"ภูมิ หายไปไหนมาเนี่ยโทรหาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ติด เราเป็นห่วงนายมากนะ"
ทันทีที่เห็นหน้าภูมิบุญพลอยก็ปรี่เข้ามาจับแขนกระตุก ภูมิบุญก้มหน้านิ่งคิดอยู่ในใจว่าควรจะเล่าให้เพื่อนฟังดีหรือไม่
"เป็นอะไรไปภูมิ เกิดอะไรขึ้น"
"นั่นสิภูมิ นายมีอะไรหรือเปล่า บอกพวกเราได้นะ"
ก้องเสริมอีกแรง ภูมิบุญถอนหายใจแล้วสูดเข้าไปใหม่ จับมือก้องกับพลอยแล้วนั่งลงเก้าอี้ ตัดสินใจเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟัง เพราะไม่อยากเก็บความทุกข์นี้ไว้ในใจคนเดียว อย่างน้อยก็ได้ระบายมันออกมาบ้าง วิบากกรรมที่เขาต้องทนยอมรับแบกมันไว้แต่เพียงผู้เดียว
"ไม่ได้นะภูมิ นายจะยอมไม่ได้"
"เลว ชาติชั่ว มันคิดว่ามันเป็นใคร ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ"
ก้องสบถออกมาสายตาเคียดแค้นแทนภูมิ นี่ขนาดทั้งสองไม่ได้เจอมากับตัวยังรู้สึกโกรธแค้นได้เพียงนี้ถ้าเกิดเจอ เข้าเอง ทั้งสองจะรู้สึกยังไง
"นั่นสิ ลำพังไอ้บ้าอำนาจในบ้านก็เหลือรับแล้ว ยังไม่วายต้องมาเจอกับอีบ้าผู้ชายแบบนั้นอีก เราเห็นใจนายจริงๆนะภูมิ"
พลอยบีบมือภูมิบุญแน่น สายตาสงสารและเห็นใจไม่แพ้กันกับก้องเลย
"นายบอกคุณเจ้าของบ้านไปเถอะภูมิ พูดออกไปเลย ลูกชายเขาเลวก็ควรจะให้เขารู้"
"เราว่านายออกมาอยุ่หอดีกว่า เดี๋ยวเราหาช่วย อาเรามีหอให้เช่า แต่ไกลจากมอหน่อย แต่เราว่าก็ยังดีกว่าทนอยู่ในที่แบบนั้น"
พลอยแนะนำแล้วมองหน้าภูมิบุญ
"แต่แม่ล่ะ แม่จะเข้าใจเราไหม"
"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะภูมิ แม่นายต้องเข้าใจสิเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น แต่ท่านยังไม่รู้ ถ้ารู้แล้วคงไม่ยอมหรอก ไม่มีแม่คนไหนทนเห็นลูกตัวเองถูกคนอื่นรังแกหรอกนะ"
พลอยแสดงความเห็นออกมา ทั้งสามสนทนากันอยู่นานจนถึงเวลาเข้าเรียน ภูมิบุญรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยก็มีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ พลันก็คิดขึ้นมาได้ว่าไม่เหตุอันใดที่ตนจะต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ ยอมก้มหัวให้เขาโขกสับ มีแต่คนคอยเหยียบอยู่อย่างเดียว พอรับน้องตอนเย็นเสร็จก็เดินออกไปทางสามย่านเพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน
"ภูมิๆ กลับบ้านเหรอ ป่ะกลับกับพี่"
แทนทวีมายืนดักรอภูมิบุญอยู่หน้าทางออก ภูมิบุญหันไปมอง
"ไม่เป็นไรครับพี่ ผม"
พูดยังไม่ทันขาดคำเหลือบไปเห็นนิตากำลังปรี่ตรงเข้ามาหา
"อ้อ ได้ครับพี่แทน แล้วพี่จอดรถไว้ไหนครับ"
ภูมิบุญเปลี่ยนเสียงทันที พลอยกับก้องมองหน้ากัน แทนทวีเองก็ทำหน้างงเอ๋ออยู่
"ต๊าย แทนมาทำอะไรอยู่นี่คะ นิตาจะชวนไปกินข้าว"
เสียงแปร๋นมาแต่ไกล แทนทวีทำหน้าเซ็งจัดทันที
"อย่าบอกนะแทนว่ามาวอแวกับอีตุ๊ดนี่น่ะ"
นิตาจาบจ้วงเสียดแทงทันทีที่มีโอกาส
"พูดอะไรน่ะนิตา เราบอกเธอแล้วนะ ว่าห้ามมายุ่งกับน้องภูมิอีก"
"อะไรกันคะแทน นี่แทนเห็นอีนี่มันดีกว่านิตาเหรอ"
"ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ ก็ใช่"
"กรี๊ดดด นิตาไม่ยอมนะแทน แล้วที่ผ่านมา"
"โอ๊ย เข้าใจบ้างสิหล่อน ที่ผ่านมาน่ะ คืออดีต หล่อนน่ะมันเป็นอดีต ส่วนฉันมันคือปัจจุบัน และอนาคต"
ภูมิบุญยกริมฝีปากขึ้น ปรี่เข้าเกาะแขนแทนทวีทันที แสดงจริตสะดีดสะดิ้งใส่
"กรี๊ดดด อีภูมิปากดีนะมึง"
นิตาปรี่เข้ามาหมายจะตบหน้าภูมิบุญ แต่แทนทวีเอาตัวออกมาบังไว้ถลึงตาใส่
"แทนจะเอายังไงคะ ทำแบบนี้กับนิตาไม่ได้นะ"
"พี่แทน ภูมิอยากกลับบ้านแล้วอ่ะครับ หนวกหูชะนีอยากมีผัวแถวนี้จังเลย"
ภูมิบุญเอาตัวเบียดเข้าหาแทนทวีกอดแขนไว้แน่น แทนทวีดึงแขนภูมิบุญให้เดินตามไปที่จอดรถทันที
"อีภูมิ มึงอย่าคิดว่ามึงจะแย่งแทนไปจากกูได้นะ กูไม่ได้ มึงก็อย่าหวังว่ามึงจะได้"
นิตากัดปากตัวเองยืนตัวสั่นอยู่ พลอยกับก้องยิ้่มเยาะเย้ยถากถางเต็มที่เหมือนกัน
"ภูมิ เรานี่ร้ายเหมือนกันนะ"
แทนทวีพูดขึ้นระหว่างที่รอสัญญาญไฟตรงใต้ทางด่วนพระรามสี่
"ขอโทษนะพี่ ที่ดึงพี่เข้ามาเกี่ยวข้อง พี่จอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้ครับ เดี๋ยวภูมิกลับเอง"
ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่ว่าทำแบบนี้ผลร้ายมันอาจจะมากกว่าผลดี เพราะดูท่านิตาคงไม่ยอมรามือง่ายๆ
"อ้าว ไม่ได้พูดจริงหรอกเหรอ พี่ดีใจนะเนี่ย ที่จะให้พี่เป็นปัจจุบันและอนาคตของภูมิน่ะ"
แทนทวียิ้มยิงฟันยาวเต็มดวงหน้า
"เอ่อ"
"ไม่รู้ล่ะ รับผิดชอบที่พูดด้วย ไม่งั้นพี่เองก็ไม่ยอมนะ"
ภูมิบุญได้แต่ถอนหายใจ นี่มันอะไรกัน นี่หรือคือผลของการกระทำแบบไม่ได้ยั้งคิดให้ถ้วนถี่ก่อน
"พี่ ผมถามจริงๆเถอะ พี่อยากได้อะไรจากผมครับ ผมไม่มีอะไรให้พี่นะ ผมไม่มีอะไรควรค่ากับพี่สักอย่าง"
ภูมิบุญพูดออกไปเพราะมันคาใจมานานว่าทำไมแทนทวีถึงคอยตามตอแยไม่ยอมเลิกรา
"ภูมิ ภูมิไม่ต้องมีอะไรมาให้พี่หรอก พี่ไม่อยากได้อะไรจากเรา แค่สนใจพี่บ้าง พี่ชอบเรานะ ชอบตั้งแต่เห็น ยิ่งได้เห็นยิ่งชอบ ไม่รู้สิ มันอาจจะดูลิเกไปหน่อย แต่พี่ชอบเราจริงๆให้ตายเถอะ ถ้าพี่จะขออะไรจากเรา พี่ขอหัวใจเราได้ไหมล่ะ"
ภูมิบุญสะอึก พูดไม่ออก ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดความในใจออกมาแบบนี้ไม่ได้เตรียมใจรับฟัง ภูมิบุญนิ่งไม่ปริปากอะไรอีกมีแต่แทนทวีที่ชวนคุย ภูมิบุญก็คุยไปตามารยาทจนถึงบ้าน
"น่าจะไปกินข้าวกับพี่นะ เนี่ยขับเลยไปหน่อยก็มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆ"
แทนทวียังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
"ขอโทษครับพี่ แม่รอกินข้าวอ่ะครับ เอาไว้วันหลังนะครับ"
"สัญญาแล้วนะ"
ภูมิบุญพลาดอีกแล้ว ไม่น่าบอกไปแบบนั้นเลย
"ขอบคุณนะครับพี่ที่มาส่ง"
ภูมิบุญยกมือไหว้แล้วลงจากรถทันที เดินเข้าประตูเล็กแต่ก็ต้องชะงักเพราะโตโต้ยืนแสยะยิ้มรออยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน
"หึหึ ไวไฟนะมึง ให้ไปเรียนนะไม่ได้ให้ไปหาผัว"
เสียดแทงใจแต่ก็เม้มปากไม่โต้ตอบ เดินเลี่ยงไปเสีย
"เดี๋ยว มาคุยกันก่อน"
โตโต้ลุกขึ้นมาดึงแขนเอาไว้
"ผมไม่มีอะไรจะคุย"
"กูมี เรื่องเมื่อกลางวันน่ะ"
"ผมไม่พูดหรอกครับ ไม่ต้องกลัว แต่ผมจะไปบอกคุณท่านว่าจะไม่อยุ่ที่นี่แล้ว ทีนี่คุณโตโต้ก็สบายใจได้ ปล่อยผมได้หรือยัง"
ภูมิบุญหันมาจ้องตาโตโต้แล้วสะบัดมือออก โตโต้นิ่งเงียบอยู่ในใจเริ่มวิตกกังวล ภูมิบุญเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง นั่งลงเตียงคิดไตร่ตรองอยู่
"กลับมาแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง หน้าตาไม่สู้ดีเลย"
จันทร์เดินเข้ามาในห้อง
"ตายแล้ว ไปโดนอะไรมาภูมิ ทำไมเนื้อตัวถลอกปอกเปิกแบบนี้"
จันทร์ร้องเสียงสูงเมื่อเห็นสภาพลูกชาย ปรี่เข้าหาแล้วจับดูตามเนื้อตัว
"แม่ ภูมิอยากไปอยู่หอ"
"อะไรกันภูมิ มีอะไรรึเปล่าลูก"
จันทร์ชักสีหน้าวิตกมองหน้าภูมิบุญ
"คือภูมิเรียนหนักครับแม่ เทียวไปเทียวมามันลำบาก"
ภูมิบุญพยายามสร้างเหตุผลขึ้นมาเพื่อให้คำขอมีน้ำหนัก
"ภูมิ เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วไม่ใช่เหรอ แม่ไม่เข้าใจ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก"
จันทร์ไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิด พอเห็นสีหน้าท่าทางของลูกชายก็รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แม้ภูมิบุญจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาต่อหน้ามารดาหรือผู้ใหญ่แต่ความในใจ มันก็เกินจะกักเก็บ ภูมิบุญพอโดนจี้เข้าก็ก้มหน้านิ่งน้ำตาไหลออกมา
"แม่ ภูมิขอโทษ ภูมิขอโทษ แต่ภูมิทนไม่ได้แล้วแม่"
ภูมิบุญร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกที่เห็นน้ำตาลูกชาย ภูมิบุญกอดแม่สะอื้นออกมาอย่างเหลืออด จันทร์ตกใจแต่ก็กอดลูกชายปลอบโยนอยู่ ภูมิบุญตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง
"ตายจริง ทำไมคุณโตโต้ถึงใจไม้ใส้ระกำแบบนี้ แม่เลี้ยงมากับมือแท้ๆ ทำไมถึงได้ทำกันถึงเพียงนี้คุณโตโต้
จันทร์คร่ำครวญออกมาเพราะเวลาที่อยู่ต่อหน้าจันทร์โตโต้ก็ยังเป็นเด็กที่เคยเลี้ยงมากับมือ ไม่มีวี่แววว่าจะดุร้ายอย่างที่ภูมิบุญบอก แต่สภาพของลูกชายก็เกินกว่าจะคิดเอาเองว่าโตโต้โดนใส่ความ ยังไงก็ต้องพิสูจน์ดู จันทร์บอกกับตัวเอง
"เอาเถอะภูมิเดี๋ยวแม่ไปบอกคุณท่านให้ ไปอยู่ข้างนอกก็ดี แม่ขอโทษนะภูมิ แม่ไม่คิดว่าจะทำให้ภูมิลำบากใจ"
จันทร์น้ำตาซึมกอดลูกชายไว้ แม้จะเลี้ยงดูโตโต้มากับมือแต่ยังไงเสียก็รักลูกชายของตนเกินกว่าที่จะให้มา เผชิญเรื่องราวต่างๆแบบนี้ ตอนนี้จันทร์ได้แต่ลูบหัวลูกชายปลอบประโลมอยู่ ในใจก็คิดไปไกลแสนไกล คนที่มี้เรื่ิองกับภูมิคือลูกของนายที่รัก ความลำบากใจเข้ามาครอบคลุม สีหน้าแสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด พอถึงเวลาอาหารเย็นภูมิบุญหลบหน้าทุกคนเพราะเนื้อตัวที่ถลอกเป็นรอยฟกช้ำ คุณอภิสราถามหาภูมิบุญแต่จันทร์บอกว่าภูมิบุญไม่ค่อยสบายจึงขอตัวนอนพักผ่อนก่อน พอพูดจบก็มองไปที่โตโต้สายตามองตำหนิเหลือเกินจนโตโต้รู้สึกประหลาดใจ
"เป็นอะไรมากไหมตาภูมิน่ะ ฉันว่าแล้วเชียวเห็นไหมโดนน้ำครำเมื่อเช้าแน่ๆ"
"กินยาไปแล้วคงดีขึ้นค่ะคุณท่าน"
"อืม ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นต้องพาไปหาหมอนะจันทร์ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีโรคประหลาดๆอยู่ด้วย"
"ค่ะ คุณท่าน"
จันทร์ก้มหน้าตัดสินใจอยู่ว่าจะบอกหรือไม่บอกเรื่องที่ภูมิบุญร้องขอ พอคุณอภิสราไปทานของว่างที่หน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขกตามปกติจันทร์ก็เข้าไป นั่งลงใกล้ๆ
"คุณท่านคะ เอ่อ" จันทร์ลังเล
"ว่าไงจ๊ะจันทร์ เห็นอมพะนำอยู่นานแล้ว มีอะไรรึ"
คนที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าสามสิบปีย่อมดูสีหน้าอาการกัน ย่อมรู้ใจไม่มากก็น้อย คุณอภิสราสังเกตุความผิดปกติของจันทร์ตั้งแต่เมื่อตอนเย็น
"คือ ภูมิน่ะค่ะ" พอพูดแล้วก็เม้มปากคิดทบทวนอีกรอบ
"ว่าไงจ๊ะ จันทร์ ตาภูมิมีอะไร"
คุณอภิสราจ้องหน้าจันทร์วางของกินในมือลง
"ภูมิเขามาขอไปอยู่หอน่ะค่ะคุณท่าน"
จันทร์พูดออกไปเสียงเบาจนเหมือนกระซิบ
"อะไรน๊ะ มีอะไรจันทร์เธอพูดออกมา ทำไมตาภูมิถึงอยากจะไปอยู่หอ ไม่ได้ ฉันไม่ยอม"
คุณอภิสราขึ้นเสียงสูงมองจันทร์ด้วยสายตาที่ต้องการคำตอบ
"เอ่อ คือภูมิเขาบอกว่าลำบากเดินทางน่ะค่ะคุณท่าน"
"อะไรกัน เรื่องแค่นี้ เดี๋ยวชั้นให้ลุงหมายไปส่งไปรับเอง"
"ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน จันทร์ให้ลูกรบกวนคุณท่านมามากแล้ว"
"หยุดนะจันทร์ เธอพูดออกมาแบบนี้ได้ยังไง เห็นฉันเป็นอะไร ที่ผ่านมาเธอเลี้ยงดูตาโตโต้ให้ฉันมาตั้งแต่เล็กจนโตฉันยังตอบแทนเธอไม่หมดเลย แล้วนี่อะไรกัน ฉันเห็นภูมิเป็นลูกเป็นหลานถูกตาต้องใจ เธอมีอะไรว่ามาตรงๆเลยจันทร์ ภูมิมีปัญหาอะไรใช่ไหม"
คุณอภิสราจี้โดนใจ จันทร์อึกอักอยู่พูดไม่ออก
"งั้นฉันไปถามเอาจากภูมิเอง"
"คุณท่านคะ อย่าเลยค่ะ ภูมิไม่มีอะไรจริงๆ"
"ไม่มีนี่ล่ะถึงจะไปถาม เธอมีอะไรกันจันทร์ทำไมต้องปิดบังฉัน"
คุณอภิสราลุกจากที่ทันที จันทร์ตกใจลุกขึ้นตามไม่รู้จะขวางไว้หรือทำยังไงต่อไปดี เพราะรู้ดีแก่ใจว่านายใหญ่ของบ้านนี้แม้จะเป็นหญิงแต่ใจนักเลงเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นคงดูแลธุรกิจนับพันล้านไม่ได้โดยลำพังคุณอภิสราบุกไปถึงห้องของภูมิบุญที่กำลังนอนคะแคงร้องไห้อยู่เพราะคิดว่าตน ได้สร้างความลำบากใจให้มารดาแล้ว พอคุณอภิสราเปิดประตูเข้าไปภูมิบุญก็สะดุ้งรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ใบหน้าแสดงความตกใจออกมาจนซีดเผือด
"คุณท่าน" ภูมิบุญอุทานออกมา
"ตายแล้ว เป็นอะไรไปลูก ใครทำอะไรมา ตายๆๆ ทำไมฟกช้ำดำเขียวแบบนี้"
คุณอภิสราร้องเสียงหลงปรี่เข้าหาภูมิบุญจับตามตัว
"ใคร ใครทำอะไรบอกป้าซิลูก"
เสียงของคุณอภิสราแสดงความห่วงใยออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แววตาห่วงหาอาทร
"ไม่มีอะไรครับ คุณท่าน ผมหกล้มนิดหน่อยครับ"
ภูมิบุญก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตา
"ไม่จริง ป้ารู้เรื่องแล้ว ต้องมีอะไรแน่ๆ บอกป้ามานะภูมิ เกิดอะไรขึ้น"
"คุณท่านคะ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ ภูมิแค่หกล้มนิดหน่อย"
"พอกันทีจันทร์ นี่เธอเห็นชั้นเป็นเด็กอมมือเหรอ เนื้อตัวฟกช้ำขนาดนี้จะหกล้มอะไร หรือเห็นชั้นเป็นอีแก่ หูหนวกตาบอดอยู่ใช่ไหม"
คุณอภิสราขึ้นเสียงจ้องหน้าจันทร์ไม่ยอมลดละเช่นกัน
"คุณท่านคะ จันทร์กราบขอโทษด้วย จันทร์บอกไม่ได้จริงๆ"
จันทร์ปล่อยโฮออกมานั่งทรุดตัวลงกับพื้น เอามือกุมหน้าร้องไห้สะอื้นอยู่ ภูมิบุญเม้มปากคลานลงจากเตียงมากอดประคองแม่ไว้ คุณอภิสรานิ่งมองอยู่ครุ่นคิด
"อ้อยๆ มาหาชั้นหน่อย อ้อย"
คุณอภิสราสีหน้าไม่สู้ดี ร้องเรียกหาอ้อย
"ค๊ะ คุณท่าน มีอะไรหรือเปล่าค๊ะ"
อ้อยวิ่งกระหืดกระหอบมาหา พอเห็นจันทร์กับลูกชายก็ต้องผงะตกใจคิดว่ามีเรื่องอะไรกัน
"ไปตามตาโตโต้ให้ชั้นหน่อย บอกมาเดี๋ยวนี้"
คุณอภิสราสั่งคำประกาศิตไป อ้อยรนรานขึ้นมา แต่ก็รีบวิ่งขึ้นตึกใหญ่ไป
"เอาล่ะจันทร์ เธอไม่ต้องพูด ฉันไม่ใช่คนโง่ พอจะดูรู้ว่าอะๆไรมันเป็นมายังไง เกี่ยวกับตาโต้ใช่ไหม"
คุณอภิสราเดินไปนั่งที่เก้าอี้อ่านหนังสือของภูมิบุญ สายตายังไม่ยอมละจากแม่ลูกที่กอดปลอบกันอยู่ ทั้งสองนิ่ง
"ไม่ค่ะ คุณท่าน ไม่เกี่ยวกับคุณโต้"
"แล้วเกี่ยวกับใคร เธอไม่ต้องมาปิดชั้นจันทร์ คนในบ้านอยู่กันไม่เป็นสุขฉันทนนิ่งอยู่ไม่ได้หรอกนะ มีอะไรก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง"
คุณอภิสราพูดเสียงหนักแน่นสายตาจับจ้องอยู่ พอโตโต้เดินเข้ามาก็หน้าถอดสีทันที ไม่ยอมก้าวเข้าประตูห้อง
"ว่าไงตาโต้ อธิบายให้แม่ฟังหน่อยซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำอะไรน้องหรือเปล่า"
เสียงห้วนดุดังก้องห้อง สายตาจิกอยู่ที่ใบหน้าลูกชาย
"เอ่อ ผม"
กลายเป็นคนติดอ่างไปทันที ตาหลุบลงพื้น
"เราใช่ไหมตาโต้"
คุณอภิสราจี้ไม่ยอมเว้นช่องว่าง
"ผม ปะ"
"อย่าบอกว่าเปล่า แม่ไม่เคยสอนให้ลุกเป็นคนไม่รับผิดชอบแบบนี้ เป็นลูกผู้ชายทำอะไรลงไปต้องกล้ายอมรับสิ ฝีมือเราใช่ไหม"
คุณอภิสราลุกขึ้นตรงเข้ามาหาบุตรชาย โตโต้พยักหน้าเพราะคงปิดไม่ได้แล้ว
"ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น มีอะไรกัน ห๊า"
คุณอภิสราเขย่าแขนลูกชายตัวโต
"ผม ผม"
"คุณท่านครับ ภูมิผิดเองครับ ภูมิมีทิฐิกับคุณโตโต้เอง คุณโตโต้ไม่ได้ทำอะไรครับ"
ภูมิบุญพูดขึ้นน้ำตายังคลอเต็มเบ้าตา
"ภูมิ ป้ารู้ว่าเราลำบากใจ ไม่ต้องพูดแล้ว ป้าอยากจะรู้จากปากของโต้เอง"
เสียงเปลี่ยนจากห้วนดุเป็นอ่อนโยนลงจนอีกฝ่ายที่ได้ยิน ทั้งประหลาดใจทั้งหมั่นไส้
"ว่าไงตาโต้ ตกลงมีอะไรกัน"
หันกลับมาหาลูกชายแต่เสียงกลับแข็งห้วนเหมือนเดิม
"แม่ ผมไม่เข้าใจ ทำไมแม่ต้องโอ๋มันขนาดนี้ด้วย"
โตโต้เริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของมารดา เปล่งเสียงขึ้นแสดงสีหน้าอาการออกมา
"อย่านอกเรื่อง ตอบที่แม่ถาม มีอะไรกัน"
เสียงที่คมยิ่งนัก พูดหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
"ใช่ ผมทำมันเองล่ะ" โตโต้สารภาพ
"ทำไม ทำน้องทำไม"
เสียงคุณอภิสราเริ่มสั่นเพราะโกรธจัด หน้าตาโตโต้เริ่มลอยไม่สนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเบื้องหน้า
"ผมไม่ชอบขี้หน้ามัน ตั้งแต่แรกเจอแล้ว ผมไม่อยากให้มันอยู่ในบ้านนี้"
โตโต้ตะโกนออกมา สายตากวาดไปหาภูมิบุญกับจันทร์ มองภูมิบุญอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ คุณอภิสรานิ่งมองหน้าลูกชาย สุดลมหายใจเข้าพยายามระงับอารมณ์
"เพราะอะไรโต้ บอกแม่ได้ไหม"
เสียงนิ่งเรียบเย็นจนน่ากลัว โตโต้พอได้ยินถึงกลับเป็นฝ่ายที่สั่นเอง
"เอ่อ ไม่รู้ ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าเกลียดมัน"
เริ่มที่จะเบนประเด็นไปทางอื่น
"ฮึ่อ ตาโต้ เราโตแล้วนะลูก มีเหตุผลกลใดถึงไม่ชอบหน้าน้องขนาดนั้น ถึงแม้ไม่ชอบกันแค่ไหนก็ตาม จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้ แม่พยายามพร่ำสอนเรามาตลอด อย่าดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ทำอะไรให้คิดให้ดี มีเหตุมีผล แล้วนี่อะไร เสียสติไปแล้วหรือ ตอบแม่มา"
คุณอภิสราเสียงนิ่งตอนต้นประโยค แต่กลับเสียงดังสูงขึ้นตอนท้ายจนเป็นตวาด
"คุณท่านครับ ผมผิดเอง ให้ผมออกไปอยู่หอเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณโตโต้กับคุณท่านลำบากใจ ผมกราบล่ะครับ"
ภูมิบุญถลาเข้ากราบแทบเท้าคุณอภิสรา ร่ำไห้อยู่
"ตายแล้ว ภูมิ ไม่เอาลูก ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ ภูมิจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ป้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเราอีก ฟังคำชั้นไว้นะทุกคน จะพูดเป็นครั้งเดียวครั้งสุดท้าย ต่อแต่นี้ห้ามใครรังแกใครในบ้านหลังนี้ หรือแม้แต่ข้างนอกบ้าน ถ้าหากว่าชั้นรู้ อย่าหาว่าชั้นใจร้าย ตาโต้จำไว้ เราเป็นพี่ เรามีอะไรเหนือกว่าน้องทุกอย่าง อย่าใจแคบรังเกียจคนอื่นเพียงเพราะเขาคิดเห็นไม่เหมือนตัว ถ้าแม่รู้แม่ก็ไม่ไว้หน้าเราเหมือนกัน"
"แม่"
คุณอภิสราดึงภูมิบุญขึ้นมากอดไว้ในอก จันทร์เองก็ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ ส่วนอ้อยยืนตัวสั่นกอดประตูอยู่เพราะตั้งแต่อยู่ที่บ้านหลังนี้มาไม่เคยเห็น คุณอภิสราโกรธเท่านี้มาก่อน
"ผมเป็นลูกแม่นะ ทำไม ผมไม่เข้าใจ แม่รักมันมากกว่าผมเหรอ"
"หยุดโวยวายเสียที แม่รักโต้เท่าเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ใช่ว่าพอแม่รักเราจะมาทำกับคนอื่นเขาแบบนี้"
โตโต้ได้แต่เม้มปากกัดฟัน โกรธแค้นภูมิบุญอยู่ในใจ มองด้วยสายตาอยากจะขย้ำให้แหลกคามือไปเสีย โตโต้ผละออกจากห้องไปแล้วบึ่งรถออกไปนอกบ้านทันที ส่วนภูมิบุญก็สะอื้นไห้อยู่ คุณอภิสราก็ปลอบ จันทร์เองก็ได้แต่พร่ำขอโทษขอโพยอยู่ไม่ขาดปาก จนดึกจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน บทสรุปคือภูมิบุญออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้เพราะนายใหญ่ไม่ยอม แค่คิดก็ไม่ยอมแล้ว พอทุกคนออกจากห้องไป
"หึหึ คุณบีบให้ผมทำแบบนี้เองนะคุณโตโต้ ผมเตือนคุณแล้ว"
ภูมิบุญแสยะยิ้มออกมาแล้วเดินไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ เป็นวันที่เขาแสดงละครได้สมบทบาทที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น