วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบสาม

"แทนมานี่หน่อยซิ มาคุยกับพ่อหน่อย"


พอแทนทวีกลับเข้าบ้านไป นายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์ก็นั่งรออยู่ สีหน้าเคร่งเครียด มีแวนนั่งเชิดหน้าอยู่ใกล้ๆ แทนทวีมองไปด้วยสายตาที่หวั่นใจหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย

"คุณพ่อคะ แทนมันชอบผู้ชาย มันเป็นเกย์ อย่ายอมมันนะคะคุณพ่อ"

แวนฟ้องผู้เป็นบิดาอีกครั้ง หลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับภูมิบุญกับแทนทวีให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว

"แวน พ่อขอคุยกับน้องก่อน เราขึ้นไปข้างบนก่อน"

"คุณพ่อคะ แวนจะอยู่ด้วย"

"แวน"

แพทย์หญิงศิริกานต์เอ็ดขึ้นเสียงดัง ยังดีที่ยอมฟังมารดาบ้าง แวนค้อนวงใหญ่ก่อนจะลงส้นขึ้นบ้านไป

"ว่าไงแทน เรื่องมันเป็นยังไง"

บรรยากาศเครียดขึ้นมาทันที สายตาของบุพการีจ้องมองอย่างตำหนิ ผิดหวังไปในที

"ครับพ่อ"

แทนทวีระบายเสียงออกมาอย่างเคร่งเครียด หลุบสายตาลงต่ำ ในใจก็สั่นไหวไปตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีครั้งใดที่จะเผชิญกับความยากลำบากใจเท่าครั้งนี้เลย แม้ว่าจะยังไม่มีเสียงใดออกมาจากปากผู้เป็นบิดาหรือมารดา แต่เขาเองพอจะรู้ว่าเรื่องราวหรือคำพูดว่ามันจะเป็นไปในทิศทางใด

"เรื่องของภูมิน่ะแทน ตกลงมันยังไงกัน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ถามขึ้นน้ำเสียงไม่ต่างกันกับเจ้าตัว สีหน้าก็ดูขรึมไปมากจากปกติเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส

"ผมรักน้องภูมิครับ"

"ห๊า ไม่ได้นะแทน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องขึ้นเสียงหลง แทนทวีตัดสินใจพูดออกไป ไม่มีประโยชน์ที่จะกักเก็บเรื่องราวไว้ในใจ ไม่มีทางที่บอกปัดหรือปฏิเสธไป บอกออกจากใจบอกความจริง แล้วสายตาก็มองหน้าผู้เป็นบุพการีว่าจะมีปฏิกริยาเช่นไร ทั้งสองร้องออกมาเสียงดังหน้าถอดสีไป รู้ดีแก่ใจว่าบุตรชายเป็นคนเช่นไร เขาเป็นคนใจร้อนโผงผางเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม แต่เรื่องแบบนี้ เรื่องที่กระเทือนใจได้มากอย่างนี้เขาควรจะรู้จักรักษาน้ำใจของบิดามารดาบ้างสักหน่อยก็ยังดี แต่แทนทวีเองรักภูมิบุญหมดหัวใจมองไม่เห็นว่าใครจะสำคัญไปกว่าความรักที่เขามีให้แก่ภูมิบุญและความรักของภูมิบุญที่มอบให้คืนมา ในดวงตามีเพียงความรักปกคลุมมองไม่เห็นสิ่งใด

"ลูกจะเป็นเกย์ไม่ได้นะ คิดถึงหัวอกพ่อกับแม่บ้าง"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องขึ้น

"ทำไมครับแม่ เป็นเกย์มันเสียหายตรงไหน ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมรักน้องภูมิ เรารักกันนะครับพ่อแม่"

แทนทวีพูดออกไปเสียงแข็งกร้าว สายตาดุดันไม่ยอมฟังเสียง

"แทน มันเป็นไปไม่ได้ลูกก็รู้ เป็นผู้ชายจะไปรักชอบกับผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ"

"พ่อครับ นี่มันสมัยไหนแล้วครับ มันเป็นความสุขของผม ผมรักน้องเขามาก ผมยังไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน พ่อกับแม่อย่าห้ามเลยครับ"

แทนทวีอ้างเหตุผลของตนหนักแน่น

"ไม่ได้นะตาแทน แม่ห้ามเด็ดขาดจะสมัยไหนมันก็ไม่สมควร วงศ์ตระกูลเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แม่ยอมไม่ได้"

แพทย์หญิงศิริกานต์ยืนยันหนักแน่นเช่นกัน สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าบุตรชาย

"จะทำอะไรไว้หน้าพ่อกับแม่บ้างสิลูก ไม่ใช่ทำเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง พ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหนถ้าคนเขารู้ว่ามีลูกเป็นเกย์"

นายแพทย์แทนชัยย้ำความรู้สึกของผู้เป็นบุพการี มองหน้าแทนทวีถอนหายใจออกมาอย่างระอา

"ผมโตแล้วนะครับพ่อ ผมจะเป็นอะไรหรือชอบอะไรพ่อแม่ไม่เคยบังคับ แล้วนี่มันอะไร ความรักพ่อแม่ก็รู้ว่ามันห้ามกันไม่ได้ ถ้าผมห้ามได้ผมก็คงไม่ทำ พ่อแมก็ต้องเข้าใจผมบ้างนะครับ"

"ตาแทน ยังไงแม่ก็ไม่ยอมนะ คบกันน่ะแม่ไม่ว่าเพราะแม่ก็ชอบถูกชะตากับน้องเขาเหมือนกัน แต่จะให้เกินไปกว่านี้ แทนเองก็ต้องเข้าใจพ่อกับแม่บ้าง เราเป็นลูกชายคนเดียว ถ้าโตแล้วก็น่าจะคิดได้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ"

แทนทวีสะอึกกับคำพูดของผู้เป็นมารดา เม้มปากแน่นแต่ในใจก็ยังคิดหาทางไป เรื่องนี้มันจะไม่ใช่ปัญหา มันต้องมีทางออก เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ และไม่เคยคิดที่จะห้าม แทนทวีบอกกับตัวเอง

"เอาล่ะ พ่อให้เวลาคิด พ่อรู้ว่ามันลำบากใจ แต่เราเองก็ต้องคิดไปเผื่อวันข้างหน้าด้วยนะแทน ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มันเป็นเรื่องดีที่เราจะรักใครสักคน ใครก็ตาม แต่เราต้องมององค์ประกอบแวดล้อมของเราด้วยว่ามันเอื้อกันมากน้อยเพียงไหน ครอบครัวเราเป็นหมอมีชื่อเสียงอยู่ในสังคม เรื่องนี้มันก็ไม่ได้สำคัญหรอกนะ แต่พ่ออยากให้ตรองดูดีๆ มองไปไกลๆนะตาแทนอย่าด่วนตัดสินใจ"

นายแพทย์แทนชัยพูดเสียงราบเรียบนิ่งเข้มแข็ง แทนทวีเม้มปากหนักขึ้น

"วันนี้หรือวันไหนผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับพ่อ ผมรักภูมิ ยังไงผมก็รักภูมิ พ่อกับแม่จะบังคับผมยังไงผมก็ยังรักภูมิ วงศ์ตระกูลเราจะไม่เคยมีเกย์ หรือถ้าผมจะทำให้วงศ์ตระกูลเราเสื่อมเสีย ผมขอโทษ แต่พ่อกับแม่รู้ไว้นะครับว่าผมรักน้องเขามาก และไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนใจ"

"แทน"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องออกมา นายแพทย์แทนชัยเม้มปากแน่นสายตาโกรธจัดขึ้นมาทันที แทนทวีลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วหุนหันออกไปจากบ้านทันที สองสามีภรรยามองหน้ากัน ผู้เป็นสามีโอบกอดบ่าของภรรยาที่น้ำตาซึมออกมา

"ภูมิ ออกมาเจอพี่ได้ไหมครับ พี่อยากจะเจอภูมิ"

แทนทวีกดโทรศัพท์ไปหาภูมิบุญแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม

"มีอะไรหรือเปล่าครับพี่แทน"

น้ำเสียงที่ผิดวิสัยไปทำให้ภูมิบุญตื่นจากภวังค์

"พี่ไม่สบายใจเลยภูมิ พี่อยากเจอภูมิจริงๆนะ ออกมาเจอพี่หน่อยได้ไหม"

แทนทวีพูดออกมาน้ำเสียงขุ่นมัวจนภูมิบุญต้องกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง

"ครับได้ครับ พี่แทนอยู่ไหนครับเดี๋ยวภูมิจะออกไปหา"

พอแทนทวีบอกมาภูมิบุญก็รีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องไป ทุกคนนอนกันหมดแล้วภูมิบุญเดินออกทางประตูเล็กแทนทวีจอดรถรออยู่หน้าบ้านแล้ว พอเห็นหน้าภูมิบุญก็โผเข้าสวมกอดทันที

"พี่แทน มีอะไรหรือเปล่าครับ"

ภูมิบุญตกใจร้องออกมา

"ภูมิ พี่แวนไปบอกพ่อกับแม่แล้ว ท่านไม่ยอมภูมิ พี่จะทำยังไงดี ภูมิพี่จะทำยังไงดี"

เสียงเหมือนคนที่เริ่มจะร้องไห้ ภูมิบุญรู้สึกหัวใจสั่นไหวไป สิ่งที่คิดมันเกิดขึ้นจริงๆ อุปสรรคที่ใหญ่โตมันมาขวางกั้นจริงๆ หัวใจลอยละลิ่วไปไกลแสนไกล ร่างสั่นไหวไป ไม่มีเสียงใดหลุดจากปาก มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่รู้สึกหมดแรงอ่อนล้าลงทุกที สิ่งที่ทำมันคงสำแดงผลแล้วสินะ สิ่งที่ทำมาโดยตลอด มันคงสะท้อนผลกรรมแล้วสินะ เหมือนลูกบอลที่ปาไปใส่กำแพงฉันใด ผลกรรมอันนั้นก็เด้งสะท้อนเข้าหาคนที่ขว้างไปปาออกฉันนั้น

"พี่แทน"

"พี่ไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลย ทำไมต้องกีดกันทั้งที่แม่พี่เค้าชอบภูมิมากนะ พี่ไม่เข้าใจภูมิ นี่มันยุคไหนแล้ว พ่อแม่พี่หัวโบราณ"

แทนทวีระบายความอัดอั้นตันใจออกมากอดตัวของภูมิบุญไว้แน่น

"ใจเย็นๆนะครับพี่แทน ภูมิบอกแล้ว ภูมิเป็นตัวซวย อยู่ใกล้ใครคนนั้นก็มีแต่เรื่อง"

"ภูมิ อย่าพูดแบบนี้นะ พี่รักภูมิมากนะ พี่ไม่ยอมให้พ่อแม่มากำหนดทางเดินชีวิตของพี่หรอก"

ทั้งที่พยายามจะเบนประเด็นให้เขาไม่เคร่งเครียดมากเกินไป แต่คำตอบที่ออกมาจากปากจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้ภูมิบุญถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก

"แล้วพี่แทนจะทำยังไงครับ จะให้ภูมิทำยังไง"

น้ำตาซึมออกมา ความน้อยเนื้อต่ำใจตั้งแต่เมื่อวัยเยาว์สะท้อนออกมา มันจุกอยู่ที่คอพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะคิดทำสิ่งใดก้าวเข้าไปที่ไหน รังแต่จะเอาเรื่องเลวร้ายไปในที่แห่งนั้น เอาสิ่งอัปมงคลเข้าไปป้ายสีให้คนที่เข้ามาในชีวิต นี่มันอะไรกัน นี่มันอะไร ภูมิบุญเม้มปากแน่นตัวสั่นเทาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งที่ทำใจล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ว่าพ่อแม่ของแทนทวีคงไม่มีทางยอมรับให้ทั้งสองคบกันแต่โดยง่าย ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมทั้งหลาย ทั้งปวง ไม่มีเหตุใดเลยที่ท่านจะยอม ทำใจมาแล้ว รู้สึกสำเหนียกตัวเองดีอยู่แล้ว ตัวเป็นการิอาจจะเข้าไปสู่อ้อมกอดของหมู่หงษ์โดนเข้าแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติแล้ว

"ภูมิ เชื่อพี่นะครับ พี่ไม่ยอมหรอก ยังไงก็บังคับพี่ไม่ได้"

"พี่แทน อย่าเพิ่งใจร้อนเลยครับ เราทั้งสองคนมองไม่เห็นพรุ่งนี้หรอกครับ ไม่แน่หรอกพรุ่งนี้ทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นก็ได้"

ภูมิบุญพยายามปลอบใจทั้งตัวเขาเองและคนรัก

"พี่ก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นนะภูมิ"

แทนทวียังไม่สบายใจจึงพาภูมิบุญขับรถไปเรื่อยๆ เปิดกระจกรถให้ลมยามดึกพัดผ่านเข้ามาในรถ บางทีอาจจะดับความร้อนที่มีอยู่ในใจไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งสองนิ่งเงียบไปตลอดทางมีเพียงมือที่เกาะกุมกันอยู่ เหมือนจะสื่อดวงใจให้ถึงกัน ในยามทุกข์ต่างฝ่ายต่างมีใจยึดมั่นหนักแน่น ไม่เอนเอียงไม่ไหวติงกับสิ่งเร้าต่างๆ อันรักนั้นก็จะดำรงคงสถานะต่อไปได้ ภูมิบุญเองพยายามสื่อความรู้สึกออกไปผ่านไอร้อนของมือ แม้ในใจจะมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างอยากที่จะบอกไป แต่ตอนนี้เสียงเหล่านั้นของหัวใจบางทีนิ่งเงียบเสียน่าจะดีเสียกว่าพูดออกมาหมดจากใจ แทนทวีเองก็ลืมความกลัดกลุ้มไปได้แค่ชั่วขณะเวลาที่อยู่กับคนรักที่กุมมืออยู่ข้างกาย อยากจะระบายความรู้สึกออกมาจากใจเช่นกัน แต่ใช่ว่าพูดไปอะไรทุกอย่างมันจะดีขึ้น มีเพียงอย่างเดียวที่ดีขึ้นคือได้ระบายออก แต่ปัญหาก็ใช่ว่าจะคลี่คลายหรือจางหายไป พอลับตาคนที่รัก คนที่เป็นที่พักพิงของหัวใจ เรื่องหนักใจเหล่านั้นมันก็ถาโถมเข้ามาอีก แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีที่พักทางใจแม้นคราใดจิตใจเหนื่อยล้าก็ได้หวนคิดถึงเรียกดึงกำลังใจขึ้นมาได้

วันเวลาผ่านเลยไปเป็นอาทิตย์แทนทวีก็ใช่จะฟังคำทัดทานร้องขอของบิดามารดาไม่ เพราะเขาไปรับไปส่งแทนทวีอยู่ทุกวัน วันธรรมดาก็ไปค้างด้วยกันแต่ไม่ใช่คอนโดของโตโต้แต่เป็นคอนโดของแทนทวีเอง ภูมิบุญเองตอนแรกก็เกรงใจทางบ้านของตัวเองเช่นกัน แต่ก็เห็นใจแทนทวีอยู่มากเช่นกัน

ด้านแวนพอแทนทวีไม่กลับบ้านก็ยุยงบิดามารดาให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับแทนทวี โดยให้คำปรึกษาว่าถ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้วให้ส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเช่นเดียวกับตน ทางฝ่ายบิดามารดาก็กำลังปรึกษากันอยู่

"เอ๊ะ นิตานั่นมันพี่สาวของแทนนี่"

ฟ้าสะกิดบอกนิตาตอนเดินที่สยามพารากอน

"ไหน เออใช่เคยเห็นในรูปแทนเคยโชว์ให้ดู"

"เข้าไปทักสินิตา"

ฟ้าแนะนำ นิตาเดินปรี่ไปหาแวนทันที

"สวัสดีค่ะ หนูชื่อนิตานะคะ ไม่ทราบว่าพี่เป็นพี่สาวของแทนใช่ไหมคะ"

นิตาเปล่งเสียงทักออกไป แวนเหลือบสายตามามองอยู่แวบหนึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ก็หูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อของน้องชายของตน

"เธอรู้จักแทนด้วยเหรอ"

แวนร้องออกมาเสียงสูง

"ค่ะ ที่จริงนิตาเคยเป็นแฟนกับแทน แต่"

นิตาตีหน้าเศร้าแล้วเงียบเสียงไป

"เธอเป็นแฟนกับตาแทน"

แวนยังคงร้องออกมาโทนเสียงเดิม

"ค่ะ แต่"

นิตายังสงวนท่าทีห้มหน้าลงต่ำ

"เพราะอีตุ๊ดภูมิใช่ไหม"

"เอ๊ะ พี่รู้จักอีนั่นด้วยเหรอคะ"

"มากกว่ารู้จักเสียอีก ชั้นเกลียดมัน"

"หนูก็เกลียดมันค่ะ หนูกลียดมันที่มันทำให้แทนเปลี่ยนไป"

แม้รู้อยู่แก่ใจว่าแทนทวีไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แต่เขาไม่เคยคิดอะไรกับตัวเสียมากกว่าแต่ก็พูดยกตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นใจ แวนมองหน้านิตาแล้วฉายแววตาออกมา แววตาที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียยิ่งกว่าภูมิบุญ

"งั้นเรามาร่วมมือกันเขี่ยิีตุ๊ดนั่นออกไปให้พ้นทางดีไหมคะน้อง ชื่ออะไรนะ"

"เอ่อ นิตาค่ะ พี่"

"พี่ชื่อแวน ไปเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า"

แวนพานิตากับฟ้าไปหาที่นั่งคุยกัน ทั้งสามคุยกันอย่างถูกคอเพราะมาจากสังคมเดียวกัน ชอบในสิ่งเดียวกัน แม้ในใจจะค้านไหวติงอยู่ "ที่ใส่อยู่ก็งั้นๆล่ะ" "แต่งหน้าก็ไม่เป็น" แต่ก็ยิ้มออกมาพยักหน้าเออออไปตามกัน

"ภูมิ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ไหม ไปพัทยากับพี่นะ"

แทนทวีเอ่ยชวนตอนคืนวันพุธ เขาต้องรีบชวนเพราะรู้ว่าคืนวันศุกร์ภูมิบุญต้องกลับไปอยุ่บ้าน ครั้นจะดึงตัวออกมาก็เกรงใจอยุ่ไม่น้อย

"แล้วจะกลับมาเรียนทันเหรอครับพี่แทน ตอนเย็นภูมิมีเรียนภาษาด้วยนะ"

"โดดสักวันน่านะภูมิ พี่เซ็งๆ นะครับไปกับพี่หน่อย ไปเย็นค่ำๆก็กลับ"

"แล้วพี่แทนไม่เหนื่อยเหรอครับ ขับรถไกลนะ"

ภูมิบุญพยายามหาข้ออ้าง ไม่ใช่ไม่อยากไปแต่ด้วยความที่เกรงใจด้วยเป็นที่ตั้ง อีกอย่างตนก็อยู่ในฐานะที่จะออกไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ เพราะคนที่ส่งเสียให้เรียนคือแม่จันทร์ คนที่ทำงานบ้านอยู่งกๆหาเงินตัวเป็นเกลียวโดยที่ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ

"ไม่หรอกครับภูมิ มีภูมิไปด้วยต่อให้ไกลแค่ไหนพี่ก็ไม่หวั่นหรอกครับ"

แทนทวีพูดกลับมาด้วยคำหวาน ภูมิบุญถึงกับยิ้มออกมา "อันอ้อยตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย" ไม่เคยเก่าไปเลยสำหรับบทกลอนนี้ ยิ่งคนที่มีหัวใจรักต่อกันแล้ว แม้นยื่นเศษหญ้าเศษฟางให้แต่เศษหญ้าเศษฟางนั้นจะเป็นเหมือนของแทนใจ เพราะอีกฝ่ายจะเก็บมันไว้ตราบชั่วจะสิ้นลม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น