ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้เพียงสองวันภูมิบุญก็ต้องกลับไปเรียนตามปกติ สมองที่หนักอึ้งด้วยพิษภัยของความแค้นยังแน่นขนัดสุมกันอยู่ ภูมิบุญเงียบลงกว่าเดิมมากคอยหลบหน้าโต้โต้ตลอดเวลา ส่วนแทนทวีเขาหายไปหนึ่งวันเต็มๆ คงจะหลบไปทำใจแต่พอถึงวันที่ภูมิบุญต้องไปมหาวิทยาลัย แทนทวีก็มาดักรอที่หน้าบ้านเช่นเคย
"ภูมิ พี่ไปดูคอนโดไว้แล้วนะ พ่อพี่ซื้อไว้ตั้งนานแล้วให้คนเช่า พี่ไปบอกเขาแล้วว่าพี่จะไปอยู่ เราย้ายเข้าสิ้นเดือนนี้นะ"
แทนทวีพูดออกมาบอกความต้องการของตัวเอง ภูมิบุญก้มหน้านิ่ง ความลำบากใจถาโถมเข้ามาอีกระรอก เริ่มวันใหม่ด้วยความหนักใจแล้วต่อไปทั้งวันจะทำหน้ายังไงดี
"ครับ"
เสียงลอดออกมาจากลำคอเบาแสนเบา แทนทวีหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
"แล้วภูมิคุยกับคุณท่านหรือยัง"
แทนคำตอบภูมิบุญส่ายหน้า หลุบตาลงต่ำ แทนทวีถอนหายใจ
"ต้องรีบคุยนะภูมิ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เราอยู่ที่นั่นนะ"
แทนทวีเองก็ย้ำจุดประสงค์ของตัว ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่หนักใจเหลือเกิน นี่เขาจะพูดยังไง จะเริ่มจากตรงไหนดีคุณอภิสราถึงจะยอม ไหนจะแม่ของเขาอีก ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมีน้ำหนักพอให้เจ้าของบ้านเห็นดีเห็นชอบปล่อยให้ย้ายออกจากที่นั่น เรียนหนักน่ะเหรอ แต่ก่อนก็เรียนหนัก ทำไมอยู่ได้ ไกลไปจากที่เรียน ก็มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่อยากจะทำงานบ้าน มันไม่ใช่แบบนั้น ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น เข้าใจในความปรารถนาดีของแทนทวี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปทางไหนต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องหันหน้าไปพึ่งใคร
"ไอ้พอล มึงคิดว่ากูควรทำยังไงดีวะ"
โตโต้นั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนสนิทหลังจากที่เลิกงานแล้ว ที่เดิมที่คุ้นเคย
"มึงก็ง้อแวนเขาหน่อยดิวะ แต่อย่าบอกนะว่ามึงตกหลุมรักมันเข้าแล้ว"
"รักห่าอะไรล่ะ ไม่รู้ดิวะ กูแค่สงสารมัน บางทีมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เด็กคนหนึ่ง"
โตโต้พูดออกไปแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกลงคอไป
"ความสงสารนี่ล่ะเป็นสารตั้งต้นของความรัก มึงระวังให้ดีเถอะ หรือว่ามึงติดใจ"
"เว้ย มึงให้คำปรึกษาดีๆหน่อยได้ไหม เดี๋ยวกูถีบไอ้นี่"
โวยวายขึ้นทันที ความกลัดกลุ้มที่มีอยู่ในใจมันก็หมักหมมหนักหนาแล้ว ยิ่งมีคนมาแหย่หรือพูดไม่เข้าหูยิ่งเหมือนแหย่ฟืนเข้าไปในกองไฟ เพิ่มเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำขึ้นอีก
"อ้าว เฮ้ย กูก็พูดตามที่เห็น เขาบอกว่าอย่าริไปลองเชียวเกย์น่ะ ไม่มีใครกลับได้สักราย หึหึ เป็นไงวะ ดีป่ะ"
พอลกลับไม่สนใจในความทุกข์ใจของเพื่อน อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตนอยากรู้เท่านั้น
"มึงเงียบไปเลยไอ้พอล ถ้ามึงไม่ให้คำปรึกษากู กูกลับดีกว่า ไอ้เชี่ยนี่"
"อ้าวเฮ้ย บอกเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ มึงไม่บอกกูจะรู้ไหมว่ามึงกับมันถึงขั้นไหนแล้ว แล้วกูจะช่วยมึงยังไง ไอ้เชี่ยนี่"
พอลสวนคืนไม่ยอมเช่นกัน
"ก็ดี ไม่รู้เว้ยกูไม่ได้ชอบ ทำๆไปอย่างนั้นล่ะ"
ปากไม่ตรงกับใจ บอกไม่ชอบออกไปแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าอบอุ่นอย่างประหลาด จุมพิศของภูมิบุญมันหวานฉ่ำ ลิ้นอุ่นๆนุ่มๆสอดเข้ามาในโพรงปากของเขา ทุกอณูภูมิบุญเสาะแสวงหาไปทั้งสรรค์พางกายไม่มีรังเกียจไม่มีชั่งใจ ความร้อนในตัวของภูมิบุญเขารับรู้ได้ มันเป็นไออุ่นที่แปลกประหลาด ความรู้สึกแบบนี้ ลีลารักแบบนี้เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
"เหรอ แต่ตามึงนี่มันไม่ได้แค่ทำไปอย่างนั้นนะ เอาเถอะ มึงจะชอบมันหรือไม่ก็ตามแต่อย่าลืมจุดประสงค์ของการที่ทำแบบนี้นะเว้ย ที่มึงเอาตัวไปคลุกคลีกับมันจนอาจจะแอบชอบมันก็เพราะมึงอยากจะให้มันออกจากบ้านไปไม่ใช่เหรอ หรือถ้ามึงทำใจได้ มึงก็รักๆมันไปเลยดิ แล้วก็อยู่ด้วยกันแบบผัวเมีย"
"ไอ้พอล ไอ้เชี่ย มึงนี่ปากหมานะ กูไม่อยู่แล้ว จ่ายให้กูด้วย"
หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากร้านทันที โตโต้นั่งจุดบุหรี่ที่หน้าร้าน สูดควันพิษเข้าไปกักไว้ในปอด ระบายออกมาด้วยความเคร่งเครียด "จริงสินะ ที่เราทำไปทั้งหมดเพราะอยากให้มันกระเด็นออกจาบ้านไป หึหึ แค่นี้มันเปลี่ยนใจกูไม่ได้หรอกไอ้ภูมิ" โตโต้แสยะยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง แค่ความรู้สึกเห็นใจแค่นี้มันเบี่ยงเบนจุดประสงค์หลักไม่ได้หรอกนะ
พอกลับถึงบ้านภูมิบุญก็รอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับคุณอภิสรา พอเห็นคุณอภิสรานั่งจิบน้ำชาอยู่ห้องรับแขกภูมิบุญก็เข้าไปหา
"ว่าไงจ๊ะภูมิ มีเรื่องอะไรจะคุยกับป้าเหรอ"
คุณอภิสราเหมือนจะรับรู้ความในใจของภูมิบุญ ไม่รู้ว่าเพราะแสดงสีหน้าท่าตาออกไป หรือท่าทางกะอักกระอ่วนใจ
"เอ่อ ครับคุณท่าน คือภูมิ อยากจะขอคุณท่านออกไปเช่าหออยู่กับเพื่อนน่ะครับ"
ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะพูดออกไปได้ ภูมิบุญก้มหน้าลงไม่อยากจะสบตากับคุณอภิสรา เสียงถอนหายใจออกมา
"ภูมิ เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนี่จ๊ะ ทำไม มีอะไรอีก ใครกวนใจภูมิ บอกป้ามา"
น้ำเสียงที่ผิดหวัง ท้อแท้ใจเปล่งออกมา
"ปะ เปล่าหรอกครับ คือภูมิเรียนหนัก ไหนจะต้องเรียนภาษาอังกฤษตอนเย็นอีก"
"แล้วต้องย้ายไปอยู่หอเลยเหรอภูมิ ป้าไม่เข้าใจ มีเรื่องอะไรก็บอกป้ามา"
พยายามจะเอาเหตุผลของตนขึ้นอ้าง แต่ดูเหมือนคุณอภิสราจะดักไว้ถูกทาง พอดีกับโตโต้กลับเข้ามาในบ้าน
"มานี่ซิตาโต้"
คุณอภิสราร้องเรียกบุตรชาย โตโต้มองดูภูมิบุญที่นั่งก้มหน้าอยู่ลังเลใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งอีกฝั่ง
"ไหนมีอะไรกัน บอกแม่มาซิ ทำไมน้องถึงอยากออกไปอยู่ที่อื่น"
คุณอภิสรายิงคำถามทันที โตโต้ชักสีหน้าไม่ถูก แปลกใจมองดูภูมิบุญ
"เอ่อ ไม่มีมีอะไรนี่ครับแม่ อ้าวภูมิ ทำไมล่ะครับ"
พยายามไหลไปตามกระแสน้ำ ร้องถามขึ้น ทั้งที่ในใจมีแวบหนึ่งคิดขึ้นมาได้ว่า ดีเสียอีกไม่ต้องลงมือหาทางไล่ออกไปจากบ้าน ในเมื่อเสนอตัวเองไหนๆก็จะสนองให้
"ที่ภูมิบอกคุณโตโต้ไปวันนั้นไงครับ ที่ตอนนี้ภูมิเรียนหนัก รายงานก็เยอะ แค่ออกไปอยู่ชั่วคราว แต่ภูมิจะกลับมาทุกวันศุกร์ไงครับ"
ภูมิบุญมองหน้าโตโต้สายตาวิงวอนขอร้อง โตโต้มองดูอยู่แล้วก็ยิ้มขึ้นในใจ "เอาวะ ไหนๆก็อยากให้มันออกไปอยู่ข้างนอกบ้านอยู่แล้วนี่" แต่ลึกๆในใจก็หวั่นไหวอยู่ไม่น้อย
"ภูมิ พี่ไปดูคอนโดไว้แล้วนะ พ่อพี่ซื้อไว้ตั้งนานแล้วให้คนเช่า พี่ไปบอกเขาแล้วว่าพี่จะไปอยู่ เราย้ายเข้าสิ้นเดือนนี้นะ"
แทนทวีพูดออกมาบอกความต้องการของตัวเอง ภูมิบุญก้มหน้านิ่ง ความลำบากใจถาโถมเข้ามาอีกระรอก เริ่มวันใหม่ด้วยความหนักใจแล้วต่อไปทั้งวันจะทำหน้ายังไงดี
"ครับ"
เสียงลอดออกมาจากลำคอเบาแสนเบา แทนทวีหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
"แล้วภูมิคุยกับคุณท่านหรือยัง"
แทนคำตอบภูมิบุญส่ายหน้า หลุบตาลงต่ำ แทนทวีถอนหายใจ
"ต้องรีบคุยนะภูมิ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เราอยู่ที่นั่นนะ"
แทนทวีเองก็ย้ำจุดประสงค์ของตัว ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่หนักใจเหลือเกิน นี่เขาจะพูดยังไง จะเริ่มจากตรงไหนดีคุณอภิสราถึงจะยอม ไหนจะแม่ของเขาอีก ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมีน้ำหนักพอให้เจ้าของบ้านเห็นดีเห็นชอบปล่อยให้ย้ายออกจากที่นั่น เรียนหนักน่ะเหรอ แต่ก่อนก็เรียนหนัก ทำไมอยู่ได้ ไกลไปจากที่เรียน ก็มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่อยากจะทำงานบ้าน มันไม่ใช่แบบนั้น ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น เข้าใจในความปรารถนาดีของแทนทวี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปทางไหนต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องหันหน้าไปพึ่งใคร
"ไอ้พอล มึงคิดว่ากูควรทำยังไงดีวะ"
โตโต้นั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนสนิทหลังจากที่เลิกงานแล้ว ที่เดิมที่คุ้นเคย
"มึงก็ง้อแวนเขาหน่อยดิวะ แต่อย่าบอกนะว่ามึงตกหลุมรักมันเข้าแล้ว"
"รักห่าอะไรล่ะ ไม่รู้ดิวะ กูแค่สงสารมัน บางทีมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เด็กคนหนึ่ง"
โตโต้พูดออกไปแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกลงคอไป
"ความสงสารนี่ล่ะเป็นสารตั้งต้นของความรัก มึงระวังให้ดีเถอะ หรือว่ามึงติดใจ"
"เว้ย มึงให้คำปรึกษาดีๆหน่อยได้ไหม เดี๋ยวกูถีบไอ้นี่"
โวยวายขึ้นทันที ความกลัดกลุ้มที่มีอยู่ในใจมันก็หมักหมมหนักหนาแล้ว ยิ่งมีคนมาแหย่หรือพูดไม่เข้าหูยิ่งเหมือนแหย่ฟืนเข้าไปในกองไฟ เพิ่มเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำขึ้นอีก
"อ้าว เฮ้ย กูก็พูดตามที่เห็น เขาบอกว่าอย่าริไปลองเชียวเกย์น่ะ ไม่มีใครกลับได้สักราย หึหึ เป็นไงวะ ดีป่ะ"
พอลกลับไม่สนใจในความทุกข์ใจของเพื่อน อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตนอยากรู้เท่านั้น
"มึงเงียบไปเลยไอ้พอล ถ้ามึงไม่ให้คำปรึกษากู กูกลับดีกว่า ไอ้เชี่ยนี่"
"อ้าวเฮ้ย บอกเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ มึงไม่บอกกูจะรู้ไหมว่ามึงกับมันถึงขั้นไหนแล้ว แล้วกูจะช่วยมึงยังไง ไอ้เชี่ยนี่"
พอลสวนคืนไม่ยอมเช่นกัน
"ก็ดี ไม่รู้เว้ยกูไม่ได้ชอบ ทำๆไปอย่างนั้นล่ะ"
ปากไม่ตรงกับใจ บอกไม่ชอบออกไปแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าอบอุ่นอย่างประหลาด จุมพิศของภูมิบุญมันหวานฉ่ำ ลิ้นอุ่นๆนุ่มๆสอดเข้ามาในโพรงปากของเขา ทุกอณูภูมิบุญเสาะแสวงหาไปทั้งสรรค์พางกายไม่มีรังเกียจไม่มีชั่งใจ ความร้อนในตัวของภูมิบุญเขารับรู้ได้ มันเป็นไออุ่นที่แปลกประหลาด ความรู้สึกแบบนี้ ลีลารักแบบนี้เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
"เหรอ แต่ตามึงนี่มันไม่ได้แค่ทำไปอย่างนั้นนะ เอาเถอะ มึงจะชอบมันหรือไม่ก็ตามแต่อย่าลืมจุดประสงค์ของการที่ทำแบบนี้นะเว้ย ที่มึงเอาตัวไปคลุกคลีกับมันจนอาจจะแอบชอบมันก็เพราะมึงอยากจะให้มันออกจากบ้านไปไม่ใช่เหรอ หรือถ้ามึงทำใจได้ มึงก็รักๆมันไปเลยดิ แล้วก็อยู่ด้วยกันแบบผัวเมีย"
"ไอ้พอล ไอ้เชี่ย มึงนี่ปากหมานะ กูไม่อยู่แล้ว จ่ายให้กูด้วย"
หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากร้านทันที โตโต้นั่งจุดบุหรี่ที่หน้าร้าน สูดควันพิษเข้าไปกักไว้ในปอด ระบายออกมาด้วยความเคร่งเครียด "จริงสินะ ที่เราทำไปทั้งหมดเพราะอยากให้มันกระเด็นออกจาบ้านไป หึหึ แค่นี้มันเปลี่ยนใจกูไม่ได้หรอกไอ้ภูมิ" โตโต้แสยะยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง แค่ความรู้สึกเห็นใจแค่นี้มันเบี่ยงเบนจุดประสงค์หลักไม่ได้หรอกนะ
พอกลับถึงบ้านภูมิบุญก็รอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับคุณอภิสรา พอเห็นคุณอภิสรานั่งจิบน้ำชาอยู่ห้องรับแขกภูมิบุญก็เข้าไปหา
"ว่าไงจ๊ะภูมิ มีเรื่องอะไรจะคุยกับป้าเหรอ"
คุณอภิสราเหมือนจะรับรู้ความในใจของภูมิบุญ ไม่รู้ว่าเพราะแสดงสีหน้าท่าตาออกไป หรือท่าทางกะอักกระอ่วนใจ
"เอ่อ ครับคุณท่าน คือภูมิ อยากจะขอคุณท่านออกไปเช่าหออยู่กับเพื่อนน่ะครับ"
ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะพูดออกไปได้ ภูมิบุญก้มหน้าลงไม่อยากจะสบตากับคุณอภิสรา เสียงถอนหายใจออกมา
"ภูมิ เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนี่จ๊ะ ทำไม มีอะไรอีก ใครกวนใจภูมิ บอกป้ามา"
น้ำเสียงที่ผิดหวัง ท้อแท้ใจเปล่งออกมา
"ปะ เปล่าหรอกครับ คือภูมิเรียนหนัก ไหนจะต้องเรียนภาษาอังกฤษตอนเย็นอีก"
"แล้วต้องย้ายไปอยู่หอเลยเหรอภูมิ ป้าไม่เข้าใจ มีเรื่องอะไรก็บอกป้ามา"
พยายามจะเอาเหตุผลของตนขึ้นอ้าง แต่ดูเหมือนคุณอภิสราจะดักไว้ถูกทาง พอดีกับโตโต้กลับเข้ามาในบ้าน
"มานี่ซิตาโต้"
คุณอภิสราร้องเรียกบุตรชาย โตโต้มองดูภูมิบุญที่นั่งก้มหน้าอยู่ลังเลใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งอีกฝั่ง
"ไหนมีอะไรกัน บอกแม่มาซิ ทำไมน้องถึงอยากออกไปอยู่ที่อื่น"
คุณอภิสรายิงคำถามทันที โตโต้ชักสีหน้าไม่ถูก แปลกใจมองดูภูมิบุญ
"เอ่อ ไม่มีมีอะไรนี่ครับแม่ อ้าวภูมิ ทำไมล่ะครับ"
พยายามไหลไปตามกระแสน้ำ ร้องถามขึ้น ทั้งที่ในใจมีแวบหนึ่งคิดขึ้นมาได้ว่า ดีเสียอีกไม่ต้องลงมือหาทางไล่ออกไปจากบ้าน ในเมื่อเสนอตัวเองไหนๆก็จะสนองให้
"ที่ภูมิบอกคุณโตโต้ไปวันนั้นไงครับ ที่ตอนนี้ภูมิเรียนหนัก รายงานก็เยอะ แค่ออกไปอยู่ชั่วคราว แต่ภูมิจะกลับมาทุกวันศุกร์ไงครับ"
ภูมิบุญมองหน้าโตโต้สายตาวิงวอนขอร้อง โตโต้มองดูอยู่แล้วก็ยิ้มขึ้นในใจ "เอาวะ ไหนๆก็อยากให้มันออกไปอยู่ข้างนอกบ้านอยู่แล้วนี่" แต่ลึกๆในใจก็หวั่นไหวอยู่ไม่น้อย
"อ้อ ครับคุณแม่ คือน้องภูมิเคยพูดไว้กับโต้ครับ ว่าช่วงนี้เรียนหนัก ไปมาลำบาก บางวันอยากอ่านหนังสือเยอะๆแต่ก็เกรงใจพี่อ้อยกับแม่จันทร์ ให้น้องไปอยู่คอนโดฯผมที่ราชดำริก็ได้นี่ครับแม่ ตอนนี้คนเช่าเขาย้ายออกแล้ว จะได้ใกล้มหาฯลัย"
โตโต้เสริมยกเหตุผล ขึ้นมาอ้าง ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าคืออะไร แต่ก็อยากจะขอบคุณจากใจที่เขาช่วยพูด
"แม่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จะไปอยู่ยังไงกัน น้องเขาเพิ่งอายุแค่นี้เอง แม่ไม่ไว้ใจ แม่เป็นห่วง เรื่องเรียนหนักน่ะป้าก็พอรู้นะภูมิ แต่ที่จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกยังไงป้าก็ไม่เห็นด้วย"
คุณอภิสรายังยืนยันคำเดิม ภูมิบุญก้มหน้าลงไปอีก
"โธ่ คุณแม่ครับ ใช่ว่าน้องเขาจะออกไปแล้วไม่กลับมาซะหน่อย วันศุกร์ก็กลับ แค่ไม่กี่วันเองนะครับแม่ บางทีน้องเขาอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ก็ได้นี่ครับ"
น้ำเสียงประชดอยู่ในที คุณอภิสราหันขวับทันที
"อะไรตาโต้ เอาอะไรมาพูด อยู่ที่นี่ไม่เป็นส่วนตัวยังไง นี่มีอะไรกัน"
คุณอภิสราแว๊ดเสียงขึ้นทันที
"โธ่ แม่ก็ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็ล้อเล่นไปแค่นั้นเอง น้องเขาอาจจะอยากอ่านหนังสือเยอะๆก็ได้นะแม่ อยู่บ้านเราอ่านแป๊บนึงเดี๋ยวก็ต้องทำนั่นทำนี่"
โตโต้รีบออกตัว คุณอภิสรานิ่งเงียบไป ใบหน้าครุ่นคิดอยู่ ส่วนภูมิบุญนั่งก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา
"ถ้า เป็นอย่างนั้น ป้าให้ไปอยู่แค่วันที่มีเรียน วันไหนไม่มีก็ให้กลับมาอยู่ที่บ้าน ภูมิถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรให้มาบอกป้า ใครว่าอะไรหรือทำให้เราหนักใจอย่าเก็บไว้คนเดียว ป้ารักเราเหมือนลูกเหมือนหลานนะ ไม่อยากให้ออกห่างไปอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้น"
เสียงที่นิ่งเครียดแสดงความขุ่นข้องใจออกมา ภูมิบุญเองก็นิ่งเงียบไปใจสั่นไหว นี่เรื่องมันยากเย็นสร้างความลำบากใจให้ได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
"ขอบคุณนะครับคุณโตโต้ ที่ช่วยพูดกับคุณท่านให้"
พอคุณอภิสราเดินขึ้นบ้านไป ภูมิบุญก็ยกมือขึ้นไหว้โตโต้ที่กำลังจะลุกไปเหมือนกัน
"ไม่เป็นไรหรอกภูมิ แล้วนี่คิดจะหลบหน้าพี่เหรอครับ พักนี้ไม่ค่อยเจอเลย"
"เปล่านี่ครับ ช่วงนี้ภูมิยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เจอน่ะครับ"
"เหรอ พี่คิดว่าหลบหน้าพี่เสียอีก แล้วย้ายออกไปอยู่หอน่ะ ตั้งใจว่าจะไปอยู่กับใคร นายแทนเหรอ"
โตโต้ยิ้มที่มุมปากถามออกมา
"เอ่อ ว่าจะชวนพลอยกับก้องมาอยู่ด้วยครับ"
"เหรอ แต่ไปอยู่คอนโดพี่นะ พี่ไม่ให้พาใครมาค้างนะจะบอกไว้ก่อน"
"เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ภูมิไปเช่าหออยู่เองดีกว่า"
"หึหึ คิดว่าแม่พี่จะยอมเหรอภูมิ ทีนี้พี่ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ"
โตโต้พูดแล้วยิ้มออกมา แววตามีเลสนัยแฝงอยู่ ภูมิบุญลำบากใจอีกรอบ
"พี่แทนครับ คุณท่านอนุญาตแล้วนะครับ"
ภูมิบุญโทรศัพท์ไปหาแทนทวีหลังจากที่กลับมาอยู่ห้องพักของตัวเอง
"จริงเหรอภูมิ ดีครับ พี่จะได้ไปบอกคนเช่าเขาว่าพี่ย้ายเข้าแน่ๆ สิ้นเดือน"
"เอ่อ แต่พี่แทนครับ คุณท่านให้ไปอยู่คอนโดของคุณโตโต้ที่ราชดำริน่ะครับ"
ภูมิบุญพูดออกไปด้วยความลำบากใจ
"หือ ทำไมล่ะภูมิ"
"คุณท่านคงเป็นห่วงน่ะครับ ภูมิก็ไม่รู้ ภูมิพยายามแล้ว"
แทนทวีนิ่งเงียบไป นี่เขาบีบบังคับคนรักมากไปหรือเปล่า
"อ้อ ได้ครับ ไม่เป็นไรยังไงก็ออกมาจากเงื้อมมือไอ้เลวนั่น แค่นี้ก็พอแล้ว"
แทนทวีพูดออกมา แม้จะขุ่นข้องใจอยู่แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรคืบหน้าไป อย่างน้อยถ้าภูมิบุญออกมาอยู่ข้างนอกด้วยตัวเอง เวลาเขาไปมาหาสู่ก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องดักรออยู่หน้าบ้านแบบนี้
ส่วนโตโต้พอกลับขึ้นห้องไปก็นั่งคิดอยู่ ฉายแววตาออกมา แววตาคู่เดิมครั้งเมื่อตอนดูภาพลับของตัวเองที่ซ่อนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
"หึ หึ มันไม่พอหรอกไอ้ภูมิ มึงต้องรักกู มึงต้องเจ็บกว่านี้ กูว่าจะไม่ทำมึงแล้วนะ ไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ออกไปก็ออกไปให้พ้นจากชีวิตของกูเลยละกัน"
ความคับแค้นใจที่ฝังซ่อนเร้นไว้นานแสนนานเผยออกมา แม้ตัวของภูมิบุญเองจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่สร้างแผลเป็นให้เขา แต่ภูมิบุญก็เป็นคนจำพวกเดียวกันกับคนๆนั้น คนที่สร้างตราบาปรอยแผลเป็นที่ยากจะลบเลือน
ถ้าหากเรามองย้อนไปในอดีตวันวานที่ผ่านมา มีอะไรไหมที่เราอยากกลับไปแก้ไขถ้าหากว่าเราย้อนเวลาได้ มีอะไรไหมที่ยังค้างคาอยู่ในใจ หลายคนอยากจะหมุนเวลาย้อนกลับไป ถ้าหากทำได้อยากจะแก้ตรงนั้น จะไม่ทำแบบนั้น แต่มันคงทำไม่ได้ ทำไมเรื่องที่ผ่านมามันถึงป้ายด่างอยู่ในใจลบไม่ออก เพราะเรายึดมั่นถือมั่นเกินไปไหม สิ่งที่ผ่านมาสิ่งที่เป็นอดีตแม้ว่ามันจะปวดร้าวสร้างรอยแผลที่ยากจะลบเลือน ให้แก่เรา แต่ถ้าหากมองให้ดี รอยแผลนั้นมันก็ยังมีคุณค่า เพราะอย่างน้อยมันก็คอยเตือนเราให้ระลึกไว้เสมอว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราได้ผ่านล่วงมันมาแล้ว มันคือบทเรียนที่สำคัญ มันคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอยู่ในทุกวันนี้ เสียใจเจ็บใจไม่แปลกหรอก แต่เราน่าจะขอบคุณอดีต ขอบคุณวันวานที่ผ่านมา เพราะถ้าไม่มีวันนั้น ถ้าหากว่าเราไม่ทำสิ่งนั้น เราก็คงไม่ได้มาอยู่ในวันนี้ หรือถ้าหากแม้นมีวันนี้ เราก็คงไม่ใช่คนๆนี้ คนที่มีสิ่งฝังเตือนระลึกใจว่าเราได้ผ่านอะไรมาแล้วหลายอย่างไปไม่น้อยกว่าใครในโลกนี้
พอได้กุญแจคอนโดมาจากโตโต้ภูมิบุญก็แวะไปดูห้องหลังเลิกเรียน คอนโดที่นี่สะดวกสบายมากทีเดียว ติดกับรถไฟฟ้าโดยเดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง ติดกับสถานที่เรียนภาษาอังกฤษ อีกอย่างอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแบบไม่ต้องโดยสารรถไปเลย แค่เดินไปก็ถึงแล้ว ห้องชุดหรูหราโอ่อ่าจนภูมิบุญไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะเคยนอนแต่ฟูกง่ายๆมีผ้าปูรองนอน เครื่องใช้ไม้สอยก็ล้วนแล้วแต่ปราณีตบรรจง จะหยิบจับอะไรก็ไม่กล้า
"โหภูมิ หรูไปเลยอ่ะ ดูสิมองเห็นวิวฝั่งสวนลุมด้วยอ่ะ สวยจัง"
พลอยร้องขึ้นเกาะอยู่หน้าบานกระจก ก้องเองก็เดินมาดูสิ่งที่พลอยมองอยู่
"เออ หรูมากเลยอ่ะภูมิ ชาตินี้ทั้งชาติเราจะมีปัญญาซื้อไหมเนี่ย คอนโดหรูๆแพงๆแบบนี้อ่ะ"
"เราไม่ซื้อหรอก เราว่าพอเรียนจบทำงานสักพักก็จะกลับไปอยู่ที่เพชรบูรณ์ ไปสอบเป็นปลัดดีกว่า"
ภูมิบุญพูดขึ้นน้ำเสียงล่องลอย คราใดที่พูดเรื่องปลัดขึ้นมาครานั้นก็มีสิ่งชั่วร้ายแฝงอยู่เสมอ
"เออ วันหลังพาเรากลับไปเยี่ยมบ้านภูมิหน่อยสิ เราอยากไป เห็นพี่ไพลินบอกว่าเขาค้อหน้าหนาวนี่สวยมาก สวิสต์เมืองไทยเลยล่ะ"
"จริงเหรอ เอองั้นหนาวนี้เราไปกันเลยไหม"
ก้องเสริมแล้วเดินตรวตราดูนั่นดูนี่อยู่ทั่วห้อง
"ได้สิ เราจะพาเที่ยวให้ทั่วเลย"
ภูมิบุญบอกแล้วยิ้มออกมา ไม่เคยคิดว่าจะมีเพื่อนที่ดีแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครหน้าไหนจริงใจกับเขาได้เท่าเพื่อนสองคนนี้ ในความมืดมิดมันย่อมมีแสงสว่างเสมอไปสินะ
พอเพื่อนๆกลับบ้านไปแทนทวีก็มาหาที่คอนโด ซื้อของเข้ามาให้เต็มหลังรถ
"สวยดีนะภูมิ คอนโดพี่อยู่ตรงราชเทวีสวยเหมือนกันนะ วันหลังเดี๋ยวพี่พาไปดู"
แทนทวีเองก็ไม่ยอมแพ้ เขามีอะไรบกพร่องตรงไหน ไม่มีเลย รูปร่างหน้าตาฐานะ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ภูมิบุญเองได้แต่ยิ้ม
"ภูมิ ภูมิรักพี่บ้างไหม"
แทนทวีถามขึ้น น้ำเสียงนุ่มเรียบจนหวามเข้าไปในใจ ภูมิบุญมองหน้าแทนทวี
"พี่แทน ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ"
"รักพี่บ้างไหม ภูมิ"
ยังย้ำอยู่คำเดิม ภูมิบุญเดินเข้าไปหาตัวประชิดกับเขา เอาสองมือเกี่ยวคล้องคอแทนทวีไว้
"รักสิครับ ผมรักพี่แทนนะ รักมาก"
"ครับ แต่นี้ล่ะที่พี่อยากได้ยิน"
แทนทวีโน้มคอลงประทับริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากของภูมิบุญที่เผยอรอรับ จุมพิศที่ดูดดื่มหวานละมุน จูบที่เต็มไปด้วยรักของทั้งสองฝ่ายมันช่างน่าพิศมัยยิ่งนัก ไม่มีความรังเกียจหรือลังเลที่จะทำ แทนทวีไม่เคยจูบชายใดมาก่อน แม้ร่างกายจะค้านกับความรู้สึกนี้ แต่ความรู้สึกรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในใจมันก็แสดงออกไปได้ดีเช่นกัน ภูมิบุญเองก็รักแทนทวีขึ้นมาจับใจ ยอมรับนับถือน้ำใจของชายคนนี้ น้ำใจที่เขาคงหาที่ไหนไม่ได้กับใครอีกแล้ว มีสิ่งใดที่เขาพอจะทำได้เพื่อตอบแทนน้ำใจของชายที่รักเขาจะยอมทำทุกอย่าง ภูมิบุญขยับร่างไปตามลีลารัก เสียงของแทนทวีครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน จุมพิศครั้งแล้วครั้งเล่าประสานไปกับลีลาท่าทางแห่งรัก ทั้งสองคนระเริงรักกันอยู่อย่างเป็นสุข เป็นการแสดงความรักที่ทั้งสองเต็มใจ ทำมันด้วยความรักที่มีต่อกัน
"พี่รักภูมิมากนะ"
แทนทวีครางออกมาก่อนที่จะเกร็งตัวกระตุกร่าง ภูมิบุญเองก็เช่นกันเขากอดแทนทวีไว้แน่นหายใจแรง
"ภูมิก็รักพี่แทนนะครับ"
ภูมิบุญจูบหนักหน่วงโน้มคอของเขาให้พักพิงที่ใบหน้าของตน ลมหายใจร้อนระบายออกมารดหน้ากันและกัน
"พี่มีความสุขที่สุดเลยครับภูมิ"
แทนทวีทิ้งน้ำหนักตัวให้ทับลงบนร่างของคนตัวเล็กกว่าที่อยู่เบื้องล่าง แม้ยามราตรีในเมืองหลวงจะมองไม่เห็นความสว่างไสวของแสงของหมู่ดารา แต่ในความมืดมิดนั้น ในห้องของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง แสงดาวนั้นระยิบระยับอยู่กลางใจของคนสองคนในร่างที่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกาย แสงดาวที่เกิดขึ้นกลางใจของคนทั้งสอง แสงระยับที่เอื้ออาทรเห็นใจซึ่งกันและกัน แทนทวีกลับบ้านไปแล้วในตอนเช้าส่วนภูมิบุญก็ไปเรียนตามปกติ ที่มหาวิทยาลัยก็เป็นไปอย่างเดิม คนที่คิดปองร้ายก็เข้าถึงตัวได้ยากมากขึ้น เพราะตอนนี้ภูมิบุญเข้าหาฝ้ายปรึกษาเรื่องเรียนมากขึ้นกว่าเดิม แม้ฝ้ายเองพยายามจะแง้มปากให้พูดเรื่องในใจบ้างแต่ภูมิบุญก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าเรื่องเรียน ฝ้ายกับโต้งเป็นรุ่นพี่ที่ดี ให้คำปรึกษาตลอดเวลาไม่เคยเกี่ยง พลอยเองช่วงนี้ก็โดนกายตามตื้อทุกทางเช่นกัน แม้จะรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ แต่เวลาที่ไปหาไพลินที่ทำงาน กายเองก็จะดักรอเจอคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับฟ้าเป็นอย่างมาก คอยรอจังหวะโอกาสที่จะเล่นงานพลอยอยู่ พอเย็นภูมิบุญก็กลับคอนโดเกือบสามทุ่ม พอเปิดไฟในห้องภูมิบุญก็ตกใจทิ้งหนังสือในมือร่วงลงพื้น
"ทำไม กลัวพี่มาหขนาดนั้นเชียว"
"คุณโตโต้ ทำไมเข้ามาในนี้ได้"
"เอ๊ะ เรานี่ถามแปลก นี่ห้องพี่นะ ทำไม กลัวเหรอ"
โตโต้ที่ยืนจังก้าอยู่ในห้อง พอแสงสว่างกระทบร่าง จิตใจหลุดลอยหายไปตกใจกลัวนึกว่าวิญญาณเสียอีก
"หน้าซีดเชียวนะ หึหึ ผัวมาหาไม่ดีใจหน่อยเหรอภูมิ"
โตโต้พูดออกมา ภูมิบุญเม้มปาก นี่จะอะไรกันอีก
"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโตโต้"
"มีดิ พี่คิดถึงเราไง เลยมาหา ว่าจะนอนค้างด้วย"
"เอ่อ ไม่นะครับ งั้นภูมิจะกลับไปนอนที่บ้าน"
"อ้าว ทำไมล่ะ ไม่คิดถึงพี่เหรอครับภูมิ พี่อุตส่าห์คิดถึงเรานะเนี่ย"
"คุณโตโต้ครับ พอได้แล้วครับ เรื่องระหว่างเราให้มันจบไปได้แล้ว ภูมิไม่อยากมีเรื่องกับใครอีก"
"หึหึ ทำไมต้องคิดว่ามันจะเป็นเรื่องล่ะครับ ทำไมคนรักกันนี่มันผิดเหรอ"
"คุณโตโต้ นี่มันไม่ใช่ความรัก ภูมิไม่ได้รักคุณ พอได้แล้ว ขอร้องล่ะ"
"ภูมิ พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าเรากับไอ้นายแทนมันจะถึงขั้นไหนกัน แต่พี่แค่อยากบอกให้รู้ว่าพี่เองก็รู้สึกดีกับภูมินะ"
คำพูดของเขาทำให้ภูมิบุญสับสนงุนงงไปหมด สิ่งที่เขาพูดมันเชื่อถือไม่ได้ นี่เขายังต้องการอะไรอีก
"พอเถอะครับ ตกลงคุณโตโต้จะนอนที่นี่ใช่ไหม งั้นภูมิกลับบ้านนะครับ"
"เดี๋ยว จะไปไหนล่ะ พี่อุตส่าห์มาหา"
โตโต้ฉวยมือของภูมิบุญไว้แล้วดึงเข้าหาตัว
"อย่านะครับ อย่าทำแบบนี้ พอแล้ว ผมขอร้อง"
น้ำเสียงที่นิ่งไม่ได้ขัดขืนแต่แววตากร้าวที่จ้องมองเขาอยู่ทำให้คนตัวใหญ่อ่อนแรงลง ยอมปล่อยให้ภูมิบุญเป็นอิสระโดยง่าย
"ได้ครับ ถ้าภูมิไม่เต็มใจ พี่กลับล่ะ"
โตโต้พูดแล้วเดินออกจากห้องไป
"หึหึ กูจะต้องชนะใจมึงไอ้ภูมิ มึงจะต้องเจ็บกว่านี้ แค่นี้มันยังไม่พอหรอก"
เขาคาดโทษภูมิบุญเอาไว้ โทษที่คนอื่นเป็นคนทำให้เขาเจ็บช้ำหนำใจ โทษที่ภูมิบุญทำอะไรให้เขาหรือถึงได้หมายหัวไว้เช่นนี้
"ผมอยากจะหยุดแล้วนะคุณโตโต้ อย่าให้ผมต้องทำอะไรไปมากกว่านี้เลย พอแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว"
ภูมิบุญเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับการต่อสู้ฝ่าฟันมาตลอดทั้งชีวิต การต่อสู้ที่ทำไปเพื่อเอาชนะความแค้นให้สาแก่ใจของตนเท่านั้นเอง ผลที่ได้คือความร้าวรานที่ยากจะเยียวยา พอเขาเริ่มรู้สึกตัว แต่อีกฝ่ายกลับดำดิ่งลึกลงไปอีก อนิจจัง อันราคะโกรธะเหมือนไฟที่แผดเผา อันไฟนั้นแม้จะให้แสงสว่างสร้างความอบอุ่น แต่ท่านใดเคยเอามือหรือร่างกายไปอังไฟได้นานเกินสิบนาทีไหม แม้ไฟที่ให้ความอบอุ่นนั้นก็พร้อมเสมอที่จะแผดเผาให้มือนั้น ร่างนั้น ให้มอดไหม้ไปเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น