ฉากที่สอง
ภูมิบุญตื่น แต่เช้าช่วยอ้อยกับจันทร์ทำงานบ้านตามปกติ พอเสร็จก็ไปอาบน้ำเดินเล่นอยู่หลังบ้าน
“ภูมิๆ มานี่หน่อยจ๊ะ ป้ามีอะไรจะให้ดู”
เสียงคุณ อภิสราร้องเรียกอยู่ระเบียงตึกใหญ่ ภูมิบุญหันไปมองแล้วเดินไปตามเสียง
“ครับคุณ ท่าน”
“นี่ ภูมิว่าเฟอร์นิเจอร์สวยไหม ป้าเลือกไม่ถูกเลย แต่เซ็นต์อนุมัติไปแล้วล่ะ”
คุณอภิสรา ส่ง แฟ้มในมือยื่นให้ภูมิบุญดู เป็นรูปเฟอร์นิเจอร์ไม้ลวดลายต่างๆกันมีภาพรีสอร์ทติดภูเขามีแม่น้ำสายเล็กๆ พาดผ่าน ความเขียวขจีของฉาก หลังตัดกับรีสอร์ทสีน้ำตาลเข้ม
“สวยดีครับ คุณ ท่าน”
ภูมิบุญบอก แล้วพลิกดูหน้าถัดไป
“ป้าว่าจะ รอจน กว่าตาโตโต้กลับมาค่อยให้เขาไปดู แต่ทางโน้นก็เร่งให้เซ็นต์เหลือเกินบอกว่าของมีน้อยต้องรีบเอา เนี่ยตัวละเกือบหมื่นเชียวนะภูมิ”
“เอ่อ อะไรนะครับคุณท่าน เกือบหมื่นเลยเหรอครับ”
ภูมิร้อง เสียงหลงเพราะไม่เชื่อหูตัวเองว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้สีทึมๆเหล่านี้จะตัวละ เกือบหมื่น
“ใช่จ๊ะ มีอะไรหรือ”
“ปะ เปล่าครับ เพราะภูมิคิดว่ามันเกินราคาไป ถ้าแถวบ้านภูมิถ้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเก่าๆแบบนี้ไม่แพงขนาดนี้นะครับคุณท่าน อย่างมากถ้าเกือบหมื่นนี่ก็ได้มาทั้งเซ็ต อีกอย่างรีสอร์ทคุณท่านด้านนอกสีน้ำตาลแก่ แต่ด้านในทาสีเบจอ่อนๆ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยจะเข้ากันน่ะครับ”
ภูมิออก ความ คิดเห็นออกไป แล้วเหมือนคิดขึ้นมาได้
“ผมขอโทษนะ ครับคุณท่าน ผมนี่แย่จริงความรู้ก็ไม่มีในด้านนี้ยังจะมาวิจารณ์อีก”
“ไม่เป็นไร จ๊ะ ดีเสียอีกที่ป้าจะได้มีคนให้คำปรึกษา ป้าเองก็ไม่ได้ดูรายละเอียดนักหรอกจ๊ะ มีคนดูให้”
คุณอภิสรา พูด แล้วทำท่าคิด
“แล้วภูมิ ว่า ควรจะเอาแบบไหนดีจ๊ะ”
ภูมิบุญเม้มปากก้มหน้านิ่งมองดูแฟ้มงาน ไม่กล้าที่จะพูดออกไป
“บอกมาเถอะ จ๊ะ ป้าไม่ว่า อย่างน้อยเราก็เป็นคนในบ้าน ความเห็นของคนในบ้านน่าจะช่วยอะไรป้าได้บ้าง”
คุณอภิสรามองหน้าภูมิบุญสายตาแสดงให้เห็นถึงความเมตตาปราณี
“ครับ ผมคิดว่าการเลือกของต้องให้เข้ากับคอนเซ็ปส์ของรีสอร์ทนะครับ อย่างคอนเซปส์ของคุณท่านคือเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา ผมว่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้มันดูเกินไปหน่อยอีกอย่างดูตามรูปผมยังมองเห็นความ บกพร่องของงานเลยครับ ถ้าของดีๆเรียบๆแต่ดูมีราคาผมว่าน่าจะไม่แพงเท่านี้”
คุณอภิสรา พยักหน้ารับฟังความเห็นของภูมิบุญ
“จริงสินะ ป้าว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนะ เออ ไหนๆก็ไหนๆแล้วภูมิช่วยป้าดูเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ให้ป้าหน่อยสิ ของล็อตนี้จะเอาไปลงที่เขาค้อ ภูมิคิดว่ายังไงจ๊ะ”
คุณอภิสรายื่นอีกแฟ้มให้ภูมิบุญดู
“เป็นโซฟา เหรอ ครับ ไม่น่าจะเหมาะ เพราะเขาค้อเป็นป่า ผมว่าน่าจะใช้ไม้แล้วเอาเบาะรองเอาดีกว่า”
“หือ เซ็ตนี้เขาบอกนำเข้าเลยนะจ๊ะ ป้ากำลังจะอนุมัติ”
“หา นำเข้าเหรอครับ”
ภูมิร้องเสียงหลงอีกรอบ ทำตาโตไม่เชื่ออีกครั้ง
“ภูมิคิดว่า มันไม่น่าจะนำเข้าเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ ปะ เปล่าครับคุณท่าน คือผมคิดว่า ความจำเป็นมันไม่มีน่ะครับ รีสอร์ทคุณท่านต้องนำเข้าโซฟามาจากเมืองนอกเลยเหรอครับ”
“ป้าเองก็ไม่ได้ขัดเขานะเพราะเขาบอกว่าของเขาดีจริงอีกอย่าง จะทำให้รีสอร์ทของเรามีคุณภาพมากขึ้นด้วย”
“เอ่อ ผมว่ารีสอร์ทจะมีคุณภาพหรือเป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าเครื่องใช้ไม้สอยก็มีส่วนนะครับ แต่ที่สำคัญผมว่ามันน่าจะขึ้นอยู่กับบุคลากรที่จะเอาใจใส่ลูกค้าหรืออุปกรณ์ ของเราได้มากน้อยเพียงไหน อีกอย่างรีสอร์ทของคุณป้าก็ตั้งราคาห้องพักไว้ไม่สูงมากใช่ไหมครับ เพราะผมเห็นจากโบชัวร์ในห้องรับแขก”
ภูมิเงียบเสียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว คุณอภิสรานั่งมองหน้าภูมิบุญพยักหน้าตาม คิดไปว่าตัวกำลังโดนลูกน้องโกง
"ว่า ไงจ๊ะ ว่าต่อไปเลย ป้าฟังอยู่"
"เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ คุณท่านผมไม่มีความรู้ด้านนี้ พูดไปมันจะไม่ดี"
ภูมิบุญก้มหน้า
"ไม่ เป็นไรจ๊ะ ภูมิรู้ไหมเหมือนภูมิมาทำให้ป้าได้คิดนะ ปกติป้าจะเซนต์เอกสารผ่านให้ลูกน้องอย่างเดียว ไม่ได้สนใจในรายละเอียดมากนัก นี่ป้าคงพลาดไปแล้วจริงๆ เอาเถอะยังไงก็ขอบใจภูมิมากที่เตือนสติป้า"
คุณอภิสรายิ้มอย่างปลื้มปีติที่ภูมิบุญออกความคิดเห็น
"เออ งั้นภูมิช่วยป้าหน่อยได้ไหม เลือกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้ป้าที ลูกน้องป้าคงต้องสอบอีกยาว เลี้ยงไม่เชื่องก็ไม่เลี้ยง ให้คนในบ้านทำดีกว่า อย่างน้อยคนในบ้านก็คงไม่คิดตลบหลังป้า"
คุณอภิสราพูดให้คิดภูมิบุญ มองหน้าคุณอภิสราแล้วยิ้มแห้งๆ ในใจไม่ได้คิดว่าเป็นคนในบ้านแต่เป็นลูกคนใช้
"เอาน่าภูมิ เดี๋ยวป้ามีค่าขนมให้ ป้าเชื่อว่าภูมิทำได้ ลองเลือกแบบที่ภูมิคิดว่าเหมาะ เดี๋ยวดีไม่ดี ป้าจะให้ที่ประชุมเขาบอกเอง"
"จะดีเหรอครับคุณท่าน"
"ดี ซิจ๊ะ เอาล่ะภูมิเลือกแบบไปนะ ป้าขอโทรหาทนายก่อน"
พอพูดจบก็ลุกออก จากที่นั่งไป ภูมิบุญใจเต้นแรงนี่ตนจะเป็นต้นเหตุให้มีเรื่องเกิดขึ้นหรือ ภูมิบุญไม่สบายใจ แต่ใจหนึ่งก็ปลอบตัวเองว่าถ้าคุณอภิสราโดนโกงจริงก็เป็นสิ่งที่ดีที่ได้ จัดการเป็นหูเป็นตาให้ ภูมิบุญนั่งเลือกเฟอร์นิเจอร์อยู่ พอเลือกไปเลือกมาก็เริ่มสนุก เอาตัวนั้นมาคู่กับตัวนี้ สีนั้นไม่เข้ากับสีนี้ โต๊ะตัวใหญ่ไป เก้าอี้ไม่เข้ากับโต๊ะ
สามวัน ต่อมาคุณอภิสรากลับจากสำนักงานเดินตรงมาหาภูมิบุญที่กำลังช่วยอ้อยเช็ดถู ห้องโถงใหญ่อยู่
"อ้อยจ๊ะ ขอน้ำเย็นๆสักแก้วซิ ภูมิจ๊ะมาหาป้าหน่อย"
สีหน้าแววตาของคุณอภิสราแสดงความยินดีออกมา ภูมิบุญเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงกับพื้น
"ตายแล้ว อย่านั่งตรงนั้นนะภูมิ ใครสั่งใครสอนกันนะ เวลานั่งกับป้าให้ขึ้นมานั่งบนโซฟา แม่เราเขาก็นั่งบนโซฟา เอ๊ะ จันทร์นี่ยังไงนะ"
คุณอภิสราจิ๊ปากแต่ก็ไม่ได้ดุ ภูมิบุญจึงนั่งลงบนโซฟาตามที่คุณอภิสราบอก
"ครับคุณท่าน"
"ภูมิ ภูมิรู้ไหมจ๊ะว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ภูมิเลือกให้ป้าน่ะที่ประชุมเขาชอบกันใหญ่ ถามหาเจ้าตัวว่าใครช่างเข้าใจจัด แล้วอีกเรื่องป้าโดนลูกน้องโกงจริงๆด้วย ขอบใจภูมิมากนะจ๊ะ ป้าไล่เขาอกแล้วเรื่องทนายกำลังส่งฟ้องศาลให้ ดีนะที่ได้ภูมิมาดูให้ป้าดีใจจริงๆ"
คุณอภิสรายิ้มออกมาแสดงความตื้นตันใจ
"ครับ ผมก็แค่ดูๆตามความเหมาะสมเองครับคุณท่าน ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย"
"ไม่ได้หรอกภูมิ ครั้งนี้ป้าเหมือนตาสว่างขึ้นมาเพราะเรา เอาอย่างนี้ ป้าจองตัวไว้เลยนะ ถ้าเรียนจบมาป้าจะให้ทำงานกับป้า ระหว่างที่เรียนก็ช่วยป้าดูนั่นดูนี่ เดี๋ยวป้าให้ค่าขนม"
คุณอภิสราพูดเองเออเอง ในใจภูมิบุญถ้าหากเรียนจบตามที่ตั้งใจไว้อยากจะกลับไปสอบเป็นปลัดอำเภอใน จังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ได้อยากทำงานในกรุงเทพฯเลย เขาอยากจะพาแม่กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่บ้าน แต่ในเมื่อคุณอภิสราบอกมาแบบนี้ภูมิบุญจึงนิ่งเงียบไป
"ภูมิเข้าใจเลือกนะเฟอร์นิเจอร์น่ะ ที่ประชุมชมกันใหญ่ว่าเข้ากับรีสอร์ทไม่เยอะไป เรียบง่ายแต่ดูดี"
คุณอภิสรายังชมอยู่ไม่ขาดปาก ภูมิบุญได้แต่พยักหน้าเออออตาม
"งั้นว่างๆ ป้าจะพาไปดูสถานที่จริง จะได้แนะนำให้รู้จักกับมัณฑนากรประจำของบริษัทป้าด้วย รายนั้นขนาดจบจากเมืองนอกยังชมเลยว่าภูมิเข้าใจเลือก"
การสนทนากว่าจะ สิ้นสุดลงคุณอภิสราก็พรั่งพรูความตื้นตันยินดีปรีดาออกมาไม่หยุดหย่อน จนถึงเวลาอาหารเย็นจึงยอมปล่อยให้ภูมิบุญเข้าไปช่วยในครัว พอเวลาทานอาหารเย็นก็ชวนคุยเรื่องเดิมอยู่ คราวนี้ทั้งจันทร์ทั้งอ้อยก็ร่วมวงสนทนา
"เออ อ้อยไปบอกหมายให้ยกของหลังรถมาให้ทีสิจ๊ะ"
คุณอภิสราบอกอ้อยตอนที่ทานอาหารเย็นเสร็จแล้วมานั่งอยู่ในห้องรับแขก
"คุณท่านซื้อของมาเหรอค๊ะ"
จันทร์ถาม
"จ๊ะ ซื้อมาเป็นของกำนัลให้ตาภูมินั่นล่ะ"
"เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณท่าน ลูกภูมิทำแค่นี้เอง"
"ว้าย จันทร์เธอนี่ยังไงนะ ของๆชั้น ชั้นจะให้ภูมิไม่เห็นต้องคิดอะไรมากมาย เธอน่ะไม่ต้องพูด ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆ"
อ้อยกลับเข้ามาพร้อมถุงกระดาษจากห้างดังสามถุง
"ภูมิ มานี่หน่อยสิจ๊ะ ดูซิว่าถูกใจไหม"
คุณอภิสรายื่นถุงกระดาษให้ภูมิบุญที่เดินเข้ามาหา แต่สายตามองไปที่มารดาของตน ภูมิบุญยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม ในถุงกระดาษเป็นเสื้อผ้าลำลองชุดใหม่ถุงหนึ่ง อีกถุงเป็นชุดนักศึกษา อีกถุงเล็กๆเป็นนาฬิกายี่ห้อที่วัยรุ่นที่มีฐานะดีกำลังเป็นที่นิยม
"ว้าย ตายแล้วคุณท่านคะ มันแพงไปนะคะอันนี้ ตาภูมิรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ"
จันทร์ เอามือทาบอกพอเห็นเรือนนาฬิกา ร้องออกไปอย่างตกใจ
"อะไรกันจันทร์ พงแพงอะไร ไม่รับไม่ได้นะจ๊ะภูมิ เรือนนี้ป้าถามคนขายเขาแล้วว่ากำลังนิยม ไม่ได้หรอก ตาภูมิก็เหมือนลูกเหมือนหลาน ทำไมฉันจะซื้อของให้ไม่ได้ เธอนี่ยังไงกันจันทร์ นับวันจะขัดใจฉันมากขึ้นทุกที"
คุณอภิสราเอ็ด แต่หัวเราะ กวักมือเรียกภูมิบุญให้เข้าไปใกล้ๆ แล้วปลดนาฬิกาออกจากล่องแล้วสวมใส่ข้อมือให้ ภูมิบุญใจสั่นระริกที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นที่รักของเจ้าของบ้านหลังนี้ถึงเพียงนี้ แค่อยากให้ท่านปราณีบ้าง ภูมิบุญยกมือขึ้นกราบลงที่ตัก
"ตายจริง น่าเอ็นดู เธอดูสิจันทร์ ภูมิเขาไม่เหมาะสมกับของยังไง ดูกริยามารยาทซิ นาฬิกาเรือนนี้ต่างหากที่ค่าไม่คู่ควรกับภูมิ"
คุณอภิสราชมแล้วลูบหัว ภูมิบุญอย่างเอ็นดู ภูมิบุญน้ำตาซึมยกแขนขึ้นมองนาฬิการเรือนใหม่ด้วยหัวใจที่ชุ่มฉ่ำ แม้เขาเองจะไม่ได้เป็นคนเสพวัตถุ แต่พอได้ของมีราคาค่างวดมา ก็รู้สึกตื้นตันใจ ความดีที่ยายเคยพร่ำสอนมันเริ่มเห็นผลแล้วสินะ
หาตั้งนานขอบคุณคะ
ตอบลบ