วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากยี่สามสิบเอ็ด

ด้านทันพอตอนเย็นเดินไปอาบน้ำกับรุ่นน้องที่บ้านของชาวบ้านตามที่จัดเตรียมไว้ แต่เห็นรอคิวนานจึงเดินเตร่ไปเรื่อยๆ เดินผ่านไปศาลากลางหมู่บ้านซึ่งเป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นที่จับกลุ่มกัน นั่งแซวคนนั้นคนนี้อยู่หาได้ทำประโยชน์สิ่งใดไม่ ถ้าวันไหนไปโรงเรียนก็จะมาจับกลุ่มกันในตอนเย็น เกี้ยวพาราสีกัน ไม่ช่วยการงานที่บ้าน ส่วนมากเป็นเด็กวัยรุ้นผู้ชาย อายุคงน้อยกว่าทันทุกคน พอเห็นทันเดินไปก็หันมามองเพราะเห็นเป็นคนแปลกหน้า มีเด็กผู้หญิงอยู่สองสามคนที่เกาะรวมกลุ่มอยู่กับเด็กผู้ชาย

"เฮ้ย แม่นพวกมาสร้างห้องสมุดบ่อสู ไถเหล้าเพิ่นกินแน่น้า"

เด็กผู้ชายผอมๆ ตัวสูงโย่งกว่าเพื่อน หน้าตาผิวพรรณคล้ำเพราะคงโดนแดดเยอะร้องบอกเพื่อน

"อ้ายๆ เจ้ามาสร้างห้องสมุดแม่นบ่อ"

เด็กชายพงษ์โดนผลักหลังออกมาให้เป็นคนถาม ทันทำหน้างงๆแต่ก็เดินปรี่เข้าไปหาอย่างไม่เกรงกลัว

"ครับ พี่เป็นคนมาสร้างห้องสมุดให้โรงเรียน"

ทันพอที่จะจับใจความได้จึงตอบรับไป มองดูหน้าทุกคนแล้วก็ยิ้มหยันๆ พูดเหมือนกับว่าตัวเองมาสร้างที่นี่เพียงคนเดียว หรือเป็นคนอกทุนให้ทั้งหมด

"เลี้ยงเหล้าแน่น้าอ้าย"

เด็กชายพงษ์พูดขึ้นไม่รีรอ

"หือ ตัวแค่เนี้ยจะกินเหล้าแล้วเหรอ"

"ฮ่วย ใหญ่แล้วเด้อ้าย เลี้ยงแน่น้าคนมาแต่ไทยนี้แหมะ"

ทันเกาหัวงงๆแต่ก็พยักหน้า ควักเงินออกมายื่นแบงค์ห้าร้อยให้เด็กชายพงษ์ พลันสายตาก็แวบคิดอะไรขึ้นมาได้ ชะงักมือเอาไว้ก่อน

"เดี๋ยว ก่อนพี่จะเลี้ยง ทำอะไรให้พี่อย่างหนึ่งได้ไหมล่ะ ถ้าสำเร็จพี่เลี้ยงไม่อั้น"

ข้อต่อรองได้ผูกเงื่อนขึ้นแล้ว สายตาของเจ้าของเงินเป็นประกายฉายแววชั่วร้าย ส่วนสายตาของคนที่มองเงินอยู่ก็เป็นประกายเห็นมันเป็นพระเจ้าไปเสีย

"เฮ็ด หยังอ้าย"

ทั้งกลุ่มพอเห็นเงินก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมทัน เขาหัวเราะออกมายิ้มอย่างมีเลศนัย เขาบอกแผนไปซึ่งมันไม่ยากเย็นอะไรมากนัก เพียงแต่ทันกำชับว่าอย่าให้ใครรู้ ให้รู้กันแค่นี้ในกลุ่ม

ด้านภูมิบุญกับเพื่อนก็เตรียมสำรับอาหารไว้แล้ว ยายบอกให้กินกันก่อนแต่ทั้งสามก็ยังไม่แตะเพราะตกลงกันว่าจะรอหลานยายมา ก้องเองเตรียมที่จะว่ากล่าวอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นยายทำงานหนักแล้วสะท้อนใจ

"เป็นหยังมันยังบ่อมา สูกินก่อนโลดหล่า"

"บ่อเป็นหยังค่ายาย รอกินพร้อมกันเนาะจะได้ไม่ได้หาข้าวหลายรอบ"

พลอยพูดเลียนภาษาถิ่นของยาย ซึ่งก็สร้างความครึกครื้นขึ้นอีก นั่งคุยอยู่กับยายสักพักยายก็ไปอาบน้ำ

ระหว่างนั้นหลายของยายก็เดินกลับบ้านมาด้วยความหิว เขาไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่เขาเดินมากับคนแปลกหน้าร่างสูง ผิวพรรณดูดีมีสง่าราศีแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง

"บ้านแกอยู่ไหนวะไอ้น้อง ไกลจัง"

ทันพูดขึ้นระหว่างที่เดินตามพงษ์มา

"นั่นเด้อ้าย ฮ่วยแม่นไผน้อนั่งอยู่นั่น"

พงษ์อุทานออกมาเมื่อมองไปแต่ไกลเห็นคนนั่งคุยกันอยู่แคร่หน้าบ้าน เสียงไฟนีออนสาดกระทบเงาทั้งสามนั้นพอจะมองออกว่าเป็นใคร

"เฮ้ย เดี๋ยว"

ทันอุทานออกมาแล้วดึงแขนพงษ์ไว้

"แม่นหยังอ้าย"

"นั่นล่ะ คนที่กูอยากให้มึงไปพามาหา"

ทันยิ้มออกมาเต็มดวงหน้า เปล่งเสียงซาตานออกมา แล้วลากแขนพงษ์ไปกระซิบบอกแผนที่บอกไว้คร่าวๆ พงษ์พยักหน้ารับทราบแล้วมองไปที่เป้าหมายที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนอย่างสนุก สนานไม่ได้รับรู้ว่ามีสายตาสองคู่หมายประสงค์ร้ายต่อเขาอยู่ ภูมิบุญกับเพื่อนนั่งอยู่ในที่สว่าง อย่างที่พลอยบอกคนที่อยู่ในที่มืดย่อมมองเห็นคนที่อยู่ในที่สว่างอย่างแจ่มชัด ต่างจากคนที่อยู่ในที่สว่างเงามืดของรัตติกาลบดบังเงาทั้งสองคนเอาไว้ ทันเดินหนีไปแล้ว พงษ์จึงเดินเข้าบ้านไป

"แม่ใหญ่ๆ"

เขาเรียกหายาย แล้วมองหน้าคนแปลกหน้าทั้งสามแต่สายตาไปหยุดอยู่ที่ภูมิบุญ

"มึงไปไสม๊า บักห่านี่ ท่ากินเข้าอยู่เด้ ซาติมันบ่อฮู้จักความ"

พอยายเห็นหน้าหลานก็บ่นเสียงดัง

"ไหว้อ้ายเขาแหมะ เป็นหยังไปโรงเรียนเฮียนหนังสือจั่งบ่อฮู้จักความแท้"

ยายบอกให้ยกมือไหว้ทั้งสาม พงษ์ยกมือขึ้นไหว้อย่างยกไปที

"ไปไหนมาครับน้อง"

ก้องถามเสียงแข็งทันที จ้องหน้าเขาอยู่

"เป็นหยัง ไปไสมันเกี่ยวกับผู้ได๋"

พงษ์ตอบแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก่อนไปสายตายังจ้องอยู่ที่ใบหน้าของภูมิบุญ

"ท่าจะนิสัยแสียว่ะ ดูมันสิ สงสารยายจังเลยนะ เป็นคนดีๆทำไมมีลูกมีหลานแบบนี้"

ก้องบ่นทำหน้าเสียอารมณ์

"เอาน่าก้อง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปแล้ว อย่าไปใส่ใจเลย เสียอารมณ์เปล่าๆ"

พลอยเตือนแล้วตบบ่าของก้องเบาๆ ภูมิบุญได้แต่นิ่งไม่พูดอะไร พยายามอ่านสายตาของเด็กชายเมื่อครู่ที่เพิ่งเจอหน้ากัน ทำไมเขาจ้องมองที่ตัวเขาเพียงคนเดียวเนิ่นนาน แต่คิดอยู่ไม่นานพอได้ยินเสียงก้องพูดถึงยายขึ้นมาใจก็คิดไปถึงยายของตน

"ก้องไปช่วยยายยกกับข้าวออกมาดีกว่า หอมเชียว"

พลอยเอาข้อศอกสะกิดก้อง เมื่อเห็นภูมิบุญหน้าสลดลง ก้องรีบลุกไปก่อนทำหน้าไม่ถูก ภูมิบุญเห็นเพื่อนๆลุกไปช่วยยายหาสำรับออกมาก็ลุกไปบ้าง ยายบอกให้ภูมิบุญเอาขันเงินไปตักน้ำฝนในโอ่งมาไว้เวลาทานข้าวเสร็จ ต้มยำปลาช่อนสูตรบ้านนาส่งกลิ่นหอมฉุยด้วยใส่ใบกะเพราและใบมะกรูด น้ำจิ้มยายก็โขลกพริกชี้ฟ้าใส่หอมแดงบีบมะนาวกับน้ำปลาลงไป ข้าวเหนียวก็กำลังร้อนๆ พอเอาสำรับออกมาวางทั้งสามก็เริ่มน้ำลายไหล

"หอมจังเคยค่ะยาย น่ากินมาก"


พลอยทำตาโตจ้องอยู่ที่ถ้วยต้มยำปลาช่อน พอหลานชายยายมานั่งลงข้างๆยาย ทั้งสามจึงลงมือกินข้าว บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่ายพูดคุยกันบ้างตามสมควร แต่อาหารมื้อนี้อร่อยคุ้มค่ามากที่สุด แม้จะกินด้วยมือ มีกับข้าวเพียงอย่างเดียว แต่รู้สึกอิ่มอร่อยอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างที่ภูมิบุญกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับการตักน้ำแกงซดนั้น สายตาของพงษ์ก็แอบชำเลืองมองอยู่ตลอดเวลา


"อร่อยเนอะ เดี๋ยวไปช่วยยายล้างจานดีกว่า"


พลอยบอกหลังจากกินข้าวเสร็จยกจานชามไปที่โอ่งน้ำ


"พี่ๆ พวกพี่จะอยู่กี่มื้อ"


พงษ์ถามขึ้น ภูมิบุญกับก้องมองหน้ากันไม่เข้าใจ


"พี่จะอยู่ที่นี่อีกกี่วัน"


เขาพูดย้ำอีกที ภูมิบุญกับก้องจึงพยักหน้า


"อ๋อ กลับเย็นพรุ่งนี้ครับ"


ภูมิบุญตอบ เขายิ้มขึ้นมาทันที


"แล้วมื้อแลงสิเฮ็ดหยังกัน" "อ้อ แล้วคืนนี้จะทำอะไรกันพี่"


พงษ์พยายามพูดภาษากลางแม้จะแข็งๆอยู่แต่ก็ฟังง่ายกว่าภาษาถิ่น


"ทำไมไอ้น้อง อยากไปดูเหรอ"


ก้องถามคืนสายตาของพงษ์แวบมองไม่พอใจขึ้นมาทันที


"ก็อยากไปพี่ ผมไปได้ด้วยเหรอ"


พงษ์ย้อนถามคืน ก้องหันไปมองหน้าภูมิบุญ


"เอ่อ พี่ไม่แน่ใจนะครับน้องว่าจะไปดูได้หรือเปล่า แต่น่าจะได้เพราะเรามาอาศัยพื้นที่ของหมู่บ้านนี้ ชาวบ้านน่าจะเข้าไปดูได้"


ภูมิบุญบอกเขาอมยิ้มทันที


"นี่ไอ้น้อง พี่ถามหน่อยสิ ทำไมปล่อยให้ยายแกหาบน้ำคนเดียว เราไปไหนมาไม่มาช่วย ยายเขาแก่มากแล้วนะ ปล่อยให้ทำงานหนักๆแบบนี้ไม่ไหวนะน้อง"


ก้องได้ทีจ้องหน้าเขา พงษ์ตวัดสายตามองเช่นกันไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด


"ทำไมพี่ ก็ผมไปเล่นกับเพื่อนๆ ยายไม่ทำผมก็ทำอยู่ดี"


"แต่เราโตแล้วนะ ทำไมไม่ทำอะไรให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปเล่นกับเพื่อนๆ"


"แล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วย"


พงษ์ขึ้นเสียงทันที ลุกขึ้นจากแคร่จ้องหน้าตาเขม็ง


"เอ่อน้องครับ ใจเย็นๆนะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่เราเองก็ฟังที่พี่เขาพูดบ้างก็ดีนะ เวลามียายอยู่ด้วยเราทำอะไรให้ยายพอใจแล้วหรือยังล่ะครับ ถ้าวันไหนยายไม่อยู่ด้วยขึ้นมาจะเสียใจภายหลังนะพี่ว่า"


ภูมิบุญพูดเสียงราบเรียบคิดย้อนไปถึงตัวเอง พงษ์สะบัดหน้าเดินขึ้นเรือนไป ลงส้นเท้าหนักจนยายก่นด่าอยู่ข้างล่างใต้ถุน


"มีอะไรกันเหรอ"


พลอยเดินมามองหน้าทั้งสองคน


"ก็ไอ้เด็กนั่นน่ะสิ ว่านิดว่าหน่อยไม่ได้ออกอาการ เด็กสมัยนี้นะ นิสัยไม่ดี"


ก้องบ่นออกมา สายตายังคงโกรธอยู่


"เอาน่าก้อง น้องเขายังเด็ก เดี๋ยวโตขึ้นมาก็รู้เรื่องเองล่ะ"


ภูมิบุญพยายามปลอบใจเพื่อน พอกินข้าวเสร็จก็ลายายกลับไปที่โรงเรียน ระหว่างทางก็มืดสนิท มีเพียงแสงไฟตามเสาไฟฟ้าที่อยู่ในระยะห่างกันพอสมควร แต่ทั้งสามก็เดินจับมือกันคุยนั่นคุยนี่ไม่ได้กลัว พอถึงเขตโรงเรียนก็เดินไปยังสนามฟุตบอล


"อ้าวไปไหนมาครับน้องภูมิ พี่ตามหาแทบแย่"


พอเห็นหน้าของภูมิบุญที่เดินนำหน้าเพื่อนๆมา อ๊อฟก็ปรี่เข้าไปถาม


"อ้อ ผมไปกินข้าวกับยายที่ท้ายหมู่บ้านมาน่ะครับพี่อ๊อฟ แล้วนี่พี่กินข้าวแล้วเหรอครับ"


"เรียบร้อยแล้ว เออพอดีเลยพิธีกำลังจะเริ่ม ไปๆ ไปนั่งครับ น่าอิจฉาจัง ยายเขาทำอะไรให้กินอ่ะครับ"


"ต้มยำปลาช่อนครับพี่ อร่อยมาก"


ภูมิบุญตอบอ๊อฟแล้วเดินไปนั่งลงกับพื้นข้างๆเพื่อนคณะของตัวเอง พลอยกับก้องก็นั่งลงข้างๆ เพราะต้องทำพิธีไหว้ครูไบวงสรวงเทวดาฟ้าดินตามที่รุ่นพี่ตระเตรียมกันมา พิธีเริ่มทุกคนก็อยู่ในความสงบ กองไฟตรงกลางก็แตกดังเปรี๊ยะๆ เปลวไฟร้อนระอุโหมขึ้นส่องสว่างไปทั้งวงล้อม ทางครูใหญ่จัดหาคนมาสวดพิธีให้ บรรยากาศเริ่มวังเวงมีเพียงเสียงสวดเป็นภาษาถิ่น ทุกคนตั้งใจในการประกอบพิธีกรรม พอเสร็จพิธีรุ่นพี่ก็ไปส่งคนที่มาทำพิธีให้ คราวนี้การละเล่นจึงเริ่มขึ้นด้วยเสียงกลองเสียงกีตาร์ เคาะนั่นเคาะนี่ บรรดาคอเหล้าก็เริ่มตั้งวงกันทันที อ๊อฟเดินเข้าไปกลางวงแล้วประกาศว่าอยากให้น้องๆทุกคนรู้จักกัน จึงให้ทุกคนลุกขึ้นแนะนำตัว เสียงรุ่นพี่ดีดกีตาร์ตีกลองดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเริ่มมีการกินเหล้ากันบ้างแล้ว


"ชื่อ พลอยนภัสค่ะ หรือพลอย ปีหนึ่ง รัฐศาสตร์ค่ะ"


พอถึงตาพลอยก็ลุกขึ้นเอากระบอกเสียงที่รุ่นพี่ยื่นให้แหกปากบอกไป เสียงเพื่อนๆปรบมือ แต่ก็มีเสียงโห่มาจากมุมมืด


"น้องพลอยนี่เป็นทอมใช่ไหมคะ"


น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังเล็กลอดออกมาจากกลุ่มของนิตา พลอยยืนเม้มปากครั้นจะนั่งลงไม่ตอบเสียงเพื่อนๆก็เชียร์ให้ตอบ


"พลอยไม่ใช่ทอมค่ะ"


พลอยตอบออกไปตะกุกตะกัก


"ต๊ายแต่ท่าทางกระโดกกระดากแบบนี้ ไม่ค่อยเรียบร้อยเลยนะคะ"


เสียงนั้นยังไม่ยอมหยุด ตั้งใจให้คนที่ยืนอาย รุ่นพี่ก็พึ่งไม่ได้เพราะเริ่มเมา เห็นเสียงโห่ฮาดังก็เหมือนสนุกกับเสียงนั้นไปด้วย


"แล้วให้เรียบร้อยเหมือนใครล่ะคะ ให้เหมือนพี่ฟ้าเหรอคะ ที่วันๆเอาแต่แต่งหน้ามองหาผู้"


พลอยตะโกนออกไปเพราะรู้ว่าเสียงนั้นคือฟ้าศัตรูตัวฉกาจ พอพูดไม่จบประโยคก็นั่งลงทันที เสียงโห่ดังขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงกลอง


"เลวที่สุด นี่พวกมันจะไม่ยอมหยุดกันง่ายๆเลยเหรอ"


พลอยบ่น ภูมิบุญได้แต่ตบบ่าเพื่อนเบาๆ เพราะรายต่อไปคือเขาเอง ชะตากรรมของตัวเองก็ยังมองไม่ออกว่าออกหัวหรือก้อย


"ชื่อภูมิบุญ หรือภูมิครับ ปีหนึ่ง รัฐศาสตร์"


ภูมิบุญพูดออกไปเสียงไม่ดังมากนัก


"อะไรน้า ชื่ออะไรนะคะ ชื่อ ตุ๊ดบุญอะไรน๊ะ"


นิตาส่งเสียงขึ้น เสียงฮากันครืน ภูมิบุญเม้มปากแน่น


"ชื่อภูมิบุญครับ"


"อ้าว ไม่ค่ะหรอกเหรอคะน้องภูมิ เห็นหน้าหวานๆ"


"นั่งลงได้แล้วภูมิ" อ๊อฟบอก


"เดี๋ยวค่า น้องๆคะอยากรู้จักกับภูมิมากกว่านี้ไหม"


นิตาร้องขึ้นเสียงดัง น้องๆทุกคนก็ต้องบอกว่าอยากเป็นธรรมดา เสียงตอบรับดังอื้ออึงขึ้นพร้อมกัน


"ได้ไงคะพี่อ๊อฟ ให้น้องภูมิเล่าเรื่องตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิคะ ในฐานะที่เป็นคนดังวันนี้"


นิตายืนขึ้นเช่นกันสายตาจับจ้องมาที่ภูมิบุญ แสยะยิ้มอย่างสะใจ


"เอ่อ"


ภูมิบุญไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงมองหน้าอ๊อฟเหรอหราอยู่


"อยากรู้อะไรล่ะครับ น้องนิตาถามน้องเขามาสิ"


"ก็น้องภูมิเป็นคนจังหวัดอะไรคะ"


"เพชรบูรณ์ครับ" ภูมิบุญตอบโดยไม่ลังเล


"ต๊าย" นิตาร้องขึ้นแล้วเบะปาก


"ดีใจไหมคะที่ได้มาอยู่ในเมืองกรุง"


"ครับ" ภูมิบุญเริ่มเม้มปากแน่น


"น้องภูมิรู้ตัวไหมคะว่ากลายเป็นคนดังไปแล้ว วันนี้ไปไหนในมอมีใครไม่รู้จักน้องภูมิบ้างคะ"


นิตาเพิ่มเสียงให้ดังยิ่งขึ้น น้องๆที่ฟังอยู่ก็ตอบรับ รู้สึกสนุกสนานกันขึ้นมา


"ไม่ทราบครับ"


"ดังเพราะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่แรงไงล่ะคะ วันก่อน"


"นิตา พอได้แล้ว นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะเอาเรื่องส่วนตัวมาว่ากล่าวใคร ภูมินั่งลงได้แล้วจ๊ะ"


ฝ้ายลุกขึ้นมองหน้านิตา เพราะจ้องมองปฏิกริยาอยู่นานน้ำเสียงที่ทรงอำนาจกว่าดังกลบเสียงของนิตา ภูมิบุญเม้มปากนั่งลง เพื่อนๆเริ่มซุบซิบกันอยากรู้สายตามองมาที่ภูมิบุญเพียงคนเดียว


"แหม ก็จะได้ทำความรู้จักน้องเขานี่คะพี่ฝ้าย"


นิตาทำเสียงดัดจริตใส่ ภูมิบุญก้มหน้านิ่งพยายามทำจิตใจให้สงบ
พลอยกับก้องตบบ่าภูมิบุญเบาๆ

"พี่ขออาสาสมัครเป็นแดนซ์เซอร์หน่อยครับ ขอคณะละสองคน"


พอแนะนำตัวกันเสร็จก็เป็นการร้องรำทำเพลง อ๊อฟประกาศเสียงดัง น้องๆต่างเกี่ยงกันไม่ยอมมีใครออกมาง่ายๆเพราะยังไม่มีใครได้กินเหล้า เพราะรุ่นพี่ยังไม่ปล่อย


"งั้นพี่เลือกเอาเองนะครับ มาเราน่ะ เราอีกคนลุก"


อ๊อฟเดินไปหน้ารุ่นน้องคณะของตัวเอง แล้วชี้เอาเด็กแว่นกับน้องผู้หญิง ทั้งสองดูเหมือนจะอายไม่ยอมลุกโดยง่ายแต่น้ำเสียงที่ดุห้วนเด็ดขาดของอ๊อฟทำ ให้น้องทั้งสองดีดตัวขึ้นทันที


"อ้าวน้องคนนั้นน่ะครับ เราลุก"


อ๊อฟชี้นิ้วไปยังเด็กคณะนิติศาสตร์สองคน


"พลอย ภูมิ"


อ๊อฟยิ้มทันทีเมื่อมาถึงคณะรัฐศาสตร์ ชี้มือมายังคู่หูทั้งสองคน ก้องดันหลังพลอยให้ลุกทันที
ภูมิบุญจึงลุกตาม ทั้งที่จิตใจยังไม่เป็นปกติดีนัก

"อ้าวมากันครบแล้ว แต่พี่ว่าการที่จะเป็นแดนซ์เซอร์ของเราจะเป็นกันง่ายๆได้ไหมครับ"


อ๊อฟพูกเสียงดังน้องๆก็ตอบรับว่าไม่ง่าย


"งั้นเราให้เพื่อนๆทำอะไรกันก่อนดีครับ เอาอย่างนี้ ให้ทั้งหกคนหาเพื่อนมาอีกคนละหนึ่งคนจะได้ไม่เหงา แต่ต้องปิดตา เราเรียกเกมนี้ว่า ปิดตาหาคู่ ดีไหมครับ"


"เอาล่ะสิ ไอ้พี่นี่เป็นบ้าป่ะ"


พลอยสะกิดบอกภูมิบุญ ภูมิบุญก็พยีกหน้าให้ พอเสียงกองเชียร์ดังขึ้น รุ่นพี่ก็มาช่วยกันเอาผ้าปิดตาแล้วหมุนตัวน้องๆทั้งหกคน เหมือนอเกมปิดตาตีหม้อแล้วให้เดินไปจับเอาเพื่อนคนไหนก็ได้พอใจคนไหนก็จับดึงแขนออกมา แต่ละคนจะถูกแยกออกไปจากคณะของตัวเอง ภูมิบุญถูกดึงตัวไปหน้าคณะวิศวะ พลอยเองไปรัฐศาสตร์ พลอยมองจุดที่นั่งของแกงค์นิตาเอาไว้ เพราะไม่อยากจะเข้าใกล้ พอเริ่มหมุนตัวเพื่อนๆก็ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ บางคนจะเดินหลงเข้าไปในกองไฟ รุ่นพี่ต้องคอยดึงออกมา เสียงหัวเราะเคล้ากับเสียงเชียร์ดังอยู่ตลอดเวลา ภูมิบุญเดินเซหน้าเซหลังแต่ก็รีบโผเข้าไปจับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าไว้ พลอยเองก็เช่นกันพอตั้งตัวได้ก็ตะครุบทันที แต่พลอยโดนรุ่นพี่แกล้งให้หันหลังให้เพื่อนๆ พอหมุนมาครบรอบพลอยก็ถลาเข้าไปตะครุบดินไปเสีย เสียงเพื่อนๆหังเราะกันเกรียวกราว ภูมิบุญลากเพื่อนออกมาได้แล้วเป็นเด็กวิศวะปีหนึ่งเช่นกัน พลอยก็ไม่ละความพยายามตะครุบเอาเพื่อนมาได้เหมือนกัน เสียงโห่ฮายังดังก้องอยู่ตลอดเวลา ภูมิบุญได้เพื่อนชื่อต๊อปเป็นเด็กตัวสูงโปร่งผมหยิกแต่ตัวขาวตี๋ ส่วนพลอยได้เพื่อนตัวเล็กๆขาวๆชื่อโน๊ต พอได้เพื่อนมาตามที่อ๊อฟบอก อ๊อฟก็ให้ดำเนินการต่อโดยให้ทั้งหมดจับคู่กับเพื่อนที่ได้ตัวมาเต้นรำ แบบคู่รักโดยคู่ไหนเด็ดดวงมากที่สุดและถูกใจเพื่อนๆพี่ๆก็จะได้เข้าไปก่อน


"ขอเวลานอกค่าพี่ขา"


พลอยร้องขึ้น ทุกเสียงเงียบกริบหันไปมองทางพลอยทันที


"ว่าไงครับน้องพลอย"


"เอ่อ พี่โต้งๆ หนูขอสักกรึ๊บได้ไหมคะ ไม่งั้นหนูเต้นไม่ออก"


เสียงหัวเราะดังครืนขึ้นมาทันที


"ผมด้วยพี่"


ภูมิบุญเอาบ้างไม่ได้ฟังเสียงอ๊อฟเลยแม้แต่น้อย


"แต่มันเป็นเหล้าขาวนะน้องพลอย น้องภูมิ จะไหวเหราเราน่ะ"


โต้งที่เริ่มกึ่มเหล้าหน้าแดงอยู่ร้องบอก ทั้งที่ฝ้ายนั่งตีมืออยู่ข้างๆ


"ซ่ำบายมากค่าพี่โต้ง มาๆ ขอหนูสักกรึ๊บ"


พลอยปรี่เข้าไปหาโต้งทันที แล้วยกแก้วเหล้าขาวขึ้นเทลงคอไปรวดเดียว


"อ่า อ๊ายย"


พลอยดิ้นกระโดดอยู่กับที่หน้าแดงขึ้นมาสั่นตัวเอง
เหมือนกับผีเข้า

"ไหวไหมพลอย"


"ร้อนมาก อี๋ กินเข้าไปได้ไงเนี่ยพี่โต้ง"


พลอยทำท่าขนลุกทั้งที่ตัวเองเพิ่งกินเข้าไปเมื่อครู่


"ไหนเราลองบ้าง"


ภูมิบุญเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าจากโต้ง ฝ้ายปรามไว้แต่ภูมิบุญทำสายาอ้อนวอนฝ้ายจึงยอม ได้แต่ส่ายหน้าอยู่หันไปหยิกแฟนหนุ่ม


"อ่า ร้อนๆ"


ภูมิบุญดิ้นทำท่าไม่ต่างจากพลอย พอเหล้าเข้าปากไม่นานก็เริ่มตึงๆ เพื่อนๆที่ออกมาด้วยกันก็ไปขอกินเหล้าขาวกับโต้งเหมือนทั้งสอง พอทุกคนเริ่มกึ่มเหล้าก็ไม่มีอาย พอได้ยินเสียงกลองก็เต้นกระจาย ไม่มีคู่ไหนยอมกัน พอเริ่มเหนื่อยก็ปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นที่อยากร่วมสนุกออกมาร้องรำทำเพลง พลอยยังคงเต้นอยู่กลางวงเพราะดวดเหล้าไปสามแก้ว ส่วนภูมิบุญกลับมานั่งที่เดิม เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาอยู่คู่หนึ่งเฝ้ามองดูเขาอยู่ไกลๆไม่ยอมวางตา


"พี่ๆ ช่วยผมด้วย"


พงษ์เข้าไปสะกิดบอกภูมิบุญตอนที่ทุกคนออกไปสนุกกัน ภูมิบุญหันไปหาก็ตกใจเพราะไม่คิดว่าะเป็นพงษ์


"มีอะไรครับน้อง ให้ช่วยอะไร"


"ยายผมไม่สบายมากพี่ ไปดูให้ผมหน่อย"


พงษ์สร้างเรื่องขึ้นมา ภูมิบุญหน้าเสีย
ใจสั่น

"จริงเหรอ ยายเป็นอะไร"


"อย่าเพิ่งถามเลยพี่ ไปดูยายก่อนยายจะแย่แล้ว"


"ได้ๆ เดี๋ยวพี่ไปบอกเพื่อนก่อน"


"อย่านะพี่"


พงษ์รั้งแขนไว้ร้องออกมา สีหน้าดูวิตกกังวลเกรงว่าแผนจะแตก


"ทำไมครับ พี่ไม่ไปคนเดียวแน่ๆ"


ภูมิบุญเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของพงษ์ จ้องหน้าเขาเขม็ง


"รอแป๊บนะครับ พี่ไปบอกเพื่อนก่อน"


ภูมิบุญลุกไปทันที เดินเข้าไปหาก้องกับพลอยสองคนกำลังเมามันเพราะเริ่มเมาแล้ว


"พลอยๆ ยายไม่สบายเราจะไปดูยายหน่อยนะ"


"เฮ้ย เราไปด้วย"


ก้องร้องออกมาพลอยทำหน้าเสียแล้วเดินออกมาหาพงษ์ที่ยืนรออยู่ไกลจากสนามฟุตบอล


"ไหนยายเป็นอะไรน้อง"


ก้องถามทันทีเมื่อห็นหน้าของพงษ์


"ยายป่วยครับพี่ แต่ผมขี่จักรยานมานะ ซ้อนท้ายไปได้แค่คนเดียว"


"พี่วิ่งตามก็ได้"


ก้องไม่ยอมแพ้ พลอยเข้ามาถึงก็ถามถึงอาการยายแต่มองดูทีท่าของพงษ์แล้วไม่น่าไว้วางใจ


"ไปเถอะพี่ยายจะแย่อยู่แล้ว"


พงษ์เร่งในสันดานไม่ได้เป็นโจรแต่กำเนิด แม้จะเกเรไปบ้างแต่ไม่เคยล่อลวงใครแบบนี้มาก่อน กริยาอาการจึงเริ่มผิดวิสัยไป


"ภูมิซ้อนท้ายน้องเขาไปนะเดี๋ยวเราวิ่งตาม"


"ไม่เป็นไรก้อง เราวิ่งไปด้วยกัน"


"ไม่ได้ภูมินายรีบไปดูยายก่อนดีกว่าเผื่อเจ็บหนักจะได้ช่วยทัน เราจำทางไปบ้านยายได้"


ก้องบอกแล้วดันหลังให้ภูมิบุญนั่งซ้อนท้ายจักรยานของพงษ์แม้ในใจจะเริ่มวิตก แต่ก็ตัดใจไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้เป็นห่วงอยู่แค่ยายเกรงว่าจะเป็นอะไรไปก่อน ภาพของยายของตนก็โผล่แทรกเข้ามา ยายไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำลาแม้สักคำกับหลานชาย ไม่เหลือเวลาให้หลานชายได้กราบเท้าสักครั้งก่อนจากกันชั่วนิจนิรันดร์ เพราะหลานชายมัวแต่ไประเริงรักกับผู้ชายอยู่ หลานชายกำลังไปแก้แค้นคนอื่นแล้วปล่อยให้ยายจากไป ภูมิบุญเม้มปากเข้าหากัน ในใจร้อนรนมากกว่าเดิม พงษ์เองก็ปั่นจักรยานออกจากโรงเรียนมาก้องก็วิ่งตามอยู่ แต่พอพ้นจากสายตาของก้องพงษ์หักรถจักรยานเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น