วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) (ที่นี่ไม่มีนายเอก) ฉากยี่สิบหก

ภูมิบุญกลับมาเป็นปกติหลังจากที่พักไปสองวันเต็ม ครึ่งวันที่โรงพยาบาล ที่เหลือก็มานอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน พอเริ่มหายดีก็ติดต่อกับเพื่อนเพราะใจเป็นห่วงพลอยมากกว่าใคร พลอยเองก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วพักฟื้นอยู่ที่บ้าน

"พลอย เป็นยังไงบ้าง"

ภูมิบุญกรอกเสียงไปตามโทรศัพท์ น้ำเสียงเป็นกังวล

"ภูมิ เราโอเค นายล่ะเป็นยังไงบ้าง"

น้ำเสียงของพลอยยังแจ่มใสเหมือนเดิม แม้หน้าตาเนื้อตัวจะยังคงฟกช้ำอยู่

"เราก็ดี ไม่มีอะไรแล้ว เห็นก้องบอกว่าพลอยต้องนอนโรงบาลเลยเหรอ เราขอโทษนะพลอย ม้าว่าอะไรไหม"

"โอ๊ย ก้องก็เวอร์ไป ก็ก้องนั่นล่ะบอกให้อาบน้ำเย็นมากๆ เราก็แช่ซะเป็นชั่วโมงไข้ก็ขึ้นน่ะสิ ไม่มีอะไรหรอก ม้ากับพี่ไพลินก็บ่นเหมือนเคยล่ะ นายเองก็เข้าโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ เป็นยังไงบาง"

พลอยหัวเราะออกมา ภูมิบุญเองค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย พอวางสายจากพลอยก็เดินออกจากห้องไป

"อ้าวภูมิ หายดีแล้วเหรอจ๊ะ หิวข้าวไหม เดี๋ยวพี่ทำข้าวต้มให้"

อ้อยที่นั่งแยกผ้าอยู่เห็นภูมิเดินออกมาก็ร้องทัก

"ขอบคุณครับพี่อ้อย ภูมิหายแล้ว เดี๋ยวจะไปช่วยแม่กวาดใบไม้"

"ว้าย ไม่ได้ค่า เดี๋ยวพี่จันทร์ก็ว่าเอา มาๆ มานั่งพักก่อน อะไรกันเพิ่งจะสร่างไข้จะไปทำงานแล้ว ภูมินี่เหลือเกินจริงๆ"

อ้อยดุแต่ก็ยิ้มพอใจที่เห็นภูมิบุญเป็นเด็กขยันขันแข็ง ภูมิบุญนั่งลงข้างๆอ้อยแล้วช่วยแยกผ้า

"เนี่ยดูผ้าปูที่นอนคุณโต้ซิ เลอะคราบเลือด คงพาคุณแวนมา จะซักออกไหมเนี่ย"

อ้อยพูดแล้วยกผ้าปูที่นอนสีดำขึ้นจับอย่างรังเกียจ ภูมิบุญหน้าชารู้สึกร้อนใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ภาพวันนั้นฉายขึ้นมารู้สึกละอายแก่ใจ

"เอ่อ เดี๋ยวภูมิเอาไปซักให้ก็ได้ครับพี่อ้อย"

ภูมิบุญพยายามกดเสียงตัวเองไม่ให้สั่นแสดงพิรุจอะไรออกไปให้อ้อยจับผิดได้

"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เดี๋ยวลองปั่นดู ใช้ไม่ได้ก็ทำเป็นผ้าขี้ริ้วไป"

อ้อยบอกไม่ได้สงสัยอะไรกับท่าทางของภูมิบุญ พอนั่งได้สักพักก็ต้องขอตัวออกมาเพราะเกรงว่าจะแสดงทีท่าอะไรออกไปให้อ้อยเห็นเพราะอ้อยเริ่มที่จะเริ่มชวนนินทาโตโต้กับแวนแล้ว ภูมิบุญเดินไปหน้าบ้านเห็นจันทร์ตกแต่งกิ่งไม้อยู่ คุณอภิสราก็ยืนอยู่ใกล้ๆ

"อ้าว ภูมิ หายดีแล้วเหรอจ๊ะ ออกมาทำไมกัน เดี๋ยวโดนแดดก็ไข้ขึ้นอีกหรอก"

เสียงคุณอภิสราดังขึ้นเมื่อเห็นภูมิบุญ

"หายแล้วครับคุณท่าน ภูมิมาช่วยแม่กวาดใบไม้ครับ"

"ตายแล้ว ไม่ได้ๆ มาๆ นั่งคุยกับป้านี่ล่ะ จันทร์เขาทำเสร็จหมดแล้วลูก"

คุณอภิสราเดินปรี่เข้ามาหา ดึงแขนภูมิบุญให้ไปนั่งลงใกล้ๆ

"ตัวไม่ร้อนแล้วนี่ เป็นไงเราไข้ขึ้นสูงเชียวนะวันนั้น ป้าล่ะตกใจ"

คุณอภิสราจับตามหน้าผาก ภูมิบุญก้มหน้าลงน้อยๆ คุณอภิสราเองแม้จะอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังไม่เอ่ยปากถามเพราะเห็นว่าภูมิบุญเพิ่งสร่างไข้ จึงชวนคุยสัพเพเหระไป

"ใคร มากันจ๊ะ จันทร์ไปดูหน่อยสิ"

เสียงกดออดดังขึ้น คุณอภิสราชะเง้อมองออกไปประตูหน้าบ้าน จันทร์ทำท่าจะเดินออกไปดู

"เดี๋ยว ภูมิไปดูให้ครับแม่"

ภูมิบุญลุกขึ้นทันทีแล้วเดินไปที่ประตูบ้านทันที

"พี่แทน"

"เป็นไงบ้างภูมิ หายหรือยัง"

แทนทวีจอดจักรยานไว้หน้าบ้านในมือมีกระเช้าเยี่ยมไข้ใบโต

"ดีขึ้นแล้วครับพี่ พี่แทนไม่มีเรียนเหรอ"

ภูมิบุญถาม มองหน้าแทนทวีอย่างสงสัยเพราะปกติวันอังคารแทนวีมีเรียนตอนเช้า

"พี่ไม่มีใจไปหรอกครับ แฟนพี่ไม่สบายทั้งคนนี่"

ภูมิบุญยิ้มออกมาหน้าแดง

"ใครจ๊ะภูมิ อ้าวพ่อหนุ่ม มาๆ เข้ามาข้างในก่อน ยืนตากแดดเดี๋ยวไข้ก็ขึ้นอีกหรอกภูมิ"

จันทร์ตามลูกชายออกมาเพราะ เห็นยืนคุยกับคนที่มากดกริ่งอยู่นาน

"สวัสดีครับคุณป้า ผมมาเยี่ยมน้องครับ"

แทนทวียกมือขึ้นไหว้ ยิ้มแห้งๆ ทั้งสองเดินตามจันทร์เข้าไปในบ้าน

"พี่แทนครับ นี่คุณท่าน เจ้าของบ้านครับ คุณท่านครับ นี่พี่แทนรุ่นพี่ที่มหาฯลัยครับ"

ภูมิบุญแนะนำ แทนทวีก้มหัวลงไหว้อย่างนอบน้อม แทนทวีไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดหรือเคืองใจแต่อย่างใดที่ภูมิบุญแนะนำไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าการที่ชายจะรักชายย่อมผิดวิสัยที่ผู้ใหญ่จะรับฟังได้

"ไหว้พระเถอะพ่อคุณ แล้วไปยังไงมายังไงล่ะจ๊ะ"

คุณอภิสรารับไหว้ยิ้มให้

"ผมมาเยี่ยมน้องครับ บ้านผมอยู่ท้ายซอยนี่เองเลยปั่นจักรยานมาครับ"

แทนทวียิ้มแห้งๆ

"จริงเหรอพ่อคุณ หลังไหนจ๊ะ"

คุณอภิสราถามยิ้มให้ไม่แสดงอาการอยากรู้มากนัก

"หลังสุดท้ายก่อนถึงสวนหลวงครับ"

"อืม แล้วกินข้าวกินปลามาหรือยังพ่อหนุ่ม กินข้าวด้วยกันนะ นี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย"

คุณอภิสราชวน ยิ้มอย่างเอ็นดู แทนทวีหันหน้าไปมองภูมิบุญที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ภูมิบุญเองก็ทำหน้าไม่ถูก

"พ่อหนุ่ม กินข้าวเช้ากับป้านี่ล่ะจ๊ะ ไม่ต้องไปมองภูมิเขาหรอก"

คุณอภิสราดักคอ แทนทวีถึงกลับหัวเราะออกมา

"พี่แทนครับ งั้นภูมิไปช่วยแม่ทำกับข้าวก่อนนะครับ พี่แทนอยู่คุยกับคุณท่านก่อนนะ"

ภูมิบุญบอกแทนทวีเมื่อนั่งคุยอยู่กับคุณอภิสราอยู่สักพัก

"จะไหวเหรอลูก ยิ่งเพิ่งสร่างไข้ เดี๋ยวก็ทรุดอีกนะ"

คุณอภิสราปราม

"ภูมิหายดีแล้วครับคุณท่าน อยู่เฉยๆเหงื่อไม่ออกภูมิไม่สบายตัวครับ"

ภูมิบุญพูดยิ้มๆ คุณอภิสราก็พยักหน้า

"รายนี้เขาทำกับข้าวอร่อย แล้วพ่อหนุ่มเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วจ๊ะ"

คุณอภิสราหันมาถามแทนทวีหลัง จากที่ภูมิบุญเดินกลับเข้าไปหลังบ้าน

"ปีสามแล้วครับคุณท่าน ผมเรียนนิติศาสตร์ครับ"

"อืม อีกปีเดียวก็จบแล้วนี่นะ พ่อแม่เป็นทนายความหรือจ๊ะ ถึงเรียนนิติศาสตร์"

คุณอภิสราถามสายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าแทนทวี

"เปล่าครับ พ่อแม่ผมเป็นหมอ แต่พ่อลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวครับ"

แทนทวีพูดยิ้มแห้งๆไม่กล้าสบตาคุณอภิสรา

"ตายจริง พ่อแม่เป็นหมอแต่ลูกชายเรียนทนาย น่าสนใจจริง"

คุณอภิสราหัวเราะออกมาเบาๆ แทนทวีก็ยิ้มแห้งๆเหมือนเคย

"พ่อหนุ่ม ป้าถามอะไรหน่อยสิ ที่ตาภูมิไปงานวันเกิดน่ะรู้เรื่องไหมจ๊ะ"

คุณอภิสราที่ถามอ้อมโลกไปเพียงเพราะอยากรู้เรื่องนี้เท่านั้น แทนทวีสีหน้าเจื่อนลงทันที ก้มหน้าลงต่ำ

"เอ่อ ผมเป็นคนชวนน้องไปเองล่ะครับคุณท่าน"

แทนทวีพูดออกมาเสียงเบา

"แล้วเกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ทำไมภูมิถึงป่วยแบบนี้"

น้ำเสียงเริ่มห้วนแข็งขึ้น จนแทนทวีรู้สึกได้ว่าคุณท่านของภูมิบุญท่านนี้ไม่ยอมใครง่ายๆแน่

"เอ่อ ผมกราบขอโทษคุณท่านด้วยนะครับ ที่ดูแลน้องไม่ดี ผมผิดเอง"

แทนทวียกมือไหว้สีหน้าสำนึกผิด คุณอภิสราจ้องมองอยู่ไม่พูดอะไรต่อ รอให้แทนทวีเป็นคนพูดออกมาเอง

"คือมีเรื่อกันนิดหน่อยน่ะครับ ผมผิดเอง ผมดูแลน้องไม่ดี"

น้ำเสียงเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ แทนทวีฉายแววตาเศร้าออกมา พูดซ้ำประโยคเดิม

"อืม เอาเถอะจ๊ะ พ่อหนุ่ม ป้าอยากรู้เฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เรื่องมันเกิดแล้วนี่นะ จะมาสืบสาวราวเรื่องมันก็ไม่เกิดประโยชน์ ป้าสงสารภูมิเขา อยู่กับป้าก็ทำท่าสุขใจดีอยู่หรอก แต่ไม่ใช่ว่าป้าไม่รู้ว่ามีคนคอยถากถางว่าเป็นลูกคนใช้ แต่ป้าจะบอกกับเรานะพ่อหนุ่ม ภูมิเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานของป้า ป้าไม่ได้มองว่าภูมิกับแม่เป็นคนใช้"

คุณอภิสราพูดเสียงนิ่งเรียบ จนแทนทวีรู้สึกเสียววาบไปถึงสันหลัง รับรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงท่านนี้ไม่ใช่แค่คนมีฐานะดีแต่ไม่มีสมอง แต่คำพูดคำจาลึกซึ้งมีอำนาจเหลือเกิน

"ผมกราบขอโทษครับคุณท่าน ผมไม่น่าพอน้องไปเลย"

แทนทวีก้มหน้าน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเศร้าเพราะรู้สึกสำนึกผิด

"เอาเถอะพ่อหนุ่ม ทีหน้าทีหลังจะพาน้องไปไหนก็ดูๆช่วยป้าหน่อย ภูมิเขาน่าสงสาร อย่าเอาอะไรไปป้ายไปยัดให้น้องเขาอีกเลย ภูมิเขาอยู่กับยายตั้งแต่เล็ก แม่ก็มาทำงานหาเงินส่งให้เรียน ชีวิตลำบากนะแต่ก็น่ายกย่องที่ยังเป็นเด็กดีไม่เสียผู้เสียคนไปก่อน"

คุณอภิสราบอกเสียงยังคงราบเรียบเหมือนเคย แทนทวีได้รับรู้เรื่องราวของคนที่เขารักเพิ่มขึ้นอีก เพราะลำพังภูมิบุญเองไม่มีทางที่เขาจะเปิดปากเล่าเรื่องในอดีตให้เขาฟัง แทนทวีรู้สึกดีใจปลื้มใจขึ้นมา คุณอภิสราพอเห็นทีท่าของแทนทวีที่ดูเหมือนจะรู้สึกสำนึกผิดจริงๆก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย พอเปลี่ยนเรื่องคุยแทนทวีก็รู้สึกดีขึ้นกลับยิ้มออกมาได้ เพราะคุณอภิสราเป็นคนคุยสนุกถ้าคุยถูกคอ พอกับข้าวเสร็จก็ยกออกมาตั้งโต๊ะ แทนทวีร่วมรับประทานอาหารเช้ากับภูมิบุญและคุณอภิสรา บรรยากาศก็เป็นไปอย่างครื้นเครงเพราะคุณอภิสราชวนคุยตลอดเวลา พอเสร็จภูมิบุญก็จะช่วยเก็บกวาดแต่อ้อยบอกไม่ต้องให้ไปดูแลแขก

"คุณท่านนี่น่ารักเนอะภูมิ"

แทนทวีพูดขึ้นตอนที่ภูมิบุญเดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน

"ครับ นับเป็นวาสนาของภูมิครับที่คุณท่าน ท่านเมตตาภูมิกับแม่"

"เพราะภูมิน่ารักด้วยล่ะ ใครๆเห็นก็ชอบ"

แทนทวีพูดแล้วยิ้มให้ มีแต่คนชอบ หึ ภูมิบุญแย้งขึ้นมาในใจ คุณท่านน่ะใช่แต่คนตัวใหญ่ลูกชายของคุณท่านเห็นะไม่

"พี่สัญญากับคุณ ท่านแล้ว ว่าพี่จะคอยดูแลภูมิบุญ พี่สัญญาครับ"

แทนทวีพูดน้ำเสียงมั่นคง จริงใจ

"อย่าสัญญาเลยครับพี่แทน ภูมิไม่ได้ต้องการอะไรจากพี่แทน แค่ขอให้พี่แทนเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างทุกวันนี้ก็พอแล้วครับ"

ภูมิบุญเม้มปากพูดจริงจังเช่นกัน ไม่อยากได้ยินคำสัญญาสาบานจากใคร ไม่เชื่อใจใคร 

"ภูมิ ไม่ว่าภูมิจะเคยเป็นยังไงมา ฟังพี่นะครับ พี่ไม่สนใจ พี่จะรักและดูแลภูมิตลอดไป เชื่อใจพี่นะครับ"

แทนทวีจ้องตาของภูมิบุญนิ่งสื่อความจริงใจออกมา ภูมิบุญเม้มปากรู้สึกทราบซึ้งอยู่ในใจ พอแทนทวีกลับบ้านไปก็เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง

"ภูมิ คุณแทนนี่หล่อเนอะ พี่นึกว่าดารา ต๊าย หล่อกว่าดาราละครอีกนะพี่อ้อยว่า"

อ้อยปรี่เข้ามาหา ภูมิบุญพยักหน้ายิ้มแห้งๆ ขอตัวเข้าไปนอนอ่านหนังสือในห้อง พยายามตั้งสมาธิอ่านหนังสือแต่ก็ยากลำบากเพราะหลังทานข้าวได้ทานยาเข้าไป ภูมิบุญจึงเผลอหลับไป มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนบ่ายแก่ๆ พอเดินออกไปนอกห้องเห็นอ้อยกำลังรีดผ้าอยู่ อ้อยบอกให้ภูมิบุญไปกินข้าว พอกินข้าวเสร็จก็บอกให้กลับไปนอนอีกเพราะเพิ่งจะสร่างจากไข้ไม่อยากให้ทำอะไรมาก แม้ตัวของภูมิบุญเองจะเสนอความช่วยเหลือ

พอตกเย็นภูมิบุญรู้สึกดีขึ้นมากจึงไปช่วยจันทร์กับอ้อยทำกับข้าว พอเสร็จก็รอให้โตโต้กลับจากที่ทำงาน เขากลับค่ำเกือบทุกวัน ตอนเช้าก็ออกแต่เช้า คุณอภิสราไม่ค่อยเข้าบริษัทเพราะมอบหมายให้บุตรชายเป็นคนดูแล โตโต้เองก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้จะบ่นให้แฟนสาวฟังบ้างแต่ก็ไม่เคยเกเรโดดงานเหมือนสมัยเรียนที่ชอบโดดเรียนเป็นประจำ

"มีอะไรกินครับแม่ หอมเชียว"

โตโต้เดินเข้ามาหาคุณอภิสราที่โต๊ะกินข้าว

"จะไปอาบน้ำก่อนไหมลูก จะได้สบายตัว"

"ไม่เอาอ่ะครับ กินก่อนเลย ผมหิว"

โตโต้นั่งลงข้างๆมารดาทันที

"อ้าวจันทร์ตาภูมิล่ะจ๊ะ"

คุณอภิสราหันไปถามจันทร์ที่กำลังตักข้าวใส่จานให้โตโต้

"อ้อ ตาภูมิกินไปก่อนแล้วค่ะคุณท่าน เพราะต้องกินยา"

"อ้อ งั้นเรากินกันเลยตาโต้ น้องเขาต้องกินยาเป็นเวลา"

"ภูมิยังไม่หายอีกเหรอครับแม่"

โตโต้ถามขึ้น เพราะเห็นผ่านมาหลายวันแล้ว

"ดีขึ้นแล้วจ๊ะ แต่หมอกำชับว่าให้กินยาให้หมด จะได้ไม่ดื้อยา"

คุณอภิสราบอกแล้วลงมือทานข้าว โตโต้ยิ้มที่มุมปากอยากดูสภาพของคนตัวเล็กอวดดีจังเลย พอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำชำระร่างกาย ภูมิบุญเองก็นั่งอ่านหนังสืออยู่เพราะนอนทั้งวันแล้วรู้สึกยังไม่ง่วงนอน พอดึกก็ก็เดินออกไปหน้าบ้านตรวจดูประตูดูความเรียบร้อยรอบๆบ้าน

"เป็นไงครับ ที่รัก หายแล้วเหรอ"

เสียงของโตโต้ดังมาจากข้างหลัง

"คุณโตโต้"

"แหม เจอผัวนี่ต้องตกใจขนาดนั้นเชียว มาคุยด้วยหน่อยสิ"

โตโต้ปรี่เข้าไปลากแขนภูมิบุญเดินผ่านหน้าบ้านไปข้างๆโรงจอดรถเพราะปลอดจากสายตาของคนในบ้านเพราะเป็นมุมอับ

"ผมจะไปนอนครับ มีอะไรเอาไว้คุยพรุ่งนี้ได้ไหม"

"จะรีบนอนไปไหน ไปนอนกับผัวหน่อยสิครับ คิดถึงจะตายอยู่แล้วเนี่ย"

โตโต้ทำเสียงหวาน แต่มันเสียดแทงใจของภูมิบุญเหลือเกิน รู้สึกอับอายขึ้นมาแม้วันนั้นจะเมายาแต่ไม่ใช่ไม่มีสติ รับรู้ทุกอย่างแค่ควบคุมมันไม่ได้เท่านั้นเอง ทำอะไรออกไป พูดอะไรออกไป จำได้ทุกอย่าง พลันก็ละอายเข้าไปถึงใจ

"หายแล้วนี่ ปะคืนนี้เราไปทำกันอีก เดี๋ยวหมอจะฉีดยาให้"

โตโต้ได้ทีระราน สายตาก็กรุ้มกริ่มลามเลียแทะโลมอยู่

"ปล่อยครับ ผมจะไปนอน"

ภูมิบุญไม่ รู้จะต่อกลอนกับโตโต้ยังไงดีเพราะตอนนี้ตัวเองเป็นรองอยู่

"จะไปไหนครับคนดี มาให้ผัวชื่นใจหน่อยสิ วันนั้นเราสุดยอดมากนะครับ พี่ยังจำติดตาติดใจอยู่เลย เก่งมากถึงใจที่สุด"

มันไม่ใช่คำชมแต่อย่างใด แต่มันเป็นการถากถางภูมิบุญรับรู้ได้

"ผมจำไม่ได้แล้วครับ คุณโตโต้ก็อย่าจำเลยครับ"

"ไม่ได้หรอกครับภูมิ พี่เกิดมายังไม่เคยเจอใครถึงใจขนาดนี้มาก่อน"

"พอเถอะครับคุณโตโต้ วันนั้นผมเสียสติไป และมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ผมขอตัวนะครับ"

ภูมิบุญพยายามจะเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะรู้สึกว่าหัวมันไม่แล่น คิดอะไรไม่ออก

"เดี๋ยว จะไปไหนล่ะ แล้วขึ้นไปหาพี่ทำไม เราเองนะที่ไปหาพี่ หึหึ ติดใจพี่เหรอครับภูมิ"

น้ำเสียงที่ล้อเลียนอยู่ทุกประโยคทุกคำพูดยัง ไม่ยอมลดราวาศอก ภูมิบุญเม้มปากเลือดพุงพล่าน

"ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับคุณโตโต้ แต่ทำไงได้อยากอ่ะครับ ก็เลยหาที่ลง"

ภูมิบุญพูดออกมาหันกลับไปยิ้มแสยะให้กับโตโต้

"เหรอ ท่าทางคงอยากมากสินะ แต่พี่ชอบนะพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย เราเก่งมากนะภูมิ พี่ติดใจว่ะ"

โตโต้เองก็ไม่ยอมแพ้ สายตาฉายแววประกายอย่างผู้ชนะ

"แต่ผมไม่ ขอตัวนะครับคุณโตโต้"

ภูมิบุญเดินหนีไป แต่โตโต้ก็ยังไม่ยอม

"เดี๋ยว สิเมียจ๋า ให้ผัวติดใจแล้วจะหนีกันไปง่ายๆแบบนี้เหรอ ผัวอยากอ่ะครับ ช่วยผัวหน่อยสิ"

โตโต้ดึงแขนของภูมิบุญเอาไว้แล้วออกแรงรั้งเข้าหาตัว ภูมิบุญพยายามดิ้นหนี แต่ก็สู้แรงไม่ไหว เม้มปากกัดฟันอยู่ ภูมิบุญพลิกตัวหันหน้าเข้าหาโตโต้

"ว่าไงจ๊ะผัวจ๋า ก็ผัวไม่เก่งนี่จ๊ะ ไม่ได้ครึ่งของผัวคนก่อนเลยอ่ะ เมียไม่ประทับใจ เสียใจด้วยนะ ผัวรายวัน"

ภูมิบุญผลักอกให้โตโต้ปล่อยมือ รายนั้นกัดฟันเม้มปากอยู่เคียดแค้นขึ้นมาทันที ภูมิบุญรีบตั้งหน้าจะเดินกลับห้องของตัวเอง ทำยังไงถึงจะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้เสียที ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว ภูมิบุญบอกกับตัวเอง

"ก็ผัวรายวันนี่ล่ะถึงมาขออยู่นี่ไง น้องภูมิเมียรัก"

โตโต้ไม่ยอมปล่อยให้ภูมิบุญเดินหนีไปโดยง่าย

"ปล่อยนะคุณโตโต้ ไม่งั้นผมโวยวายจริงๆนะ"

ภูมิบุญหันขวับไปกัดฟันถลึงตาใส่

"เอาสิ ถ้าอยากให้แม่พี่รู้ว่าเรามีอะไรกัน อีกอย่างถ้าแม่จันทร์รู้ จะเป็นยังไงคิดไว้หรือยังครับภูมิ อย่าทำอะไรเอาแต่สะใจตัวเองสิครับที่รัก"

คำพูดของโตโต้ทำให้ภูมิบุญสะอึกพูดอะไรไม่ออก จริงสินะถ้าคุณท่านรู้ ถ้าแม่ของตัวเองรู้อะไรจะเกิดขึ้น ความไว้วางใจ ความรักความเอ็กดูที่ท่านเมตตาปราณีมันจะเหลืออยู่ไหม ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่

"ยอม ผัวดีๆ หรือจะให้มีเรื่อง"

โตโต้ได้ที ยิ้มกริ่มอย่างผู้กำชัย

"จะเอาตรงนี้เลยเหรอผัวน้อย ประเจิดประเจ้อไปไหม ขึ้นไปเอากันบนห้องไม่ดีกว่าเหรอ"

ภูมิบุญพูดออกไปเพราะยังคิดอะไรไม่ออก หัวมันยังทึบอยู่

"หึหึ ไม่ละ เสียอารมณืแล้ว ไปนอนเถอะ"

โตโต้หัวเราะออกมา รู้สึกสะใจที่ได้แกล้งภูมิบุญ สายตาที่มองมันดูถูกเหยียดหยามมองเหมือนภูมิบุญเป็นคางคกกิ้งกือ ภูมิบุญเม้มปากรู้สึกอับอายมากที่สุด

"ครับ ถ้าอย่างงั้น คุณโตโต้จำไว้นะครับ ว่าระหว่างเรา จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมาถือว่าผมทำทานให้สัตว์โลกผู้ทุกข์ยาก"

ภูมิบุญกัดปากตัวเอง น้ำตาเอ่อที่ตา แต่กระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาไป ปวดร้าวใจเป็นที่สุด ภาพเก่าๆมันลอยวนเวียนมาอีกครั้ง

"เพราะแกไม่มีพ่อ จึงไม่มีคนคอยสอน ถึงได้เป็นเด็กก้าวร้าวอย่างนี้"

เสียงของปลัดอำเภอยังก้องอยู่ในหัว สายตาของเขาตอนนั้นช่างเหมือนกันสายตาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียเหลือเกิน

"พี่ ก็ไม่ได้อยากยุ่งกับเรานักนี่ แต่ใครกันที่ไปหาพี่ถึงห้อง จำไม่ได้เหรอ หรือว่าเมายา"

โตโต้เองก็เจ็บแค้นใจที่ภูมิบุญสวนกลับ ยืนกัดฟันจ้องตาเขม็ง

" " ไม่มีเสียงใดออกจากปากภูมิบุญ ด้วยความที่เพิ่งสร่างจากไข้ ร่างกายยังแข็งแรงไม่ปกติดีนัก หัวใจก็เหมือนอ่อนล้าสิ้นแรง ไม่มีแรงกายแรงใจอันใดจะไปสู้รบปรบมือกับเขา น้ำตาหยดออกมาจากทั้งสองตา แต่ภูมิบุญก็ยังไม่วางตาจากโตโต้

"งั้น ผมขอโทษจริงๆครับ ขอโทษที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตของคุณ"

ภูมิบุญเดินหันหลังหนีไปแล้ว โตโต้อ้าปากค้าง สายตาที่เขาไม่เคยได้เห็นจากคนตัวเล็กอวดดีคนนี้ สายตาที่ปกคลุมไปด้วยม่านน้ำตา รู้สึกแปลบขึ้นกลางใจ สิ่งที่ภูมิบุญไม่อยากให้ใครได้เห็น โตโต้ได้เห็นมันแล้ว คนที่เกลียดที่สุดในบ้านหลังนี้ ได้เห็นแล้วซึ่งความอ่อนแอหลังกำแพงสูงแห่งใจ สายตาคู่นั้นมันช่างปวดร้าวเหลือเกิน มีอะไรมากลึกลงไปกว่าคำพูดที่สื่อออกมา โตโต้ยืนนิ่งอยู่ แต่ก็ยิ้มแสยะออกมา

"มึงต้องออกไปจากบ้านกู ไอ้ภูมิ มึงจะต้องเสียใจมากกว่านี้อีก ร้องไห้ให้ตายกูก็ไม่ใจอ่อนให้มึงหรอก"

โตโต้พูดออกมา แล้วเดินกับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ส่วนภูมิบุญวิ่งกลับไปที่ห้อง ล้างเท้าแล้วขึ้นไปนั่งพับเพียบบนเตียง หยิบเอาหนังสือสวดมนต์ของยาย มรดกเพียงชิ้นเดียวที่ได้ติดตัวมา ถ้าไม่นับผ้าคลุมหน้าศพอีกผืนที่อยู่บนหิ้งพระ

"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
 นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
 นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ"

ภูมิบุญสวดมนต์ออกมาเริ่มอาราชธนาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เม้มริมฝีปากแน่น พอสวดจบก้มลงกราบ น้ำตาก็ไหลออกมา

"ยายจ๋า ภูมิสัญญา ภูมิสัญญา ว่าภูมิจะเป็นคนดี ภูมิจะทำแต่ความดี แต่ภูมิจะทำดีในแบบของภูมิ ยายช่วยภูมิด้วยนะ ยาย"

แววตาที่อัดแน่นไปด้วยขุมพลังแห่งแค้นพร้อมเสมอที่จะระเบิกแตกออกมา เงยหน้ามองหิ้งพระไม่ใช่อ้อนวอนหรือขอพรขอร้องใดๆ แต่สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

ท่านเอย กรรมใดพึงเกิดมันย่อมเกิด กรรมใดพึงดีมันย่อมนำพาผู้ครองตนถือกรรมนั้นไปสู่ภพภูมิที่ดี กรรมใดไม่พึงประสงค์ก็อย่าได้ยึดมั่นถือมั่น อันว่ากรรมแล้วแม้จะหลบหลีกหนีไปทางใดย่อมไม่มีทางหลีกพ้น ผู้ครองตนควรจะปล่อยวางไม่ให้กรรมนั้นผลักเราดันเราให้ทำกรรมก่อเวรเพิ่มพูนขึ้นมาอีก อันผู้ทำกรรมดี กรรมดีย่อมปรากฏ อันผู้ทำกรรมชั่วประพฤติผิด กรรมนั้นย่อมแสดงผล คิดเลวได้เลว คิดดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ทำดีย่อมได้ดีอย่างแน่แท้ เช่นนั้นแล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น