วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบสาม

"แทนมานี่หน่อยซิ มาคุยกับพ่อหน่อย"


พอแทนทวีกลับเข้าบ้านไป นายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์ก็นั่งรออยู่ สีหน้าเคร่งเครียด มีแวนนั่งเชิดหน้าอยู่ใกล้ๆ แทนทวีมองไปด้วยสายตาที่หวั่นใจหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย

"คุณพ่อคะ แทนมันชอบผู้ชาย มันเป็นเกย์ อย่ายอมมันนะคะคุณพ่อ"

แวนฟ้องผู้เป็นบิดาอีกครั้ง หลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับภูมิบุญกับแทนทวีให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว

"แวน พ่อขอคุยกับน้องก่อน เราขึ้นไปข้างบนก่อน"

"คุณพ่อคะ แวนจะอยู่ด้วย"

"แวน"

แพทย์หญิงศิริกานต์เอ็ดขึ้นเสียงดัง ยังดีที่ยอมฟังมารดาบ้าง แวนค้อนวงใหญ่ก่อนจะลงส้นขึ้นบ้านไป

"ว่าไงแทน เรื่องมันเป็นยังไง"

บรรยากาศเครียดขึ้นมาทันที สายตาของบุพการีจ้องมองอย่างตำหนิ ผิดหวังไปในที

"ครับพ่อ"

แทนทวีระบายเสียงออกมาอย่างเคร่งเครียด หลุบสายตาลงต่ำ ในใจก็สั่นไหวไปตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีครั้งใดที่จะเผชิญกับความยากลำบากใจเท่าครั้งนี้เลย แม้ว่าจะยังไม่มีเสียงใดออกมาจากปากผู้เป็นบิดาหรือมารดา แต่เขาเองพอจะรู้ว่าเรื่องราวหรือคำพูดว่ามันจะเป็นไปในทิศทางใด

"เรื่องของภูมิน่ะแทน ตกลงมันยังไงกัน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ถามขึ้นน้ำเสียงไม่ต่างกันกับเจ้าตัว สีหน้าก็ดูขรึมไปมากจากปกติเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส

"ผมรักน้องภูมิครับ"

"ห๊า ไม่ได้นะแทน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องขึ้นเสียงหลง แทนทวีตัดสินใจพูดออกไป ไม่มีประโยชน์ที่จะกักเก็บเรื่องราวไว้ในใจ ไม่มีทางที่บอกปัดหรือปฏิเสธไป บอกออกจากใจบอกความจริง แล้วสายตาก็มองหน้าผู้เป็นบุพการีว่าจะมีปฏิกริยาเช่นไร ทั้งสองร้องออกมาเสียงดังหน้าถอดสีไป รู้ดีแก่ใจว่าบุตรชายเป็นคนเช่นไร เขาเป็นคนใจร้อนโผงผางเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม แต่เรื่องแบบนี้ เรื่องที่กระเทือนใจได้มากอย่างนี้เขาควรจะรู้จักรักษาน้ำใจของบิดามารดาบ้างสักหน่อยก็ยังดี แต่แทนทวีเองรักภูมิบุญหมดหัวใจมองไม่เห็นว่าใครจะสำคัญไปกว่าความรักที่เขามีให้แก่ภูมิบุญและความรักของภูมิบุญที่มอบให้คืนมา ในดวงตามีเพียงความรักปกคลุมมองไม่เห็นสิ่งใด

"ลูกจะเป็นเกย์ไม่ได้นะ คิดถึงหัวอกพ่อกับแม่บ้าง"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องขึ้น

"ทำไมครับแม่ เป็นเกย์มันเสียหายตรงไหน ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมรักน้องภูมิ เรารักกันนะครับพ่อแม่"

แทนทวีพูดออกไปเสียงแข็งกร้าว สายตาดุดันไม่ยอมฟังเสียง

"แทน มันเป็นไปไม่ได้ลูกก็รู้ เป็นผู้ชายจะไปรักชอบกับผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ"

"พ่อครับ นี่มันสมัยไหนแล้วครับ มันเป็นความสุขของผม ผมรักน้องเขามาก ผมยังไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน พ่อกับแม่อย่าห้ามเลยครับ"

แทนทวีอ้างเหตุผลของตนหนักแน่น

"ไม่ได้นะตาแทน แม่ห้ามเด็ดขาดจะสมัยไหนมันก็ไม่สมควร วงศ์ตระกูลเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แม่ยอมไม่ได้"

แพทย์หญิงศิริกานต์ยืนยันหนักแน่นเช่นกัน สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าบุตรชาย

"จะทำอะไรไว้หน้าพ่อกับแม่บ้างสิลูก ไม่ใช่ทำเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง พ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหนถ้าคนเขารู้ว่ามีลูกเป็นเกย์"

นายแพทย์แทนชัยย้ำความรู้สึกของผู้เป็นบุพการี มองหน้าแทนทวีถอนหายใจออกมาอย่างระอา

"ผมโตแล้วนะครับพ่อ ผมจะเป็นอะไรหรือชอบอะไรพ่อแม่ไม่เคยบังคับ แล้วนี่มันอะไร ความรักพ่อแม่ก็รู้ว่ามันห้ามกันไม่ได้ ถ้าผมห้ามได้ผมก็คงไม่ทำ พ่อแมก็ต้องเข้าใจผมบ้างนะครับ"

"ตาแทน ยังไงแม่ก็ไม่ยอมนะ คบกันน่ะแม่ไม่ว่าเพราะแม่ก็ชอบถูกชะตากับน้องเขาเหมือนกัน แต่จะให้เกินไปกว่านี้ แทนเองก็ต้องเข้าใจพ่อกับแม่บ้าง เราเป็นลูกชายคนเดียว ถ้าโตแล้วก็น่าจะคิดได้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ"

แทนทวีสะอึกกับคำพูดของผู้เป็นมารดา เม้มปากแน่นแต่ในใจก็ยังคิดหาทางไป เรื่องนี้มันจะไม่ใช่ปัญหา มันต้องมีทางออก เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ และไม่เคยคิดที่จะห้าม แทนทวีบอกกับตัวเอง

"เอาล่ะ พ่อให้เวลาคิด พ่อรู้ว่ามันลำบากใจ แต่เราเองก็ต้องคิดไปเผื่อวันข้างหน้าด้วยนะแทน ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มันเป็นเรื่องดีที่เราจะรักใครสักคน ใครก็ตาม แต่เราต้องมององค์ประกอบแวดล้อมของเราด้วยว่ามันเอื้อกันมากน้อยเพียงไหน ครอบครัวเราเป็นหมอมีชื่อเสียงอยู่ในสังคม เรื่องนี้มันก็ไม่ได้สำคัญหรอกนะ แต่พ่ออยากให้ตรองดูดีๆ มองไปไกลๆนะตาแทนอย่าด่วนตัดสินใจ"

นายแพทย์แทนชัยพูดเสียงราบเรียบนิ่งเข้มแข็ง แทนทวีเม้มปากหนักขึ้น

"วันนี้หรือวันไหนผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับพ่อ ผมรักภูมิ ยังไงผมก็รักภูมิ พ่อกับแม่จะบังคับผมยังไงผมก็ยังรักภูมิ วงศ์ตระกูลเราจะไม่เคยมีเกย์ หรือถ้าผมจะทำให้วงศ์ตระกูลเราเสื่อมเสีย ผมขอโทษ แต่พ่อกับแม่รู้ไว้นะครับว่าผมรักน้องเขามาก และไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนใจ"

"แทน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องออกมา นายแพทย์แทนชัยเม้มปากแน่นสายตาโกรธจัดขึ้นมาทันที แทนทวีลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วหุนหันออกไปจากบ้านทันที สองสามีภรรยามองหน้ากัน ผู้เป็นสามีโอบกอดบ่าของภรรยาที่น้ำตาซึมออกมา

"ภูมิ ออกมาเจอพี่ได้ไหมครับ พี่อยากจะเจอภูมิ"

แทนทวีกดโทรศัพท์ไปหาภูมิบุญแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม

"มีอะไรหรือเปล่าครับพี่แทน"

น้ำเสียงที่ผิดวิสัยไปทำให้ภูมิบุญตื่นจากภวังค์

"พี่ไม่สบายใจเลยภูมิ พี่อยากเจอภูมิจริงๆนะ ออกมาเจอพี่หน่อยได้ไหม"

แทนทวีพูดออกมาน้ำเสียงขุ่นมัวจนภูมิบุญต้องกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง

"ครับได้ครับ พี่แทนอยู่ไหนครับเดี๋ยวภูมิจะออกไปหา"

พอแทนทวีบอกมาภูมิบุญก็รีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องไป ทุกคนนอนกันหมดแล้วภูมิบุญเดินออกทางประตูเล็กแทนทวีจอดรถรออยู่หน้าบ้านแล้ว พอเห็นหน้าภูมิบุญก็โผเข้าสวมกอดทันที

"พี่แทน มีอะไรหรือเปล่าครับ"

ภูมิบุญตกใจร้องออกมา

"ภูมิ พี่แวนไปบอกพ่อกับแม่แล้ว ท่านไม่ยอมภูมิ พี่จะทำยังไงดี ภูมิพี่จะทำยังไงดี"

เสียงเหมือนคนที่เริ่มจะร้องไห้ ภูมิบุญรู้สึกหัวใจสั่นไหวไป สิ่งที่คิดมันเกิดขึ้นจริงๆ อุปสรรคที่ใหญ่โตมันมาขวางกั้นจริงๆ หัวใจลอยละลิ่วไปไกลแสนไกล ร่างสั่นไหวไป ไม่มีเสียงใดหลุดจากปาก มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่รู้สึกหมดแรงอ่อนล้าลงทุกที สิ่งที่ทำมันคงสำแดงผลแล้วสินะ สิ่งที่ทำมาโดยตลอด มันคงสะท้อนผลกรรมแล้วสินะ เหมือนลูกบอลที่ปาไปใส่กำแพงฉันใด ผลกรรมอันนั้นก็เด้งสะท้อนเข้าหาคนที่ขว้างไปปาออกฉันนั้น

"พี่แทน"

"พี่ไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลย ทำไมต้องกีดกันทั้งที่แม่พี่เค้าชอบภูมิมากนะ พี่ไม่เข้าใจภูมิ นี่มันยุคไหนแล้ว พ่อแม่พี่หัวโบราณ"

แทนทวีระบายความอัดอั้นตันใจออกมากอดตัวของภูมิบุญไว้แน่น

"ใจเย็นๆนะครับพี่แทน ภูมิบอกแล้ว ภูมิเป็นตัวซวย อยู่ใกล้ใครคนนั้นก็มีแต่เรื่อง"

"ภูมิ อย่าพูดแบบนี้นะ พี่รักภูมิมากนะ พี่ไม่ยอมให้พ่อแม่มากำหนดทางเดินชีวิตของพี่หรอก"

ทั้งที่พยายามจะเบนประเด็นให้เขาไม่เคร่งเครียดมากเกินไป แต่คำตอบที่ออกมาจากปากจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้ภูมิบุญถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก

"แล้วพี่แทนจะทำยังไงครับ จะให้ภูมิทำยังไง"

น้ำตาซึมออกมา ความน้อยเนื้อต่ำใจตั้งแต่เมื่อวัยเยาว์สะท้อนออกมา มันจุกอยู่ที่คอพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะคิดทำสิ่งใดก้าวเข้าไปที่ไหน รังแต่จะเอาเรื่องเลวร้ายไปในที่แห่งนั้น เอาสิ่งอัปมงคลเข้าไปป้ายสีให้คนที่เข้ามาในชีวิต นี่มันอะไรกัน นี่มันอะไร ภูมิบุญเม้มปากแน่นตัวสั่นเทาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งที่ทำใจล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ว่าพ่อแม่ของแทนทวีคงไม่มีทางยอมรับให้ทั้งสองคบกันแต่โดยง่าย ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมทั้งหลาย ทั้งปวง ไม่มีเหตุใดเลยที่ท่านจะยอม ทำใจมาแล้ว รู้สึกสำเหนียกตัวเองดีอยู่แล้ว ตัวเป็นการิอาจจะเข้าไปสู่อ้อมกอดของหมู่หงษ์โดนเข้าแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติแล้ว

"ภูมิ เชื่อพี่นะครับ พี่ไม่ยอมหรอก ยังไงก็บังคับพี่ไม่ได้"

"พี่แทน อย่าเพิ่งใจร้อนเลยครับ เราทั้งสองคนมองไม่เห็นพรุ่งนี้หรอกครับ ไม่แน่หรอกพรุ่งนี้ทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นก็ได้"

ภูมิบุญพยายามปลอบใจทั้งตัวเขาเองและคนรัก

"พี่ก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นนะภูมิ"

แทนทวียังไม่สบายใจจึงพาภูมิบุญขับรถไปเรื่อยๆ เปิดกระจกรถให้ลมยามดึกพัดผ่านเข้ามาในรถ บางทีอาจจะดับความร้อนที่มีอยู่ในใจไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งสองนิ่งเงียบไปตลอดทางมีเพียงมือที่เกาะกุมกันอยู่ เหมือนจะสื่อดวงใจให้ถึงกัน ในยามทุกข์ต่างฝ่ายต่างมีใจยึดมั่นหนักแน่น ไม่เอนเอียงไม่ไหวติงกับสิ่งเร้าต่างๆ อันรักนั้นก็จะดำรงคงสถานะต่อไปได้ ภูมิบุญเองพยายามสื่อความรู้สึกออกไปผ่านไอร้อนของมือ แม้ในใจจะมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างอยากที่จะบอกไป แต่ตอนนี้เสียงเหล่านั้นของหัวใจบางทีนิ่งเงียบเสียน่าจะดีเสียกว่าพูดออกมาหมดจากใจ แทนทวีเองก็ลืมความกลัดกลุ้มไปได้แค่ชั่วขณะเวลาที่อยู่กับคนรักที่กุมมืออยู่ข้างกาย อยากจะระบายความรู้สึกออกมาจากใจเช่นกัน แต่ใช่ว่าพูดไปอะไรทุกอย่างมันจะดีขึ้น มีเพียงอย่างเดียวที่ดีขึ้นคือได้ระบายออก แต่ปัญหาก็ใช่ว่าจะคลี่คลายหรือจางหายไป พอลับตาคนที่รัก คนที่เป็นที่พักพิงของหัวใจ เรื่องหนักใจเหล่านั้นมันก็ถาโถมเข้ามาอีก แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีที่พักทางใจแม้นคราใดจิตใจเหนื่อยล้าก็ได้หวนคิดถึงเรียกดึงกำลังใจขึ้นมาได้

วันเวลาผ่านเลยไปเป็นอาทิตย์แทนทวีก็ใช่จะฟังคำทัดทานร้องขอของบิดามารดาไม่ เพราะเขาไปรับไปส่งแทนทวีอยู่ทุกวัน วันธรรมดาก็ไปค้างด้วยกันแต่ไม่ใช่คอนโดของโตโต้แต่เป็นคอนโดของแทนทวีเอง ภูมิบุญเองตอนแรกก็เกรงใจทางบ้านของตัวเองเช่นกัน แต่ก็เห็นใจแทนทวีอยู่มากเช่นกัน

ด้านแวนพอแทนทวีไม่กลับบ้านก็ยุยงบิดามารดาให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับแทนทวี โดยให้คำปรึกษาว่าถ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้วให้ส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเช่นเดียวกับตน ทางฝ่ายบิดามารดาก็กำลังปรึกษากันอยู่

"เอ๊ะ นิตานั่นมันพี่สาวของแทนนี่"

ฟ้าสะกิดบอกนิตาตอนเดินที่สยามพารากอน

"ไหน เออใช่เคยเห็นในรูปแทนเคยโชว์ให้ดู"

"เข้าไปทักสินิตา"

ฟ้าแนะนำ นิตาเดินปรี่ไปหาแวนทันที

"สวัสดีค่ะ หนูชื่อนิตานะคะ ไม่ทราบว่าพี่เป็นพี่สาวของแทนใช่ไหมคะ"

นิตาเปล่งเสียงทักออกไป แวนเหลือบสายตามามองอยู่แวบหนึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ก็หูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อของน้องชายของตน

"เธอรู้จักแทนด้วยเหรอ"

แวนร้องออกมาเสียงสูง

"ค่ะ ที่จริงนิตาเคยเป็นแฟนกับแทน แต่"

นิตาตีหน้าเศร้าแล้วเงียบเสียงไป

"เธอเป็นแฟนกับตาแทน"

แวนยังคงร้องออกมาโทนเสียงเดิม

"ค่ะ แต่"

นิตายังสงวนท่าทีห้มหน้าลงต่ำ

"เพราะอีตุ๊ดภูมิใช่ไหม"

"เอ๊ะ พี่รู้จักอีนั่นด้วยเหรอคะ"

"มากกว่ารู้จักเสียอีก ชั้นเกลียดมัน"

"หนูก็เกลียดมันค่ะ หนูกลียดมันที่มันทำให้แทนเปลี่ยนไป"

แม้รู้อยู่แก่ใจว่าแทนทวีไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แต่เขาไม่เคยคิดอะไรกับตัวเสียมากกว่าแต่ก็พูดยกตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นใจ แวนมองหน้านิตาแล้วฉายแววตาออกมา แววตาที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียยิ่งกว่าภูมิบุญ

"งั้นเรามาร่วมมือกันเขี่ยิีตุ๊ดนั่นออกไปให้พ้นทางดีไหมคะน้อง ชื่ออะไรนะ"

"เอ่อ นิตาค่ะ พี่"

"พี่ชื่อแวน ไปเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า"

แวนพานิตากับฟ้าไปหาที่นั่งคุยกัน ทั้งสามคุยกันอย่างถูกคอเพราะมาจากสังคมเดียวกัน ชอบในสิ่งเดียวกัน แม้ในใจจะค้านไหวติงอยู่ "ที่ใส่อยู่ก็งั้นๆล่ะ" "แต่งหน้าก็ไม่เป็น" แต่ก็ยิ้มออกมาพยักหน้าเออออไปตามกัน

"ภูมิ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ไหม ไปพัทยากับพี่นะ"

แทนทวีเอ่ยชวนตอนคืนวันพุธ เขาต้องรีบชวนเพราะรู้ว่าคืนวันศุกร์ภูมิบุญต้องกลับไปอยุ่บ้าน ครั้นจะดึงตัวออกมาก็เกรงใจอยุ่ไม่น้อย

"แล้วจะกลับมาเรียนทันเหรอครับพี่แทน ตอนเย็นภูมิมีเรียนภาษาด้วยนะ"

"โดดสักวันน่านะภูมิ พี่เซ็งๆ นะครับไปกับพี่หน่อย ไปเย็นค่ำๆก็กลับ"

"แล้วพี่แทนไม่เหนื่อยเหรอครับ ขับรถไกลนะ"

ภูมิบุญพยายามหาข้ออ้าง ไม่ใช่ไม่อยากไปแต่ด้วยความที่เกรงใจด้วยเป็นที่ตั้ง อีกอย่างตนก็อยู่ในฐานะที่จะออกไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ เพราะคนที่ส่งเสียให้เรียนคือแม่จันทร์ คนที่ทำงานบ้านอยู่งกๆหาเงินตัวเป็นเกลียวโดยที่ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ

"ไม่หรอกครับภูมิ มีภูมิไปด้วยต่อให้ไกลแค่ไหนพี่ก็ไม่หวั่นหรอกครับ"

แทนทวีพูดกลับมาด้วยคำหวาน ภูมิบุญถึงกับยิ้มออกมา "อันอ้อยตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย" ไม่เคยเก่าไปเลยสำหรับบทกลอนนี้ ยิ่งคนที่มีหัวใจรักต่อกันแล้ว แม้นยื่นเศษหญ้าเศษฟางให้แต่เศษหญ้าเศษฟางนั้นจะเป็นเหมือนของแทนใจ เพราะอีกฝ่ายจะเก็บมันไว้ตราบชั่วจะสิ้นลม

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบสอง

แทนทวีไม่คิดติดใจอะไรในตัวภูมิบุญแล้ว ที่ผ่านก็ให้ผ่าน ถ้าจะว่าไปแล้วภูมิบุญเป็นชายแม้จะเคยมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น แต่ชายก็ย่อมเป็นชายวันยังค่ำไม่มีอะไรเสียหายมากมายนัก เพราะตัวของเขาเองก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก่อนหน้าที่จะมาเจอภูมิบุญก็นับเป็นคนเจ้าชู้มากคนหนึ่ง นอนกับแฟนตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ยิ่งได้เห็นท่าทีของภูมิบุญที่มีต่อแทนทวีแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจว่าภูมิบุญเองก็รักเขามากเช่นกัน อุปสรรคคือการเข้าไปอยู่ที่คอนโดของโตโต้ เพราะการไปมาหาสู่ใช่ว่าจะง่ายอย่างที่ใจคิดไว้ ภูมิบุญเองก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แทนทวีฟังไม่มีปิดบัง ไม่มีซ่อนเร้นอีกต่อไป

"ภูมิ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงศิษย์เก่าที่โรงเรียนน่ะ ภูมิไปกับพี่นะ"

แทนทวีชวนระหว่างที่ขับรถไปส่งภูมิบุญที่บ้านคืนวันศุกร์

"จะดีเหรอครับพี่แทน คืนวันเสาร์ภูมิไม่อยากออกไปไหนเลย เกรงใจคุณท่าน"

"เกรงใจอะไรล่ะภูมิ โรงเรียนที่พี่เรียน ไอ้บ้านั่นก็เคยเป็นรุ่นพี่นะ"

"ห๊า นี่พี่แทนเรียนโรงเรียนเดียวกับคุณโตโต้เหรอครับ"

"ใช่น่ะสิ หึหึ มีเรื่องเล่าด้วยนะเกี่ยวกับไอ้บ้านั่น"

แทนทวีคิดย้อนไปถึงข่าวลือเกี่ยวกับตัวของโตโต้ ลูกชายเจ้าแม่สังหาริมทรัพย์ที่รูปเปลือยว่อนเน็ทอยู่ช่วงนั้น ตอนที่แทนทวีเรียนอยู่ชั้นมัธยมสามส่วนโตโต้ก็ใกล้จะจบ แม้ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตากันแต่พอเจอหน้ากันจริงๆ ข่าวลือที่เงียบหายไปก็ผุดขึ้นมาอีกในใจครั้ง ตอนนั้นแทนทวีไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ปล่อยตัวให้เกย์ถ่ายรูปเอาไว้ได้ เขายังเคยพูดกับเพื่อน ว่าถ้าเป็นเขามันคงไม่เป็นแบบนี้

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

ภูมิบุญอยากรู้ขึ้นมาทันที แทนทวีหันหน้ามายิ้ม

"ก็เรื่องที่ไอ้บ้านั่นมันโดนลักหลับน่ะสิ เพื่อนรักมันหลอกไปกินเหล้าแล้วให้พี่ที่เป็นเกย์ลักหลับแล้วถ่ายรูปไว้ประจาน ว่อนเน็ทเชียวนะภูมิ อยู่เมืองไทยไม่ได้เลยนะ ตอนแรกคิดว่าใคร โลกมันกลมเสียเหลือเกิน"

ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ภูมิบุญรู้สึกจุกขึ้นมาในอก นี่น่ะหรือคงเป็นสาเหตุที่ทำให้โตโต้เกลียดเขามากตั้งแต่แรกเจอ แต่เขายอมทำขนาดนี้เชียวหรือเพื่อที่จะไล่ให้ภูมิบุญออกจากบ้าน น่าเห็นใจ ไม่คิดว่าคนอย่างโตโต้ก็มีปมด้อย ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะยอมทำถึงขนาดนี้เพียงเพราะเกลียดใครสักคน เข้าใจแล้ว เข้าใจและเห็นใจแล้วคุณโตโต้ ภูมิบุญคิดอยู่ในใจ

"เป็นอะไรไปภูมิ หน้าตาไม่ดีเลย"

"อ้อเปล่าครับ ทำไมเขาถึงเอารูปแบบนั้นลงในเน็ทล่ะครับ"

"ก็คนมันจัญไร ว่าไปก็น่าสงสารมันเหมือนกันนะ แต่สมน้ำหน้า กวนตีนนัก"

อยากจะห้ามปราม อยากจะร้องเตือนแต่ก็เงียบไปเสียดีกว่า ลำพังปัญหาที่เพิ่งจะลุล่วงไปก็แก้ยากมากพออยู่แล้วนี่ถ้าเห็นอกเห็นใจโตโต้ขึ้นมาอีกแทนทวีคงจะทำใจลำบาก ไม่อยากสร้างความแคลงใจให้แทนทวีอีกแล้ว พอเข้าบ้านก็ไปคุยอยู่กับคุณอภิสราเพราะรายนั้นถึงกับออกมานั่งรอที่โต๊ะหน้าบ้าน

"ลืมป้าไปเลยนะภูมิ ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน เราซูบไปหรือเปล่า"

คุณอภิสราจับดูโครงหน้าของภูมิบุญ

"คงนอนดึกน่ะครับคุณท่าน ช่วงนี้ภูมิมีสอบ"

"กินข้าวกินปลาด้วยนะลูกอย่าหักโหมให้มากนักเดี๋ยวจะทรุดเอา"

สายตาที่ทอประกายห่วงใยยังคงเหมือนเดิม เคยเป็นยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้น ความจริงแล้วภูมิบุญไม่ได้อยากออกจากบ้านหลังนี้ไปเลย ผู้ใหญ่ที่นี่รักและเมตตาเขามาก ออกไปอยู่แบบนั้นแม้จะมีแทนทวีอยู่ข้างกาย แต่บางทีก็คิดถึงบ้านหลังนี้มากเหลือเกิน คิดถึงความอบอุ่น กลิ่นอายของความรักที่มันตลบอบอวลไปทั่วบ้าน เว้นเสียแต่คนที่อยู่ในห้องดำนั้น

"อ้าว ภูมิกลับมาแล้วเหรอ เป็นไง คอนโดพี่สบายไหม"

เสียงของโตโต้ทักมา วันนี้เขากลับบ้านเร็วกว่าปกติ โตโต้นั่งลงข้างๆมารดาของตนฝั่งตรงข้ามกับภูมิบุญ

"ครับ สบายดีครับ"

"เออ ตาโต้ แม่เห็นมีบัตรเชิญงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าที่โรงเรียน เราจะไปไหม"

คุณอภิสราหันไปถามบุตรชาย โตโต้หน้าเปลี่ยนสีทันที

"เลี้ยงรุ่นอะไรครับ คงไม่หรอกครับแม่ โต้ไม่อยากไป"

สีหน้าที่ครุ่นคิดเครียดลงทันใดทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที ภูมิบุญนิ่งอยู่เห็นใจเขาขึ้นมา

"โต้ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะลูก ไปเจอเพื่อนเก่าๆหน่อยไม่ดีเหรอ"

"ผมไม่มีเพื่อนครับแม่ อย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ พรุ่งนี้ผมจะไปงานวันเกิดไอ้พอลครับแม่"

เหตุผลที่ยกขึ้นมาทำให้ผู้เป็นมารดาเงียบเสียงไป เข้าใจดีในความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในใจ ชนักที่ปักอยู่กลางหลังขยับเมื่อใดเมื่อนั้นก็มีแต่ร้าวราน ภูมิบุญเองก็อึดอัดใจ แต่ไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกไปดี

"คุณท่านอยากทานของว่างไหมครับ เดี๋ยวภูมิไปยกมาให้"

"อืม ดีเหมือนกันจ๊ะ เห็นวันนี้จันทร์บอกทำข้าวเกรียบปากหม้อ ไหนลองเอามาชิมซิ"

คุณอภิสราเองก็เบนเรื่องไป โตโต้ลุกออกจากที่นั่งทันที สีหน้าบึ้งตึง

"จะไปไหนภูมิ มาคุยกันก่อน"

เสียงเกรี๊ยวกราดดังตามหลังมา พอลับตามารดาโตโต้ก็ฉวยเอาข้อมือของภูมิบุญเอาไว้แน่น

"อะไรครับคุณโตโต้"

"เรื่องระหว่างเราจะเอายังไง พี่ไม่พอใจนะที่พาไอ้หน้าจืดนั่นเข้าคอนโดพี่"

โตโต้พาลไม่รู้ว่าเพราะปมในใจหรือเพราะเหตุอื่น

"เอ่อ"

"ว่าไง พี่ไม่ให้มันไปคอนโดพี่อีกแล้วนะ อย่าพามันไปอีก ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่"

"แล้วให้ภูมิทำยังไงครับคุณโตโต้"

ภูมิบุญเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดโตโต้ถึงมาเกรี้ยวกราดใส่

"ถ้าจะไปเอากัน ไปเอาที่อื่น อย่าไปทับที่พี่"

"คุณโตโต้"

ได้แต่ร้องออกมาไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมาได้

"รู้ว่าเราร่าน แต่ถ้าจะพาชายคนอื่นมานอน ให้ไปเปิดโรงแรมนอนไม่ใช่ที่นั่น"

ภูมิบุญเม้มปากแน่น รู้สึกโกรธขึ้นมา

"ทำไมครับ ถ้าจะให้ไปเปิดโรงแรม สู้ผมไปอยู่หอเองดีกว่า จะได้พาใครมาก็ได้ ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วคุณโตโต้หวง ก็เก็บไว้อยู่เองเถอะครับ"

ภูมิบุญบิดมือออกจากการเกาะกุม

"ปากดีนะ"

"ครับ ถ้าจะอ้างคุณท่าน ก็เอาให้มันแดงไปเลยไหมล่ะครับ ว่าทำไมผมถึงอยากจะออกไปอยู่ที่อื่น ท่านจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าคุณโตโต้ทำอะไรผม แม้ผมเองจะเป็นแค่ลุกคนใช้ แต่ถ้าคุณท่านเห็นดีเห็นงามกับคุณโตโต้ผมเองก็จะไป"

ภูมิบุญจ้องหน้าเขาเขม็งไม่ยอมอ่อนข้อให้ โตโต้กัดกรามปูดขึ้นมาแววตาโกรธแค้นขึ้นมากกว่าเดิม

"หึ อย่ามาขู่ อยากออกไปจากที่นี่มากนักใช่ไหม ใช่สิจะได้ไปอยู่กับไอ้นั่นผัวใหม่ของเราสินะ"

"ก็ทราบดีนี่ครับ แล้วจะมาเอาอะไรอีก จุดประสงค์ของผมคุณโตโต้ก็รู้แล้ว ผมว่าคุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากให้ผมออกไปจากที่นี่"

ภูมิบุญพูดก่อนจะเดินหนีไป โตโต้กัดกรามจนปูดโปน กลับขึ้นห้องไปทันที ภูมิบุญได้แต่ถอนหายใจ เมื่อครู่ที่คิดเห็นใจเขา สงสารกับสิ่งที่เขาเคยผ่านพบมามลายหายไปทันที "สมแล้ว คนแบบนี้เจอแบบนี้ล่ะจะได้รู้สึก" ภูมิบุญพูดขึ้นคนเดียว สายตาฉายแววกร้าวขึ้นมา ภูมิบุญคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แม้จะคิดได้ในช่วงหนึ่ง ก็กลับมาเป็นภูมิบุญคนเดิมเช่นบัวที่ปริ่มน้ำย่อมเป็นเหยื่อของฝูงปลาฉันนั้น

คืนวันเสาร์แทนทวีมารับภูมิบุญตั้งแต่หัวค่ำ ภูมิบุญได้ขออนุญาตคุณอภิสราตั้งแต่เมื่อวาน ขอต่อหน้าโตโต้ระหว่างทานอาหารเย็นกัน สีหน้าของโตโต้ไม่พอใจแต่ก็เก็บอาการเอาไว้ ส่วนภูมิบุญยิ้มกริ่มอยู่ในใจ คุณอภิสราไม่ได้ว่าอะไรแต่ก่อนจะอนุญาตได้หันมามองหน้าโตโต้ก่อนเพราะเห็นใจเขามากในเรื่องนี้จึงยอมแต่โดยดีเพราะยิ่งรบเร้าใหเขาไปเจอสภาพเก่าๆอีก แผลเป็นที่หายแล้วไปสะกิดให้มันเป็นแผลสดขึ้นมาใหม่เพื่ออะไรกัน แทนทวีแต่งตัวดีสมฐานะของตน เขาสวมกางเกงยีนสีเข้ม เสื้อเชิ๊ตสีอ่อนลายเลขาคณิต ใส่แจ็คเก็ตสีเทาหม่นๆทับ รองเท้าหนังขัดมันวาว

"ทำไมมาแต่หัววันจังครับพี่แทน"

ภูมิออกไปพบแทนทวีที่หน้าบ้านเชิญให้เข้ามานั่งที่โต๊หน้าบ้าน

"ก็พี่มารับภูมิไปแต่งตัวไงครับ"

"โห ขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่แทน งั้นภูมิก็ไม่เหมาะกับงานนี้แล้วล่ะครับ ภูมิไม่มีเสื้อผ้าแบบพี่แทนนะครับ"

ภูมิบุญพูดออกไปน้ำเสียงเจียมตัว หงษ์ยังไงก็เป็นหงษ์วันยังค่ำ ส่วนกาอย่างเขาจะให้ชุบมายังไงเชื้อชาติกามันก็เปลี่ยนเป็นหงษ์เหมือนอย่างเขาไม่ได้หรอก ภูมิบุญคิดแบบนี้

"ไม่ได้นะภูมิ นี่ไงพี่ถึงมารับ พี่มีเพื่อนขายเสื้อผ้าอยู่ ไม่ต้องห่วง เราพร้อมหรือยังล่ะ"

แทนทวีพูดน้ำเสียงมุ่งมั่น ภูมิบุญได้แต่ถอนหายใจยอมไปกับเขาแต่โดยดี แทนทวีขับรถพอภูมิบุญไปยังซอยทองหล่อ ร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายโดยเฉพาะ แทนทวีแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนแล้วก็ให้เพื่อนเลือกเสื้อผ้าให้ เพื่อนของแทนทวีเลือกเสื้อเชิ๊ตสีเหลืองอ่อนมีลายจางๆ กับแจ็คเก็ตสีดำแบบสมัยนิยม ส่วนกางเกงภูมิบุญใส่กางเกงยีนส์สีดำตัวเดิม รองเท้าหนังของทางร้าน ตอนแรกภูมิบุญอยากจะใส่รองเท้าของตัวเองแต่แทนทวีห้ามไว้

"ไอ้ส้ม ทำผมให้น้องเขาด้วยดิวะ"

แทนทวีบอกเพื่อนผู้หญิงของตน รายนั้นยิ้มกริ่มแล้วพาภูมิเข้าไปในห้องด้านหลังร้านซึ่งเป็นห้องพักของ พนักงาน พอภูมิบุญเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปนั่งนิ่งให้เธอจักแต่งทรงผมให้

"ผิวสวยจังเลยค่ะน้องภูมิ พี่ไม่เคยเห็นแทนเขาดูแลใครดีอย่างนี้เลยนะเนี่ย เรานี่โชคดีนะคะ"

ภูมิบุญยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะแสดงอาการยังไงดี

"เสร็จแล้วค่า ต๊าย น่ารักเชียว"

ส้มร้องออกมาทั้งที่ตนเป็นคนจัดแต่งทรงผมให้ แต่ก็ยิ้มกริ่มออกมาด้วยความพึงพอใจ พอออกมาหาแทนทวีรายนั้นถึงกับมองด้วยสายตาที่ปลื้มปีติ

"ภูมิ"

แทนทวีร้องออกมา

"แหม มองตาค้างเชียวนะแทน เป็นไงล่ะฝีมือเรา"

"น่ารักมากเลยส้ม พอภูมิแต่งตัวแล้วดูดีกว่าพี่อีกนะเนี่ย"

"แหมก็น้องเค้าน่ารักอยู่แล้วนี่นะแทน แต่งยังไงก็น่ารัก เนอะภูมิเนอะ"

ส้มดันหลังภูมิบุญให้เดินไปหาแทนทวีที่ยืนรออยู่แล้ว ภูมิบุญอายหน้าแดง

"ไปกันเถอะครับภูมิ พี่ดีใจภูมิใจมากแล้วที่มีภูมิไปด้วย"

แทนทวียื่นมือมาจับมือของภูมิบุญทันที โรงเรียนมัธยมชายล้วนย่านใจกลางกรุง คืนนี้คราคร่ำไปด้วยบรรดาศิษย์เก่ารวมรุ่นสี่ปีเริ่มตั้งแต่รุ่นของโตโต้ รวมถึงรุ่นของแทนทวีด้วย

"พี่แทนไม่กลัวเพื่อนๆนินทาเอาเหรอครับที่พาภูมิมา แทนที่จะควงสาวๆมา"

ภูมิบุญรู้สึกเป็นกังวลเพราะเกรงใจแทนทวีเหมือนกัน เป็นห่วงกับสถานะทางสังคมของเขา

"พี่ไม่สนหรอกภูมิ เพื่อนๆพี่หลายคน รุ่นพี่อีกมีแฟนเป็นผู้ชายเยอะแยะ ทำไมล่ะ มันเป็นความพอใจของพี่นี่ ใครจะว่าอะไรก็ช่างหัวมันสิ"

แทนทวีพูดน้ำเสียงไม่ได้ใส่ใจอย่างที่เขาพูดออกมา ภูมิบุญจึงนิ่งเงียบไป พอหาที่จอดรถได้ก็พาภูมิบุญเดินเข้าไปในบริเวณงาน โดยใช้หอประชุมใหญ่เป็นที่จัดงาน แทนทวีทักทายเพื่อนๆคนรู้จักอยู่แต่ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำคนที่เขาพามาด้วย

"นี่แฟนกู น้องภูมิ"

แทนทวีพูดโดยไม่ได้รู้สึกเขินอายกระดากปากแต่อย่างใด เขาพูดเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสามัญ แต่สายตาของเพื่อนๆกลับมองดูภูมิบุญอย่างแปลกประหลาด

"ไม่น่าเชื่อว่ะไอ้แทน ตอนเรียนนี่สีหญิงเป็นว่าเล่น เปลี่ยนแนวแล้วเหรอมึง"

เพื่อนมี่เคยสนิทกับแทนทวีพูดขึ้น

"เมื่อก่อนโว้ย แต่ตอนนี้รักคนนี้"

"ไม่น่าเชื่อว่ะ"

อีกหลายต่อหลายคำดังขึ้น ทั้งเห็นเป็นเรื่องปกติ ทั้งเหน็บแนมดูถูกเหยียดหยาม ภูมิบุญเริ่มรู้สึกตัวเล็กลีบลงทันทีสายตาที่มองมาแม้จะมีแวบหนึ่งชื่มชมในรูปกายภายนอก แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นมองด้วยความสมเพชเวทนา สายตาที่เสียดแทงเริ่มทำให้ภูมิบุญอึดอัด

"พี่แทนครับ ภูมิขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ"

"ได้ครับ เดี๋ยวพี่พาไป"

"ไม่เป็นไรครับพี่ พี่แทนอยู่คุยกับเพื่อนต่อเถอะครับ"

"เฮ้ยเดี๋ยวกูมาไปเข้าห้องน้ำก่อน"

"โห จะไปเข้าห้องน้ำก็ต้องพากันไปด้วยโว้ย จะไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไรวะไอ้แทน ที่นี่โรงเรียนนะโว้ย"

เสียงแซวดังมาจากกลุ่มที่แทนทวีนั่งอยู่ พอสิ้นเสียงแซวเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทันที

"ไอ้ห่านี่ ไปเข้าห้องน้ำโว้ย น้องเขาไม่เคยมา"

"แหม ให้พี่พาไปก็ได้นะครับน้อง อยากลองอยู่เหมือนกันเกย์น่ะ เห็นเขาบอกดีนักดีหนา"

เสียงดังที่ลอดออกมาจากปากของชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวดีท่างเขาพร้อมด้วยวุฒิปัญญาเยี่ยงปัญญาชนทั่วไป ภูมิบุญเม้มปากแน่น ร้อนหน้าชาไปตามตัว

"ไอ้นี่ แดกตีนกูดีไหม ปากหมานะมึง"

แทนทวีตะคอกทำท่าจะโผเข้าไปทำอย่างที่ปากพูด ภูมิบุญจับแขนไว้แล้วส่ายหน้า

"หวงโว้ยหวง แหมไอ้แทน มึงก็แบ่งเพื่อนๆลองบ้างดิวะ แต่กูก็พูดไปอย่างนั้นล่ะว่ะ ของหญิงมีไม่ชอบ ชอบของสกปรก"

ไม่เพียงแต่พูดแต่เขาทำท่ารังเกียจออกมาเบะปากชักสีหน้า ส่วนเพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างๆก็ทำท่าไปในทางเดียวกัน

"ขอโทษนะครับพี่ ผมเสียใจนะครับที่มาเป็นส่วนเกินในงานนี้ และที่พี่ว่าสกปรกน่ะคงไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่มันเป็นปากพี่กับจิตใจของพี่"

ภูมิบุญกระชากแขนแทนทวีให้หลบไปอยู่ด้านหลังของตนแล้วยกริมฝีปากขึ้นสูง ยิ้มแสยะออกไปมองหน้าเรียงบุคคล

"ไอ้นี่ ปากดีนะมึง"

"เฮ้ย พอได้แล้ว ไอ้ก็อตมึงก็เกินไป ไปๆแทนพาน้องไป"

เพื่อนอีกคนห้ามปรามก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โต แต่คนต้นเรื่องลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดัง

"มึงเป็นใครมาจากไหนวะ กล้ามาด่ากู"

"เฮ้ย ไอ้ห่านี่กูบอกให้พอ"

"มึงจะเอาอะไรไอ้ก็อต แล้วทีมึงว่ากูล่ะ"

แทนทวีทำท่าจะปรี่เข้าหาเหมือนกัน แต่ภูมิบุญห้ามไว้

"กลับเถอะครับพี่แทน พี่ไม่น่าชวนภูมิมาเลย"

"รู้ตัวก็ดี มึงนั่นล่ะไม่น่ามาที่นี่ เสือกมาทำไมวะศิษย์เก่าก็ไม่ใช่"

คนพูดยังไม่ยอมลง ภูมิบุญเม้มปากแน่น ดันตัวแทนทวีไว้เพราะเขาจะปรี่เข้าหาอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายนั้นก็มีคนดึงตัวไว้

"ครับ ผมเสือกเองล่ะที่มางานนี้ น่าเสียดายจังครับ โรงเรียนนี้เปิดมาตั้งนาน คนจบออกไปก็ได้เป็นใหญ่เป็นโตมากมาย ไม่น่าเชื่อ แต่นั่นล่ะนะ ในฝูงแกะขาวย่อมมีพวกแกะดำอยู่เสมอ"

"ไอ้ห่านี่"

ภูมิบุญกัดฟันพูดจ้องหน้าเขาเขม็งไม่ได้ยอมอ่อนให้แม้แต่น้อย มีเพื่อนรุ่นพี่มาดึงตัวแทนทวีกับภูมิบุญออกไปจากบริเวณงานเพราะสายตาเกือบ ทุกคู่บริเวณนั้นหันมามองตั้งแต่เริ่มมีปากเสียงกัน

"ไปก่อนแทน พาเพื่อนกลับก่อน อย่ามามีเรื่องที่นี่พี่ขอร้อง"

"แต่พี่ดูมันพูดสิ หนอยหาว่าน้องผมเสือกมากเหรอ แล้วทีมันพาเพื่อนมาล่ะ"

"เอาน่าแทน เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไปก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน"

รุ่นพี่ดันหลังแทนทวีให้ออกไป

"ขอโทษนะครับพี่ ที่มาก่อเรื่องที่นี่"

ภูมิบุญยกมือไหว้พออารมณ์อ่อนลงก็เริ่มรู้สึกตัวว่าน่าจะเก็บความรู้สึกให้ได้มากกว่านี้

"ไม่เป็นไรครับ เอาไว้วันหลังเจอกัน น้องน่ารักดีนะแทน ไอ้ก็อตมันปากหมาจริงๆล่ะ"

แทนทวีเดินออกมาจากงานหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แต่ไหนแต่ไร นี่ถ้าภูมิบุญไม่มาด้วยคงได้มีการล้มโต๊ะกันไปแล้ว แต่ด้วยความที่เกรงใจภูมิบุญเขาจึงพยายามสะกดอารมณ์

"พี่ขอโทษนะภูมิ ไม่น่าเลย"

แทนทวีพูดขึ้นแต่สีหน้ายังบึ้งตึง

"ไม่เป็นไรหรอกครับพี่แทน เพื่อนพี่คนนั้นเขาก็คงแหย่เล่นๆล่ะ"

"แหย่หาตีนน่ะสิ แต่เรานี่ก็ใช่ย่อยนะ หึหึ สมน้ำหน้ามัน คนมองกันใหญ่ ลำพังพี่ไม่ได้สนใจใครหรอก แต่มันน่ะสิ เรียนอยู่ มอต๊อกต๋อย ดังแน่มึงไอ้ก็อต"

"ดังเรื่องอะไรล่ะครับ แค่มีเรื่องกันเอง"

ภูมิบุญไม่เข้าใจในสิ่งที่แทนทวีพยายามจะสื่อ

"แหมภูมิ ไอ้นี่น่ะตอนเรียนมันนับว่าเป็นหัวโจก เกเรที่สุด คงจะเสียชื่อเสียงไงที่โดนคนตัวเล็กๆยืนด่าหน้าชา ฮ่าๆ สะใจ"

ภูมิบุญไม่ได้รู้สึกยินดีไปด้วย นี่เขาสร้างศัตรูเพราะปากของเขาอีกแล้วหรือ ทำไมนะ ทำไมไม่รู้จักหักห้ามใจ เรามันไม่เข้าพวกกับเขาอยู่แล้ว เขาจะว่าเสียดแทงยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา ภูมิบุญถอนหายใจออกมา

"พี่ยังไม่อยากกลับเลยภูมิ ไปนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนพี่หน่อยดิ"

แทนทวีชวนแล้วหันมาทำสายตาอ้อนวอน

"แต่ภูมิไม่กินเหล้านี่ครับพี่แทน"

"ใครจะให้ภูมิกินล่ะคร้าบ คนดี ไปนั่งอยู่ข้างๆพี่ก็พอ"

"ครับ ที่ไหนล่ะ"

ภูมิบุญไม่คิดนานเพราะรู้สึกเห็นใจแทนทวีเช่นกัน เขาคงอายไม่น้อยที่พาแฟนที่เป็นผู้ชายมาเปิดตัวกับบรรดาเพื่อนๆที่เคยเรียน ร่วมชั้นกันมา ถ้าจะว่าไปแล้วเขาก็ประกาศแล้วว่าเขาเลือกภูมิบุญเป็นแฟนอย่างไม่ปิดบัง ลำพังจะหาผู้ชายแบบนี้ในยุคนี้หรือยุคไหนคงไม่มี แม้นถ้ามีคงน้อยเต็มทน ภูมิบุญรู้สึกอิ่มใจดีใจขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดอะไรอีกในสิ่งที่เขานานๆทีจะขอขึ้นมา

"ไปเอกมัยไหมครับ ไปนั่งดูนั่นดูนี่เล่นๆกัน"

ภูมิบุญได้แต่พยักหน้าเพราะตนไม่รู้จักกับสถานที่ แทนทวีระบายรอยยิ้มออกมาได้หลังจากที่บึ้งตึงอยู่นาน เขาจอดรถในที่จอดที่ทางร้านเตรียมไว้ให้แล้วเดินเข้าไปในร้านที่เสียงเพลงใน ตอนหัวค่ำยังไม่ดังอึกทึกครึกโครมมาก คนก็ยังไม่หนาแน่นเท่าที่ควรส่วนมากจะนั่งกินข้าวกัน ดื่มบ้างเป็นบางโต๊ะ

"กินอะไรก่อนเนอะ พี่หิวแล้ว เมื่อกี๊ไม่ได้แตะอะไรเลย"

แทนทวีเอ่ยขึ้นแล้วเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร ภูมิบุญพยักหน้าเออออตามเขา

"เฮ้ย"

แทนทวีร้องขึ้น หน้าตาซีดลงทันที ภูมิบุญมองตามสายตาของแทนทวีไป ก็ชักสีหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
เพราะคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้านคือ แวนกับพอลแฟนสาวและเพื่อนสนิทของโตโต้ ภูมิบุญรีบหันกลับมาใจเต้นตุบตับ ไม่คิดว่าะเจอแวนที่นี่ ส่วนผู้ชายอีกคนเขาไม่เคยเห็นหน้า โลกมันช่างกลมอะไรแบบนี้

"ซวยเป็นบ้าเลย"

แทนทวีสบถออกมา แล้วทำหน้าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด

"ต๊าย ไอ้แทน ไหนบอกแกจะไปงานเลี้ยงศิษ์เก่าไงแล้วแอบมากินเหล้าที่นี่"

พอแวนเหลือบมาเห็นหน้าน้องชายก็ปรี่เข้ามาหาทันที แต่ยังไม่ทันมองภูมิบุญเพราะภูมิบุญนั่งหันหลังให้

"แล้วพี่ล่ะ มากินเหล้าเหมือนกันเหรอ"

"ชั้นมากินข้าวย่ะ นี่พอลเพื่อนโตโต้"

แวนแนะนำแต่ดูเหมือนแทนทวีจะไม่ได้ใส่ใจ พอแวนปรายตามองหน้าเพื่อนที่มากับแทนทวีก็ชักสีหน้าขึ้นทันที

"ต๊าย นึกว่าใคร อีตุ๊ดแย่งผัวชาวบ้านนี่เอง หน้าด้านหน้าทนนะยะ แกจะเอามันไว้ทำไมไอ้แทน มันทำกับแกขนาดนี้ งูพิษ"

แวนกรีดเสียงขึ้นดังจนคนโต๊ะข้างๆหันมามอง

"แวน ใจเย็นๆมีอะไรกัน"

พอลมาจับแขนไว้มองหน้าเด็กคนที่แวนเอ่ยถึง

"ใจเย็นไม่ได้หรอกพอล ดูมันสิ เกิดมาไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่าไอ้นี่มาก่อน ทุเรศไม่เจียมกะโหลกตัวเอง คงอยากจะเป็นไฮโซซะตัวส่นเลยสินะ แกมันมีอะไรดีห๊า"

แวนผลักบ่าของภูมิบุญ เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้าของภูมิบุญทันที

"เฮ้ย พี่แวนมันจะเกินไปแล้วนะ"

แทนทวีลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ดันตัวของแวนออกสายตากร้าวไม่แพ้พี่สาว

"แกจะปกป้องมันทำไม ไอ้แทน มันมีอะไรดี"

"ดีไม่ดี อย่างน้อยก็ไม่เทียวด่าใครตามที่สาธารณะแบบพี่หรอก"

แทนทวีย้อนเสียงดังเช่นกัน พนักงานของร้านเข้ามาห้ามปรามแล้ว แต่ดูเหมือนแวนจะไม่สนใจ

"กรี๊ดด ไอ้แทน ชั้นเป็นพี่แกนะ"

"นี่ก็แฟนผม ไปเถอะภูมิ เสียอารมณ์"

"หยุดนะ แกยังไปไหนไม่ได้ ที่ชั้นเห็นวันนั้นชั้นยังไม่ได้สะสางกับแกเลยนะ" "เพี๊ยะ"

แวนคว้าตัวของภูมิบุญมาได้ก็ฟาดมือลงไปที่หน้าทันที ภูมิบุญหน้าหันไปตามแรงตบ ผู้คนที่จ้องมองอยู่อ้าปากค้าง แทนทวีผลักแวนให้ถอยห่างไปทันที

"อย่ามาทำตัวแบบนี้นะพี่แวน อย่าหาว่าผมไม่เตือน"

แทนทวีขู่ดังลั่นเช่นกัน

"ขอร้องนะครับ อย่ามีเรื่องกันที่นี่ รบกวนเชิญด้านนอกด้วยนะครับ"

ผู้จัดการร้านเข้ามาสะกิดบอกแทนทวีจูงมือภูมิบุญออกไปจากร้านทันที ส่วนพอลก็เดินไปดึงแขนแวนที่ร้องลั่นร้านอยู่ให้ตามออกมา

"เจ็บไหมภูมิ วันนี้มันเป็นอะไรนะ ซวย"

"เพราะภูมิเองล่ะครับที่เป็นตัวซวย"

พอเปล่งเสียงออกมาก็ทำให้ใจของอีกฝ่ายล่วงหล่นหายไป ความน้อยเนื้อต่ำใจจากทั้งในอดีต มาถึงวินาทีที่เพิ่งจะผ่านมามันออกมากับคำพูดเพียงไม่กี่คำ

"ภูมิ ไม่เอาครับภูมิอย่าพูดแบบนี้ พี่ขอโทษที่เจ้ากี้เจ้าการจะพาเราออกมาเอง พี่ขอโทษครับภูมิ"

แทนทวีรู้สึกผิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเขาพาภูมิบุญออกมาข้างนอกแท้ๆ นี่ถ้าหากพาไปกินข้าวที่อื่นก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

"พี่แทนไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ ภูมิเองที่ผิด ผิดที่ไม่เจียมตัว"

"ภูมิ"

แทนทวีได้แต่ร้องออกมา มองหน้าคนรักน้ำตาเริ่มคลอไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดออกมาปลอบประโลมใจดี

"แก ไอ้ตัวดี แกทำให้ชั้นโดนไล่ออกมาจากร้าน ไอ้สถุนชั้นต่ำ"

"พอแล้วแวน พอ"

พอออกมาพ้นประตูร้านก็กรีดเสียงร้องตามมา แวนปรี่เข้ามาหมายจะทำร้ายร่างกายของภูมิบุญอีก จริตที่หายไปจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่ทำให้จิตใจบอบช้ำมันตื่นขึ้นมาอีกครา ภูมิบุญพอได้ยินเสียงก็เม้มปากแน่นยกริมฝีปากขึ้น

"พี่แทน"

ภูมิบุญอ้อมไปหลับอยู่หลังแทนทวีกอดเขาไว้

"ตอแหล ชั้นจะตบแกให้สาสม ไอ้ทุเรศ แกมันจัญไร สกปรก"

แวนเองก็ขุดคำด่าออกมาตามแต่จะคิดได้ แม้จะมีเพื่อนชายดึงตัวไว้แต่ก็ไม่ได้สนใจ

"หยุดซะที ไปเถอะภูมิ กลับ"

"แกอย่าหวังว่าแกจะแย่งโตโต้ไปจากขั้นได้ อีตุ๊ด ไอ้แทนก็เหมือนกัน ชั้นจะไปฟ้องพ่อ ว่าแกเป็นเกย์"

แวนโพล่งออกมา แทนทวีหันขวับทันที

"อย่ามายุ่งเรื่องของผม พี่เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ"

แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่สีหน้าก็ไม่ดีเอาเสียเลย ภูมิบุญกระตุกแขนแทนทวีเบาๆเตือนสติ

"ไปรอพี่ตรงโน้นนะครับภูมิ พี่ไปเอารถก่อน"

แทนทวีชี้บอกจุดแล้วรีบเดินไปเอารถทันที

"เมื่อกี๊ ขอโทษนะครับคุณแวน"

ภูมิบุญได้โอกาสที่แทนทวีไม่อยู่ หันย้อนมายกมือไหว้แวน

"ไม่ต้องมาตอแหล ชั้นรู้แกมันตอแหล หน้าไหว้หลังหลอก แกอยากลองดีใช่ไหม อีตุ๊ดชั้นต่ำ"

"ขอโทษจริงๆนะครับ เรื่องคุณโตโต้ กับพี่แทน ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมไม่อยากทำให้คุณแวนผิดใจกันนะครับ ผมขอโทษ"

แม้ปากจะพูดขอโทษแต่ในใจกลับร้อนผ่าว อยากจะว่ากลับให้เธอเจ็บปวดเช่นกัน แต่ด้วยเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักหน้าคร่าตาของแวนยืนอยู่ด้วย ภูมิบุญจึงตีหน้าเศร้า

"แก"

แวนทำท่าจะปรี่เข้าตบ แต่พอลดึงตัวไว้

"แวนอย่า พอแล้ว"

"พอล ดูมันสิ มันตอแหล เห็นไหมว่ามันตอแหล"

"อะไรกันแวน น้องเขาอุตส่าห์ขอโทษนะ ผมไม่เห็นว่าน้องเขาจะทำอะไรแวนเลยนะ"

"พอล"

"ผมไปเอารถก่อน ไม่น่าออกมาเลยวันนี้"

"กรี๊ดดด"

พอพอลเดินลับตาไป ภูมิบุญก็แสยะยิ้มออกมา เห็นรถแทนทวีกำลังตรงมาหา

"แก แกอย่าได้หวังว่าแกจะเสวยสุขกันได้ ชั้นไม่ยอม"

"โอ๊ย พอที จะร้องกรี๊ดๆให้ได้อะไร ไหนบอกเป็นไฮโซ ไม่เคยเห็นไฮโซที่ไหนเขาทำกันแบบนี้เลย ส่วนเรื่องคุณโตโต้ คุรไปเตือนกันเอาเองละกัน ผมเองก็รำคาญรบเร้าจะขอทำอีกอยู่นั่นล่ะ ไม่รู้อยากได้ไปทำไม ก็งั้นๆ"

"กรี๊ดดด อีตุ๊ด มึงด่ากูเหรอ"

"มาสิ มาลองตบกันดู ยอมมานานแล้ว อยากตบอยู่เหมือนกันไฮโซ หน้ามันจะนิ่มมือดีไหม หรือว่ามันจะด้าน"

แวนชะงักไม่กล้าเข้ามาเพราะสายตาที่กร้าวจะเอาเรื่องของภูมิบุญ เธอหยุดอยู่กับที่ พอแทนทวีขับรถมาจอดตรงหน้าภูมิบุญก็ยิ้มให้แวนแล้วเดินไปขึ้นรถ

"กรี๊ดดด"

เสียงกรี๊ดไล่หลังมา ภูมิบุญทำหน้าเศร้า แต่ก็พยายามไม่เสแสร้งเวลาอยู่ต่อหน้าแทนทวี เรื่องที่ให้ต้องคิดก็มีอยู่จริง เรื่องบิดามารดาของแทนวี นั่นสินะ เอาเถอะ ไหนๆเกิดมาอุปสรรคก็มากมายจนชินเสียแล้ว ถ้านี่จะเป็นอีกอุปสรรคก็เอาเถิด เข้ามาเลย เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว ภูมิบุญคิดอยู่ในใจ


อันสายน้ำไหลลงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเช่นใด จิตใจมนุษย์ก็เฉกเช่นเดียวกัน แม้นหากจิตที่อยู่สูงดังบัวที่พ้นแล้วซึ่งน้ำคร่ำตะกอนขุ่น หากครองจิตนั้นให้ดีตามครรลอง บัวนั้นก็จะได้เชยชมอยู่แต่สายลมอันอบอุ่น แสงอาทิตย์ที่งดงาม แม้นหากกิเลสเข้าครอบงำคราใด จิตของเราตกลงแม้นบัวที่ชูช่อลอยเด่นอยู่ โดนปลาปูเต่ากัดสายให้ขาดหล่นร่วงลงสู่วังวนอีกครา อันบัวนั้นแม้จะงามงดสักเพียงใด ก็ไม่แคล้วจะหมองหม่นไปได้เช่นกัน แต่นี่ล่ะหนามนุษย์ ถ้าประเสริฐเยี่ยงนั้นเราคงพ้นอรหันต์ไปแล้ว แต่แม้นหากปล่อยให้กิเลสเข้าครอบครองบ้างแต่น้อย จิตส่วนดีก็ขอให้ตั้งอยู่ในที่สูง อย่าให้กิเลสนั้นชักดึงลงมาสู่ที่ต่ำเลย

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบเอ็ด

ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้เพียงสองวันภูมิบุญก็ต้องกลับไปเรียนตามปกติ สมองที่หนักอึ้งด้วยพิษภัยของความแค้นยังแน่นขนัดสุมกันอยู่ ภูมิบุญเงียบลงกว่าเดิมมากคอยหลบหน้าโต้โต้ตลอดเวลา ส่วนแทนทวีเขาหายไปหนึ่งวันเต็มๆ คงจะหลบไปทำใจแต่พอถึงวันที่ภูมิบุญต้องไปมหาวิทยาลัย แทนทวีก็มาดักรอที่หน้าบ้านเช่นเคย

"ภูมิ พี่ไปดูคอนโดไว้แล้วนะ พ่อพี่ซื้อไว้ตั้งนานแล้วให้คนเช่า พี่ไปบอกเขาแล้วว่าพี่จะไปอยู่ เราย้ายเข้าสิ้นเดือนนี้นะ"

แทนทวีพูดออกมาบอกความต้องการของตัวเอง ภูมิบุญก้มหน้านิ่ง ความลำบากใจถาโถมเข้ามาอีกระรอก เริ่มวันใหม่ด้วยความหนักใจแล้วต่อไปทั้งวันจะทำหน้ายังไงดี

"ครับ"

เสียงลอดออกมาจากลำคอเบาแสนเบา แทนทวีหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย

"แล้วภูมิคุยกับคุณท่านหรือยัง"

แทนคำตอบภูมิบุญส่ายหน้า หลุบตาลงต่ำ แทนทวีถอนหายใจ

"ต้องรีบคุยนะภูมิ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เราอยู่ที่นั่นนะ"

แทนทวีเองก็ย้ำจุดประสงค์ของตัว ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่หนักใจเหลือเกิน นี่เขาจะพูดยังไง จะเริ่มจากตรงไหนดีคุณอภิสราถึงจะยอม ไหนจะแม่ของเขาอีก ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมีน้ำหนักพอให้เจ้าของบ้านเห็นดีเห็นชอบปล่อยให้ย้ายออกจากที่นั่น เรียนหนักน่ะเหรอ แต่ก่อนก็เรียนหนัก ทำไมอยู่ได้ ไกลไปจากที่เรียน ก็มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่อยากจะทำงานบ้าน มันไม่ใช่แบบนั้น ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น เข้าใจในความปรารถนาดีของแทนทวี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปทางไหนต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องหันหน้าไปพึ่งใคร

"ไอ้พอล มึงคิดว่ากูควรทำยังไงดีวะ"

โตโต้นั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนสนิทหลังจากที่เลิกงานแล้ว ที่เดิมที่คุ้นเคย

"มึงก็ง้อแวนเขาหน่อยดิวะ แต่อย่าบอกนะว่ามึงตกหลุมรักมันเข้าแล้ว"

"รักห่าอะไรล่ะ ไม่รู้ดิวะ กูแค่สงสารมัน บางทีมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เด็กคนหนึ่ง"

โตโต้พูดออกไปแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกลงคอไป

"ความสงสารนี่ล่ะเป็นสารตั้งต้นของความรัก มึงระวังให้ดีเถอะ หรือว่ามึงติดใจ"

"เว้ย มึงให้คำปรึกษาดีๆหน่อยได้ไหม เดี๋ยวกูถีบไอ้นี่"

โวยวายขึ้นทันที ความกลัดกลุ้มที่มีอยู่ในใจมันก็หมักหมมหนักหนาแล้ว ยิ่งมีคนมาแหย่หรือพูดไม่เข้าหูยิ่งเหมือนแหย่ฟืนเข้าไปในกองไฟ เพิ่มเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำขึ้นอีก

"อ้าว เฮ้ย กูก็พูดตามที่เห็น เขาบอกว่าอย่าริไปลองเชียวเกย์น่ะ ไม่มีใครกลับได้สักราย หึหึ เป็นไงวะ ดีป่ะ"

พอลกลับไม่สนใจในความทุกข์ใจของเพื่อน อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตนอยากรู้เท่านั้น

"มึงเงียบไปเลยไอ้พอล ถ้ามึงไม่ให้คำปรึกษากู กูกลับดีกว่า ไอ้เชี่ยนี่"

"อ้าวเฮ้ย บอกเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ มึงไม่บอกกูจะรู้ไหมว่ามึงกับมันถึงขั้นไหนแล้ว แล้วกูจะช่วยมึงยังไง ไอ้เชี่ยนี่"

พอลสวนคืนไม่ยอมเช่นกัน

"ก็ดี ไม่รู้เว้ยกูไม่ได้ชอบ ทำๆไปอย่างนั้นล่ะ"

ปากไม่ตรงกับใจ บอกไม่ชอบออกไปแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าอบอุ่นอย่างประหลาด จุมพิศของภูมิบุญมันหวานฉ่ำ ลิ้นอุ่นๆนุ่มๆสอดเข้ามาในโพรงปากของเขา ทุกอณูภูมิบุญเสาะแสวงหาไปทั้งสรรค์พางกายไม่มีรังเกียจไม่มีชั่งใจ ความร้อนในตัวของภูมิบุญเขารับรู้ได้ มันเป็นไออุ่นที่แปลกประหลาด ความรู้สึกแบบนี้ ลีลารักแบบนี้เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน

"เหรอ แต่ตามึงนี่มันไม่ได้แค่ทำไปอย่างนั้นนะ เอาเถอะ มึงจะชอบมันหรือไม่ก็ตามแต่อย่าลืมจุดประสงค์ของการที่ทำแบบนี้นะเว้ย ที่มึงเอาตัวไปคลุกคลีกับมันจนอาจจะแอบชอบมันก็เพราะมึงอยากจะให้มันออกจากบ้านไปไม่ใช่เหรอ หรือถ้ามึงทำใจได้ มึงก็รักๆมันไปเลยดิ แล้วก็อยู่ด้วยกันแบบผัวเมีย"

"ไอ้พอล ไอ้เชี่ย มึงนี่ปากหมานะ กูไม่อยู่แล้ว จ่ายให้กูด้วย"

หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากร้านทันที โตโต้นั่งจุดบุหรี่ที่หน้าร้าน สูดควันพิษเข้าไปกักไว้ในปอด ระบายออกมาด้วยความเคร่งเครียด "จริงสินะ ที่เราทำไปทั้งหมดเพราะอยากให้มันกระเด็นออกจาบ้านไป หึหึ แค่นี้มันเปลี่ยนใจกูไม่ได้หรอกไอ้ภูมิ" โตโต้แสยะยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง แค่ความรู้สึกเห็นใจแค่นี้มันเบี่ยงเบนจุดประสงค์หลักไม่ได้หรอกนะ

พอกลับถึงบ้านภูมิบุญก็รอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับคุณอภิสรา พอเห็นคุณอภิสรานั่งจิบน้ำชาอยู่ห้องรับแขกภูมิบุญก็เข้าไปหา

"ว่าไงจ๊ะภูมิ มีเรื่องอะไรจะคุยกับป้าเหรอ"

คุณอภิสราเหมือนจะรับรู้ความในใจของภูมิบุญ ไม่รู้ว่าเพราะแสดงสีหน้าท่าตาออกไป หรือท่าทางกะอักกระอ่วนใจ

"เอ่อ ครับคุณท่าน คือภูมิ อยากจะขอคุณท่านออกไปเช่าหออยู่กับเพื่อนน่ะครับ"

ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะพูดออกไปได้ ภูมิบุญก้มหน้าลงไม่อยากจะสบตากับคุณอภิสรา เสียงถอนหายใจออกมา

"ภูมิ เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนี่จ๊ะ ทำไม มีอะไรอีก ใครกวนใจภูมิ บอกป้ามา"

น้ำเสียงที่ผิดหวัง ท้อแท้ใจเปล่งออกมา

"ปะ เปล่าหรอกครับ คือภูมิเรียนหนัก ไหนจะต้องเรียนภาษาอังกฤษตอนเย็นอีก"

"แล้วต้องย้ายไปอยู่หอเลยเหรอภูมิ ป้าไม่เข้าใจ มีเรื่องอะไรก็บอกป้ามา"

พยายามจะเอาเหตุผลของตนขึ้นอ้าง แต่ดูเหมือนคุณอภิสราจะดักไว้ถูกทาง พอดีกับโตโต้กลับเข้ามาในบ้าน

"มานี่ซิตาโต้"

คุณอภิสราร้องเรียกบุตรชาย โตโต้มองดูภูมิบุญที่นั่งก้มหน้าอยู่ลังเลใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งอีกฝั่ง

"ไหนมีอะไรกัน บอกแม่มาซิ ทำไมน้องถึงอยากออกไปอยู่ที่อื่น"

คุณอภิสรายิงคำถามทันที โตโต้ชักสีหน้าไม่ถูก แปลกใจมองดูภูมิบุญ

"เอ่อ ไม่มีมีอะไรนี่ครับแม่ อ้าวภูมิ ทำไมล่ะครับ"

พยายามไหลไปตามกระแสน้ำ ร้องถามขึ้น ทั้งที่ในใจมีแวบหนึ่งคิดขึ้นมาได้ว่า ดีเสียอีกไม่ต้องลงมือหาทางไล่ออกไปจากบ้าน ในเมื่อเสนอตัวเองไหนๆก็จะสนองให้

"ที่ภูมิบอกคุณโตโต้ไปวันนั้นไงครับ ที่ตอนนี้ภูมิเรียนหนัก รายงานก็เยอะ แค่ออกไปอยู่ชั่วคราว แต่ภูมิจะกลับมาทุกวันศุกร์ไงครับ"

ภูมิบุญมองหน้าโตโต้สายตาวิงวอนขอร้อง โตโต้มองดูอยู่แล้วก็ยิ้มขึ้นในใจ "เอาวะ ไหนๆก็อยากให้มันออกไปอยู่ข้างนอกบ้านอยู่แล้วนี่" แต่ลึกๆในใจก็หวั่นไหวอยู่ไม่น้อย

"อ้อ ครับคุณแม่ คือน้องภูมิเคยพูดไว้กับโต้ครับ ว่าช่วงนี้เรียนหนัก ไปมาลำบาก บางวันอยากอ่านหนังสือเยอะๆแต่ก็เกรงใจพี่อ้อยกับแม่จันทร์ ให้น้องไปอยู่คอนโดฯผมที่ราชดำริก็ได้นี่ครับแม่ ตอนนี้คนเช่าเขาย้ายออกแล้ว จะได้ใกล้มหาฯลัย"

โตโต้เสริมยกเหตุผล ขึ้นมาอ้าง ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าคืออะไร แต่ก็อยากจะขอบคุณจากใจที่เขาช่วยพูด

"แม่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จะไปอยู่ยังไงกัน น้องเขาเพิ่งอายุแค่นี้เอง แม่ไม่ไว้ใจ แม่เป็นห่วง เรื่องเรียนหนักน่ะป้าก็พอรู้นะภูมิ แต่ที่จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกยังไงป้าก็ไม่เห็นด้วย"

คุณอภิสรายังยืนยันคำเดิม ภูมิบุญก้มหน้าลงไปอีก

"โธ่ คุณแม่ครับ ใช่ว่าน้องเขาจะออกไปแล้วไม่กลับมาซะหน่อย วันศุกร์ก็กลับ แค่ไม่กี่วันเองนะครับแม่ บางทีน้องเขาอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ก็ได้นี่ครับ"

น้ำเสียงประชดอยู่ในที คุณอภิสราหันขวับทันที

"อะไรตาโต้ เอาอะไรมาพูด อยู่ที่นี่ไม่เป็นส่วนตัวยังไง นี่มีอะไรกัน"

คุณอภิสราแว๊ดเสียงขึ้นทันที

"โธ่ แม่ก็ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็ล้อเล่นไปแค่นั้นเอง น้องเขาอาจจะอยากอ่านหนังสือเยอะๆก็ได้นะแม่ อยู่บ้านเราอ่านแป๊บนึงเดี๋ยวก็ต้องทำนั่นทำนี่"

โตโต้รีบออกตัว คุณอภิสรานิ่งเงียบไป ใบหน้าครุ่นคิดอยู่ ส่วนภูมิบุญนั่งก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา

"ถ้า เป็นอย่างนั้น ป้าให้ไปอยู่แค่วันที่มีเรียน วันไหนไม่มีก็ให้กลับมาอยู่ที่บ้าน ภูมิถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรให้มาบอกป้า ใครว่าอะไรหรือทำให้เราหนักใจอย่าเก็บไว้คนเดียว ป้ารักเราเหมือนลูกเหมือนหลานนะ ไม่อยากให้ออกห่างไปอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้น"

เสียงที่นิ่งเครียดแสดงความขุ่นข้องใจออกมา ภูมิบุญเองก็นิ่งเงียบไปใจสั่นไหว นี่เรื่องมันยากเย็นสร้างความลำบากใจให้ได้มากขนาดนี้เชียวหรือ

"ขอบคุณนะครับคุณโตโต้ ที่ช่วยพูดกับคุณท่านให้"

พอคุณอภิสราเดินขึ้นบ้านไป ภูมิบุญก็ยกมือขึ้นไหว้โตโต้ที่กำลังจะลุกไปเหมือนกัน

"ไม่เป็นไรหรอกภูมิ แล้วนี่คิดจะหลบหน้าพี่เหรอครับ พักนี้ไม่ค่อยเจอเลย"

"เปล่านี่ครับ ช่วงนี้ภูมิยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เจอน่ะครับ"

"เหรอ พี่คิดว่าหลบหน้าพี่เสียอีก แล้วย้ายออกไปอยู่หอน่ะ ตั้งใจว่าจะไปอยู่กับใคร นายแทนเหรอ"

โตโต้ยิ้มที่มุมปากถามออกมา

"เอ่อ ว่าจะชวนพลอยกับก้องมาอยู่ด้วยครับ"

"เหรอ แต่ไปอยู่คอนโดพี่นะ พี่ไม่ให้พาใครมาค้างนะจะบอกไว้ก่อน"

"เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ภูมิไปเช่าหออยู่เองดีกว่า"

"หึหึ คิดว่าแม่พี่จะยอมเหรอภูมิ ทีนี้พี่ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ"

โตโต้พูดแล้วยิ้มออกมา แววตามีเลสนัยแฝงอยู่ ภูมิบุญลำบากใจอีกรอบ

"พี่แทนครับ คุณท่านอนุญาตแล้วนะครับ"

ภูมิบุญโทรศัพท์ไปหาแทนทวีหลังจากที่กลับมาอยู่ห้องพักของตัวเอง

"จริงเหรอภูมิ ดีครับ พี่จะได้ไปบอกคนเช่าเขาว่าพี่ย้ายเข้าแน่ๆ สิ้นเดือน"

"เอ่อ แต่พี่แทนครับ คุณท่านให้ไปอยู่คอนโดของคุณโตโต้ที่ราชดำริน่ะครับ"

ภูมิบุญพูดออกไปด้วยความลำบากใจ

"หือ ทำไมล่ะภูมิ"

"คุณท่านคงเป็นห่วงน่ะครับ ภูมิก็ไม่รู้ ภูมิพยายามแล้ว"

แทนทวีนิ่งเงียบไป นี่เขาบีบบังคับคนรักมากไปหรือเปล่า

"อ้อ ได้ครับ ไม่เป็นไรยังไงก็ออกมาจากเงื้อมมือไอ้เลวนั่น แค่นี้ก็พอแล้ว"

แทนทวีพูดออกมา แม้จะขุ่นข้องใจอยู่แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรคืบหน้าไป อย่างน้อยถ้าภูมิบุญออกมาอยู่ข้างนอกด้วยตัวเอง เวลาเขาไปมาหาสู่ก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องดักรออยู่หน้าบ้านแบบนี้

ส่วนโตโต้พอกลับขึ้นห้องไปก็นั่งคิดอยู่ ฉายแววตาออกมา แววตาคู่เดิมครั้งเมื่อตอนดูภาพลับของตัวเองที่ซ่อนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์

"หึ หึ มันไม่พอหรอกไอ้ภูมิ มึงต้องรักกู มึงต้องเจ็บกว่านี้ กูว่าจะไม่ทำมึงแล้วนะ ไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ออกไปก็ออกไปให้พ้นจากชีวิตของกูเลยละกัน"

ความคับแค้นใจที่ฝังซ่อนเร้นไว้นานแสนนานเผยออกมา แม้ตัวของภูมิบุญเองจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่สร้างแผลเป็นให้เขา แต่ภูมิบุญก็เป็นคนจำพวกเดียวกันกับคนๆนั้น คนที่สร้างตราบาปรอยแผลเป็นที่ยากจะลบเลือน

ถ้าหากเรามองย้อนไปในอดีตวันวานที่ผ่านมา มีอะไรไหมที่เราอยากกลับไปแก้ไขถ้าหากว่าเราย้อนเวลาได้ มีอะไรไหมที่ยังค้างคาอยู่ในใจ หลายคนอยากจะหมุนเวลาย้อนกลับไป ถ้าหากทำได้อยากจะแก้ตรงนั้น จะไม่ทำแบบนั้น แต่มันคงทำไม่ได้ ทำไมเรื่องที่ผ่านมามันถึงป้ายด่างอยู่ในใจลบไม่ออก เพราะเรายึดมั่นถือมั่นเกินไปไหม สิ่งที่ผ่านมาสิ่งที่เป็นอดีตแม้ว่ามันจะปวดร้าวสร้างรอยแผลที่ยากจะลบเลือน ให้แก่เรา แต่ถ้าหากมองให้ดี รอยแผลนั้นมันก็ยังมีคุณค่า เพราะอย่างน้อยมันก็คอยเตือนเราให้ระลึกไว้เสมอว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราได้ผ่านล่วงมันมาแล้ว มันคือบทเรียนที่สำคัญ มันคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอยู่ในทุกวันนี้ เสียใจเจ็บใจไม่แปลกหรอก แต่เราน่าจะขอบคุณอดีต ขอบคุณวันวานที่ผ่านมา เพราะถ้าไม่มีวันนั้น ถ้าหากว่าเราไม่ทำสิ่งนั้น เราก็คงไม่ได้มาอยู่ในวันนี้ หรือถ้าหากแม้นมีวันนี้ เราก็คงไม่ใช่คนๆนี้ คนที่มีสิ่งฝังเตือนระลึกใจว่าเราได้ผ่านอะไรมาแล้วหลายอย่างไปไม่น้อยกว่าใครในโลกนี้

พอได้กุญแจคอนโดมาจากโตโต้ภูมิบุญก็แวะไปดูห้องหลังเลิกเรียน คอนโดที่นี่สะดวกสบายมากทีเดียว ติดกับรถไฟฟ้าโดยเดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง ติดกับสถานที่เรียนภาษาอังกฤษ อีกอย่างอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแบบไม่ต้องโดยสารรถไปเลย แค่เดินไปก็ถึงแล้ว ห้องชุดหรูหราโอ่อ่าจนภูมิบุญไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะเคยนอนแต่ฟูกง่ายๆมีผ้าปูรองนอน เครื่องใช้ไม้สอยก็ล้วนแล้วแต่ปราณีตบรรจง จะหยิบจับอะไรก็ไม่กล้า

"โหภูมิ หรูไปเลยอ่ะ ดูสิมองเห็นวิวฝั่งสวนลุมด้วยอ่ะ สวยจัง"

พลอยร้องขึ้นเกาะอยู่หน้าบานกระจก ก้องเองก็เดินมาดูสิ่งที่พลอยมองอยู่

"เออ หรูมากเลยอ่ะภูมิ ชาตินี้ทั้งชาติเราจะมีปัญญาซื้อไหมเนี่ย คอนโดหรูๆแพงๆแบบนี้อ่ะ"

"เราไม่ซื้อหรอก เราว่าพอเรียนจบทำงานสักพักก็จะกลับไปอยู่ที่เพชรบูรณ์ ไปสอบเป็นปลัดดีกว่า"

ภูมิบุญพูดขึ้นน้ำเสียงล่องลอย คราใดที่พูดเรื่องปลัดขึ้นมาครานั้นก็มีสิ่งชั่วร้ายแฝงอยู่เสมอ

"เออ วันหลังพาเรากลับไปเยี่ยมบ้านภูมิหน่อยสิ เราอยากไป เห็นพี่ไพลินบอกว่าเขาค้อหน้าหนาวนี่สวยมาก สวิสต์เมืองไทยเลยล่ะ"

"จริงเหรอ เอองั้นหนาวนี้เราไปกันเลยไหม"

ก้องเสริมแล้วเดินตรวตราดูนั่นดูนี่อยู่ทั่วห้อง

"ได้สิ เราจะพาเที่ยวให้ทั่วเลย"

ภูมิบุญบอกแล้วยิ้มออกมา ไม่เคยคิดว่าจะมีเพื่อนที่ดีแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครหน้าไหนจริงใจกับเขาได้เท่าเพื่อนสองคนนี้ ในความมืดมิดมันย่อมมีแสงสว่างเสมอไปสินะ

พอเพื่อนๆกลับบ้านไปแทนทวีก็มาหาที่คอนโด ซื้อของเข้ามาให้เต็มหลังรถ

"สวยดีนะภูมิ คอนโดพี่อยู่ตรงราชเทวีสวยเหมือนกันนะ วันหลังเดี๋ยวพี่พาไปดู"

แทนทวีเองก็ไม่ยอมแพ้ เขามีอะไรบกพร่องตรงไหน ไม่มีเลย รูปร่างหน้าตาฐานะ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ภูมิบุญเองได้แต่ยิ้ม

"ภูมิ ภูมิรักพี่บ้างไหม"

แทนทวีถามขึ้น น้ำเสียงนุ่มเรียบจนหวามเข้าไปในใจ ภูมิบุญมองหน้าแทนทวี

"พี่แทน ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ"

"รักพี่บ้างไหม ภูมิ"

ยังย้ำอยู่คำเดิม ภูมิบุญเดินเข้าไปหาตัวประชิดกับเขา เอาสองมือเกี่ยวคล้องคอแทนทวีไว้

"รักสิครับ ผมรักพี่แทนนะ รักมาก"

"ครับ แต่นี้ล่ะที่พี่อยากได้ยิน"

แทนทวีโน้มคอลงประทับริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากของภูมิบุญที่เผยอรอรับ จุมพิศที่ดูดดื่มหวานละมุน จูบที่เต็มไปด้วยรักของทั้งสองฝ่ายมันช่างน่าพิศมัยยิ่งนัก ไม่มีความรังเกียจหรือลังเลที่จะทำ แทนทวีไม่เคยจูบชายใดมาก่อน แม้ร่างกายจะค้านกับความรู้สึกนี้ แต่ความรู้สึกรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในใจมันก็แสดงออกไปได้ดีเช่นกัน ภูมิบุญเองก็รักแทนทวีขึ้นมาจับใจ ยอมรับนับถือน้ำใจของชายคนนี้ น้ำใจที่เขาคงหาที่ไหนไม่ได้กับใครอีกแล้ว มีสิ่งใดที่เขาพอจะทำได้เพื่อตอบแทนน้ำใจของชายที่รักเขาจะยอมทำทุกอย่าง ภูมิบุญขยับร่างไปตามลีลารัก เสียงของแทนทวีครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน จุมพิศครั้งแล้วครั้งเล่าประสานไปกับลีลาท่าทางแห่งรัก ทั้งสองคนระเริงรักกันอยู่อย่างเป็นสุข เป็นการแสดงความรักที่ทั้งสองเต็มใจ ทำมันด้วยความรักที่มีต่อกัน

"พี่รักภูมิมากนะ"

แทนทวีครางออกมาก่อนที่จะเกร็งตัวกระตุกร่าง ภูมิบุญเองก็เช่นกันเขากอดแทนทวีไว้แน่นหายใจแรง

"ภูมิก็รักพี่แทนนะครับ"

ภูมิบุญจูบหนักหน่วงโน้มคอของเขาให้พักพิงที่ใบหน้าของตน ลมหายใจร้อนระบายออกมารดหน้ากันและกัน

"พี่มีความสุขที่สุดเลยครับภูมิ"

แทนทวีทิ้งน้ำหนักตัวให้ทับลงบนร่างของคนตัวเล็กกว่าที่อยู่เบื้องล่าง แม้ยามราตรีในเมืองหลวงจะมองไม่เห็นความสว่างไสวของแสงของหมู่ดารา แต่ในความมืดมิดนั้น ในห้องของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง แสงดาวนั้นระยิบระยับอยู่กลางใจของคนสองคนในร่างที่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกาย แสงดาวที่เกิดขึ้นกลางใจของคนทั้งสอง แสงระยับที่เอื้ออาทรเห็นใจซึ่งกันและกัน แทนทวีกลับบ้านไปแล้วในตอนเช้าส่วนภูมิบุญก็ไปเรียนตามปกติ ที่มหาวิทยาลัยก็เป็นไปอย่างเดิม คนที่คิดปองร้ายก็เข้าถึงตัวได้ยากมากขึ้น เพราะตอนนี้ภูมิบุญเข้าหาฝ้ายปรึกษาเรื่องเรียนมากขึ้นกว่าเดิม แม้ฝ้ายเองพยายามจะแง้มปากให้พูดเรื่องในใจบ้างแต่ภูมิบุญก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าเรื่องเรียน ฝ้ายกับโต้งเป็นรุ่นพี่ที่ดี ให้คำปรึกษาตลอดเวลาไม่เคยเกี่ยง พลอยเองช่วงนี้ก็โดนกายตามตื้อทุกทางเช่นกัน แม้จะรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ แต่เวลาที่ไปหาไพลินที่ทำงาน กายเองก็จะดักรอเจอคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับฟ้าเป็นอย่างมาก คอยรอจังหวะโอกาสที่จะเล่นงานพลอยอยู่ พอเย็นภูมิบุญก็กลับคอนโดเกือบสามทุ่ม พอเปิดไฟในห้องภูมิบุญก็ตกใจทิ้งหนังสือในมือร่วงลงพื้น

"ทำไม กลัวพี่มาหขนาดนั้นเชียว"

"คุณโตโต้ ทำไมเข้ามาในนี้ได้"

"เอ๊ะ เรานี่ถามแปลก นี่ห้องพี่นะ ทำไม กลัวเหรอ"

โตโต้ที่ยืนจังก้าอยู่ในห้อง พอแสงสว่างกระทบร่าง จิตใจหลุดลอยหายไปตกใจกลัวนึกว่าวิญญาณเสียอีก

"หน้าซีดเชียวนะ หึหึ ผัวมาหาไม่ดีใจหน่อยเหรอภูมิ"

โตโต้พูดออกมา ภูมิบุญเม้มปาก นี่จะอะไรกันอีก

"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโตโต้"

"มีดิ พี่คิดถึงเราไง เลยมาหา ว่าจะนอนค้างด้วย"

"เอ่อ ไม่นะครับ งั้นภูมิจะกลับไปนอนที่บ้าน"

"อ้าว ทำไมล่ะ ไม่คิดถึงพี่เหรอครับภูมิ พี่อุตส่าห์คิดถึงเรานะเนี่ย"

"คุณโตโต้ครับ พอได้แล้วครับ เรื่องระหว่างเราให้มันจบไปได้แล้ว ภูมิไม่อยากมีเรื่องกับใครอีก"

"หึหึ ทำไมต้องคิดว่ามันจะเป็นเรื่องล่ะครับ ทำไมคนรักกันนี่มันผิดเหรอ"

"คุณโตโต้ นี่มันไม่ใช่ความรัก ภูมิไม่ได้รักคุณ พอได้แล้ว ขอร้องล่ะ"

"ภูมิ พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าเรากับไอ้นายแทนมันจะถึงขั้นไหนกัน แต่พี่แค่อยากบอกให้รู้ว่าพี่เองก็รู้สึกดีกับภูมินะ"

คำพูดของเขาทำให้ภูมิบุญสับสนงุนงงไปหมด สิ่งที่เขาพูดมันเชื่อถือไม่ได้ นี่เขายังต้องการอะไรอีก

"พอเถอะครับ ตกลงคุณโตโต้จะนอนที่นี่ใช่ไหม งั้นภูมิกลับบ้านนะครับ"

"เดี๋ยว จะไปไหนล่ะ พี่อุตส่าห์มาหา"

โตโต้ฉวยมือของภูมิบุญไว้แล้วดึงเข้าหาตัว

"อย่านะครับ อย่าทำแบบนี้ พอแล้ว ผมขอร้อง"

น้ำเสียงที่นิ่งไม่ได้ขัดขืนแต่แววตากร้าวที่จ้องมองเขาอยู่ทำให้คนตัวใหญ่อ่อนแรงลง ยอมปล่อยให้ภูมิบุญเป็นอิสระโดยง่าย

"ได้ครับ ถ้าภูมิไม่เต็มใจ พี่กลับล่ะ"

โตโต้พูดแล้วเดินออกจากห้องไป

"หึหึ กูจะต้องชนะใจมึงไอ้ภูมิ มึงจะต้องเจ็บกว่านี้ แค่นี้มันยังไม่พอหรอก"

เขาคาดโทษภูมิบุญเอาไว้ โทษที่คนอื่นเป็นคนทำให้เขาเจ็บช้ำหนำใจ โทษที่ภูมิบุญทำอะไรให้เขาหรือถึงได้หมายหัวไว้เช่นนี้

"ผมอยากจะหยุดแล้วนะคุณโตโต้ อย่าให้ผมต้องทำอะไรไปมากกว่านี้เลย พอแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว"

ภูมิบุญเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับการต่อสู้ฝ่าฟันมาตลอดทั้งชีวิต การต่อสู้ที่ทำไปเพื่อเอาชนะความแค้นให้สาแก่ใจของตนเท่านั้นเอง ผลที่ได้คือความร้าวรานที่ยากจะเยียวยา พอเขาเริ่มรู้สึกตัว แต่อีกฝ่ายกลับดำดิ่งลึกลงไปอีก อนิจจัง อันราคะโกรธะเหมือนไฟที่แผดเผา อันไฟนั้นแม้จะให้แสงสว่างสร้างความอบอุ่น แต่ท่านใดเคยเอามือหรือร่างกายไปอังไฟได้นานเกินสิบนาทีไหม แม้ไฟที่ให้ความอบอุ่นนั้นก็พร้อมเสมอที่จะแผดเผาให้มือนั้น ร่างนั้น ให้มอดไหม้ไปเช่นกัน


วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบ

แวนขับรถกลับด้วยความแค้นใจร้องไห้ไปตลอดทาง ในใจก็คิดวกไปเวียนมากับภาพที่เห็นกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน! เด็กคนนั้นมันมีอะไรดีทำไมถึงมีแต่คนอยากได้มัน โตโต้เองก็หลงกลมัน น้องชายของตน จริงสิ แทนทวี ถ้าเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมาอยากรู้นักว่าภูมิบุญมันจะแก้ปัญหายังไง


"แทน แกฟังชั้นนะ เด็กแกน่ะเลวชั่วช้าสุดๆ"

แวนต่อสายโทรศัพท์ไปหาแทนทวีทันที

"อะไรพี่แวน ภูมิเขาไปทำอะไร"

"ก็มันมานอนกับโตโต้แฟนชั้นสิยะ ชั่วช้าที่สุด"

แวนกรีดร้องออกไปไม่ได้รอท่าทีว่าอีกฝ่ายจะเตรียมใจรับฟังแล้วหรือยัง พูดในสิ่งที่ตนอย่างพูดออกไปทันที แทนทวีเหมือนหูชาประสาทหยุดทำงาน

"ไม่จริง พี่แวนเอาอะไรมาพูด"

"โอ๊ย จะเอาอะไรมาพูดก็เห็นอยู่เต็มสองตา ขนาดนี้แล้วแกยังจะปกป้องมันอยู่อีกเหรอ ฉันบอกแล้วว่าไอ้นี่มันคบไม่ได้ มันงูพิษ ชั้นต่ำ"

แวนพูดเสียงดังเครือไปด้วยน้ำตา แทนทวีเองก็ใจสั่นไหวแม้จะแค่เพียงได้ยินจากปากคนอื่น

"ที่ไหน พี่แวนเห็นที่ไหน"

"ก็ที่เขาค้อนี่ไง มันมานอนกกกันอยู่ที่นี่ แกเป็นควายไงไอ้แทน โดนมันหลอกเข้าแล้ว"

แทนทวีหมดซึ่งเรี่ยวแรงโทรศัพท์ร่วงลงจากมือ เสียงของแวนยังร้องเรียกชื่ออยู่

"ไม่จริง ภูมิไม่มีทางทำแบบนั้น"

เขาพูดกับตัวเองส่ายหน้าสายตาเหม่อลอย ในใจสั่นไหวเต้นโครมครามเลือดสูบฉีดได้เป็นอย่างดี พอมีสติกลับคืนมาก็คว้าโทรศัพท์ไปหาเจ้าของเรื่องทันที

ส่วนภูมิบุญที่กำลังนั่งเหม่อออกไปนอกกระจกรถพอโทรศัพท์สั่นก็ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นว่าใครโทรเข้ามาก็ใจสั่นไหว จริงสินะแทนทวีจะรู้สึกยังไงถ้าเขารู้เรื่องขึ้นมา แวนคงบอกเรื่องนี้ไปแล้ว "พี่แทนครับ ภูมิขอโทษจริงๆที่ทำแบบนี้" ภูมิบุญจ้องมองโทรศัพท์อยู่เนิ่นนาน

"ไม่รับล่ะภูมิ ใครโทรมา"

โตโต้มองอยู่นานจึงพูดขึ้น ภูมิบุญถึงกับสะดุ้ง

"เอ่อ พี่แทนน่ะครับ"

"อ้อ แฟนเราสินะ"

โตโต้แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาเช่นกัน แล้วหันหน้าไปจ้องมองถนนเบื้องหน้าต่อ

"ครับพี่แทน"

ภูมิบุญถอนหายใจผ่อนระบายมันออกมาก่อนที่จะรับโทรศัพท์

"ภูมิ ภูมิอยู่ไหน"

น้ำเสียงของแทนทวีดูร้อนรนเกรี้ยวกราดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยได้ยิน

"กำลังกลับกรุงเทพฯครับ"

"ภูมิ มันเกิดอะไรขึ้น บอกพี่มาหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่พี่แวนพูดมันไม่จริงใช่ไหม"

เสียงที่ตวาดก้องเข้ามาตามโทรศัพท์ดังจนภูมิบุญสะดุ้ง จิตใจร่วงหล่นหายไป

"เอ่อ พี่แทนครับ เราค่อยคุยกันได้ไหม"

"ไม่ได้ภูมิ บอกพี่สิว่ามันไม่จริง ภูมิทำแบบนี้ทำไม ห๊า"

ในเมื่อปักใจเชื่อแล้วจะให้พูดไปอย่างไร ยกน้ำยกภูเขามากี่ลูกเขาถึงจะเชื่อ

"ครับพี่แทน จริงครับ ภูมิขอโทษ แต่ภูมิอยากจะคุยกับพี่แทนก่อนนะครับ แต่ถ้าพี่แทนไม่รับฟัง ภูมิเสียใจนะครับ"

ตัดสินใจพูดออกไปแล้วกดสายทิ้งปิดเครื่องหนีทันที ภูมิบุญเม้มปากแน่นก้มหน้าลงต่ำรู้สึกเบ้าตามันร้อนผ่าวหนักอึ้งไปหมด หยาดน้ำตากำลังเอ่อนองเต็มเบ้าตา เสียงของโตโต้ถอนหายใจคงลำบากใจไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่มีเสียงออกจากปากของใครมีเพียงเสียงลมหายใจที่ผ่อนระบายออกมา บางครั้งถอนหายใจยาวเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่กำลังจะกลับไปเผชิญ

ด้านแทนทวีพอภูมิบุญตัดสายทิ้งและปิดเครื่องหนีก็ร้อนรนทุรนทุราย พยายามทำทุกทางที่จะรู้ความจริงให้ได้

"พลอยเหรอครับ รู้เรื่องภูมิไหม"

แทนทวีตัดสินใจโทรศัพท์หาพลอยเพื่อนสนิทที่สุดของภูมิบุญ

"เอ่อ มีอะไรเหรอคะพี่แทน ใจเย็นๆนะคะ มีอะไรกัน"

"พลอยรู้ใช่ไหมว่าภูมิไปไหน ไปกับใคร"

"ก็เห็นบอกว่าทางบ้านส่งให้ไปดูงานที่เขาค้อน่ะค่ะ"

"ไปกับไอ้โตโต้ใช่ไหม"

แทนทวีเกรี๊ยวกราดลืมตัวไป พลอยสะดุ้งเงียบฟังอยู่ เป็นไปอย่างที่ภูมิบุญบอกจริงๆ คนที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนสนิทของเธอนี่เองที่โทรมาตระเตรียมกับพลอยไว้แล้วหลังจากที่บอกเรื่องของแวนในวันนั้น

"เอ่อ ค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ"

"พลอย พี่เสียใจจังเลย ทำไมภูมิทำกับพี่แบบนี้ ทำไมภูมินอกใจพี่แบบนี้ พี่เสียใจ"

แทนทวีร้องไห้ออกมา คอของพลอยตีบตันฝืดเคืองกลืนน้ำลายไม่ลง เห็นใจเขายิ่งนักแต่ก็เห็นใจเพื่อนที่ไปเผชิญชะตากรรมแบบนั้นยิ่งกว่า แม้ว่าภูมิบุญจะทำสิ่งเลวร้ายกับคนที่ตัวเขาเองเรียกว่าคนรัก แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญรบราอยู่ทุกวันมันน่าเห็นใจไม่น้อยไปกว่ากัน พลอยเข้าใจหัวอกของภูมิบุญเป็นอย่างดี เพราะภูมิบุญเล่าให้ฟังทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่โดนโตโต้ขืนใจ จะกี่ครั้งจะกี่คราภูมิบุญเองก็ไม่เคยปิดบัง เรื่องราวในอดีตที่เล่าไปทั้งน้ำตา เรื่องของยาย เรื่องของอภิชัยผู้ชายคนแรกในชีวิตของภูมิบุญ พลอยนิ่งฟังแทนทวีคร่ำครวญอยู่ จนเห็นว่าเขานิ่งไปค่อยพูดออกมา

"พลอย เห็นใจพี่แทนนะคะ แต่ก่อนจะโกรธเกลียดภูมิ พี่แทนฟังพลอยหน่อยดีไหมคะ"

พลอยพูดออกไปเสียงนิ่งเรียบ

"ครับพลอย พี่จะฟัง แม้มันจะไม่จริงก็ตาม"

"พี่แทนคะ พี่แทนเคยรู้ไหมคะว่าภูมิเขาต้องทนอยูในบ้านหลังนั้นยังไง นายโตโต้ไม่ได้ชอบขี้หน้าภูมิสักเท่าไหร่หรอกนะคะ"

"ครับ พี่พอรู้ แต่พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปยอมมัน ทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง พี่รักภูมิสุดหัวใจนะพลอย ถ้าใครเป็นพี่เขาจะทำยังไง"

เสียงของแทนทวียังเครือไปด้วยน้ำตาเสียงสะอื้นยังคลอมากับเสียงในโทรศัพท์

"แล้วพี่คิดว่าภูมิเขาเต็มใจเหรอคะ"

"หมายความว่ายังไงพลอย"

"พี่แทนฟังนะคะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทุกอย่างเป็นแผนของไอ้โตโต้ที่จะเขี่ยภูมิออกจากบ้าน เพราะว่าคุณท่านของภูมิรักและเอ็นดูภูมิมาก ไอ้โตโต้ก็เลยเกลียดภูมิเข้าไส้ ภูมิถูกมันข่มขืนค่ะพี่แทน"

"พลอย"

แทนทวีร้องออกมา อึ้งนิ่งอยู่

"แต่พี่เป็นแฟนภูมินะ ทำไมเรื่องแบบนี้ภูมิไม่เคยบอกพี่"

หลังจากที่นิ่งไปนานแทนทวีคิดได้จึงพูดสวนกลับไป

"แล้วพี่แทนคิดว่าพี่รับได้เหรอคะ พี่จะทำใจได้เหรออย่างในตอนนี้ ถ้าพลอยเป็นภูมิ พลอยก็จะไม่บอกแฟนของตัวเองหรอกค่ะ พี่แทนคิดดูให้ดีนะคะ เรื่องแบบนี้มันทำร้ายภูมิมากพอแล้ว ถ้าพี่แทนจะทิ้งภูมิพลอยก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะคะ เพราะภูมิเองก็ทำผิดต่อพี่ แต่อยากให้พี่แทนเข้าใจภูมิหน่อยนะคะ ว่าภูมิไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน"

หลังจากคุยกับแทนทวีสักพักก็วางสายแล้วโทรศัพท์หาก้องทันที นัดเจอกันที่ห้างแถวรัชดาเพราะก้องมีธุระต่อกับที่บ้าน พลอยเล่าทุกอย่างให้ก้องฟังแล้วปรึกษากันอยู่ว่าจะช่วยภูมิบุญยังไงดีเพราะสถานการณ์ตอนนี้เหมือนว่าภูมิบุญกำลังเสียเปรียบอยู่ทุกฝ่าย

พอรถจากัวร์สีดำกำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้านในตอนเกือบสามทุ่ม สีหน้าของคนขับกับคนนั่งมาข้างๆเคร่งเครียด ไม่มีการสนทนาอันใดเกิดขึ้นในรถบรรยากาศดำมืดอึมครึม ไฟหน้ารถสาดไปข้างหน้า ชายร่างสูงเพรียวยืนอยู่สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดไม่น้อยกว่าคนทั้งสองในรถเลย

"พี่แทน"

ภูมิบุญร้องขึ้นเม้มปากเข้าหากันแน่นเลือดในกายสูบฉีดแรงจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว หัวใจก็เต้นแรงเร็วขึ้นมาทันที

"จอดด้วยครับคุณโตโต้"

ภูมิบุญร้องบอกให้คนขับรถจอดก่อนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน โตโต้หันมามองหน้าภูมิบุญลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจอดรถ

"แน่ใจนะภูมิ ให้พี่ลงไปด้วยไหม"

"ไม่ ไม่เป็นไรครับ ผมอยากคุยกับพี่เขาสองคน รบกวนคุณโตโต้เรียนคุณท่านด้วยนะครับ ว่าผมแวะลงเจอเพื่อนระหว่างทาง"

ภูมิบุญพูดเสียงเครือห่วงคนข้างหน้า กังวลคนตรงหน้า ความรู้สึกที่สุมเข้ามาพร้อมกันมันกำลังลามเลียหัวใจเหมือนไฟที่กำลังลามทุ่งอยู่ ภูมิบุญก้าวออกไปจากรถเชื่องช้า ไม่มั่นใจกับการก้าวเดินของตัวเอง

"พี่แทน"

เรียกออกไปเสียงเบาเหมือนกระซิบ

"ภูมิ พี่ขอคุยด้วยหน่อย"

แทนทวีปรี่เข้ามาลากแขนภูมิบุญให้เดินตามไปทันที

"เฮ้ย มึงทำอะไรวะ"

โตโต้เปิดประตูรถลงมาร้องเอ็ดไปเสียงดัง

"มึง ไอ้เชี่ย"

แทนทวีปรี่เข้ามาหาโตโต้แต่ภูมิบุญเอาตัวขวางไว้

"อย่า พี่แทน อย่าครับ ภูมิขอร้องอย่าให้มีเรื่องมากไปกว่านี้เลย"

"นี่ภูมิปกป้องมันเหรอ มันทำอะไรไว้กับภูมิห๊า หลบไปพี่จะสั่งสอนมัน"

แทนทวีก็ไม่ยอมรามือพยายามจะผลักตัวภูมิบุญออก

"ถ้าพี่ยังอยากคุยกับภูมิอยู่ อย่าทำแบบนี้ ภูมิขอร้อง"

เสียงที่นิ่งแต่เด็ดขาดพูดออกไปทำให้แทนทวีนิ่งชะงักอยู่ เขากัดกรามแน่น

"คุณโตโต้ครับรบกวนเถอะครับ กลับเข้าบ้านก่อนเถอะ"

ภูมิบุญหันไปอ้อนวอนโตโต้ที่รายนั้นก็ง้างหมัดรอเอาไว้อยู่เช่นกัน ภูมิบุญรีบดึงแขนแทนทวีให้เดินไปทางสวนหลวง แม้ว่าสวนจะปิดแล้วแต่ก็เดินไปเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายปลายทาง

"พี่แทน รู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ"

ภูมิบุญหยุดเดินแล้วหันไปถามคนที่เดินตามหลังมา สีหน้าของเขาเหมือนคนอดนอนมาหลายคืน หน้าตาดูโรยราไปตาแดงก่ำ

"ทำไมภูมิ ทำไมเราไม่บอกพี่สักคำ เห็นพี่เป็นใคร พี่ไม่มีความสำคัญเลยเหรอในใจภูมิ"

ความในใจพรั่งพรูออกมา น้ำตาของแทนทวีไหลออกจากตา ภูมิบุญเม้มปากแน่นหัวใจบีบรัดรุนแรงความเจ็บปวดมันวิ่งเข้าไปตามเส้นเลือดแผ่รังสีออกมาทุกรูขุมขน

"พี่แทน"

น้ำตาไหลออกมาโดยที่ไม่ได้เสแสร้ง ความเจ็บช้ำที่บิดบังไว้ ความในใจที่มีต่อเขามันซ่อนเร้นไม่ได้ ณ วันนี้ภูมิบุญหลอกตัวเองปฏิเสธตัวเองไม่ได้อีกแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับแทนทวี "รัก" คำนี้มันเกิดขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ แต่สิ่งที่แทนทวีทำมันแสดงผลแล้วในวันที่หัวใจของทั้งคู่เริ่มอ่อนแรง

"พี่เสียใจนะภูมิ เสียใจมาก พี่รักเรามากนะ แต่เรา ทำไมภูมิ บอกพี่สักคำสิ ทำแบบนี้กับพี่ทำไม"

"ภูมิขอโทษครับพี่แทน ภูมิไม่ได้อยากปิด แต่ภูมิเองก็เสียใจ ภูมิไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้"

ภูมิบุญร่ำไห้ออกมา ตัวสั่นมือไม้สั่นพยายามจะเบิกตาดูชายคนรักที่รักหมดใจในวันนี้ รักในวันที่เขาแคลงใจ ความรักที่แสดงตัวในวันที่อาจจะเสียเขาไป จ้องมองทุกรายละเอียดบนใบหน้าเพราะหากว่าแทนทวีรับไม่ได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้มองหน้าชายผู้เป็นที่รักตรงหน้าอย่างเต็มตาแบบนี้ แต่ท่านเอยคราใดที่ท่านต้องการเพ่งมองของรัก ครานั้นม่านน้ำตาเจ้าเอยมันช่างไหลหลั่งออกมาอย่างมากมาย คราใดที่ท่านอยากจะกอดร่างของคนที่ท่านรัก แต่ร่างนั้นกลับค้านไม่ยอมให้เข้าใกล้ ภูมิบุญเองก็มองหน้าของแทนทวีไม่ชัดเหมือนเช่นเคย เพราะม่านน้ำตามันบังตาไปจนมองเห็นหน้าของคนที่รักอยู่รางเลือน

"พี่รับไม่ได้นะภูมิ แฟนของพี่ แต่คนอื่นกลับย่ำยี เข้าใจพี่บ้างไหม"

ความน้อยเนื้อต่ำใจที่คั่งค้าง พอมีจังหวะมันก็ไหลออกมากับลมปากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภูมิบุญยังคงร้องไห้อยู่ แต่พอได้ยินแทนทวีพูดออกมาแบบนั้นก็พยายามกลั้นใจเพื่อที่จะทำให้น้ำตาหยุดไหลเสียที เพราะเขาเองจะได้พูดในสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วว่าจะพูด ประโยชน์อันใดถ้าเขาหมดใจแล้วจะมากราบเท้าดึงขารั้งตัวเขาไว้ ประโชน์อันนั้นจะมีถ้าเขายังมีใจยังเหลือเยื่อใยอย่างน้อยก็ไม่มีอะไรคาใจกันต่อไป ภูมิบุญแข็งใจแล้วสูดลมหายใจเข้าปอด

"ครับภูมิเข้าใจครับพี่แทน ภูมิเข้าใจพี่ดี ถ้าภูมิเป็นพี่ภูมิเองก็คงทำใจยอมรับยาก แต่อยากให้พี่แทนรับรู้เหลือเกินว่าถ้าหากพี่เป็นภูมิ พี่จะทำแบบนี้ไหม พี่จะบอกความจริงกับคนที่พี่รักไหม ว่าพี่โดนคนอื่นเขาขืนใจ พี่ยังจะบอกคนรักของพี่ไหมว่าพี่ไม่ได้เต็มใจ แล้วพี่ยังจะเชื่อใจภูมิอีกไหม"

ภูมิบุญร้องขึ้นเสียงดัง เม้มปากแน่นปล่อยให้น้ำตาที่กำลังจะแห้งเหือดไปไหลออกมาอีกครั้ง แทนทวีเองก็นิ่งฟังอยู่อ้าปากจะค้านออกมา

"แต่มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหมครับ ที่ภูมิจะพูดออกไป มันง่ายเกินไปใช่ไหมที่จะทำให้พี่แทนทำใจรับได้ ภูมิเสียใจ ภูมิอยากบอกให้พี่แทนรับรู้ว่าภูมิเสียใจ ภูมิขอโทษ"

สะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น ภูมิบุญทรุดตัวลงกับพื้น

"ภูมิ"

แทนทวีปรี่เข้าไปจับตัวของภูมิบุญไว้ เม้มปากแน่นทำใจยากลำบากเหลือเกิน ทำไมนะเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับเขา กับคนที่เขารักด้วย

"ไม่เป็นไรนะภูมิ พี่ขอโทษ พี่โมโหไปหน่อย แต่ภูมิสัญญากับพี่ได้ไหม ว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก"

แทนทวีตัดสินใจพูดออกไป แม้มันจะยากเกินทำใจรับได้ แต่คนๆนี้ที่กำลังสะอื้นตัวโยนอยู่กับพื้นเขาเองก็รักมากเกินกว่าที่จะให้เรื่องนี้มาพรากเขาให้จากไปได้ ถ้าถามว่าเสียใจไหม คำตอบคือมาก มากมายนัก แต่ถ้าจะให้ทิ้งภูมิบุญไปเพราะทำใจไม่ได้จะยอมไหม แทนทวีเองก็ไม่ยอม อย่างน้อยภูมิบุญก็ไม่ได้เต็มใจมีอะไรกับมัน อย่างน้อยมันก็เป็นอดีต อดีตที่เพิ่งจะผ่านไปสดๆร้อนๆ รอยแผลที่เลือดยังไม่หยุดไหล ให้อภัยได้ไหม ได้ แต่ไม่ใช่ในตอนนี้

"พี่แทน ไปเถอะครับ ภูมิขอบคุณมากที่ดีกับภูมิมาตลอด ภูมิเป็นคนไม่ดี ภูมิไม่คู่ควรกับพี่แทนเลย พี่แทนไม่ควรมีแฟนที่เลวอย่างภูมิ ภูมิขอโทษ"

ยังร่ำไห้อยู่ปานใจจะขาด พูดซ้ำเน้นย้ำประโยคเดิม แทนทวีกอดตัวของภูมิบุญไว้แน่นสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของคนร่างเล็กในอ้อมกอด

"ภูมิ อย่าพูดแบบนั้น พี่ไม่ได้รักใครง่ายๆนะ"

"ภูมิต้องทำยังไง ภูมิต้องชดใช้ยังไง พี่แทนทิ้งภูมิไปเถอะครับ ภูมิไม่คู่ควร ภูมิมันเห็นแก่ตัว"

"ภูมิ พอแล้วครับ พอแล้ว พี่ขอโทษ พี่จะเชื่อใจภูมิอีกสักครั้ง ภูมิรู้เอาไว้นะพี่รักภูมิมาก พี่ก็เจ็บมากเช่นกัน อย่าทำแบบนี้กับพี่อีก"

ทั้งสองกอดกันอยู่เนิ่นนาน ลมเย็นยามค่ำคืนพัดออกมาจากสวนหลวง อากาศที่เริ่มเย็นลงกลับไม่ได้ช่วยให้จิตใจของทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆสวนเย็นลงได้เลย ในใจของแทนทวียังเร่าร้อน แม้จะเคืองขัดใจแต่ก็สงสารคนที่ตนกำลังกอดอยู่ตรงหน้า แม้จะเจ็บในใจแต่ก็ไม่อาจจะเดินหนีไปได้โดยง่าย บ่วงรักที่เขาติดมันยากเกินจะแก้ ภูมิบุญเองก็ปวดในใจไปไม่น้อยกว่าแทนทวี ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตน้อยนักที่จะปรารถนาดีกับเขา น้อยคนนักที่จะหวังดี คนที่ร้ายมาเขาเองก็ร้ายตอบ แต่แทนทวีผู้แสนดี เขาไม่อยากให้มาติดบ่วงอุบาทว์นี้ด้วยเลย คนๆนี้เขาห่วงใยเกรงใจยิ่งกว่าใคร ไม่อยากให้เขาต้องเข้ามาได้รับการกระทบกระเทือนใจเช่นนี้ แต่ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงเพียงนี้ สิ่งที่เขากำลังพร่ำเพ้อพรรณาอยู่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ อย่างน้อยก็สื่อออกไปให้เขารับรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากทำร้ายน้ำใจของคนที่เขาเองก็รักอยู่เต็มอกเช่นกัน สถานการณ์มันบังตากิเลสหนามันบังใจ ในเมื่อตัดสินใจทำไปแล้วผลกรรมมันสะท้อนออกมา ภูมิบุญต้องก้มหน้ารับผลกรรมที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง แม้จะเสียใจที่ลากคนดีๆอย่างแทนทวีเข้ามาเกี่ยวข้องโดยที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แต่มันก็เป็นวิบากกรรมในเมื่อเกี่ยวพันธ์กันแล้วจะทิ้งกันไปเสียก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด แต่ถ้าจะทนอยู่ต่อไปด้วยใจที่ผูกพันธ์ก็ต้องทนเจ็บช้ำต่อไปถ้าหากว่าใจมันทานทนไหว

"พี่แทน อยากฟังเรื่องของภูมิไหม"

พอหยุดร้องไห้ภูมิบุญก็พูดออกมาแม้น้ำเสียงจะยังคงเจืออยู่ด้วยเสียงสะอื้น

"ครับ พี่อยากฟัง"

"ครับ ตั้งแต่แรกเริ่มเลยนะครับ ภูมิจะเล่าให้หมด ไม่มีอะไรปิดบังพี่อีกแล้ว"

น้ำเสียงเศร้าออกมาจากใจ สายตาที่มองเขาอ้อนวอนขอความเห็นใจ แม้คำพูดจะตกขาดหายไป แต่ก็ได้แต่ภาวนาให้เขาเข้าใจบ้างสักนิดก็ยังดี ภูมิบุญตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างในอดีตให้แทนทวีฟัง คราใดที่เรื่องราวในวันเก่าๆถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีก ครานั้นน้ำตามันก็คลอออกมาเจือเสียงที่เล่าไปทุกที แทนทวีนิ่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ เขาบีบมือภูมิบุญเบาๆอย่างเห็นใจ ทุกอย่างที่ผ่านมาหล่อหลอมให้ภูมิบุญเป็นคนแบบนี้ แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้กล่าวโทษเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้น เพราะทุกอย่างมันเริ่มที่ตัวเขาเอง ถ้าหากว่าเขาปล่อยวางยอมให้อภัยกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้เขาก็คงไม่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้แทนทวีฟัง มันเป็นกรรมของเขาเอง กรรมที่สร้างที่ผูกขึ้นมาเอง โยงใยผู้คนเข้าร่วมมากมาย แม้จะไม่ได้วิ่งหากรรมเหล่านั้น ไม่ได้จงใจจะสร้างมันขึ้นมา แต่เขาก็หนีความจริงที่ว่าเขาเองต่างหากที่ต้องชดใช้กรรมนั้น หาใช่ใครอื่น

"ออกมาอยู่กับพี่ไหมภูมิ ไปอยู่คอนโดกับพี่ พอแล้ว พี่ไม่อยากให้ภูมิเจอกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว"

พอภูมิบุญเล่าจบแทนทวีก็เอ่ยขึ้นมา

"แต่คุณท่านล่ะครับพี่แทน ไม่ใช่ว่าภูมิจะอยากอยู่ที่นั่น แต่ท่านมีบุญคุณกับภูมิเหลือเกิน"

"ท่านต้องเข้าใจนะภูมิ อยู่ที่นั่นนับวันจะมีแต่เรื่อง ลำพังคิดเรื่องเรียนก็แย่อยู่แล้ว ไหนจะมาคิดถึงคนที่นั่นอีก ไม่ได้นะ พี่ไม่ยอม ถ้าภูมิไม่พูดพี่จะไปพูดกับคุณท่านเอง"

แทนทวีพูดเด็ดขาด ภูมิบุญเม้มปากหนักใจขึ้นมาอีกครั้งกับเรื่องที่เขาไม่ได้คิดไว้ เพราะในใจคิดไว้อยู่สองอย่างคือ เลิกกับยอมให้อภัย ถ้าหากว่าแทนทวีพูดเช่นนี้แสดงว่าเขายอมให้อภัยแล้ว แต่สิ่งที่เขาเพิ่งจะเอ่ยออกมามันกลับสร้างความหนักอึ้งในใจมากกว่าเดิมหลายเท่านัก แทนทวีเดินกลับมาส่งภูมิบุญที่บ้าน ถึงแม้จะคาใจอยู่แต่ก็ไม่มากนักเพราะเขาเองก็ไม่ใช่บริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรมากนัก อีกอย่างภูมิบุญเป็นผู้ชายเรื่องแบบนี้มันเสียหายก็จริงแต่มันก็ไม่มากนักถ้าเทียบกับผู้หญิง แทนทวีใจกว้างยิ่งนัก พอแทนทวีกลับบ้านไปภูมิบุญก็กลับไปที่ห้องพักของตนก่อนที่จะอาบน้ำเพื่อที่จะไปพบคุณอภิสรา

"ผมขอโทษนะครับพี่แทนที่ดึงพี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่อยากบอกพี่นะครับ ว่าภูมิเองก็รักพี่มากเช่นกัน"

ภูมิบุญบอกกับตัวเอง หัวใจที่เริ่มระส่ำระสายความเจ้าคิดเจ้าแค้นที่เหมือนกองไฟที่เขาก่อสุมขึ้นในใจ มันเริ่มจะลุกโชนแสงขึ้นแผดเผาให้ทุกข์ทรมานแล้ว ถ้าจะหยุดตอนนี้ก็ย่อมได้ แต่ในเมื่อตราบใดที่มีคนมาระรานก็ขอสู้ยิบตาสู้กันสักตั้งจะเป็นไรไป