โบราณกล่าวไว้ว่าถ้าหากท่านไม่อยากตกเป็นเป้านิ่งให้ท่านขยับตัว ไม่อยากตกเป็นเหยื่อต้องออกล่า อันศัตรูถือหอกไว้ในมือพร้อมทุกเมื่อที่จะพุ่งปลายหอกแหลมคมเข้าใส่เรา แม้ว่าเราจะไม่อยากจะข้องแวะวุ่นวายด้วย แต่เขาจะมองเห็นคุณเป็นแม่พระผู้รู้ซึ้งถึงรสพระธรรมฤา? เขาคงมองเห็นคุณเป็นเป้าที่เด่นสง่าจะปาจะพุ่งแหลมไปยังไงก็เข้าเป้าไม่มีผิดพลาด อันมนุษย์เราก่อนทำสิ่งชั่วมักมองไม่เห็นผลของสิ่งที่กำลังจะทำ ก่อนพุ่งหอกใส่ศัตรูจะพึงรู้หรือไม่ว่าเป้านั้นจะเจ็บปวดทรมานหรือรับผลจากคมหอกคมดาบเพียงใด เพียงแต่ยิ้มแสยะด้วยความสาแก่ใจ พลันเมื่อผลมันบังเกิดรับรู้แล้วว่ามันไม่ควรแก่การกระทำทั้งปวง ท่านทำอะไรได้หรือ? ร้องไห้? คร่ำครวญ? ขอโทษ? เพียงเท่านี้เองหรือ ทุกคนบนโลกเกิดมาล้วนแตกต่างทั้งสภาพร่างกาย ฐานะการศึกษา สังคม แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีอยู่เท่าเทียมกันก็คือจิตวิญญาณ แม้นหากเพียงว่าก่อนทำก่อนพูดสิ่งใด เราใคร่ครวญไตร่ตรองให้ถ้วนถี่รอบคอบ เขามีใจ เรามีใจ เขามีความรู้สึก เรามีความรู้สึก เขาเจ็บเป็น เราเจ็บเป็น เขาทุกข์ เราทุกข์ เพียงเท่านี้เองโลกนี้คงไม่มีคำว่าสงครามอยู่ในพจนานุกรมของมวลมนุษยชาติ
ก่อนถึงวันศุกร์ภูมิบุญไปเรียนตามปกติ แทนทวีไปส่งเหมือนเคยแม้ตัวเขาเองจะมีเรียนก่อนภูมิบุญแต่ก็รอไปส่งภูมิบุญก่อนแล้วค่อยไปเรียน พอเรียนเสร็จภูมิบุญก็ไปเดินรอแทนทวีที่ห้างมาบุญครองกับเพื่อนทั้งสอง เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
"อ้าวน้องภูมิ มาซื้อของเหรอครับ"
เสียงของอ๊อฟทักมาจากข้างหลัง เขามากับเพื่อนอีกสามคน พอภูมิบุญเห็นก็ยกมือไหว้ยิ้มให้
"ครับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟมาซื้อของเหมือนกันเหรอครับ"
"เปล่าครับ พี่มาดูหนังกับเพื่อน ไปดูหนังด้วยกันไหม"
อ๊อฟชวนทันที หันไปมองก้องกับพลอยด้วย
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวภูมิก็จะกลับแล้ว"
"อ้าวเหรอ รีบกลับจัง น่าจะไปกินข้าวกับพี่ก่อนนะพี่จะได้ไม่ไปดูหนัง"
อ๊อฟทำหน้าเซ็งๆ ภูมิบุญได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"งั้นภูมิขอตัวพาพลอยไปดูโทรศัพท์ก่อนนะครับพี่อ๊อฟ"
บอกไปแล้วก็จูงมือพลอยที่ทำหน้าเหรอหราอยู่แต่ก็คล้อยตามอย่างเข้าขากัน
"แหมนะภูมิ เอาเราเป็นโล่ตลอดเลยนะ"
พลอยแขวะเอา ภูมิบุญยิ้มแล้วพยักเพยิดหน้า
"ทำไงได้ ขี้เกียจจะเอาเขาเข้ามาในวงจรอีกคน เดี๋ยวพี่แทนรู้เข้าจะลำบาก"
"คนเสน่ห์แรงก็งี้อ่ะนะ เฮ้อ อยากเป็นอย่างภูมิบ้างจัง"
"นั่นสิ อยู่เฉยๆก็มีแต่คนมารุมตอม"
ก้องเสริมทันที ใครจะรู้ว่าการที่อยู่เฉยๆแล้วมีคนมารุมล้อม ถ้าเข้ามาดีก็น่าจะดีใจ แต่เข้ามาแบบปองร้ายมีจุดประสงค์ไม่ดี อยากอยู่แบบสันโดษไม่ต้องมีใครมาข้องแวะดีกว่า
"แล้วพี่แทนจะมารับกี่โมง กินข้าวกะเราจะทันไหม"
พลอยถามขึ้นเปลี่ยนเส้นทางไม่เดินไปชั้นที่ขายโทรศัพท์ เพราะไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะซื้อหรือแม้แต่ดู
"คงทัน เดี๋ยวโทรบอกพี่แทนก็ได้ว่าให้มากินข้าวด้วยกัน จะกินอะไรล่ะพลอย"
"เราอยากกินอาหารเกาหลีชั้นโรงหนังอ่ะ กินกันไหม"
ก้องชวนขึ้น พลอยเองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
"ได้ๆ เดี๋ยวบอกพี่เขาก่อน"
พอตกลงกันได้ว่าจะกินอะไรจึงเดินขึ้นชั้นบนไปร้านอาหารที่ก้องบอก
"ภูมิ ภูมิ"
เสียงเรียกมาจากข้างหลัง ทันนั่นเองเขาวิ่งออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่น มีสาวน้อยคนเดิมนั่งหน้าบึ้งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีต้นไผ่ประดับอยู่ในกระจก
"พี่ทัน เอ่อ สวัสดีครับ"
"มีอะไรมึง ห๊า จะมาหาเรื่องอะไรอีก"
ก้องกร้าวเสียงขึ้นทันที
"อย่าก้อง ครับพี่ทัน มีอะไรเหรอครับ"
ภูมิบุญปรามเพื่อนไว้แล้วหันไปทักทายเขา
"เอ่อ พี่อยากจะคุยด้วยน่ะครับ"
"มีอะไรหรือเปล่าพี่ คุยตรงนี้ได้ไหมครับ"
รู้สึกหวั่นในใจเหมือนกันวันนั้นไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป ทำไมทันถึงได้มีสีหน้าและแววตาเหมือนคนที่กำลังตามง้อแฟนอยู่แบบนี้
"เอ่อ"
ทันลังเลอยู่มองหน้าภูมิบุญ
"มีอะไรก็คุยตรงนี้ล่ะ ไม่ให้ไปที่อื่น"
ก้องพูดเสียงแข็งจ้องทันเหมือนจะกิน
"ถ้าไม่พูดก็ไปเถอะภูมิ เสนียดลูกกะตา"
"พี่ พี่" พลอยร้องออกมาติดอ่างสายตาดูตกใจ
"เฮ้ย มึงมาทำอะไรวะไอ้ทัน ไปให้พ้นหน้ากูเลย นี่มึงยังไม่เข็ดใช่ไหม"
อีกเสียงดังมาจากข้างหลัง เสียงที่ทำให้ทันหน้าซีดลงไปกว่าเดิมอีก อ๊อฟนั่นเอง
"พี่อ๊อฟ"
"ไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นมึงโดน"
อ๊อฟขู่เสียงเบาแต่เข้มเหลือเกิน สายตาก็จ้องเขม็งอยู่
"ไม่เป็นไรครับพี่อ๊อฟ พี่ทันมีเรื่องจะคุยกับผม ไปคุยตรงโน้นก็ได้ครับพี่ทัน"
ภูมิบุญพูดออกไปอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรด้วย
"ไม่ได้นะภูมิ พี่ไม่ไว้ใจ มึงจะพูดอะไรก็พูดตรงนี้ล่ะ"
อ๊อฟพูดเด็ดขาดเสียงแข็ง ทันก้มหน้าสั่นอยู่
"เอ่อ ไม่มีอะไรครับพี่ ผมแค่มาทัก"
"ทักเสร็จแล้วก็ไปดิ มึงยืนทำบ้าอะไรอยู่"
อ๊อฟไม่ยอมลงง่ายๆตวาดเสียงแข็ง พลอยต้องดึงตัวภูมิบุญออกไปก่อนที่จะมีเรื่องกันมากไปกว่านี้
"น่าจะให้พี่เขาต่อยหน้ามันสักที ดูมันทำหน้าตาน่าสงสาร กวนส้นตีน"
ก้องบ่นอุบอยู่เดินตามหลังมา
"เอาน่าก้อง แค่นี้มันก็ดูเหมือนสำนึกผิดแล้ว"
"มันไม่พอหรอกพลอย ตอนมันทำนะไม่เห็นมันจะทำหน้าสงสารเหมือนหมาหงอยแบบนี้เลย"
กว่าที่อุณหภูมิของก้องจะลดลงก็ใช้เวลานานพอสมควร อ๊อฟเดินกลับมาคุยด้วยสักพักก็ขอตัวเข้าไปดูหนัง ระว่างที่รออาหารที่สั่งมาเสริฟแทนทวีก็มาถึง
"มีอะไรกันเหรอก้อง หน้าตาไม่ดีเลย"
"ก็ ไอ้"
"ก้อง ไม่มีอะไรหรอกครับพี่แทน ก้องคงหิว นั่นไงอาหารมาแล้วกินก่อนเลยก้อง"
ภูมิบุญปรามเอาไว้เพราะไม่อยากให้แทนทวีไม่สบายใจ แทนทวีทำหน้างงๆแต่ก็เออออไปกับภูมิบุญ
"พี่ขอโทษนะครับที่มาช้า พอดีตรงนี้รถติดมาก งั้นพี่เป็นเจ้ามือเอง"
"ดีเลยค่ะพี่แทน กำลังหิวอยู่เชียว งั้นพลอยไม่เกรงใจนะคะ"
พลอยหัวเราะออกมา เข้าใจภูมิบุญทุกอย่างพยายามที่จะช่วยเบี่ยงประเด็น พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ แทนทวีขับรถมาส่งภูมิบุญที่บ้าน
"พี่แทนครับ พรุ่งนี้เย็นภูมิจะไปเขาค้อนะครับ คุณท่านให้ไปเรียนงานกับคุณโตโต้"
ภูมิบุญตัดสินใจบอกความจริงแก่แทนทวี
"หือ ไปกันกี่คนครับภูมิ"
"สองคนครับ"
เสียงเริ่มเบาภูมิบุญหลุบตาลงต่ำ แทนทวีหันขวับมาทันที
"ให้พี่ไปด้วยไหม"
"เอ่อ อย่าเลยครับ เพราะไปครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว ไปดูงานน่ะครับพี่แทน"
"อืม อยากไปด้วยจัง ว่าแต่ไอ้แฟนพี่แวนนี่ไว้ใจได้เหรอภูมิ"
แทนทวีฉุกคิดขึ้นมาได้
"ก็ได้นะครับ ไม่มีอะไรหรอก เขาไม่ค่อยชอบหน้าภูมิสักเท่าไหร่ แต่คงไม่ค่อยได้วุ่นวายกันหรอกครับ ไปดูงานก็ดูงาน พี่แทนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
พยายามตัดบทให้แทนทวี เข้าใจในสิ่งที่ตนพูดให้ได้มากที่สุด
"อืม พี่เชื่อใจภูมิครับ แฟนพี่แวนไม่น่าจะเหมือนพี่แวนนะ"
แทนทวีพูดถึงพี่สาวของตนเพราะ รู้จักดีเคยปะทะคารมกันมาแล้วและเหมือนจะไม่ได้ดีขึ้นเลย เพราะถ้าหากมารดาหรือบิดาถามถึงภูมิบุญขึ้นมาแวนเองก็จะเกรี้ยวกราดไม่พอใจขึ้นทันที
"เอ่อ ไม่หรอกครับพี่แทน ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าไม่สบายใจ หรือมีอะไรไม่ดีภูมิจะโทรหาพี่แทนเป็นคนแรกคนแรก"
ภูมิบุญเอื้อมมือไปจับมือของแทนทวีที่จับอยู่ที่กระปุกเกียร์ พยายามจะสื่อความในใจผ่านมือนั้นไป ในใจที่หวั่นไหวไม่น้อยเช่นกัน ไม่รู้ว่าคนที่จะพาไปมีแผนร้ายอะไรอีกแต่ในเมื่อยังไม่มีเหตุก็ยังไม่อยากให้คนที่ตนรักต้องกลัดกลุ้มใจ สู้ทนแบกรับไปแม้มันจะหนักมากเสียจนเกินจะรับแต่ก็คงไม่ถึงตาย พอเข้ามาในบ้านก็ช่วยงานบ้านตามปกติ ภูมิบุญเป็นเด็กน่ารักเสมอในสายตาของผู้ใหญ่ กริยาดีมีมารยาทไม่เคยบ่นเรื่องงานสักครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยทำสีหน้าสีตาไม่พอใจเมื่อถูกวานใช้งานแต่กลับยินดีที่จะทำ ภูมิบุญเป็นที่รักใครของเจ้าของบ้านมากขึ้นทุกวัน แต่ยิ่งเจ้าของบ้านรักเขามากขึ้นเท่าใด ลูกชายเจ้าของบ้านก็ทวีความเกลียดชังมากขึ้นเป็นเท่าตัว
พอวันออกเดินทางหลังจากที่ภูมิบุญกลับจากมหาวิทยาลัยก็เตรียมกระเป๋าของใช้ส่วนตัว ถูกเก็บลงในเป้เท่าที่จำเป็น พอพร้อมก็ออกไปรอที่ห้องรับแขกที่ตึกใหญ่
"ดูแลตัวเองนะลูก อย่าไปเป็นภาระให้คุณโตโต้เค้า"
จันทร์มากระซิบบอกภูมิ บุญก่อนที่โตโต้จะกลับมาจากที่ทำงาน
"ครับแม่"
ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ไม่รู้จะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาให้มารดาของตนฟังยังไงดี จับต้นชนปลายไม่ถูก สิ่งที่เกิดมันรวดเร็วนักถ้าหากจะเล่าให้มารดาของตนฟัง ก็คงไม่เชื่อภูมิบุญทั้งหมดเพราะมารดาของตนก็เป็นคนเลี้ยงดูโตโต้มาตั้งแต่ยังเล็ก วิบากกรรมของใครคนนั้นก็รับเอาไปเถิด ภูมิบุญได้แต่แอบถอนหายใจ
"พร้อมแล้วเหรอจ๊ะภูมิ พี่เขากำลังถึงแล้วล่ะ อ้อยวานไปหยิบกระเป๋าบนห้องตาโต้มาหน่อยซิ"
คุณอภิสราเดินออกมาพร้อมกับจันทร์ นั่งลงโซฟาแล้วกวักมือให้ภูมิบุญไปนั่งลงข้างๆตัว
"เรามีความคิดเห็นอะไรบอกพี่เขาได้เลยนะภูมิ เวลาพี่เขาไปดูงานก็เรียนรู้เอาจากพี่เขา พอจบมาจะได้ทำได้เลย"
คุณอภิสราลูบหัวภูมิบุญอย่างเอ็นดู ภูมิบุญก้มลงกราบ พอโตโต้กลับมาถึงบ้านก็ไม่ยอมเข้ามาในบ้านเลยเพราะต้องการที่จะออกไปเลยโดยเกรงว่าจะเสียเวลา คุณอภิสรารวมทั้งจันทร์อ้อยออกไปส่งที่หน้าตึก
"ขับรถดีๆนะลูก แม่ฝากน้องด้วย"
"ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ"
สายตาที่ปรายมองมาทางภูมิบุญมันแฝงอะไรไว้มากมายเกินจะคาดเดา ภูมิบุญรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง พอขับรถออกพ้นประตูบ้าน
"เงียบจังภูมิ เป็นไงอึดอัดเหรอมากับพี่น่ะ"
โตโต้พูดจาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้น หันมายิ้มให้จนภูมิบุญต้องแปลกใจ
"เอ่อ ปะ เปล่านี่ครับ"
"หิวไหม เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนนะ"
โตโต้ยังคงพูดเองเออเองอยู่ เขาเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังโดยไม่ได้หันมาสนใจภูมิบุญเลยแม้แต่น้อย
"ดูดให้หน่อยดิภูมิ"
โตโต้พูดขึ้นระหว่างรถกำลังแล่นอยู่บนทางด่วน ภูมิบุญรับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคืออะไร คิดไว้แล้วไม่มีผิด
"เร็วสิภูมิ เนี่ยแข็งแล้ว"
โตโต้ยังคงพูดอยู่หันมามองแล้วทำหน้าหื่นใส่
"เป็นบ้าเหรอครับ คุณโตโต้"
"ไม่บ้า อยากให้ทำ"
"ไม่"
"ทำไม"
"ผมไม่ใช่คนบ้าแบบนั้นนะ"
ภูมิบุญชักสีหน้าไม่พอใจเอาตัวไปติดกระจกอีกฝั่ง
"ฮ่าๆๆ พี่ล้อเล่น แหมดูทำเข้า พี่ก็ไม่ได้บ้านะครับน้องภูมิ ถ้าจะมีอะไรกับเราต่อไปนี้พี่จะรอให้เราเต็มใจ"
โตโต้หัวเราะออกมา ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับ แต่มันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้วล่ะครับ"
ภูมิบุญจ้องหน้าเขาเขม็งไม่ยอมแพ้เช่นกัน โตโต้ขบกรามจนปูดโปน "ฮึ มึงแน่นักเหรอไอ้ภูมิ มึงคอยดู" เขาปรามาสไว้ในใจ
"เอาเถอะครับ พี่รู้ตัวว่าพี่ทำไม่ดีไว้กับภูมิเยอะ พี่ขอโทษนะครับ"
น้ำเสียงที่ทำให้ภูมิบุญเฉไปเกือบหลงทาง คิดว่าเขาคงรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ
"พี่ไม่รู้ว่าไปตั้งแง่อะไรกับเรามากมายนะ ทั้งที่เราก็ออกจะน่ารักออกแบบนี้ พี่ผิดเองล่ะครับ ภูมิ พี่ขอโทษนะ"
น้ำเสียงที่ขรึมเครียดลงกว่าเดิม ทำให้ภูมิบุญทำตัวไม่ถูก สีหน้าระบายความกังวลใจออกมา
"ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ผิดที่เข้ามาในชีวิตของคุณโตโต้เอง"
ภูมิบุญพูดออกไป มองหน้าคนขับรถด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย
"ภูมิ ทำไมพูดแบบนั้นครับ พี่ดีใจนะที่ได้เจอเรา อย่าพูดแบบนั้นนะครับ"
โตโต้ร้องออกมามองหน้าภูมิบุญ
"อย่าใส่ใจเลยครับคุณโตโต้ อย่ามาใส่ใจกับผมเลย"
น้ำเสียงที่ตัดพ้อต่อว่าอยู่ในที สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ น้ำเสียงที่เบาลอดออกมาจากไรฟัน โตโต้ชำเลืองตามองแล้วยิ้มที่มุมปาก
"ไม่ใส่ใจไม่ได้หรอกครับภูมิ พี่ว่าพี่ชอบเราเข้าแล้วล่ะ"
ภูมิบุญหัน ขวับมามองหน้าเขา คราวนี้ยิ้มออกมา
"อย่าเลยครับคุณโตโต้ ผมไม่คู่ควรหรือไม่แม้แต่จะคิด เรื่องที่ผ่านมาลืมมันเสียเถอะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
ภูมิบุญพูดเสียงเรียบมองหน้าเขา
"ทำกันง่ายๆ ด้วยเหรอครับภูมิ การจะลืมใครสักคนที่เราชอบน่ะ บอกพี่หน่อยสิพี่ต้องทำยังไง"
โตโต้สวนกลับมาเสียงเครียดเช่นกัน
"คุณโตโต้ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมเองที่จะไปจากคุณ"
ภูมิบุญยังจ้องหน้าเขม็งอยู่ไม่ยอมลดระดับสายตาลง
"ภูมิ"
โตโต้ร้องออกมา ขวมดคิ้วเข้าหากัน "ใจแข็งเหมือนกันนะมึง มา มาลองกันสักตั้ง ใครมันจะแน่กว่าใคร" โตโต้คิดอยู่ในใจเงียบเสียงไป สายตาจ้องมองถนนเบื้องหน้า แสงสุริยันเริ่มจะบอกลาท้องฟ้าแล้ว สาดแสงทองสุดท้ายของวันพาดผ่านตัวรถจากัวร์สีดำลอดเข้ามาในกระจกรถ คนหนึ่งตัวใหญ่กำลังกุมพวงมาลัย สายตาเพ่งมองไปเบื้องหน้า อีกคนที่นั่งอยู่เคียงคู่กันสายตามองออกไปนอกกระจกรถ แสงสีแดงส้มกำลังลามเลียเนื้อตัวใบหน้าของเขาอยู่ น่าประหลาดสีผิวของภูมิบุญช่างงดงามเหมือนเคลือบด้วยกาญจนาเมื่อต้องแสงนี้ แววตาเศร้าเยือกเย็นเพ่งออกไปไกลแสนไกล ในใจก็คิดไปไกลเช่นกัน "คิดว่าผมโง่ก็ทำเลยครับคุณโตโต้ แค่คำว่าชอบ แค่คำว่ารักเอาไว้ไปพูดกับแฟนคุณเถอะ ผมไม่ได้รักใครเพราะลมปาก" ภูมิบุญยกริมฝีปากขึ้น
รถจากัวร์สีดำจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในตัว เมืองพิษณุโลกเพราะค่ำมากแล้ว ภูมิบุญเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวโตโต้ก็มาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น
"ภูมิๆ ตื่นได้แล้วครับ พี่ขับไม่ไหว นอนพักเอาแรงก่อนนะ"
เสียงโตโต้บอกเขายืนอยู่นอกรถข้างตัวของภูมิบุญ พอภูมิบุญลืมตาขึ้น ใบหน้าของโตโต้จ่ออยู่ไม่ถึงนิ้ว ภูมิบุญสะดุ้งถอยหนีไป
"ครับ ได้ครับ"
โตโต้ยิ้มออกมาแววตาพราว
"หิวไหม เดี๋ยวค่อยออกไปกินข้าวกัน พี่ก็หิวเหมือนกัน"
โตโต้ยังไม่ถอนหน้าออกจากที่ ภูมิบุญเริ่มอึดอัดแต่ก็ยกริมฝีปากขึ้นแล้วขยับตัวดันตัวออกไปจากรถ ริมฝีปากของภูมิบุญจงใจที่จะไปเฉียดกับปากของโตโต้ รายนั้นถึงกับสะดุ้งถอยออกไปเอง ภูมิบุญยิ้มออกมา
"ครับ ผมก็หิวแล้ว กินอะไรดีครับคุณโตโต้"
ภูมิบุญลุกขึ้นยืนอยู่นอกรถแกล้งล้มให้โตโต้จับตัวไว้
"อุ๊ย ขอโทษครับ ผมหน้ามืด"
จริตที่ไม่ได้ทำมานานเริ่มออกฤทธิ์สำแดงเดชอีกครั้ง ภูมิบุญกอดร่างของโตโต้ไว้แน่น ลมหายใจอุ่นๆของโตโต้รดลงมาที่หน้าของภูมิบุญ
"เอ่อ เป็นอะไรไหมภูมิ"
เสียงของโตโต้สั่นไหวไปเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรครับ คงลุกเร็วไปหน่อย"
ภูมิบุญเอาตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขาแล้ว เมินหน้าไปทางอื่นเพื่อที่จะยิ้มออกมา
"เข้าไปข้างในเถอะครับ อาบน้ำก่อนให้สบายตัวแล้วค่อยไปกินข้าว"
โตโต้พูด ออกมาแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในโรงแรมทันที
"หึหึ นึกว่าจะแน่ นี่น่ะเหรอชอบ มีอะไรงัดออกมาคุณโตโต้เรามาลองดูว่าใครจะหลงกลใคร"
ความคิดที่ล่องลอยไปไกล ภูมิบุญไม่เชื่อแม้แต่สิ่งที่เขาเห็นด้วยสองลูกตา ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเต็มสองหู จะผิดไหมถ้าเขาจะเชื่อใจตัวเองเสียงของหัวใจที่ร้องบอกออกมาว่าชายผู้นี้ ไม่ได้หวังดีกับเขาเลย ไม่เคยเลย
พยายามตัดบทให้แทนทวี เข้าใจในสิ่งที่ตนพูดให้ได้มากที่สุด
"อืม พี่เชื่อใจภูมิครับ แฟนพี่แวนไม่น่าจะเหมือนพี่แวนนะ"
แทนทวีพูดถึงพี่สาวของตนเพราะ รู้จักดีเคยปะทะคารมกันมาแล้วและเหมือนจะไม่ได้ดีขึ้นเลย เพราะถ้าหากมารดาหรือบิดาถามถึงภูมิบุญขึ้นมาแวนเองก็จะเกรี้ยวกราดไม่พอใจขึ้นทันที
"เอ่อ ไม่หรอกครับพี่แทน ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าไม่สบายใจ หรือมีอะไรไม่ดีภูมิจะโทรหาพี่แทนเป็นคนแรกคนแรก"
ภูมิบุญเอื้อมมือไปจับมือของแทนทวีที่จับอยู่ที่กระปุกเกียร์ พยายามจะสื่อความในใจผ่านมือนั้นไป ในใจที่หวั่นไหวไม่น้อยเช่นกัน ไม่รู้ว่าคนที่จะพาไปมีแผนร้ายอะไรอีกแต่ในเมื่อยังไม่มีเหตุก็ยังไม่อยากให้คนที่ตนรักต้องกลัดกลุ้มใจ สู้ทนแบกรับไปแม้มันจะหนักมากเสียจนเกินจะรับแต่ก็คงไม่ถึงตาย พอเข้ามาในบ้านก็ช่วยงานบ้านตามปกติ ภูมิบุญเป็นเด็กน่ารักเสมอในสายตาของผู้ใหญ่ กริยาดีมีมารยาทไม่เคยบ่นเรื่องงานสักครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยทำสีหน้าสีตาไม่พอใจเมื่อถูกวานใช้งานแต่กลับยินดีที่จะทำ ภูมิบุญเป็นที่รักใครของเจ้าของบ้านมากขึ้นทุกวัน แต่ยิ่งเจ้าของบ้านรักเขามากขึ้นเท่าใด ลูกชายเจ้าของบ้านก็ทวีความเกลียดชังมากขึ้นเป็นเท่าตัว
พอวันออกเดินทางหลังจากที่ภูมิบุญกลับจากมหาวิทยาลัยก็เตรียมกระเป๋าของใช้ส่วนตัว ถูกเก็บลงในเป้เท่าที่จำเป็น พอพร้อมก็ออกไปรอที่ห้องรับแขกที่ตึกใหญ่
"ดูแลตัวเองนะลูก อย่าไปเป็นภาระให้คุณโตโต้เค้า"
จันทร์มากระซิบบอกภูมิ บุญก่อนที่โตโต้จะกลับมาจากที่ทำงาน
"ครับแม่"
ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ไม่รู้จะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาให้มารดาของตนฟังยังไงดี จับต้นชนปลายไม่ถูก สิ่งที่เกิดมันรวดเร็วนักถ้าหากจะเล่าให้มารดาของตนฟัง ก็คงไม่เชื่อภูมิบุญทั้งหมดเพราะมารดาของตนก็เป็นคนเลี้ยงดูโตโต้มาตั้งแต่ยังเล็ก วิบากกรรมของใครคนนั้นก็รับเอาไปเถิด ภูมิบุญได้แต่แอบถอนหายใจ
"พร้อมแล้วเหรอจ๊ะภูมิ พี่เขากำลังถึงแล้วล่ะ อ้อยวานไปหยิบกระเป๋าบนห้องตาโต้มาหน่อยซิ"
คุณอภิสราเดินออกมาพร้อมกับจันทร์ นั่งลงโซฟาแล้วกวักมือให้ภูมิบุญไปนั่งลงข้างๆตัว
"เรามีความคิดเห็นอะไรบอกพี่เขาได้เลยนะภูมิ เวลาพี่เขาไปดูงานก็เรียนรู้เอาจากพี่เขา พอจบมาจะได้ทำได้เลย"
คุณอภิสราลูบหัวภูมิบุญอย่างเอ็นดู ภูมิบุญก้มลงกราบ พอโตโต้กลับมาถึงบ้านก็ไม่ยอมเข้ามาในบ้านเลยเพราะต้องการที่จะออกไปเลยโดยเกรงว่าจะเสียเวลา คุณอภิสรารวมทั้งจันทร์อ้อยออกไปส่งที่หน้าตึก
"ขับรถดีๆนะลูก แม่ฝากน้องด้วย"
"ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ"
สายตาที่ปรายมองมาทางภูมิบุญมันแฝงอะไรไว้มากมายเกินจะคาดเดา ภูมิบุญรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง พอขับรถออกพ้นประตูบ้าน
"เงียบจังภูมิ เป็นไงอึดอัดเหรอมากับพี่น่ะ"
โตโต้พูดจาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้น หันมายิ้มให้จนภูมิบุญต้องแปลกใจ
"เอ่อ ปะ เปล่านี่ครับ"
"หิวไหม เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนนะ"
โตโต้ยังคงพูดเองเออเองอยู่ เขาเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังโดยไม่ได้หันมาสนใจภูมิบุญเลยแม้แต่น้อย
"ดูดให้หน่อยดิภูมิ"
โตโต้พูดขึ้นระหว่างรถกำลังแล่นอยู่บนทางด่วน ภูมิบุญรับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคืออะไร คิดไว้แล้วไม่มีผิด
"เร็วสิภูมิ เนี่ยแข็งแล้ว"
โตโต้ยังคงพูดอยู่หันมามองแล้วทำหน้าหื่นใส่
"เป็นบ้าเหรอครับ คุณโตโต้"
"ไม่บ้า อยากให้ทำ"
"ไม่"
"ทำไม"
"ผมไม่ใช่คนบ้าแบบนั้นนะ"
ภูมิบุญชักสีหน้าไม่พอใจเอาตัวไปติดกระจกอีกฝั่ง
"ฮ่าๆๆ พี่ล้อเล่น แหมดูทำเข้า พี่ก็ไม่ได้บ้านะครับน้องภูมิ ถ้าจะมีอะไรกับเราต่อไปนี้พี่จะรอให้เราเต็มใจ"
โตโต้หัวเราะออกมา ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ครับ แต่มันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้วล่ะครับ"
ภูมิบุญจ้องหน้าเขาเขม็งไม่ยอมแพ้เช่นกัน โตโต้ขบกรามจนปูดโปน "ฮึ มึงแน่นักเหรอไอ้ภูมิ มึงคอยดู" เขาปรามาสไว้ในใจ
"เอาเถอะครับ พี่รู้ตัวว่าพี่ทำไม่ดีไว้กับภูมิเยอะ พี่ขอโทษนะครับ"
น้ำเสียงที่ทำให้ภูมิบุญเฉไปเกือบหลงทาง คิดว่าเขาคงรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ
"พี่ไม่รู้ว่าไปตั้งแง่อะไรกับเรามากมายนะ ทั้งที่เราก็ออกจะน่ารักออกแบบนี้ พี่ผิดเองล่ะครับ ภูมิ พี่ขอโทษนะ"
น้ำเสียงที่ขรึมเครียดลงกว่าเดิม ทำให้ภูมิบุญทำตัวไม่ถูก สีหน้าระบายความกังวลใจออกมา
"ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ผิดที่เข้ามาในชีวิตของคุณโตโต้เอง"
ภูมิบุญพูดออกไป มองหน้าคนขับรถด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย
"ภูมิ ทำไมพูดแบบนั้นครับ พี่ดีใจนะที่ได้เจอเรา อย่าพูดแบบนั้นนะครับ"
โตโต้ร้องออกมามองหน้าภูมิบุญ
"อย่าใส่ใจเลยครับคุณโตโต้ อย่ามาใส่ใจกับผมเลย"
น้ำเสียงที่ตัดพ้อต่อว่าอยู่ในที สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ น้ำเสียงที่เบาลอดออกมาจากไรฟัน โตโต้ชำเลืองตามองแล้วยิ้มที่มุมปาก
"ไม่ใส่ใจไม่ได้หรอกครับภูมิ พี่ว่าพี่ชอบเราเข้าแล้วล่ะ"
ภูมิบุญหัน ขวับมามองหน้าเขา คราวนี้ยิ้มออกมา
"อย่าเลยครับคุณโตโต้ ผมไม่คู่ควรหรือไม่แม้แต่จะคิด เรื่องที่ผ่านมาลืมมันเสียเถอะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
ภูมิบุญพูดเสียงเรียบมองหน้าเขา
"ทำกันง่ายๆ ด้วยเหรอครับภูมิ การจะลืมใครสักคนที่เราชอบน่ะ บอกพี่หน่อยสิพี่ต้องทำยังไง"
โตโต้สวนกลับมาเสียงเครียดเช่นกัน
"คุณโตโต้ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมเองที่จะไปจากคุณ"
ภูมิบุญยังจ้องหน้าเขม็งอยู่ไม่ยอมลดระดับสายตาลง
"ภูมิ"
โตโต้ร้องออกมา ขวมดคิ้วเข้าหากัน "ใจแข็งเหมือนกันนะมึง มา มาลองกันสักตั้ง ใครมันจะแน่กว่าใคร" โตโต้คิดอยู่ในใจเงียบเสียงไป สายตาจ้องมองถนนเบื้องหน้า แสงสุริยันเริ่มจะบอกลาท้องฟ้าแล้ว สาดแสงทองสุดท้ายของวันพาดผ่านตัวรถจากัวร์สีดำลอดเข้ามาในกระจกรถ คนหนึ่งตัวใหญ่กำลังกุมพวงมาลัย สายตาเพ่งมองไปเบื้องหน้า อีกคนที่นั่งอยู่เคียงคู่กันสายตามองออกไปนอกกระจกรถ แสงสีแดงส้มกำลังลามเลียเนื้อตัวใบหน้าของเขาอยู่ น่าประหลาดสีผิวของภูมิบุญช่างงดงามเหมือนเคลือบด้วยกาญจนาเมื่อต้องแสงนี้ แววตาเศร้าเยือกเย็นเพ่งออกไปไกลแสนไกล ในใจก็คิดไปไกลเช่นกัน "คิดว่าผมโง่ก็ทำเลยครับคุณโตโต้ แค่คำว่าชอบ แค่คำว่ารักเอาไว้ไปพูดกับแฟนคุณเถอะ ผมไม่ได้รักใครเพราะลมปาก" ภูมิบุญยกริมฝีปากขึ้น
รถจากัวร์สีดำจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในตัว เมืองพิษณุโลกเพราะค่ำมากแล้ว ภูมิบุญเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวโตโต้ก็มาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น
"ภูมิๆ ตื่นได้แล้วครับ พี่ขับไม่ไหว นอนพักเอาแรงก่อนนะ"
เสียงโตโต้บอกเขายืนอยู่นอกรถข้างตัวของภูมิบุญ พอภูมิบุญลืมตาขึ้น ใบหน้าของโตโต้จ่ออยู่ไม่ถึงนิ้ว ภูมิบุญสะดุ้งถอยหนีไป
"ครับ ได้ครับ"
โตโต้ยิ้มออกมาแววตาพราว
"หิวไหม เดี๋ยวค่อยออกไปกินข้าวกัน พี่ก็หิวเหมือนกัน"
โตโต้ยังไม่ถอนหน้าออกจากที่ ภูมิบุญเริ่มอึดอัดแต่ก็ยกริมฝีปากขึ้นแล้วขยับตัวดันตัวออกไปจากรถ ริมฝีปากของภูมิบุญจงใจที่จะไปเฉียดกับปากของโตโต้ รายนั้นถึงกับสะดุ้งถอยออกไปเอง ภูมิบุญยิ้มออกมา
"ครับ ผมก็หิวแล้ว กินอะไรดีครับคุณโตโต้"
ภูมิบุญลุกขึ้นยืนอยู่นอกรถแกล้งล้มให้โตโต้จับตัวไว้
"อุ๊ย ขอโทษครับ ผมหน้ามืด"
จริตที่ไม่ได้ทำมานานเริ่มออกฤทธิ์สำแดงเดชอีกครั้ง ภูมิบุญกอดร่างของโตโต้ไว้แน่น ลมหายใจอุ่นๆของโตโต้รดลงมาที่หน้าของภูมิบุญ
"เอ่อ เป็นอะไรไหมภูมิ"
เสียงของโตโต้สั่นไหวไปเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรครับ คงลุกเร็วไปหน่อย"
ภูมิบุญเอาตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขาแล้ว เมินหน้าไปทางอื่นเพื่อที่จะยิ้มออกมา
"เข้าไปข้างในเถอะครับ อาบน้ำก่อนให้สบายตัวแล้วค่อยไปกินข้าว"
โตโต้พูด ออกมาแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในโรงแรมทันที
"หึหึ นึกว่าจะแน่ นี่น่ะเหรอชอบ มีอะไรงัดออกมาคุณโตโต้เรามาลองดูว่าใครจะหลงกลใคร"
ความคิดที่ล่องลอยไปไกล ภูมิบุญไม่เชื่อแม้แต่สิ่งที่เขาเห็นด้วยสองลูกตา ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเต็มสองหู จะผิดไหมถ้าเขาจะเชื่อใจตัวเองเสียงของหัวใจที่ร้องบอกออกมาว่าชายผู้นี้ ไม่ได้หวังดีกับเขาเลย ไม่เคยเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น