วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากยี่สิบสี่

พออาบน้ำล้างตัวเสร็จภูมิบุญก็สวมเสื้อผ้ารีบเดินออกจากห้องดำทันที โตโต้ยังนอนแผ่อยู่บนเตียง ภูมิบุญลากร่างตัวเองลงมาจากตึกอย่างยากลำบาก ครานี้เองที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยตัวเอง ฤทธิ์ของยาหรือ? ไม่มีสิ่งใดในโลกจะครอบงำเราได้ถ้าหากว่าจิตเรามั่นคง ตอนนี้ภูมิบุญกล่าวหาตัวเอง เสียใจถึงขั้นสุด พอถึงห้องก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงร้องไห้ออกมา ความเจ็บปวดของร่างกายที่เขาลากมันไปให้ศัตรูขย้ำถึงที่มันเริ่มเรียกร้องสิทธิ์ของมัน ความเจ็บระบมผุดขึ้นมาทั้งร่าง ภูมิบุญได้แต่นอนร้องไห้แม้จะมีสติคืนมาแล้ว แต่ร่างกายก็เหนื่อยอ่อนเกินไปที่จะคิดการณ์ไปไกลกว่าตอนนี้ ตัวเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้นไม่ใช่จากอานุภาพของยาแต่เป็นสิ่งที่แทรกเข้ามาจากการที่เขาพาร่างกายไปใช้งานหนักเกินความจำเป็น ภูมิบุญนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

**********************************

"พรุ่งนี้วันพ่อ อย่าลืมไปกราบคุณพ่อด้วยนะคะนักเรียน"

เสียงอาจารย์ประจำชั้นของชั้นประถมห้าบอกด้วยเสียงอันดังหน้าชั้นเรียน

"ครูครับ แต่นายภูมิไม่มีพ่อนี่ครับ พ่อมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วแบบนี้นายภูมิเขาจะไปกราบใครล่ะครับ"

เสียงของเพื่อนนักเรียนดัง ขึ้นพอพูดจบเสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้อง เด็กชายภูมิบุญก้มหน้าลงแทบจะมุดโต๊ะเรียน รู้สึกอายทุกครั้งที่เพื่อนๆล้อเลียนว่าไม่มีพ่อ เขาไม่รู้สึกชิน ไม่รู้สึกคุ้นเคยแม้จะไม่เคยมีพ่อมาตั้งแต่เกิด

"นายอภิชัย อย่าไปล้อเพื่อนแบบนั้นสิคะ ไม่เป็นไรนะภูมิบุญไม่มีพ่อก็ไปกราบลุงน้าอะไรก็ได้ที่ท่านเลี้ยงดูเรามา"

ครูออกจากห้องไปแล้ว นักเรียนที่พูดล้อเลียนเมื่อครู่เดินตรงเข้ามาหาภูมิบุญ

"เห็นแม่เราบอกว่า นายอยู่กับยายสองคนนี่หว่า แล้วลุงกับน้าจะไปหามาจากไหนวะ ไอ้ภูมิ"

"เออ นั่นดิเห็นเขาเราบอกว่าแม่นายไปเป็นคนใช้ที่กรุงเทพฯเหรอ จริงเร้อ แม่เราบอกแม่นายไปเป็นเมียน้อยเสี่ย"

เสียงหัวเราะดังกึกก้อง ภูมิบุญเม้มปากยืนขึ้นต่อยหน้าเพื่อนที่เป็นคนเริ่มล้อเลียนทันที

"โอ๊ย ไอ้ภูมิ"

ความโกรธเข้าครอบงำ ภูมิบุญถลาเข้าไปคร่อมตัวเพื่อนที่ล้มลงไปปล่อยหมัดออกไปนับไม่ถ้วนจนเลือด แดงเต็มมือ

"พอแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ มีอะไรกัน ห๊า"

ครูที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงปรี่เข้ามาห้าม ภูมิบุญไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปาก และเป็นโชคร้ายของภูมิบุญที่เพื่อนที่เขาต่อยหน้าจนเลือดสาดนั้นเป็นลูกของปลัดอำเภอ

"ยาย ยายเลี้ยงหลานยังไงให้เป็นนักเลงแบบนี้ ไม่ได้นะจะมาทำลูกผมแบบนี้ไม่ได้"

"ยายกราบขอโทษ ท่านปลัดนะคะ ยายสอนหลานไม่ดีเอง"

ยายวัยเจ็ดสิบเอ็ดยกมือพนมขึ้นไหว้ชายหนุ่นรุ่นลูก ชายคนนั้นไม่สนใจมองเลยแม้แต่น้อย

"ภูมิ มากราบขอโทษคุณปลัดเขาสิ ภูมิ"

ยายร้องไห้ออกมากวักมือเรียกหลานชายคนเดียวให้ทำอย่างที่ตนทำ

"แต่เขาว่าภูมินะยาย" เด็กชายภูมิบุญแย้ง ปากก็เม้มกลั้นน้ำตาเอาไว้

"เห็นไหม ร้ายกาจที่สุด ทำผิดยังไม่รู้จักสำนึกผิดอีก แบบนี้ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะยาย เด็กเกเรแบบนี้ให้เรียนที่นี่ไม่ได้แล้วนะ แล้วก็ยายต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ลูกชายผมด้วยนะ ไม่อย่างนั้นผมไม่ยอม"

อำนาจวาสนาเอย ถ้าใช้ให้ถูกพิจารณาให้ดี อำนาจนั้นมีพลังเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าปล่อยให้อำนาจวาสนานี้มาข่มขี่คนด้อยวาสนากว่าด้วยให้อำนาจนั้นครอบงำ ท่านผู้รู้ว่าเอาไว้ว่าคนผู้นั้นย่อมไม่เห็นความทุกข์ร้อนของคนอื่น เฉกเช่นช้างสารเหยียบย่ำหญ้าฉันท์นั้น คนชั้นผู้น้อยอาวุโสกว่าก้มหน้าน้ำตาไหลรินออกมา

"คุณปลัดขา ยายขอล่ะค่ะ อย่าทำอะไรรุนแรงเลย เด็กมันไม่ทันคิด ยายจะไปเอาเงินมาจากไหนยายกราบขอโทษ แทนหลานชายด้วยนะคะ"

ยายแก่ๆคนหนึ่งก้มลงจะกราบแทบเท้าของของคุณปลัดอำเภอ

"ยาย อย่า ยาย"

ภูมิบุญปรี่เข้าไปดึงยายขึ้นน้ำตาไหลสะอื้นไห้ออกมา สายตาจ้องมองคุณปลัดอำเภอ

"ปล่อยนะ ทำไมตอนทำไม่คิด ยายสอนกี่ทีแล้ว ว่าอย่าใช้อารมณ์"

เสียงยายดุหลานดังก้องห้องของอาจารย์ฝ่ายปกครอง

"ทำไมเป็นคนแบบนี้ภูมิ ยายสอนไม่รู้จักจำ"

เสียงยายสะอื้นร่ำไห้อยู่ ภาพที่เห็นช่างน่าสังเวชใจ อาจารย์ฝ่ายปกครองเองก็สงสารแต่คุณปลัดกับลูกชายกลับยืนยิ้มแสยะอยู่ไม่ได้สงสารหรือเห็นหัวอกหัวใจแต่อย่างใด ผลสรุปก็คือภูมิบุญต้องย้ายโรงเรียนกลางครัน จากโรงเรียนประจำจังหวัดใกล้ๆบ้าน ต้องระหกระเหินไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ ต้องตื่นแต่เช้าไปรอรถประจำทางเพื่อที่จะไปโรงเรียน ยายลงโทษหลานชายด้วยการไม่พูดคุยด้วยอยู่เป็นเดือน มันเป็นเดือนที่หนักหนาสำหรับเด็กชั้นประถมห้า มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย ไม่อยากจะจดจำ โลกที่เคยสว่างสุกใสกลับมืดมิดดับลง แสงสว่างที่เจิดจ้าอยู่รอบคัวพลันดับหายไป ความร่าเริงแจ่มใสที่เคยเห็นมันหายไปแล้ว

"ทำไมล่ะยาย ภูมิผิดเหรอที่ภูมิไม่มีพ่อ ภูมิผิดเหรอที่แม่ภูมิไปเป็นคนใช้เขา ทำไมล่ะยาย"

ภูมิบุญสะอื้นเรียกร้องสิทธิ์ของตน

"ภูมิ ฟังยายนะลูก เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ใช่ว่าเราจะเลือกทำไม่ได้ ทำดีสิลูก เป็นคนดี หนักแน่นให้มากกว่านี้ แม่เขาลำบากทำงานหาเงินมาส่งเราเรียนนะ เราจะทำตัวเกเรแบบนี้หรือลูก"

ยายกลั้นน้ำตากอดหลานไว้ในอก

"ทำไมเราต้องยอมเขาล่ะยาย ภูมิไม่ผิด ภูมิไม่ได้เป็นคนผิด"

"ภูมิ"

เสียงหลานชายที่ร้องไห้สะอื้นดัง ทำให้ยายพูดอะไรไม่ออก เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ยายคิดหนักถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ภูมิบุญเองก็แค้นใจกล่าวโทษว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ภูมิบุญอดทนเรียนชั้นประถมห้าจนจบชั้นประถมหกที่โรงเรียนใหม่ ไม่มีเพื่อนสนิทเพราะบุคลิกเปลี่ยนไปจากเด็กร่าเริงเป็นเงียบขรึม พูดจาก็ไม่มีไว้หน้าถ้าตนไม่ผิด พอเรียนชั้นมัธยมต้น มีเพื่อนอยู่สองคนไม่สนิทมากแต่ก็นับว่าเป็นเพื่อน ภูมิบุญมีนิสัยที่แปลกประหลาดขึ้น คือเป็นคนไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใคร แม้แต่อาจารย์ที่สอน มีมารยาทงามแต่ก้าวร้าวอยู่ในตัวถ้าเขาไม่ผิด พอขึ้นชั้นมัธยมปลายภูมิบุญก็กลับมาเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดเหมือนเคย และเขาก็ได้เจอกับลูกชายปลัดอำเภอ ภูมิบุญทำทุกวิถีทางให้ได้ใกล้ชิดกับเขา พอเด็กที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่จะพูด กลับพูดออกไปด้วยความคึกคะนอง ล้อเลียนปมด้อยของเพื่อนเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุกเวลาเปลี่ยนไปโตขึ้นคิดได้แล้ว ไม่ได้ล้อภูมิบุญอีกต่อไป แต่เจ้าตัวกลับแค้นใจไม่คิดให้อภัย ไม่เคยมีความคิดนี้เลยตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาต้องระเห็จย้ายที่เรียน หนำซ้ำยายที่เคยแข็งแรงก็มาป่วยกระเสาะกระแสะนับตั้งแต่นั้นมา ภูมิบุญใช้เสน่ห์ที่เขาคิดว่าเขามีตีซี้ตีสนิทกับอภิชัย จากชายแท้มาเป็นไม่แน่ใจ จากไม่แน่ใจมาเป็นมีใจ อภิชัยคือชายคนแรกของภูมิบุญ แต่ลับหลังภูมิบุญต้องการให้เขาเสียอนาคตเหมือนอย่างที่ภูมิบุญเคยเผชิญมา

"ภูมิ เรารักนาย"

คำๆนี้ยังก้องอยู่ในหัวของภูมิบุญ ต่อหน้าก็น้ำตาซึมกอดอภิชัยแน่น แต่ลับหลังเขามันคือรอยยิ้มของปีศาจ ภูมิบุญตัวติดกับอภิชัยจนชั้นมัธยมหก ไปไหนมาไหนด้วยกัน ภูมิบุญบอกอภิชัยไม่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบมากนัก เพราะตั้งใจว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนด้วยกันที่กรุงเทพฯ ไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันฉันท์คู่รัก แต่ภูมิบุญก็แอบอ่านหนังสือเวลาอยู่บ้านกับยาย แต่เวลาไปหาอภิชัยก็พาเขาตะลอนไปนั่นมานี่ พอผลสอบออกภูมิบุญติดคณะที่เขาตั้งใจไว้ เขาอยากเป็นปลัดอำเภอ เขาจะกลับมาเขี่ยพ่อของอภิชัยให้หลุดจากเก้าอี้ นี่คือที่มาที่ไปสาเหตุที่ทำให้ภูมิบุญอยากเรียนรัฐศาสตร์ อภิชัยสอบไม่ติดเพราะไม่ได้ใส่ใจ เวลานั้นยายผู้ที่เป็นที่รักของภูมิบุญก็มาจากไป ความมืดปกคลุมในใจทั้งที่เป็นช่วงปลายเทอมอีกไม่กี่เดือนก็จะจบมัธยมหกแล้ว ยายอยู่รอไม่ได้ ยื้อเวลาอีกสักวินาทีเพื่อให้หลานชายได้กล่าวคำลา ยื้อเวลาต่ออีกสักนาทีเพื่อให้หลานชายได้กราบเท้าตอนที่ยายยังหายใจอยู่ ทั้งที่ตอนยายมีชีตอยู่ภูมิบุญได้แค่กอดรัดแสดงความรัก อยากจะกราบเท้ายายให้ยายได้เห็นว่าหลานชายคนเดียวรักยายมากเพียงใดแต่ยายก็ไม่รอหลานเกเรอย่างภูมิบุญ เพราะเวลานั้นภูมิบุญอยู่กับอภิชัย ยายจากไปเพียงลำพัง หัวใจแตกสลายมลายหายไป ภูมิบุญไม่ยอมยกโทษให้ตัวเอง เกลียดตัวเองที่มัวแต่ระเริงอยู่กับศัตรู ภูมิบุญจิตใจร่วงลงสูเบื้องล่างจิตส่วนดีเหลืออยู่น้อยนิด ที่เหลืออยู่ก็จากคำพร่ำสอนของยาย ที่ยังก้องอยู่ในหัว "ทำดีนะภูมิ เป็นคนดี" ภูมิบุญสะอื้นปานใจจะขาด "ยายภูมิจะเป็นคนดี ภูมิจะทำดี แต่ภูมิจะไม่ให้อภัยคนที่ทำกับเรา"

"เราไม่เคยรักนายเลย จำได้ไหมตอนนั้น นายทำอะไรไว้กับเราและยาย"

เสียงของภูมิบุญแข็งดังชัดเจนจ้องหน้าอภิชัย

"เราไม่ได้ตั้งใจนะภูมิ ภูมิอย่าทิ้งเราไปนะ เราขอร้อง เรารักภูมินะ"

"ถุย รักเหรอ ไปรักควายโน่น เราไม่มีทางรักคนอย่างนาย ต่อจากนี้เราไม่ต้องมาเจอกันอีก นายทำลายชีวิตเรา"

"ภูมิ เราขอร้อง ยกโทษให้เราได้ไหม เราขอโทษ เรารักนายมากนะภูมิ"

ภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากเด็กชายหน้าตาดีคุกเข่าลงกอดขาภูมิบุญร้องไห้ปิ่มใจจะขาด แต่คนที่ยืนอยู่กลับนิ่งเฉยเตะขาออกให้พ้นจากการจับกุม ภูมิบุญไม่ยอมแม้กระทั่งพบหน้าของอภิชัยอีกเลย จุดหักเหของชีวิตวัยรุ่นแรงผลักของหัวใจเบี่ยงอภิชัยให้ออกนอกกรอบ เขากินเหล้าเมายาไม่ไปเรียน ทั้งที่เหลือเวลาอยู่ไม่กี่เดือนก็จะสำเร็จการศึกษา อภิชัยไม่เป็นผู้เป็นคนจนผู้เป็นบิดาทราบเรื่อง

"หนู พ่อขอล่ะนะ พ่อไม่อยากให้เจ้าชัยมันอยู่ในสภาพแบบนี้"

ปลัดอำเภอมาหาภูมิบุญถึงบ้าน ร้องขอเด็กที่ครั้งหนึ่งยายของเขาเคยก้มลงกราบเท้าชายคนนี้เหมือนกัน

"ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไร แล้วลูกคนใช้ไร้บิดาอย่างผมจะมีปัญญาอะไรไปพาลูกชายของท่านปลัดให้กลับมาเหมือนเดิมล่ะครับ"

ภูมิบุญตอบราบเรียบแต่สายตามองขึ้นที่สูงเม้มริมฝีปาก น้ำเสียงยโสนัก

"ยโสโอหังนัก นี่ชั้นมาขอร้องแกถึงที่นะยังจะมาปากดีอีก"

"ผม ขออนุญาตินะครับ ผมยังทำงานไม่เสร็จ"

ภูมิบุญเดินหนีไปทันที ปล่อยให้ผู้ที่เป็นปลัดอำเภอยืนกัดฟันมองตามหลังอย่างโกรธแค้น ภูมิบุญยิ้มแสยะออกมา "รอผมด้วยนะคุณปลัด อย่าเพิ่งเกษียรไปก่อน รอผมด้วย"

"ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไอ้ลูกคนใช้"

"อย่าเป็นคนไม่ดีนะลูก ภูมิหนักแน่นเข้าไว้"

"ยายจ๋า ยายอยู่ไหน ยายจ๋า ภูมิคิดถึงยาย"

"ไอ้ลูกคนใช้ พ่อมันไม่มีมันจึงไม่มีคนสอน มันถึงหยิ่งยโสอวดดีแบบนี้"

"ชั้นขอล่ะ ทำให้เจ้าชัยกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม"

"ไอ้ลูกคนใช้ ไม่มีพ่อ ไอ้เด็กมีปัญหา"

"ภูมิเรารักนาย เรารักนายมากได้ยินไหม ภูมิอย่าทิ้งเราไป เราขอโทษ"

"ยาย!!!!! ยายจ๋า อย่าทิ้งภูมิไป ยายจ๋า"

********************************

"ภูมิๆ ภูมิลูก ภูมิ"

เสียงของจันทร์กรีดร้องเอามือเขย่าตัวของบุตรชายที่กำลังเพ้อละเมอเพราะพิษไข้ เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้กินข้าวสักเม็ดอีกทั้งเผชิญกับเหตุการณ์ที่หนักหนาเลวร้าย

"ตายแล้วน้องภูมิ ตัวร้อนจี๋เลยพี่จันทร์"

"ภูมิๆ อ้อยวานไปเอาผ้าชุบน้ำให้ที"

"ยายจ๋า ยาย ภูมิขอโทษ ภูมิขอโทษ"

"ภูมิ โธ่ ภูมิ"

จันทร์ร้องไห้ออกมามองดูสภาพลูกชายที่หน้าแดงก่ำเพราะไข้ขึ้นสูง และสิ่งที่เขากำลังละเมอเพ้ออกมา

"อะไรกัน ใครเป็นอะไรเอะอะกันแต่เช้า"

เสียงของนายใหญ่เจ้าของบ้านเดินเข้ามาดู เพราะปกติตอนเช้าๆ จะเดินออกมาจิบน้ำชาที่โต๊ะหน้าบ้านคุยกับจันทร์ที่คอยรดน้ำต้นไม้ แต่วันนี้ไม่เห็นจันทร์จึงเดินมาดูที่ห้องพัก

"ตายแล้ว ภูมิๆ เป็นอะไรลูก อ้อยไปบอกลุงหมายเอารถออก"

ตุณอภิสราร้องออกคำสั่ง เพราะเห็นว่าภูมิบุญคงมีอาการผิดปกติ คุณอภิสรานั่งข้างเตียงกอดจันทร์ไว้ เอามือแตะหน้าผากของภูมิบุญแล้วก็เม้มปากเพราะตัวของภูมิบุญร้อนเหลือเกิน

"เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกไปงานวันเกิด เมื่อคืนกลับมากี่โมง"

คุณอภิสราซัก แต่จันทร์ก็ร้องไห้อยู่

"ไม่รู้กลับมาตอนไหนค่ะคุณท่าน แต่เมื่อเช้าจันทร์ไม่เห็นออกไปช่วยกวาดใบไม้เลยเข้ามาตาม ก็เห็นตาภูมิเพ้อใหญ่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น"

"โธ่ ตาภูมิ ไปๆ พาไปโรงบาล ต้องมีคำอธิบายให้ชั้นนะเรื่องนี้ ชั้นไม่ยอม"

เสียงคุณอภิสราเด็ดขาด แล้วลูบตามหน้าตามตาภูมิน้ำตาซึมออกมา ภูมิบุญเป็นไข้ธรรมดาแต่เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียเกินไปจึงเกิดอาการเพ้อ หมอฉีดยาให้แล้วนอนพักครึ่งวัน จันทร์จึงจะพากลับบ้านเพราะไม่อยากให้คุณอภิสราเสียค่าโรงพยาบาลเยอะเพราะลูกของตนไม่สบาย

ด้านพลอยพอก้องไปส่งหน้าบ้านก็รีบไปอาบน้ำอย่างที่ก้องบอก เปิดน้ำแช่ตัวอยู่เป็นชั่วโมงจนตัวซีดมือเหี่ยว พอไปนอนไข้ก็ขึ้นเช่นกัน รุ่งเช้าพี่สาวกับมารดาของพลอยก็พาส่งโรงพยาบาลเหมือนกัน ก้องเป็นคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรเพราะเขาลืมบอกเพื่อนๆให้ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วอาบน้ำบ่อยๆ แทนทวีตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ปั่นรถจักรยานมาหาภูมิบุญถึงบ้าน แต่อ้อยบอกว่าภูมิบุญเข้าโรงพยาบาล แทนทวีจึงตามไปที่โรงพยาบาล

"สวัสดีครับคุณป้า ผมแทนครับ เป็นเพื่อนของน้องภูมิ"

แทนทวียกมือไหว้จันทร์ ที่นั่งเฝ้าภูมิบุญอยู่

"ไหว้พระเถอะพ่อคุณ ตาภูมิยังหลับอยู่เลยจ๊ะ ไม่เพ้อแล้ว"

เสียงของจันทร์เศร้าสร้อย

"ผมผิดเองล่ะครับคุณป้า ที่ผมชวนน้องเขาไปงานวันเกิดเมื่อคืน"

แทนทวีเม้มปากบอกออกไป รู้สึกผิดสะท้อนใจที่เห็นสภาพของภูมิบุญที่นอนแน่นิ่งอยู่

"ทำไม ล่ะจ๊ะ มีอะไรกันหรือเปล่า"

จันทร์ทำเสียงอยากรู้ มองหน้าแทนทวีที่ก้มอยู่

"เอ่อ คือมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ แต่ผมขอรับผิดชอบน้องภูมิเองนะครับ ผมกราบขอโทษคุณป้าด้วย ที่สร้างความลำบาก ทำให้น้องภูมิต้องเจ็บ"

แทนทวีน้ำตาคลอยกมือไหว้จันทร์

"ตายแล้วพ่อคุณ อย่าเลยจ๊ะ ภูมิพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อคืนคงจะกินน้อยด้วยร่างกายเลยอ่อนเพลีย พ่อหนุ่มอย่าคิดมากนะจ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก"

นี่น่ะหรือคนใช้ที่พี่สาวของเขาใช้เป็นข้อต่อว่าถากถางภูมิบุญ เธอเป็นมารดาที่ประเสริฐไม่กล่าวว่าโทษอะไรเขาเลยแม้จะไม่รู้เรื่องทั้งหมดก็ตาม แทนทวีซาบซึ้งในน้ำใจของจันทร์เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้อยู่เฝ้าภูมิบุญเพราะก้องโทรหาบอกว่าพลอยป่วยเข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน แทนทวีจึงรีบบึ่งรถไปหา

วิบากกรรมไม่ใช่เรื่องน่าขัน หรือจะมามัวเศร้าเสียใจ เราทำได้เพียงก้มหน้าสู้กับมันอย่าได้ท้อแท้ หรือเงยหน้ากัดฟันสู้กับมันอย่าได้อาย ความเจ็บปวดมันไม่เพียงแต่ทำให้ใจหรือกายเราชอกช้ำเพียงอย่างเดียว แต่อย่างน้อยความเจ็บความปวดนี้มันก็เตือนให้เราระลึกว่า เรายังมีลมหายใจอยู่ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีลมหายใจ นั่นหมายถึงการมีชีวิตอยู่ ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคใดๆ เราก็จงก้าวเดินไป แม้จะล้มสักกี่ทีอย่าได้ยอมแพ้ที่จะก้าว เพื่อสิ่งที่เราหวังเอาไว้ในเบื้องหน้า สิ่งที่เราหมายปองจะไขว่คว้ามันมากอด เฉกเช่นภูมิบุญที่แม้วิบากกรรมจะนำพามาเจอแต่คนใจร้ายนิสัยเลว แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจเขาก็ยังจะสู้ สู้ในแบบของภูมิบุญ สู้ในแบบของคนดีที่เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้กับคนเลวแม้แต่สักครั้งเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น