พอถึงเวลาทานข้าวกลางวันต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปจับกลุ่มกัน ฝ้ายที่เฝ้ามองพฤติกรรมของภูมิบุญกับพลอยอยู่ก็เดินตรงมายังกลุ่มของภูมิบุญ
"ว่าไงจ๊ะ เป็นไงบ้างพี่เห็นทำงานกันไม่หยุดเลยนี่ เหนื่อยไหมจ๊ะภูมิ"
ฝ้ายยิ้มให้แล้วถือจานข้าวนั่งลงที่บันไดชองอาคารไม้ ทำเหมือนกับภูมิบุญและเพื่อนๆ
"ไม่ครับพี่ ทำงานออกแรงบ้างไม่เหนื่อยหรอกครับ"
ภูมิบุญตอบแล้วยิ้มแห้งๆ
"ภูมิพี่พอรู้เรื่องภูมิ ที่มีเรื่องกับพวกนิตามาบ้างแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้บอกพี่หรือพี่โต้งได้นะจ๊ะ"
ฝ้ายเข้าประเด็นทันทีจ้องหน้าของภูมิบุญแล้วยิ้มให้ แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา ภูมิบุญทำหน้าเหรอหรา ส่วนพลอยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ผมไม่ได้มีอะไรหรอกครับพี่ฝ้าย ผมก็อยู่ส่นผม อย่ามายุ่งเกี่ยวกันก็พอ"
น้ำเสียงของภูมิบุญหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ฝ้ายเองมองหน้าภูมิบุญแล้วส่งสายตาอย่างห่วงใย
"ภูมิ พี่รู้นะว่าเราเองก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับคนพวกนั้น แต่ถ้าเขามาวอแวน่ะ อย่าไปพยายามเอาตัวเข้าแลก พี่ว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสียนะ"
ฝ้ายพูดเสียงราบเรียบ มองหน้าภูมิบุญไม่ยอมวางตา
"พี่ว่า เราอย่าเอาพิเสนไปแลกกะเกลือจะดีกว่า คนที่คอยหาเรื่องเรา มันก็จะคอยหาโอกาสเวลาหาเรื่องเราอยู่วันยังค่ำ เราต้องหาทางที่จะทำยังไงให้คนพวกนี้รู้สึกสำนึกผิดและไม่อยากมาวอแวกับเราอีก"
"โดยการให้ผมนิ่งเฉยเหรอครับพี่ฝ้าย ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมก็คิดไม่ออกว่าในตอนนี้จะมีวิธีใดที่ทำให้คนพวกนั้นหยุด ผมเองก็ไม่ได้อยากแม้ที่จะคุยด้วย แต่ถ้าให้ผมนิ่งเฉยเสีย ผมขอโทษครับ ผมทำไม่ได้"
ภูมิบุญปรายตาขึ้นมองฝ้าย แวบนั้นฝ้ายรู้สึกได้ถึงความมีฐิทิมานะของภูมิบุญ ความรั้นที่แฝงไปด้วยปมต่างๆในใจมากมายนัก แววตาที่ฉายความเจ็บปวดเคียดแค้นออกมา แววตาที่ฝ้ายไม่เคยเจอมาก่อน
"เอาเถอะภูมิ พี่ขอเป็นคนนึงละกันที่อยากให้ภูมิอย่าเจ้าคิดเจ้าแค้น พี่พร้อมเสมอนะจ๊ะที่จะให้คำปรึกษาแก่เรา พลอยด้วยนะจ๊ะ"
ฝ้ายพูดนิ่งกว่าเดิมแม้ในใจจะสั่นระริก เธอเองไม่รู้ว่าภูมิบุญผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต แต่สิ่งที่เห็นสายที่ที่ปราดมองเธอ มันทำให้ใจสะท้อนสั่นไหวไปได้มากเช่นกัน ฝ้ายลุกไปแล้ว ภูมิบุญนั่งเม้มปากอยู่
"เราว่าพี่เขาพูดก็ถูกนะภูมิ"
ก้องพูดออกมาเสียงเบา เพราะเห็นท่าทางของทั้งภูมิบุญและพลอยแล้วไม่อยากจะขัดอะไรมาก
"เราก็ไม่ได้ว่าพี่เขาผิดนะก้อง แต่ในเมื่อพี่ฝ้ายยังไม่มีคำตอบให้เรา ว่าจะทำยังไงให้คนพวกนั้นหยุด โดยที่เราไม่ต้องโต้ตอบ เราก็มีวิธีของเรา และเราก็จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาโขกสับเราเฉยๆหรอกนะ การทำความดีน่ะ ใครๆก็พูดได้ ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แล้วไหนล่ะ บอกเราสิว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ดีหรือมันผิดต่อใครมันผิดตรงไหน ในเมื่อเราคิดว่าเรากำลังป้องกันตัว"
ภูมิบุญมองออกไปไกลแสนไกล ก้องเองได้แต่ก้มหน้าลงในใจคิดหนักเพราะท่าทางของภูมิบุญคงไม่ยอมฟังใครง่ายๆแล้ว
"ใช่ เราก็ไม่เห็นต้องก้มหน้าให้คนประเภทนั้นเลยนะ แต่เราเองก็อย่าไปแสดงตัวว่าเกลียดพวกมันมาก อย่างที่พี่ฝ้ายบอกก็ถูกว่าเราต้องเหมือนอยู่ในที่มืด คนที่อยู่ในที่มืดย่อมได้เปรียบคนกว่าที่อยู่ในที่แจ้งอยู่แล้ว"
พลอยเองก็เห็นดีเห็นงามไปกับภูมิบุญ ก้องเองจึงนิ่งไปไม่แสดงความเห็นอะไรอีก พอกินข้าวเสร็จก็ไปช่วยงานต่อ โรงเรือนที่ปลูกขึ้นเป็นห้องสมุดเสร็จแล้วในตอนเย็น เทปูนที่พื้นรอให้แห้ง รุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้องๆฉลองกันได้ตามอัธยาศัย แล้วก็ปล่อยให้ไปอาบน้ำชำระร่างกาย โดยแบ่งให้รุ่นน้องไปอาบน้ำตามบ้านของชาวบ้านในระแวกนั้น เพราะทางครูใหญ่ได้ช่วยประสานงานให้บ้างแล้ว ภูมิบุญเดินกลับไปที่ห้องพักกับก้องส่วนพลอยก็แยกกลับไปเอาเครื่องใช้ส่วนตัวเพื่อที่จะไปอาบน้ำ นัดเจอกันที่หน้าอาคารไม้พอไปเอาของที่ใช้อาบน้ำเสร็จก็เดินมาเจอกัน
"ต๊าย พวกเธอชั้นจะอาบได้ไหมเนี่ย ไม่เคยอาบน้ำแบบตุ่มเลยนะเธอ ก็ชั้นไม่ใช่เด็กบ้านนอกนี่นะ"
พลอยกับภูมิบุญมองหน้ากันอย่างเซ็ง เพราะเห็นกลุ่มของนิตาเดินมาและส่งเสียงน่ารำคาญมาแต่ไกล
"นั่นสินะ เนี่ยถ้าเอารถมาชั้นจะพาพวกเธอขับรถเข้าไปเปิดห้องอาบน้ำที่โรงแรมในเมือง เค้าอยู่กันได้ไงนะสภาพแบบนี้ รับไม่ได้จริงๆ"
คนแรกคือฟ้าที่พูด คนที่เสริมคือนิตา ทั้งกลุ่มพยักเพยิดหน้าใส่กันสายตามองมาที่พลอยกับภูมิบุญ
"ต๊าย ลองถามน้องภูมิดูสิเธอ ได้ยินข่าวว่ามาจากบ้านนอก เขาอยู่กันยังไงเหรอ"
นกเสริมน้ำเสียงเหยียดหยันดูถูก
"เฮ้อ ไม่อยากจะเจอหน้าเลยนะ แต่ทำไมยิ่งหนียิ่งมาเจอ"
ภูมิบุญบ่นกับพลอยสะกิดแขนให้เดินหนีไปไม่อยากต่อปากต่อคำ
"แหมภูมิ ก็คนมันจะหาเรื่องน่ะ หนีไปยังไงมันก็ตามอยู่ดี เขาเรียกอะไรนะ แกว่งปากหาตีนใช่ไหม"
พลอยเริ่มที่จะเม้มปากเข้าหากันแน่น สายตาเกรี้ยวกราด
"ไปกันเถอะพวกเรา อย่าไปสนใจเลย เดี๋ยวก็มีเรื่องกันอีก"
ก้องบอกแล้วดันหลังภูมิบุญให้เดินหนีไป
"ต๊าย คราวนี้เงียบ ยอมรับสภาพเหรอจ๊ะ ตายจริงเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคนแบบนี้ยอมคนเป็นด้วย"
นิตาพอเห็นพวกภูมิบุญเดินหนีไปก็ร้องขึ้นเสียงดัง
"แหม นิตาน้องเค้าก็เจียมตัวไง ลำพังเข้ามาเรียนที่มหาฯลัยดังๆ อยู่ในสภาพสังคมดีๆ ก็เป็นวาสนาของน้องเค้าแล้ว แต่ก็อย่างว่านะ กายังไงก็เป็นกา อยากจะเข้ากลุ่มหงษ์คงยากได้แต่ฝันลมๆแล้งเอา"
ทั้งกลุ่มหัวเราะเสียงดัง เดินตามหลังมาติดๆ
"ขอโทษนะพี่ อันนี้ว่างมากเหรอครับ ผมเป็นกาอันนั้นรู้ครับ แล้วใครล่ะที่เป็นหงษ์ ผมเห็นมีแต่อีแร้งนะเแถวนี้"
ภูมิบุญทนไม่ไหวหันหลังขวับกลับมา ยกริมฝีปากขึ้นมองหน้าเรียงบุคคล
"กรี๊ดดด อีภูมิ"
"หยุด!!! อย่ามากรี๊ดแถวนี้ รู้ไหมน่ารำคาญ อิ๊อ๊ะก็กรี๊ด สมองเคยคิดที่จะทำอะไรที่มันดีมีประโยชน์กว่านี้ไหม รวย ไฮโซแล้วไง ใครเขาสน แต่ผมจะบอกให้นะพี่ ทำตัวแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกคนมีปมด้อย"
ภูมิตวาดเสียงดังหยุดเสียงประสานได้ถนัดตา กลุ่มของนิตาอ้าปากค้างกรี๊ดค้างอยู่กลางอากาศ พอภูมิบุญพูดอีกก็จะกรี๊ดอีกแต่ก็ได้แต่อ้าปาก ภูมิบุญเดินหนีไปทันที
"ต่ำ สถุล แกกล้าดียังไงมาว่าชั้นแบบนี้ ไอ้บ้านนอก"
นิตายืนกัดปากอยู่ ได้แต่ด่าไล่หลังไป
"แบบนี้ต้องเอาคืนนะนิตา อย่าไปยอม เธอเห็นหน้าอีพลอยไหม ชั้นล่ะอยากเข้าไปตบมัน"
ฟ้ายุยงส่งเสริม ทั้งกลุ่มยืนกระทืบเท้าอยู่ไม่ได้ตามไป
"สะใจจริงๆเลยภูมิ มันต้องเจอแบบนี้ หนอยปากดีนัก เบื่ออีพวกที่คิดว่าตัวเองดีกว่าชาวบ้านเขาจังเลย ไม่รู้มาทำไม"
พลอยยิ้มสะใจจับแขนภูมิบุญ เจ้าตัวนิ่งอยู่แต่แววตาก็ครุ่นคิดไปไกล
"เฮ้อ ไม่น่าเลยนะเราว่า ยิ่งไปต่อปากต่อคำ มันยิ่งไม่รู้จักจบกันเสียที"
ก้อง บ่นให้ตัวเองได้ยินเบาๆ ไม่กล้าพูดดัง เพราะเดินตามหลังอยู่หลายก้าว พอถึงบ้านที่รุ่นพี่บอกเตรียมไว้ให้อาบน้ำ ก็เห็นเพื่อนๆรอคิวกันอยู่หลายคน
"จะได้อาบไหมเนี่ย"
พลอยบ่นออกมา แล้วทำหน้าเซ็ง
"เราลองเดิน เข้าไปในหมู่บ้านดีไหม เผื่อขอชาวบ้านเขาอาบ"
ภูมิบุญเสนอความคิดเพื่อนทั้ง สองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เดินเข้าไปในหมู่บ้านอีก สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่ความเจริญยังเข้าถึงไม่มากนัก แม้จะมีไฟฟ้าใช้ แต่ถนนหนทางยังเป็นดินหินกรวดอยู่ รั้วก็ทำขึ้นจากไม้ไผ่ที่ผุพังไปตามกาลเวลา บ้านเรือนติดกันเป็นหย่อมๆ ส่วนหลังที่ห่างกันก็ห่างกันออกไปเลย มีคอกวัวควายอยู่ใต้ถุนบ้านบ้างข้างๆบ้านบ้างแล้วแต่เจ้าของบ้านจะจัดทำ ภูมิบุญแม้จะเกิดและโตที่เพชรบูรณ์เคยเห็นหมู่บ้านแบบนี้มาบ้างแต่ก็ไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ เพราะบ้านของยายอยู่ในตัวอำเภอ ส่วนพลอยยิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ก้องก็เคยเห็นแต่สวนยางสวนผลไม้ พอเห็นสภาพบ้านเรือนที่แปลกตาไปก็ตื่นเต้นดีใจ ชวนกันมองนั่นมองนี่อยู่ตลอดทาง
"น่าอยู่ดีนะภูมิ ดูเงียบดีจัง"
พลอยดูตื่นตากว่าใครเดินเข้าไปเกาะรั้วไม้ไผ่มองเข้าไปในคอกของวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
"อืม ดูที่นี่เขาอยู่กันแบบพอเพียงดีนะ"
"เราเรียนจบเราก็จะกลับไปอยู่บ้าน จะได้ช่วยที่บ้านพัฒนา"
ก้องพูดอย่างภูมิใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆพลอย
"อุ๊ย ดูคุณยายสิหาบน้ำ ตายแล้วแก่ขนาดนั้นยังหาบน้ำอีก"
พลอยอุทานออกมาเพราะมองไปเห็นยายแก่คนหนึ่งหาบน้ำเดินเข้าบ้านอย่างคล่องแคล่ว ภูมิบุญกับก้องก็หันไปมอง
"ยาย ผมช่วยไหมครับ"
ก้องเสนอความช่วยเหลือ แล้ววิ่งเข้าไปหาทันที
"บ่อเป็นหยังดอกบักหล่า ยายเฮ็ดจนชินแล้ว"
ยายพูดออกมาเป็นภาษาถิ่นก้องยืนงง
"เอ่อ ให้ผมช่วยเถอะนะครับยาย ยายแก่แล้วหาบน้ำหนักๆแบบนี้เดี๋ยวไม่สบาย"
ก้องไม่เข้าใจในสิ่งที่ยายบอก แต่ก็ไม่ละความพยายามจะแย่งน้ำที่ยายหาบมาออกจากบ่า
"ยายจ๋า ยายไม่มีลูกมีหลานเหรอจ๊ะ ทำไมต้องมาหาบน้ำเอง"
พลอยปรี่เข้าไปหาเหมือนกัน ยายยิ้มให้เห็นไรฟันดำเป็นซี่ๆเพราะฟันบางซี่ได้หลุดร่วงไปแล้ว
"ลูกมันอยู่กรุงเทพฯ เฮ็ดงาน หลานมันกะไปเล่นไสบ่อฮู้ แล้วสูไปจั่งได๋มาจั่งได๋ล่ะหล่า"
"ว่าไงจ๊ะ เป็นไงบ้างพี่เห็นทำงานกันไม่หยุดเลยนี่ เหนื่อยไหมจ๊ะภูมิ"
ฝ้ายยิ้มให้แล้วถือจานข้าวนั่งลงที่บันไดชองอาคารไม้ ทำเหมือนกับภูมิบุญและเพื่อนๆ
"ไม่ครับพี่ ทำงานออกแรงบ้างไม่เหนื่อยหรอกครับ"
ภูมิบุญตอบแล้วยิ้มแห้งๆ
"ภูมิพี่พอรู้เรื่องภูมิ ที่มีเรื่องกับพวกนิตามาบ้างแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้บอกพี่หรือพี่โต้งได้นะจ๊ะ"
ฝ้ายเข้าประเด็นทันทีจ้องหน้าของภูมิบุญแล้วยิ้มให้ แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา ภูมิบุญทำหน้าเหรอหรา ส่วนพลอยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ผมไม่ได้มีอะไรหรอกครับพี่ฝ้าย ผมก็อยู่ส่นผม อย่ามายุ่งเกี่ยวกันก็พอ"
น้ำเสียงของภูมิบุญหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ฝ้ายเองมองหน้าภูมิบุญแล้วส่งสายตาอย่างห่วงใย
"ภูมิ พี่รู้นะว่าเราเองก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับคนพวกนั้น แต่ถ้าเขามาวอแวน่ะ อย่าไปพยายามเอาตัวเข้าแลก พี่ว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสียนะ"
ฝ้ายพูดเสียงราบเรียบ มองหน้าภูมิบุญไม่ยอมวางตา
"พี่ว่า เราอย่าเอาพิเสนไปแลกกะเกลือจะดีกว่า คนที่คอยหาเรื่องเรา มันก็จะคอยหาโอกาสเวลาหาเรื่องเราอยู่วันยังค่ำ เราต้องหาทางที่จะทำยังไงให้คนพวกนี้รู้สึกสำนึกผิดและไม่อยากมาวอแวกับเราอีก"
"โดยการให้ผมนิ่งเฉยเหรอครับพี่ฝ้าย ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมก็คิดไม่ออกว่าในตอนนี้จะมีวิธีใดที่ทำให้คนพวกนั้นหยุด ผมเองก็ไม่ได้อยากแม้ที่จะคุยด้วย แต่ถ้าให้ผมนิ่งเฉยเสีย ผมขอโทษครับ ผมทำไม่ได้"
ภูมิบุญปรายตาขึ้นมองฝ้าย แวบนั้นฝ้ายรู้สึกได้ถึงความมีฐิทิมานะของภูมิบุญ ความรั้นที่แฝงไปด้วยปมต่างๆในใจมากมายนัก แววตาที่ฉายความเจ็บปวดเคียดแค้นออกมา แววตาที่ฝ้ายไม่เคยเจอมาก่อน
"เอาเถอะภูมิ พี่ขอเป็นคนนึงละกันที่อยากให้ภูมิอย่าเจ้าคิดเจ้าแค้น พี่พร้อมเสมอนะจ๊ะที่จะให้คำปรึกษาแก่เรา พลอยด้วยนะจ๊ะ"
ฝ้ายพูดนิ่งกว่าเดิมแม้ในใจจะสั่นระริก เธอเองไม่รู้ว่าภูมิบุญผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต แต่สิ่งที่เห็นสายที่ที่ปราดมองเธอ มันทำให้ใจสะท้อนสั่นไหวไปได้มากเช่นกัน ฝ้ายลุกไปแล้ว ภูมิบุญนั่งเม้มปากอยู่
"เราว่าพี่เขาพูดก็ถูกนะภูมิ"
ก้องพูดออกมาเสียงเบา เพราะเห็นท่าทางของทั้งภูมิบุญและพลอยแล้วไม่อยากจะขัดอะไรมาก
"เราก็ไม่ได้ว่าพี่เขาผิดนะก้อง แต่ในเมื่อพี่ฝ้ายยังไม่มีคำตอบให้เรา ว่าจะทำยังไงให้คนพวกนั้นหยุด โดยที่เราไม่ต้องโต้ตอบ เราก็มีวิธีของเรา และเราก็จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาโขกสับเราเฉยๆหรอกนะ การทำความดีน่ะ ใครๆก็พูดได้ ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แล้วไหนล่ะ บอกเราสิว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ดีหรือมันผิดต่อใครมันผิดตรงไหน ในเมื่อเราคิดว่าเรากำลังป้องกันตัว"
ภูมิบุญมองออกไปไกลแสนไกล ก้องเองได้แต่ก้มหน้าลงในใจคิดหนักเพราะท่าทางของภูมิบุญคงไม่ยอมฟังใครง่ายๆแล้ว
"ใช่ เราก็ไม่เห็นต้องก้มหน้าให้คนประเภทนั้นเลยนะ แต่เราเองก็อย่าไปแสดงตัวว่าเกลียดพวกมันมาก อย่างที่พี่ฝ้ายบอกก็ถูกว่าเราต้องเหมือนอยู่ในที่มืด คนที่อยู่ในที่มืดย่อมได้เปรียบคนกว่าที่อยู่ในที่แจ้งอยู่แล้ว"
พลอยเองก็เห็นดีเห็นงามไปกับภูมิบุญ ก้องเองจึงนิ่งไปไม่แสดงความเห็นอะไรอีก พอกินข้าวเสร็จก็ไปช่วยงานต่อ โรงเรือนที่ปลูกขึ้นเป็นห้องสมุดเสร็จแล้วในตอนเย็น เทปูนที่พื้นรอให้แห้ง รุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้องๆฉลองกันได้ตามอัธยาศัย แล้วก็ปล่อยให้ไปอาบน้ำชำระร่างกาย โดยแบ่งให้รุ่นน้องไปอาบน้ำตามบ้านของชาวบ้านในระแวกนั้น เพราะทางครูใหญ่ได้ช่วยประสานงานให้บ้างแล้ว ภูมิบุญเดินกลับไปที่ห้องพักกับก้องส่วนพลอยก็แยกกลับไปเอาเครื่องใช้ส่วนตัวเพื่อที่จะไปอาบน้ำ นัดเจอกันที่หน้าอาคารไม้พอไปเอาของที่ใช้อาบน้ำเสร็จก็เดินมาเจอกัน
"ต๊าย พวกเธอชั้นจะอาบได้ไหมเนี่ย ไม่เคยอาบน้ำแบบตุ่มเลยนะเธอ ก็ชั้นไม่ใช่เด็กบ้านนอกนี่นะ"
พลอยกับภูมิบุญมองหน้ากันอย่างเซ็ง เพราะเห็นกลุ่มของนิตาเดินมาและส่งเสียงน่ารำคาญมาแต่ไกล
"นั่นสินะ เนี่ยถ้าเอารถมาชั้นจะพาพวกเธอขับรถเข้าไปเปิดห้องอาบน้ำที่โรงแรมในเมือง เค้าอยู่กันได้ไงนะสภาพแบบนี้ รับไม่ได้จริงๆ"
คนแรกคือฟ้าที่พูด คนที่เสริมคือนิตา ทั้งกลุ่มพยักเพยิดหน้าใส่กันสายตามองมาที่พลอยกับภูมิบุญ
"ต๊าย ลองถามน้องภูมิดูสิเธอ ได้ยินข่าวว่ามาจากบ้านนอก เขาอยู่กันยังไงเหรอ"
นกเสริมน้ำเสียงเหยียดหยันดูถูก
"เฮ้อ ไม่อยากจะเจอหน้าเลยนะ แต่ทำไมยิ่งหนียิ่งมาเจอ"
ภูมิบุญบ่นกับพลอยสะกิดแขนให้เดินหนีไปไม่อยากต่อปากต่อคำ
"แหมภูมิ ก็คนมันจะหาเรื่องน่ะ หนีไปยังไงมันก็ตามอยู่ดี เขาเรียกอะไรนะ แกว่งปากหาตีนใช่ไหม"
พลอยเริ่มที่จะเม้มปากเข้าหากันแน่น สายตาเกรี้ยวกราด
"ไปกันเถอะพวกเรา อย่าไปสนใจเลย เดี๋ยวก็มีเรื่องกันอีก"
ก้องบอกแล้วดันหลังภูมิบุญให้เดินหนีไป
"ต๊าย คราวนี้เงียบ ยอมรับสภาพเหรอจ๊ะ ตายจริงเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคนแบบนี้ยอมคนเป็นด้วย"
นิตาพอเห็นพวกภูมิบุญเดินหนีไปก็ร้องขึ้นเสียงดัง
"แหม นิตาน้องเค้าก็เจียมตัวไง ลำพังเข้ามาเรียนที่มหาฯลัยดังๆ อยู่ในสภาพสังคมดีๆ ก็เป็นวาสนาของน้องเค้าแล้ว แต่ก็อย่างว่านะ กายังไงก็เป็นกา อยากจะเข้ากลุ่มหงษ์คงยากได้แต่ฝันลมๆแล้งเอา"
ทั้งกลุ่มหัวเราะเสียงดัง เดินตามหลังมาติดๆ
"ขอโทษนะพี่ อันนี้ว่างมากเหรอครับ ผมเป็นกาอันนั้นรู้ครับ แล้วใครล่ะที่เป็นหงษ์ ผมเห็นมีแต่อีแร้งนะเแถวนี้"
ภูมิบุญทนไม่ไหวหันหลังขวับกลับมา ยกริมฝีปากขึ้นมองหน้าเรียงบุคคล
"กรี๊ดดด อีภูมิ"
"หยุด!!! อย่ามากรี๊ดแถวนี้ รู้ไหมน่ารำคาญ อิ๊อ๊ะก็กรี๊ด สมองเคยคิดที่จะทำอะไรที่มันดีมีประโยชน์กว่านี้ไหม รวย ไฮโซแล้วไง ใครเขาสน แต่ผมจะบอกให้นะพี่ ทำตัวแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกคนมีปมด้อย"
ภูมิตวาดเสียงดังหยุดเสียงประสานได้ถนัดตา กลุ่มของนิตาอ้าปากค้างกรี๊ดค้างอยู่กลางอากาศ พอภูมิบุญพูดอีกก็จะกรี๊ดอีกแต่ก็ได้แต่อ้าปาก ภูมิบุญเดินหนีไปทันที
"ต่ำ สถุล แกกล้าดียังไงมาว่าชั้นแบบนี้ ไอ้บ้านนอก"
นิตายืนกัดปากอยู่ ได้แต่ด่าไล่หลังไป
"แบบนี้ต้องเอาคืนนะนิตา อย่าไปยอม เธอเห็นหน้าอีพลอยไหม ชั้นล่ะอยากเข้าไปตบมัน"
ฟ้ายุยงส่งเสริม ทั้งกลุ่มยืนกระทืบเท้าอยู่ไม่ได้ตามไป
"สะใจจริงๆเลยภูมิ มันต้องเจอแบบนี้ หนอยปากดีนัก เบื่ออีพวกที่คิดว่าตัวเองดีกว่าชาวบ้านเขาจังเลย ไม่รู้มาทำไม"
พลอยยิ้มสะใจจับแขนภูมิบุญ เจ้าตัวนิ่งอยู่แต่แววตาก็ครุ่นคิดไปไกล
"เฮ้อ ไม่น่าเลยนะเราว่า ยิ่งไปต่อปากต่อคำ มันยิ่งไม่รู้จักจบกันเสียที"
ก้อง บ่นให้ตัวเองได้ยินเบาๆ ไม่กล้าพูดดัง เพราะเดินตามหลังอยู่หลายก้าว พอถึงบ้านที่รุ่นพี่บอกเตรียมไว้ให้อาบน้ำ ก็เห็นเพื่อนๆรอคิวกันอยู่หลายคน
"จะได้อาบไหมเนี่ย"
พลอยบ่นออกมา แล้วทำหน้าเซ็ง
"เราลองเดิน เข้าไปในหมู่บ้านดีไหม เผื่อขอชาวบ้านเขาอาบ"
ภูมิบุญเสนอความคิดเพื่อนทั้ง สองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เดินเข้าไปในหมู่บ้านอีก สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่ความเจริญยังเข้าถึงไม่มากนัก แม้จะมีไฟฟ้าใช้ แต่ถนนหนทางยังเป็นดินหินกรวดอยู่ รั้วก็ทำขึ้นจากไม้ไผ่ที่ผุพังไปตามกาลเวลา บ้านเรือนติดกันเป็นหย่อมๆ ส่วนหลังที่ห่างกันก็ห่างกันออกไปเลย มีคอกวัวควายอยู่ใต้ถุนบ้านบ้างข้างๆบ้านบ้างแล้วแต่เจ้าของบ้านจะจัดทำ ภูมิบุญแม้จะเกิดและโตที่เพชรบูรณ์เคยเห็นหมู่บ้านแบบนี้มาบ้างแต่ก็ไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ เพราะบ้านของยายอยู่ในตัวอำเภอ ส่วนพลอยยิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ก้องก็เคยเห็นแต่สวนยางสวนผลไม้ พอเห็นสภาพบ้านเรือนที่แปลกตาไปก็ตื่นเต้นดีใจ ชวนกันมองนั่นมองนี่อยู่ตลอดทาง
"น่าอยู่ดีนะภูมิ ดูเงียบดีจัง"
พลอยดูตื่นตากว่าใครเดินเข้าไปเกาะรั้วไม้ไผ่มองเข้าไปในคอกของวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
"อืม ดูที่นี่เขาอยู่กันแบบพอเพียงดีนะ"
"เราเรียนจบเราก็จะกลับไปอยู่บ้าน จะได้ช่วยที่บ้านพัฒนา"
ก้องพูดอย่างภูมิใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆพลอย
"อุ๊ย ดูคุณยายสิหาบน้ำ ตายแล้วแก่ขนาดนั้นยังหาบน้ำอีก"
พลอยอุทานออกมาเพราะมองไปเห็นยายแก่คนหนึ่งหาบน้ำเดินเข้าบ้านอย่างคล่องแคล่ว ภูมิบุญกับก้องก็หันไปมอง
"ยาย ผมช่วยไหมครับ"
ก้องเสนอความช่วยเหลือ แล้ววิ่งเข้าไปหาทันที
"บ่อเป็นหยังดอกบักหล่า ยายเฮ็ดจนชินแล้ว"
ยายพูดออกมาเป็นภาษาถิ่นก้องยืนงง
"เอ่อ ให้ผมช่วยเถอะนะครับยาย ยายแก่แล้วหาบน้ำหนักๆแบบนี้เดี๋ยวไม่สบาย"
ก้องไม่เข้าใจในสิ่งที่ยายบอก แต่ก็ไม่ละความพยายามจะแย่งน้ำที่ยายหาบมาออกจากบ่า
"ยายจ๋า ยายไม่มีลูกมีหลานเหรอจ๊ะ ทำไมต้องมาหาบน้ำเอง"
พลอยปรี่เข้าไปหาเหมือนกัน ยายยิ้มให้เห็นไรฟันดำเป็นซี่ๆเพราะฟันบางซี่ได้หลุดร่วงไปแล้ว
"ลูกมันอยู่กรุงเทพฯ เฮ็ดงาน หลานมันกะไปเล่นไสบ่อฮู้ แล้วสูไปจั่งได๋มาจั่งได๋ล่ะหล่า"
"เอ่อ ไปจั่งได๋ คือไปยังไงเหรอคะยาย อ้อ พวกหนูมาช่วยสร้างห้องสมุดที่โรงเรียนจ๊ะยาย พอดีมาขออาบน้ำ ให้พวกหนูช่วยเถอะนะคะ"
"โอ๋ หมู่สูมาเฮ็ดห้องสมุดโรงเรียนตี๊ ได้บุญได้กุศลหลายเด้หล่าเอ้ย บ้านนี้มันทุกข์มันยาก ขอบใจหลายๆ"
พลอยก็งง แต่พอจับใจความได้ รู้สึกสนุกขึ้นมาเดินตามยายเข้าไปในบ้าน ภูมิบุญยืนนิ่งอยู่ แววตาฉายความหม่นหมองออกมาทันที "ยาย" ภาพของยายแจ่มชัดขึ้นมาทันที ยายเองก็เคยทำงานหนักแม้เขาเองจะห้ามปราม ยายทำงานหนักเพื่อให้หลานชายสบาย เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ที่ส่งลูกชายเรียนเพียงลำพัง ยายทำงานหนักจนสิ้นลมหายใจจากภูมิบุยไป ภูมิบุญสะบัดความคิดเดินตามยายกับเพื่อนๆเข้าไปในบ้าน พอยายเอาน้ำเทใส่ตุ่มก็ตักน้ำใส่ขันเงินสีหม่นๆมาให้ทั้งสาม สภาพบ้านของยายเป็นบ้านไม้ยกชั้นมีใต้ถุน เสาก็เป็นไม้ใต้ถุนมีเล้าไก่เก่าๆอยู่ ไม่มีคอกวัวควายเหมือนบ้านอื่นๆ ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่สานขัดกันดูสภาพเก่ามากแล้ว ดีหน่อยที่หลังคาเป็นสังกะสี
"ยาย ยายหาบน้ำมาจากไหนครับ"
ภูมิบุญถามเสียงสั่นเครือ พลอยกับก้องมองหน้ากันแล้วพลอยก็เอื้อมมือไปจับแขนของภูมิบุญไว้เบาๆ
"หาบมาแต่สร่างหัวนาพู้นบักหล่า"
จับใจความจากคำว่าพู้นคงหมายถึงไกลมาก ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากันแน่น
"เดี๋ยวผมช่วยนะยาย เนี่ยอยู่บ้านผมก็หาบน้ำเป็นประจำ ยายพาผมไปนะเดี๋ยวผมหาบให้"
ก้องเสนอตัวช่วยเหลือ พอพุดออกไปยายก็หัวเราะ
"โอ๊ย เจ้านายคือหมู่เจ้าสิมาเฮ็ดงานแนวนี้ได้บ้อ มันหนักเด้คำ"
"บ่อเป็นหยังดอกยาย"
พลอยพูดขึ้นก้องหัวเราะยายเองก็หัวเราะ ภูมิบุญก็ยิ้มออกมาได้ พอยายเห็นความตั้งใจของทั้งสามก็พาเดินไปยังบ่อน้ำท้ายหมูบ้าน ระหว่างทางก็เล่านั่นเล่านี่ให้ฟัง ทั้งสามฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างแต่ก็สนุกหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ก้องเป็นคนอาสาหาบน้ำเพราะระยะทางไกลพอสมควร โดยพลอยกับภูมิบุญเป็นคนหิ้วถังคนละใบ
"หนักเหมือนกันนะเนี่ย ยายหาบไหวได้ไงนะ"
ก้องบอกเพราะเริ่มรู้สึกหหนักอึ้งที่บ่าแม้เพื่อน ทั้งสองจะเอาผ้ารองไม้คานแล้วก็ตาม
"ไหวไหมก้อง เปลี่ยนกับเราได้นะ"
ภูมิบุญบอกแต่ก้องส่ายหน้า หาบกันประมาณสามเที่ยวน้ำก็เต็มตุ่ม ก้องถึงกับนอนแผ่ที่แคร่หน้าบ้าน
"โอยหนอบักหล่า คนบ่อเคยเฮ็ดเวียกเฮ็ดงานหนักสิบ่อไข่สะบ้อ"
ยายมานั่งข้างๆปลื้มใจกับเด็กทั้งสามคน
"เดี๋ยวยายสิต้มไก่บักน้อยสู่กินเด้อ"
"อุ้ย ยายจ๋าไม่ต้องหรอกจ๊ะ พวกหนูแค่มาขออาบน้ำไม่ต้องฆ่าเป็ดฆ่าไก่หรอกยาย"
พลอยร้องเพราะเริ่มชินกับภาษาของยายบ้างแล้ว
"บ่อได้ดอกนาง ยายสิเฮ็ดแนวกินสู่กิน บ่อฆ่าไก่กะได้ ยายมีปลาอยู่ในไหเดี๋ยวสิเอามาต้มสู่กินเนาะ"
ยายบอกเสียงแข็งขัน พลอยเองก็ได้แต่พยักหน้ารับแล้วหันหน้าไปมองภูมิบุญ รายนั้นก็ได้แต่พยักหน้าตอบ
"งั้นเราไปอาบน้ำที่บ่อกันดีไหม จะได้ไม่เปลืองน้ำยาย ยายครับ เดี๋ยวพวกผมไปอาบน้ำที่บ่อเมื่อกี๊ก่อนนะครับยาย เดี๋ยวกลับมา"
ยายตอบรับแล้วเดินไปใต้ถุนบ้าน เตรียมอาหารไว้ให้เด็กๆที่มาช่วยตักน้ำ ครัวของยายอยู่ใต้ถุนบ้าน มีเตาสามขาที่มีขี้เถ้ารายรอบอยู่ กองพืนอยู่ไม่ไกลจากเตามากนัก ถัดไปก็เป็นแคร่เตี้ยๆเอาไว้วางจานกับเครื่องครัวสังกะสี มีหม้ออยู่สามสี่ใบก้นดำปี๋
"เราโทรไปบอกรุ่นพี่หน่อยดีไหม เผื่อเขาจะเป็นห่วง"
ภูมิบุญบอกเมื่อเดินกลับไปยังบ่อน้ำ
"เรามีเบอร์พี่ฝ้ายเดี๋ยวโทรไปบอกให้ อ้าว ไม่มีสัญญาณ"
พลอยหยิบเอา โทรศัพท์ขึ้นมาจะกดไปหาฝ้าย ทั้งภูมิบุญและก้องจึงรีบเอาโทรศัพท์ของตนขึ้นมาดู
"ของเราก็ไม่มี" ภูมิบุญบอก
"ของเรามีอยู่สองขีด ลองโทรดีกว่า ไหนพลอยเบอร์พี่ฝ้ายน่ะ"
ก้องยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้พลอย
"สวัสดี ค่ะพี่ฝ้าย พลอยเองนะคะพี่"
ทันทีที่อีกฝั่งรับสายพลอยก็กรอกเสียงตามสายไป
"อ้าวพลอย อยู่ไหนจ๊ะ อาบน้ำยังไม่เสร็จกันเหรอ"
"อ๋อ พลอยอยู่ในหมู่บ้านค่ะพี่ คือพลอยมาช่วยยายเขาตักน้ำ ยายเลยจะเลี้ยงข้าวค่ะพี่"
"อ้าวเหรอ แล้วจะกลับมากินข้าวกับพวกพี่ไหม คืนนี้เรามีรอบกองไฟกันนะจ๊ะ"
"อ้อ กินเสร็จแล้วเดี๋ยวก็กลับค่ะพี่ฝ้าย สงสารยายแกอุตส่าห์จะเตรียมกับข้าวให้ เดี๋ยวพวกพลอยเสร็จแล้วจะรีบกลับนะคะพี่ฝ้าย"
พลอยสนทนากับฝ้ายอยู่ อีกสองสามประโยคก็วางสายไป ทั้งสามเดินไปยังบ่อน้ำโดยหิ้วถังน้ำมาด้วยคนละใบ พลอยขอยืมผ้าถุงยายมาใส่อาบน้ำด้วย ยายเองก็จัดหาให้ เอาผ้าถุงผืนใหม่เอี่ยมให้พลอย และผ้าขาวม้าให้ภูมิบุญกับก้องคนละผืน
"เกิดมาเพิ่งเคยอาบน้ำกลางแจ้งครั้งแรกนะเนี่ย"
พลอยหัวเราะออกมา แลัวลังเลอยู่ก่อนจะเปลี่ยนผ้าถุง
"พลอยไปอาบบังต้นไม้ดิ เดี๋ยวเราเฝ้าให้"
ภูมิบุญบอก ก้องเองก็พยักหน้าตามพอตกลงกันได้พลอยก็หิ้วถังน้ำไปหลังต้นตะแบกภูมิบุญก็ หิ้วน้ำไปให้อีกถัง ก้องเป็นแผนกตักน้ำขึ้นมาจากบ่อ เสียงหัวเราะของพลอยดังอยู่เป็นระยะ ภูมิบุญกับก้องเองก็หัวเราะเพราะคุยเรื่องต่างๆกัน พอพลอยอาบเสร็จก้องกับภูมิบุญก็อาบพร้อมกันโดยนุ่งผ้าขาวม้าอาบพลอยก็นั่งดูอยู่ไม่มีเคอะเขินแต่อย่างใด พออาบน้ำเสร็จก็เดินกลับโดยหิ้วน้ำกลับอีกคนละถัง
"ไปช่วยายทำกับข้าวดีกว่า"
พลอยพูดแล้ววางถังลงใกล้ๆตุ่มแล้วเดินไปตากผ้าถุงโดยวางของใช้ส่วนตัวของตัวเองรวมไว้กับของเพื่อนๆ
"ยายจ๋า หนูช่วยนะคะ"
พลอยเสียงแปร๋นร่าเริงไปแต่ไกล ภูมิบุญกับก้องก็ยิ้มให้กัน
"สิเฮ็ดเป็นบ้ออีนาง ยายสิต้มปลาให้กินเด้"
"ต้มปลาเหรอคะ อุ๊ยน่ากินจังเลย ปลาอะไรคะคุณยาย"
"ต้มปลาค่อ"
พลอยเหลือบไปเห็นปลาช่อนที่ยาย จัดการขอดเกล็ดหั่นเป็นชิ้นๆไว้แล้วก็พยักหน้าเข้าใจ
"ยายไปหาเอง เหรอจ๊ะ"
พลอยเริ่มชวนยายคุยแล้วนั่งลงที่แคร่ปลอกหัวหอมแดงให้ยาย ภูมิบุญกับก้องก็เดินเข้าไปร่วม
"หลานยายมันไปหามาอีนาง แต่มื้อนี่ไปไสบู้ บ่อเห็นหน้าเห็นตา"
"หลานยายอายุเท่าไหร่แล้วครับ"
ก้องถามแล้วไปนั่งยัดฟืนเข้าไปในเตาอีก ยายกำลังนึ่งข้าวอยู่
"มันเป็นหนุ่มแล้วเด้ เรียนอยู่มอสามแล้วบักหล่า"
"หือ เรียนอยู่ตั้งมอสาม แล้วทำไมปล่อยให้ยายหาบน้ำคนเดียว ไม่ไหวเลยนะผมว่า"
ก้องออกอาการขึ้นเสียงเครียดเพราะรู้ว่าการหาบน้ำมันหนักหนาสาหัสเพียงใด ไม่ว่ายายจะชินกับมันหรือไม่ก็ตาม แต่ระยะทางจากบ้านยายไปถึงบ่อน้ำไม่ใช่ใกล้ๆ
"มันเว้ายากคือหยังนี่เด้บักล่า คันมันเป็นคนฮู้ผู้ดีคือหมู่เจ้า ยายกะสิปานขึ้นสวรรค์เด้"
ยายหัวเราะออกมา ทั้งสามก็หัวเราะช่วยกันทำกับข้าวช่วยยายจนเสร็จ ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงสีแดงส้มพาดผ่านยอดต้นตะแบกไปช่างรวดเร็ว ภาพฉากหลังกับสิ่งที่สะท้อนแสงสุริยาช่างงามงดจับใจบรรยากาศกลิ่นอายของความบริสุทธิ์ของทุ่งนาน กลิ่นโคลนสาบควายที่คนชาวกรุงเขารังเกียจกัน แต่ในกลิ่นนั้นมันช่างมีเสน่ห์เงียบสงบแฝงอยู่ กลิ่นที่ไม่ได้ปรุงแต่งเพิ่มรสแต่งสี เสียงนกกาบินกลับรังเป็นฉากหลัง เสียงชาวบ้านที่หุงหาอาหารยามเย็นฟังแล้วช่างดูอบอุ่นเสียจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น