วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบสี่

การกีดกันของพ่อแม่ของแทนทวีเริ่มหนักหน่วงขึ้น เพราะผู้เป็นบิดายึดรถ ยึดบัตรทุกชนิดแม้แต่กุญแจคอนโดก็ให้คนไปเปลี่ยน แทนทวีไม่มีทางเลือกต้องกลับบ้านทุกวัน ถ้าวันไหนเบื่อมากเข้าก็ไปนอนกับภูมิบุญที่คอนโดของโตโต้ แต่ต้องแอบไปเพราะให้เจ้าของรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ภูมิบุญเองก็เห็นใจแทนทวียิ่งนักแต่ก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ลุล่วงไปได้ ภูมิบุญปรึกษาพลอยกับก้องแต่ทั้งสองก็จนปัญญา เรื่องนี้หนักหนาเกินไปที่วุฒิภาวะของพลอยและก้องจะให้คำตอบได้ ภูมิบุญจึงหันหน้าไปหาฝ้าย

"ใจเย็นๆนะภูมิ พี่ว่าพ่อแม่ของแทนคงอยากจะเอาชนะ แต่ความคิดของผู้ใหญ่ท่านก็ย่อมมีเหตุผลของท่าน อย่าไปถือโทษโกรธเคืองท่านเลยนะ"

ฝ้ายถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา

"ภูมิรู้ตัวครับว่ามันไม่ควร แต่สงสารพี่แทนเหลือเกิน เพราะภูมิคนเดียว พอเข้ามาในชีวิตพี่แทน ทุกอย่างก็มีแต่แย่กับแย่"

เจ้าตัวก้มหน้าระบายความเครียดออกมากับลมหายใจ

"ภูมิ อย่าคิดแบบนั้นสิจ๊ะ การที่คนเราสักคนจะได้ทำความรู้จักกัน และยิ่งได้รักได้ผูกพันธ์กัน มันเป็นสิ่งดีนะ ถือเป็นคราวเคราะห์ของแทนเองที่เจอเรื่องแบบนี้เข้าพร้อมๆกัน แต่ก็ถือว่าเป็นด่านที่เราสองคนจะฝ่าฟันมันไปด้วยกันสิจ๊ะ คิดแบบนี้จะได้ไม่เครียด"

"ถ้าหากว่าภูมิเลิกกับพี่แทน พี่ฝ้ายว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นไหม"

ไม่มีทางออกใดในใจแล้ว มีเพียงทางนี้เท่าที่ภูมิบุญคิดได้

"ทำไมล่ะภูมิ ถ้าเลิกกันแล้วมันจะแก้ปัญหาได้เหรอ ความรักน่ะไม่ใช่ตัดวันเดียวก็ตัดได้นะ คนเราถ้าลองได้รักใครแล้วมันไม่ใช่อยากจะบอกให้หยุดแล้วจะหยุดได้ง่ายๆนะภูมิ"

ฝ้ายมองหน้าภูมิบุญอย่างเห็นอกเห็นใจ

"แล้วภูมิควรทำไงดีครับพี่ฝ้าย ภูมิคิดอะไรไม่ออกแล้ว"

"อย่าคิดมากนะภูมิ ถือว่าเรื่องในตอนนี้เป็นอุปสรรคพิสูจน์ใจเราทั้งสองคน ถ้ารักกันจริงพี่เชื่อว่าผู้ใหญ่ท่านต้องเห็นใจ ไม่ช้าท่านก็ต้องเข้าใจ"

ฝ้ายตบบ่าภูมิบุญเบาๆ ภูมิบุญก้มหน้านิ่งน้ำตาซึมออกมา ความทุกข์ร้อนในใจมันโหมทวีความรุนแรงขึ้น ไฟในทรวงมันยิ่งเพิ่มแรงเผาไหม้ให้หัวอกตรอมตรมมอดไหม้ไป ยิ่งคิดยิ่งหาทางออกยิ่งมืดมนจนหนทาง ภูมิบุญขรึมลงมากนิ่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง

"เป็นไรครับภูมิ เห็นหน้าพี่แล้วไม่ดีใจเหรอ"

แทนทวียังเป็นแทนทวีคนเดิม รอยยิ้มเต็มดวงหน้าไม่เคยเลือนหายไป แม้จะเคยแสดงความเครียดออกมาให้เห็นบ้าง แต่พอเจอเรื่องทุกข์หนักเข้าจริงๆเขาเองก็ไม่อยากให้ภูมิบุญหนักใจไปด้วยเลย

"พี่แทน"

ภูมิบุญร้องออกมา โผเข้ากอดแทนทวีไม่อายใคร น้ำตาเจ้ากรรมมันไหลรินออกมา

"เป็นไรครับภูมิ ใครทำอะไรบอกพี่มา"

แทนทวีจับตัวภูมิบุญออกมาจ้องหน้าภูมิบุญที่ตัวสั่นไหวไป

"พี่แทน ภูมิรักพี่แทนนะ รักมาก"

ร่ำไห้ออกมา แทนทวียิ้มออกมา

"รักพี่ต้องร้องไห้ด้วยเหรอครับ"

"ภูมิเห็นใจพี่แทนนะครับ ภูมิเสียใจที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"

"ภูมิไม่เอานะครับ เรื่องแค่นี้เองพี่ไม่เป็นไร แต่พี่ต้องมารับภูมิแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้วแค่นั้นเอง"

แทนทวีพูดติดตลกแล้วหัวเราะออกมา

"ภูมิไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอกครับ พี่แทนเถอะเคยนั่งหรือเปล่ารถเมล์น่ะ"

"สบายมาก ไม่เคยก็ต้องฝึก ไม่เห็นลำบากตรงไหนเลย ภูมิยังนั่งได้ทำไมพี่จะนั่งไม่ได้"

น้ำเสียงที่หนักแน่นมันเป็นกำลังใจให้กันและกันได้ดีเหลือเกิน เหมือนยาดฝนโปรยลงกลางทะเลทราย เหมือนยาวิเศษหยดลงบนริมฝีปากของคนที่ลมหายใจรวยระรินจวนเจียนจะขาดใจ ทั้งสองนั่งรถเมล์กลับบ้านเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ แทนทวีไม่ได้มีปัญหากับการนั่งรถเมล์แต่อย่างใด น่าแปลกบางสถานการณ์ที่เลวร้ายเรามักจะเห็นอะไรบางอย่าง ทั้งสองคนนี้ก็มองเห็นเช่นกัน เขาเห็นแสงแห่งรักที่เจิดจ้า ไออุ่นของอีกคนมันเป็นเหมือนแรงใจเติมเต็มให้กันไม่เคยขาด ยิ่งลำบากยิ่งโดนกีดกันความรักที่มีให้กันมันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น

"ตาแทน พอเรียนจบแล้วพ่อติดต่อหาที่เรียนให้เราได้แล้วนะ"

นายแพทย์แทนชัยเอ่ยขึ้นระหว่างที่แทนทวีเดินเข้าบ้านมา เขาหยุดกึกลงเพราะช่วงหลังแทนทวีเองก็ไม่คุยกับบิดามารดา ไม่ร่วมโต๊ะอาหาร วันไหนถ้าไม่ได้ไปข้างนอกก็จะขลุกอยู่แต่ในห้อง แทนทวีฉายแววตาฉุนไม่พอใจขึ้นทันที

"ผมไม่ไปครับ ผมอยากจะทำงาน"

"แทน ไม่ได้นะลูก ยังไงเราก็ต้องเรียนต่อ พ่อไม่ยอม"

"นี่พ่อจะกีดกันผมไปถึงไหน ผมไม่มีทางยอมแพ้หรอกครับ พ่ออย่าพยายามเลย ผมรักภูมิ ไม่ว่าจะยังไงผมก็รักน้องเขา"

"มันไม่เกี่ยวกันนะตาแทน เรื่องนั้นพ่อกับแม่ตกลงกันแล้ว พ่อกับแม่ไม่ห้ามแล้ว จะรักจะชอบใครก็ตามใจแก แต่พ่อขออย่างเดียวเรียนจบแล้ว ให้ไปต่อโทที่โน่น"

คำพูดของนายแพทย์แทนชัยทำให้แทนทวีหัวใจเต้นแรงขึ้นมา

"อะไรนะพ่อ เมื่อกี๊พ่อบอกว่าอะไรนะครับ"

"พ่อกับแม่ไม่ห้ามแกแล้ว เรื่องภูมิ ตามใจแก แต่นั่นล่ะอย่างที่พ่อพูด แกต้องไปเรียนต่อ"

แทนทวียิ้มออกมาอยากจะกระโดดเข้ากอดผู้เป็นบิดา

"จริงเหรอครับพ่อ พ่อพูดจริงนะ"

แทนทวีร้องออกมาอย่างดีใจ เขารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องทันที

"ภูมิ ภูมิ พ่อแม่พี่ไม่ห้ามแล้วเรื่องระหว่างเรา พ่อแม่พี่ยอมแล้วภูมิ พี่ดีใจจริงๆเลย"

แทนทวีกดโทรศัพท์ไปหาภูมิบุญทันทีขณะที่เขากำลังช่วยอ้อยทำกับข้าวอยู่

"จริงเหรอครับพี่แทน"

"จริงครับ เมื่อกี๊พ่อเพิ่งบอกพี่เอง พี่ดีใจจังเลยภูมิ เราไม่มีอุปสรรคแล้ว"

หัวใจของภูมิบุญพองโตขึ้นมาหลังจากที่แฟบห่อเหี่ยวมานาน

"ภูมิก็ดีใจครับ ดีใจจริงๆ"

ภูมิบุญร้องออกมาอย่างดีใจ แล้วเดินยิ้มกลับเข้าไปในครัว จนอ้อยทักเพราะก่อนหน้านี้ภูมิจะเงียบขรึมไป

ด้านแวนกับนิตาก็เจอกันบ่อยขึ้น ปากบอกว่าจะนัดคุยเรื่องหาวิธีจัดการกับภูมิบุญแต่พอเอาเข้าจริงๆก็พากันไปเดินซื้อของ ผลาญเงินเล่นไปตามประสา

"แล้วเรื่องอีตุ๊ดนั่นเราจะทำยังไงดีคะพี่แวน นิตาว่ายิ่งรอนานยิ่งแกะมันกับแทนออกจากกันยากนะคะ"

นิตาถามขึ้นในร้านกาแฟที่ทั้งสองไปนั่งพักเหนื่อยหลังจากที่เดินตะเวนซื้อของ

"ก็คิดอยู่นะคะน้องนิตา เราจะทำอะไรบุ่มบ่ามมากไม่ได้ เดี๋ยวนี้ไอ้แทนมันยิ่งตึงๆกับที่บ้านอยู่ พี่เองก็เข้าถึงตัวมันยาก"

"ตกลงนิตาจะได้ตบล้างแค้นมันไหมคะ"

"แหมน้องนิตา พี่แวนก็อยากจะตบหน้ามันนะคะ พูดมาแล้วคันมือ"

"หรือเราจะหลอกมันออกมาดีคะ แล้วจัดการมันเลย"

นิตาเสนอความคิดขึ้น แวนฉายแววตาครุ่นคิดอยู่

"อืม เข้าท่าค่ะ แต่เราจะหลอกมันออกมายังไงล่ะคะ ไอ้แทนคอยตามแจ"

"เห็นพี่แวนบอกว่าแทนต้องพาคุณแม่ไปดูพลอยต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ เราก็ใช้โอกาสช่วงนั้น หลอกว่าแทนไม่สบายหรืออะไรก็ได้ค่ะ"

"ต๊าย ฉลาดนะเรา ถ้าแสดงละครคงไม่พ้นบทตัวอิจฉานะพี่ว่า"

แวนแอบกระแนะกระแหน

"แหมพี่แวนก็ แล้วใครล่ะคะจะได้บทนางเอก"

"อ้าว จะใครล่ะคะน้องนิตาก็ พี่แวนนี่ไงคะสวยขนาดนี้"

นิตาแสยะยิ้มออกมาอยากจะอ๊วกใส่หน้า "ทั้งหน้าหล่อนน่ะศัลกรรมทั้งนั้น นึกว่าชั้นไม่รู้เหรอ นังแป้งเบอร์หนึ่ง" นิตาคิดในใจ

"ไม่เห็นด้วยเหรอคะ น้องนิตา"

แวนเห็นนิตาทำท่าคิดจึงถามขึ้น

"อุ๊ยเห็นด้วยสิค๊ะ เหมาะสมที่สุดเลยค่ะ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นางเอกที่เพรีบพร้อมแบบพี่แวนน่ะ"

นิตาเองก็กระแนะกระแหนบ้างแต่แวนไม่ได้สนใจ ยิ้มกริ่มเชิดคอขึ้นสูง

ด้านแทนทวีพอบิดามารดาไม่ได้ขัดข้องแล้วก็กลับมาเป็นคนเดิม เว้นแต่การสนทนากับพี่สาวซึ่งเขาไม่คุยด้วยเลย แทนทวีเป็นคนใจร้อนวู่วามความคิดความอ่านเป็นพวกหัวรุนแรงไม่ยอมใคร ด้วยเหตุนี้ผู้เป็นบุพการีซึ่งเลี้ยงดูมาย่อมรู้ดีแก่ใจ

"เราบังคับตาแทนไม่ได้หรอกค่ะคุณ น้องว่าต้องใช้วิธีที่แนบเนียนกว่านี้นะคะ"

คืนก่อนหน้าที่นายแพทย์แทนชัยจะเอ่ยปากบอกบุตรชาย แทย์หญิงศิริกานต์เอ่ยขึ้นก่อนเข้านอน

"แล้วเราควรทำยังไงดีล่ะคุณ"

"น้องว่าเราส่งตาแทนไปต่อโทที่ออสเตรเลียสักสองสามปี เรื่องมันคงจะดีขึ้นนะคะ"

อันความคิดของอิสตรีเพศละเอียดแยบยลกว่าผู้เป็นบุรุษเพศ คิดไปไกลแสนไกลทั้งหน้าและหลัง แม้ผู้สามีจะเป็นช้างเท้าหน้าแต่ภรรยาผู้นี้เป็นคนหนุนหลังอยู่ทุกเรื่อง

"ตาแทนมันจะยอมเหรอคุณ นี่มันก็หาว่าเราพรากมันออกจากกันอยู่"

"ยอมสิคะคุณ น้องว่าให้ตาแทนคบกันกับภูมิต่อไปนั่นล่ะค่ะ แล้วแทนก็จะยอมเอง"

"อ้าว ตกลงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนี่คุณ"

นายแพทย์แทนชัยส่ายหน้ากับความคิดของผู้เป็นภรรยา

"คุณคะ เรายอมแค่ตอนนี้เท่านั้นไงคะ พอตาแทนไปเรียน น้องเชื่อว่าอะไรๆมันจะต้องดีขึ้น ความรักของคนเราน่ะต่อให้มากมายสักแค่ไหน ระยะทางมันก็เป็นตัวพิสูจน์ได้ดีนะคะ น้องรู้นิสัยลูกดีค่ะ แทนเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ เชื่อน้องนะคะคุณ น้องว่าทำแบบนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว"

แม้จะบอกไม่หมดแต่นายแพทย์แทนชัยก็เข้าใจจุดประสงค์ของภรรยาทันที พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิด

"แต่น้องสงสารแต่ภูมิ เสียดายนะคะที่ไม่ได้เป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้หญิงน้องคงไม่ปล่อยไปเหมือนกันล่ะ"

แพทย์หญิงศิริกานต์ระบายความในใจออกมา มองหน้าผู้เป็นสามีที่ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน

"ภูมิวันศุกร์นี้พี่ไปรับไม่ได้นะครับ พี่ต้องพาแม่ไปจันทร์อีกแล้วอ่ะ"

แทนทวีเอ่ยปากขึ้นในตอนเย็นที่ขับรถกลับมาส่งภูมิบุญที่คอนโด เขาได้กรรมสิทธิ์คืนมาทุกอย่างแล้ว

"อ้อ ไม่เป็นไรครับ พอดีพลอยจะนัดไปดูหนังกับพี่ไพลิน พี่แทนไม่ต้องห่วงนะครับ"

"ไม่อยากจะไปเลยอ่ะ ไม่อยากห่างภูมิไปไหนเลยสักวัน"

"พี่แทนครับ เราจะมาตัวติดกันมากๆเดี๋ยวคนเขาก็หมั่นไส้ขึ้นมาอีกหรอก ห่างกันสิครับดี จะได้รู้ว่าเราคิดถึงกันอยู่"

"แหมภูมิ นี่นั่งอยู่ข้างๆพี่ก็ยังคิดถึงเราเลยนะ ให้ห่างไปไกลไม่คิดถึงแย่เลยเหรอ"

แทนทวีหัวเราะออกมา ความตึงเครียดทั้งหลายเหมือนจะพ้นผ่านไปได้ ภูมิบุญยอมรับนับถือน้ำใจของนายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์มาก ที่จริงก็เข้าใจว่าทำไมท่าถึงกีดกัน เมื่อได้คุยกับฝ้ายแล้วความคิดก็เปลี่ยนไป คนที่มีชื่อเสียงอยู่ในสังคมเป็นชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด เขาคงไม่ยอมให้เด็กกะโปโลที่ไหนมาทำลายมันลงได้แค่เพียงข้ามคืนหรอก แต่นี่ท่านทั้งสองก็ยอมให้แทนทวีคบกับภูมิบุญโดยไม่ได้กีดกันอะไรอีก

"พ่อแม่พี่แทนนี่ประเสริฐจริงๆนะครับ ภูมิดีใจมากที่ท่านยอมให้เราคบกัน"

ภูมิบุญพูดออกมา แทนทวีหันหน้ามายิ้มอย่างภูมิใจ

"ครับ พี่ก็ดีใจ ไม่คิดว่าพ่อแม่จะยอมง่ายๆแบบนี้"

"คงเป็นบุญของภูมิล่ะครับ ที่ท่านไม่กีดกันแล้ว"

"แต่ภูมิ พอพี่เรียนจบแล้ว พี่สัญญากับท่านว่าจะไปเรียนต่อโทนะ"

แทนทวีตัดสินใจพูดออกมา ภูมิบุญมองหน้าของแทนทวีอ้าปากไม่ถึงวินาที แต่ก็ยิ้มออกมา

"ดีออกครับพี่แทน เพื่อนอนาคตของพี่แทนเอง"

"พี่ไม่อยากไปเลย ไม่อยากห่างจากเรา"

"แหม ห่างกันก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทันสมัยจะตาย เราติดต่อกันได้ทุกเมื่อล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก"

"แต่พี่ก็ยังไม่อยากไปอยู่ดี พี่กลัวว่าใครจะมาวอแวกับเราน่ะสิ"

แทนทวีพูดออกมาเสียงขรึมลงทันที

"พี่แทน เชื่อภูมินะครับ หัวใจภูมิไม่มีที่เหลือให้ใครแล้ว มันเป็นของพี่แทนคนเดียว ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน"

ภูมิบุญเองก็พูดออกไปเสียงหนักแน่นเช่นกัน แทนทวียิ้มออกมาได้

"ว่าแต่พี่แทนเถอะ ไปอยู่ไกลๆภูมิ อย่าไปจีบใครน้า"

"ภูมิครับ พี่สัญญาพี่รักภูมิคนเดียว ทั้งวันนี้และตลอดไป พี่รักภูมิคนเดียว"

มีคนเคยบอกว่าเรื่องเกี่ยวกับอนาคตที่เรามองไม่เห็น หรือแม้จะมองเห็นก็อย่าไปสัญยิงสัญญามัดผูกใครไว้กับเรา ถ้าทำได้อย่างที่สัญญามันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากไม่คนที่เจ็บไม่ใช่คนพูดหรอก แต่เป็นคนที่จำเอาจดเอาคำสัญญาเหล่านั้นเข้าไปในใจเขียนไว้ดังจารข้อความลงบนแท่นไม้เสาหิน เป็นความสัจจริงที่ว่าเวลาที่หมุนผ่านไปแต่ละวินาทีมันเป็นบทพิสูจน์ของอะไรหลายๆอย่าง เวลานำพาทุกอย่างไปได้จากตัวเรา ความเยาว์วัย ความหนุ่มสาว ความมั่นใจ ความคิด แม้แต่ความรัก แต่ถ้าหากว่าจิตใจเราหนักแน่นเชื่อใจรักมั่นกัน เวลามันก็เป็นเพียงตัวบอกวันเวลาที่วันนั้นเราจะได้มาเจอะเจอพบกันอีกก็เท่านั้นเอง

วันศุกร์ภูมิบุญดูหนังกับพลอยและไพลินเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน ต่อรถสองแถวเช่นเคย พอกลับถึงบ้านก็เห็นโตโต้กำลังฝึกตีกอล์ฟอยู่ลานหน้าบ้าน นานแล้วสินะที่ไม่ได้คุยกับโตโต้ ไม่ได้อยากจะคุย เรื่องราวที่ผ่านเข้ามามันรวดเร็วมากมายจนความรู้สึกที่มีต่อโตโต้มันก็เลือนหายไปเช่นกัน

"กลับซะค่ำเชียว ไปหาผัวน้อยมาเหรอ"

แต่คำพูดกระทบกระแทกของคนตัวใหญ่ยังไม่ได้ลดระดับลงเลยแม้แต่น้อย ในใจของเขายังขุ่นมัวเกลียดชังอยู่

"ถามทำไมไม่ตอบ ผลั๊วะ"

โตโต้เอาถุงมือทิ้งลงพื้นแล้วหวดไปด้วยไม้ตีกอล์ฟ ถุงถือหนังพุ่งตรงไปกระทบร่างของภูมิบุญ รายนั้นสะดุ้งแม้จะไม่เจ็บแต่ก็ตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้

"ผมมีเรียนภาษาอังกฤษน่ะครับ เลยกลับค่ำ"

ภูมิบุญโกหกไป เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะบอกความจริงกับคนผู้นี้

"เหรอ นึกว่าไปกกกับผัวมา"

"ผมขอตัวนะครับ"

ภูมิบุญรู้สึกเหนื่อยหน่ายจะจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวใหญ่ที่ทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้

"แหม พอผัวคุยด้วยหน่อยสะดีดสะดิ้งนะ"

"คุณโตโต้ครับ พอเสียทีผมไม่อยากมีเรื่อง"

ภูมิบุญพูดแล้วจะเดินหนีไป โตโต้เดินมาขวางหน้าไว้

"เดี๋ยว จะรีบไปไหนล่ะ นี่นานแค่ไหนล้วนะที่เราไม่ได้เอากันน่ะ คืนนี้ไปหาหน่อยดิ"

โตโต้ทำตาหวานฉ่ำ

"ผมเหนื่อยครับ อยากจะอ่านหนังสือ อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับผมขอร้อง"

"หึหึ มันเอากี่รอบล่ะถึงเหนื่อย ไม่มีมาเผื่อผัวคนนี้เลยนะ ทำไมมันดีกว่าพี่งั้นเหรอ"

ไม่อยากจะต่อปากต่อคำ แต่คำพูดทุกคำที่หลุดออกมาจากปากของเขา คนที่ร่ำเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา คนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีความรู้การศึกษาดีมีภาษีเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญคนนี้มันเหมือนถุยน้ำลายออกมารดตัวรดหน้าของภูมิบุญอยู่

"ก็ไม่กี่รอบหรอกครับ แต่ช่วงนี้ติดเขา เพราะลีลาท่าทางมันคนละชั้นกับคุณ"

"มันดีกว่าพี่ตรงไหน"

"ทุกตรง ผมไปได้หรือยัง"

ภูมิบุญยิ้มที่มุมปากมองเขาจากหัวจรดปลายเท้าแล้วแสยะยิ้มออกมา โตโต้กัดฟันแน่น ภูมิบุญรีบเดินหนีไปทันที

"กูก็เริ่มจะไม่ไหวกับมึงแล้วเหมือนกันไอ้ภูมิ"

โตโต้หัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินเข้าบ้านไป คิดหาวิธีที่จะทำให้ภูมิบุญมาหาตนที่ห้องให้ได้ในคืนนี้ ความรู้สึกลึกๆที่มันผุดขึ้นมาเวลาเจอหน้าของภูมิบุญ คืออยากเข้าไปว่ากล่าว หรือพูดอะไรก็ได้ให้ภูมิบุญเสวนาด้วย ใจจริงก็ไม่อยากจะว่าแรงๆเหมือนกัน แต่ยิ่งว่าแรงภูมิบุญก็ยิ่งตอบโต้มาแรงเท่ากัน โตโต้ยิ้มออกมา เขาชอบแบบนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น