แต่เห็นท่าทางเหมือนยังเรียนอยู่ ไม่อยากให้เสียอนาคต"
เขาเริ่มมีสติหน้าซีด
"ไปกลับบ้าน อย่าไปกับใครง่ายๆแบบนี้อีก"
หินบอกแล้วเดินหันหลังให้
"พี่ ขอบคุณมากนะครับ"
เขาเรียกไว้แล้วยกมือขึ้นไหว้ หินพยักหน้าให้
"พี่"
"อะไรอีก"
"ผมไม่เหลือตังค์เลยอ่ะ"
"นั่นให้มันได้อย่างนี้ มาเที่ยวอะไรไม่มีเงิน ปล่อยให้ไปกับอีเอดส์นั่นดีไหม"
ท่าทางของเขายังเมาร่อแร่อยู่ หินส่ายหน้า
"หลุดจากอีนั่นเดี๋ยวชั้นก็ฟาดเอาซะหรอก"
หินพูดออกมาก่อนจะไปส่งเขาที่หอพัก ส่วนพีทขับรถตรงไปยังสถานที่เดิมคือบริเวณวังสราญรมย์ วนรถอยู่สองสามรอบก็ได้เด็กมาสามคน ไปยังที่เดิม ทำเหมือนเดิมไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรม บาปที่ตัวเองรับมามันไม่พอเพียงมันต้องแผ่ให้คนอื่นได้รับกรรมนี้ด้วย กรรมหนอไม่มีวันยุติ ไม่มีวันจบสิ้น ร่างที่แบกเอาเชื้อโรคนำพามันไปทุกที่เพื่อแพร่กระจายมันออกไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่มีเพียงแต่เขาที่เป็น แต่ใครหลายคนที่ติดบ่วงกรรมไปด้วย อนิจจา บ่วงกรรมมันตีแผ่วงกว้างออกไปไกลแสนไกล จากคนนั้นไปคนนี้ จากแค่สามร้อย มันจะจบที่จำนวนเท่าไหร่ จากแค่สามร้อยที่เขาป้ายราคีให้ มันจะยังเพิ่มจำนวนต่อไป จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นอีกหลายพัน
ด้านพลอยงานแต่งงานถูกกำหนดขึ้นแล้วปลายปีหน้า จัดที่เดิมคือเขาค้อตอนนี้รักใคร่กับกายเป็นอย่างดีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำร่วมกันมามันผสานใจสองใจให้รักผูกพันกันเหนียวแน่น กายเองไม่คิดว่าจะรักพลอยได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเห็นว่าพลอยไม่ใช่แค่ผู้หยิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องคอยทำตัวหวานเพื่อให้หมู่ภมรมาตอม แต่พลอยเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ กริยามารยาทไม่ถึงกับดี จริตก็มีแต่พองาม ทำอาหารก็ได้ ทำงานก็เก่ง อีกอย่างคืนพลอยมีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่เอื้ออาทรต่อกันในทุกเรื่อง คอยพยุงฉุดรั้งกันในยามคับขัน ทางบ้านของกายพอใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก รักจนอยากจะจับแต่งให้เร็ววัน ส่วนบาสเองก็สอบเข้าคณะมัณฑณศิลป์ของสิลปากรได้ เขาดีใจมากแม้จะเรียนเป็นหน้าที่หลักแต่ก็ยังออกแบบงานให้กับทางบริษัทอยู่เรื่อยๆ บาสเป็นคนขยันหัวดี ไม่มีแววเกรเรก้าวร้าวเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่หอพักแล้ว เพราะเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของโตโต้ ห้องข้างๆภูมิบุญ บาสเองเอาไปเอามาก็ติดคุณอภิสรามาก เพราะเวลาออกแบบชิ้นงานมาก็เอามาอวด คุณอภิสราเองนอกจากเข้าวัดกับจันทร์แล้วก็มารอรับลุกหลานกลับจากเรียนหรือที่ทำงาน น่าประหลาดแท้แม้คนเหล่านี้จะไม่ใช่ลุกหลานในไส้ เป็นใครมาจากไหนก้ไม่รู้ แต่ความประพฤติกริยามารยาทมันมีค่ากว่าสายเลือดเสียอีก ทุกคนมีความสุข ความสุขที่ดูเหมือนจะเลือนหายไป หรือความสุขที่อาจจะมีความทุกข์เข้ามาบดบังในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว
"จอดตรงนี้ก่อนได้ไหมครับพี่โต้"
ภูมิบุญร้องขึ้นเมื่อกำลังเดินทางกลับที่พักหลังจากที่ขับรถตระเวนเที่ยวทั่ว ทั้งเมืองลำปาง ปลายเดือนธันวาคมอากาศที่หนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณบรรยากาศแห่งความสุข กระจายตลบอบอวลไปทั่ว ทุกพื้นที่ประดับประดาไปด้วยไฟแสงสี บ้านเล็กเมืองใหญ่ไม่ต่างกัน บรรยากาศของความสุขของใครหลายๆคน ดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า ลับปลายภูเขาที่อำเภอเถินที่สวยงามจับใจนัก แสงสีส้มอมแดงทาระยับอยู่ทั่วทั้งขอบฟ้า ภูมิบุญเปิดประตูรถออกไปสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกจ้องมองแผ่นฟ้านั้นเนิ่นนาน
"ดูได้แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวมืดก่อน"
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆหู โตโต้เดินเข้ามาสวมกอดจากข้างหลัง ไม่ขัดขืนไม่ค้านไหว แต่เอามือกอดกระชับแขนของเขาให้แน่นขึ้น
"ครับ ภูมิขอดูแป๊บเดียว สวยจังนะครับ"
"อืม ภูมิรู้ไหมพี่มีความสุขที่สุดเลยนะที่ได้มาที่นี่กับภูมิ"
"ภูมิก็มีความสุขครับ มีความสุขมาก"
ภาพชายสองคนที่ยืนโอบกอดกันอยู่ระหว่างทาง เบื้องหน้าเป็นหุบเขาสีเขียวจนดำ มองไกลออกไปเป็นเทือกเขาที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า เงาของทั้งคู่ทอดยาวพาดผ่านถนนไป สุขใจ อิ่มใจเหลือเกิน นานแสนนานที่แบกความทุกข์มา นานแสนนานที่ทนฝืนเกลียดชังกันมาทั้งที่หัวใจเอนไหวเข้าหากัน จะปิดบังความรู้สึกนั้นไปใย ในเมื่อหัวใจมันตรงกัน
"หลับตาก่อนสิภูมิ ยืนรอตรงนี้แป๊บนะ"
โตโต้บอกให้ภูมิบุญทำตามก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังรีสอร์ท ตระเตรียมกับทางรีสอร์ทให้เตรียมสถานที่ให้
"มีอะไรเหรอครับพี่โต้"
"ตามมาครับ เดินระวังนะ"
โตโต้โอบอยู่ด้านหลังดันร่างให้ไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ พอถึงที่ก็บอกให้ภูมิบุญลืมตา
"ลืมตาได้ครับภูมิ"
โคมไฟหลากสีสันปักห้อยอยู่บนไม้ไผ่ รายรอบไปด้วยตะเกียงเทียนบนพื้น โต๊ะตรงหน้ามันคืออาหารเย็นที่ประดับประดาไปด้วยแสงเทียน ดอกไม้ ภูมิบุญพอเปิดตาก็อ้าปากค้าง น้ำตาไหลออกมา
"พี่โต้"
โผเข้ากอดร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กอดแน่นสะอื้นไห้ออกมา
"ร้องไห้ทำไมครับคนดี หือ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ"
"มะ ไม่ใช่ ภูมิดีใจ ดีใจที่สุด"
โตโต้เองก็ยิ้มออกมาใบหน้าเปี่ยมสุข ภูมิบุญเองก็กอดกระชับแน่นกว่าเดิม วิมานบนดินที่โตโต้จัดเตรียมไว้มันได้พาหัวใจของภูมิบุญล่องลอยไปไกลแสนไกล หัวใจที่บอบช้ำมันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง กลัวไหมที่จะเริ่มรักใหม่ ไม่เคยกลัวกับความรัก ไม่ได้มั่นใจ แต่ไม่มีอะไรให้ต้องพะวง จะรักก็รัก จะมีใจก็ปล่อยมันไป นี่มันคือใจฉัน นี่มันคือความสุขของฉัน จะเจ็บอีกแล้วยังไง จะทรมานอีกมันก็ไม่ตาย รักมากยิ่งทุกข์มากแต่ใช่ว่าทุกคนจะหล่อเลี้ยงความรักเหมือนกัน ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่เติมเต็มความสุขให้ใจได้ตลอดเวลา เวลาที่ร่างท้อใจเหี่ยว เวลาที่เราต้องการใครสักคน ก็ได้แค่หวังว่าเขาคนนี้จะยืนอยู่เคียงข้างกัน จะว่าไปแล้วชายคนนี้อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ตั้งแต่เขากลับมาแม้จะไม่ลงรอยกันแต่เขาก็อยู่ข้างๆตลอดมา ขอให้อยู่อย่างนี้ตลอดไปเถอะนะ แม้ผมจะทำตัวไม่ได้น่ารักเหมือนนางเอกในละคร ก้าวร้าวปากเสียไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีใจไว้เผื่อให้ใครอื่นอีก รักเพียงคนเดียว รักมาเนิ่นนาน ที่รักของผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น