เสียงนกกระจิบร้องทักทายอยู่หน้าบ้านตั้งแต่รุ่งเช้า ภูมิบุญงัวเงียตื่นขึ้นมามองหายายกับพงษ์ ไม่มีใครอยู่บนบ้านแล้ว เสียงยายบ่นอยู่ใต้ถุนบ้าน ภูมิบุญลุกจากที่นอนแล้วพับผ้าห่มเก็บมุ้งให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะเดินลงมาจากบนบ้าน
"อ้าว ตื่นแล้วบ่อหล่า นอนหลับบ่อ"
พอยายเห็นหน้าก็ทักทาย ยายกำลังต้มแกงทำกับข้าวอยู่ ส่วนพงษ์ก็กำลังหิ้วน้ำมาเทใส่ตุ่ม
"หลับครับยาย ยายทำกับข้าวเหรอครับ"
"ยายเฮ็ดแนวกิน แกงเห็ดละโงกเด้หล่า เคยกินบ่อ"
ภูมิบุญทำหน้างงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
"หอมจังครับยาย"
ภูมิบุญชะโงกหน้าไปดูในหม้อแกงี่กำลังเดือดพล่านอยู่ ไอของแกงลอยออกมาปะทะจมูก
"แซบเด้หล่า"
ภูมิบุญยิ้มแกงเห็ดสีส้มๆเหมือนจะมีเมือกเหมือนกระเพาะปลาเคลือบอยู่สีสันน่ากินดี พอคุยอยู่กับยายสักพักก็เดินไปหาพงษ์ที่ทำหน้าเจื่อนๆเมื่อเผชิญหน้ากับภูมิบุญโดยตรง
"ให้พี่ช่วยไหมพงษ์"
"บ่อเป็นหยัง เอ้ย ไม่เป็นไรครับพี่ ช่วงนี้ฝนตกเลยไม่ได้ไปตักที่บ่อ รองเอาน้ำฝนไว้ใช้ครับ"
"อากาศดีจังเนอะ"
ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปิดแต่เค้าฝนที่ปลายฟ้าทางทิศใต้ก็เริ่มมองเห็นอยู่ไกลๆ แสงสว่างครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ก้อนเมฆที่ลอยอยู่เป็นกลุ่มๆเหมือนจะบอกให้รู้ว่าฝนจะตกอีกในไม่ช้านี้
"พี่มาเที่ยวเหรอครับ"
พงษ์ถามขึ้นสายตามองอยู่ที่ใบหน้าของภูมิบุญ พอพงษ์ถามขึ้นก็ถอนหายใจออกมา ยิ้มแห้งๆให้
"ครับ พี่มาเยี่ยมยาย พี่ขออยู่ด้วยสักสองสามวันนะพงษ์"
"เอ่อ ครับพี่ ยายผมดีใจนะ"
พงษ์ทำหน้าไม่ถูกเมื่อภูมิบุญยิ้มให้ รีบตักน้ำจากโอ่งใบใหญ่แล้วเอาไปใส่ใบเล็ก ภูมิบุญเดินไปล้างหน้าล้างตาแล้วขึ้นบ้านไปเอาแปรงสีฟันกับของใช้ส่วนตัวลงมา พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินกลับไปหายายอีก
"มาหล่ากินเข้า มีแต่แกงเห็ดเด้ กับแจ่วสิกินได้บ่อ"
"เอ่อ กินได้ครับยาย ผมกินง่าย น่ากินจังเลยครับ"
พออยู่ด้วยสีกพักก็เริ่มคุ้นเคยกับภาษาแม้จะยังพูดไม่ได้แต่ก็พอเข้าใจรู้เรื่อง ภูมิบุญช่วยยายยกอาหารออกมาวาง
"พงษ์ไม่ไปโรงเรียนเหรอครับ"
"ปิดเทอมครับพี่ ปิดเทอมเล็ก"
พงษ์บอกแล้วตั้งหน้าตั้งตาตักแกงเห็ดเข้าปาก ภูมิบุญลองกินดูบ้าง เห็ดมีรสชาติกรุบๆมีเมือกเคลือบอยู่ ตอนแรกก็ไม่กล้ากินแต่เห็นยายกับพงษ์กินก็เลยเอาบ้าง อีกอย่างจะมาทำตัวเป็นคุณหนูที่นี่ทั้งที่บากหน้ามาพึ่งเขาก็เห็นจะไม่ควร ภูมิบุญเคี้ยวเห็ดในปากช้าๆ
"อืม อร่อยจังเลยครับยาย รสชาติแปลกดี"
ที่ว่าแปลกคือไม่เหมือนเห็ดทั่วไปที่เคยกิน เห็ดฟางเห็ดนางฟ้าเวลาเคี้ยวไปเราจะรับรู้ได้ว่ามันมาจากการปลูกขึ้นเพื่อธุรกิจ แต่เห็ดชนิดนี้เวลาเคี้ยวไป รับรู้ได้ว่ามันเกิดขึ้นเองตามดินตามป่า เคี้ยวอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะมีสารพิษเจือปน
"เดี๋ยวยายว่าสิไปเก็บเห็ดหัวดอน อยากไปกับยายบ่อหล่า"
ยายพูดขึ้น ภูมิบุญกำลังเป่าเห็ดที่ร้อนเป็นไออยู่
"ไปครับยาย"
ยายหัวเราะแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไป พอกินข้าวเสร็จภูมิบุญก็ช่วยยายเก็บกวาด นั่งคุยกันอยู่สักพักยายก็เตรียมตัว มีตะกร้ากับเสียมอันเล็กๆ ส่วนพงษ์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นใส่กางเกงยีนส์เก่าๆกับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีมอๆ หยิบมาให้ภูมิบุญด้วยตัวหนึ่ง ยายเอาหมวกปีกสานจากไม้ไผ่ให้ภูมิบุญใส่เพราะเกรงว่าแดดจะร้อน ทั้งสามออกจากบ้านไปในตอนสาย
ด้านแทนทวีหลังจากที่ฝืนสังขารขับรถมาทั้งวัน แต่ด้วยที่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเขาจึงน็อคไปหมดแรงตาจะปิด กัสเป็นคนขับรถแต่ก็เข้าพักที่โรงแรมในเมืองขอนแก่นก่อน แต่แทนทวีนอนตื่นเกือบสิบโมงเช้า พอตื่นขึ้นมาก็โวยวายเสียงดังลั่น
"ทำไมมึงไม่ปลุกกู ไอ้กัส"
"อ้าว เฮ้ย ใจเย็นๆไอ้แทน ไอ้ห่ามึงยังกะผีตายซากกูเห็นเหนื่อยๆก็เลยไม่ปลุก กูผิดอีกว่างั้น"
"โว้ย"
หัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าห้องน้ำไปไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาพร้อมเดินทาง
"มึงไม่กินอะไรก่อนเหรอไอ้แทน"
"แดกบนรถ"
ตะคอกเสียงกลับมา กัสได้แต่ส่ายหน้าเดินตามแทนทวีไป
แสงแดดยามสายร้อนแรงเปรี้ยงปร้าง แต่ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านร่มเงาของต้นไม้พอจะบรรเทาความร้อนระอุของแสงอาทิตย์ได้ แต่ไอความชื้นของฝนที่เก็บสะสมอยู่ตามดินตามเศษใบไม้กลับตีกลับขึ้นมาให้คนที่อยู่บริเวณนั้นเหงื่อไหลกันถ้วนหน้า
"แม่ใหญ่ๆ แม่นเห็นเผิ้งบ่อนี้"
พงษ์ร้องออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ยายเงยหน้าขึ้นจากการเขี่ยเศษใบไม้หาเห็ด เดินเข้าไปดู
"ป้าด เห็ดเผิ้งทาม หมานหลายมื้อนี้" (เห็ดผึ้งหรือเห็ดตับเต่าหรือเห็ดห้า สรรพคุณบำรุงร่างกาย กระจายโลหิต ดับพิษร้อนภายใน)
ภูมิบุญเดินตามไปดู เห็ดรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดสีน้ำตาลเข้มๆเป็นกลุ่มๆอยู่ ยายรีบเอามือดึงเห็ดออกมาใส่ในตะกร้าพงษ์เองก็ช่วย ภูมิบุญนั่งลงข้างๆยายแล้วทำบ้าง จิตใจผ่องแผ้วขึ้นมามาก ธรรมชาติที่โอบอุ้มอยู่รอบกายทุเลาบรรเทาอาการทางใจได้เป็นอย่างดี เสียงนกเสียงหริ่งเรไรในป่าเหมือนมโหรีกล่อมอยู่ไม่ขาดสาย ลมเย็นเอื่อยๆปัดเป่าความร้อนจากภายนอกและภายใน ความสุขมันมีอยู่แค่ตรงนี้นี่เอง ทำไมคนเราสรรหาความสุขกันในทางที่แปลกประหลาด ดีดดันตัวเองขึ้นบีบบังคับตัวเองแข่งขันกับเขาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขามี สิ่งที่เขาเป็น แต่กว่าจะได้มาเหมือนเขาเราก็เสพแต่ทุกข์อยู่เป็นนิจ แล้วพอได้มันมาสิ่งนั้นมันคือสุขจริงหรือ อันความสุขมันอยู่แค่ตรงนี้ตรงหน้าของเราเอง อยู่หอนอนห้องพัดลมก็สุข นั่งเก้าอี้เก่าๆห้องโทรมๆก็สุข นั่งรถเมล์เบียดคนแย่งคนก็สุข ถ้าใจเราสุข ถ้าใจเราพอในสิ่งที่มี เสพกับสิ่งที่มีพอเพียงกับสิ่งที่มี แค่นี้มันก็สุขแล้ว แต่กระนั้นถ้าหากไม่รู้จักคำว่าทุกข์เลยไฉนเราจะชื่นชมกับความสุขที่ได้รับมาอย่างไร
"ป้าดมื้อนี้หมานแท้ได้เห็ดเต็มต่า"
ยายยิ้มด้วยความดีใจ เห็ดหลากหลายชนิดเต็มตะกร้า ภูมิบุญอาสาถือตะกร้าให้ยาย ขากลับพงษ์กีปีนขึ้นเก็บลูกลำดวนสีม่วงแก่เป็นพวงเล็กๆมาให้ภูมิบุญลองกินดู รสชาติหวานเหมือนลูกหว้าแต่สีม่วงของลูกลำดวนก็ติดปากติดลิ้นอยู่นานเหมือนกัน
"พี่ผมจะไปวางเบ็ดที่นาอยากไปดูไหม"
พงษ์ชวนขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน
"ไปดิพงษ์ ไม่ได้มานานแล้วเขาทำนากันเสร็จแล้วเหรอ"
"เสร็จล้วพี่ ตอนนี้มีปลาแล้ว"
พงษ์ดูเปลี่ยนไปจากเด็กที่จับกลุ่มกันตามศาลากลางหมู่บ้านแซวคนนั้นคนนี้ที่ผ่านทาง มาตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ท่าทางเอาการเอางาน ภูมิบุญยิ้มออกมาสูดเอาอากาศในป่าเข้าไปให้เต็มปอด ความบริสุทธิ์สดชื่นของอากาศหวังให้มันเข้าไปเยียวยาบาดแผลภายในให้หายในเร็ววัน
"แม่ใหญ่ ข่อยสิไปใส่เบ็ดเด้อ อ้ายเพิ่นสิไปนำ"
พงษ์บอกยายแล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์
"สิไปนำมันบ่อหล่า เบิ่งอ้ายเขาดีๆเด้อบักพงษ์ เพิ่นบ่อเคยเฮ็ดเด้"
ยายกำชับให้ดูแลภูมิบุญให้ดีเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ภูมิบุญมองยายหลานแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข คิดไม่ผิดจริงๆที่กลับมาที่นี่ ภูมิบุญนั่งซ้อนจักรยานไปกับพงษ์เขาปั่นจักรยานไปตามถนนเส้นเล็กๆผ่านทุ่งนา ไป ข้าวที่ตั้งกอเป็นสีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาช่างเป็นภาพที่น่ามองเสียจริง ภูมิบุญมองออกไปไกลภาพเบื้องหน้าแม้จะไม่ใช่ สถานที่วิเศษหรือเป็นที่ที่ใครหลายคนอยากไป แต่กลิ่นไอของท้องทุ่ง สีเขียวของต้นข้าว ฟ้าสีครามจางๆระบายอยู่ด้วยก้อนเมฆมันก็งามวิจิตรเช่นกัน ภูมิบุญยืนมองดูพงษ์ปักเป็ดกับคันนา เดินตามเขาทุกฝีก้าว เหยื่อล่อปลาคือไส้เดือนที่พงษ์ไปขุดมาหลังบ้าน ตัดเป็นชิ้นๆแล้วเสียบกับเบ็ดปักลงไป พงษ์บอกว่าปกติเขาจะมาปักเป็ดกันตอนหัวค่ำเพราะช่วงนั้นปลาออกหาอาหาร แต่ปักเวลานี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะพงษ์เองบอกว่าจะออกมาปักอีกรอบตอนค่ำ
"มีห้วยด้วยเหรอพงษ์"
ภูมิบุญถามเพราะเห็นคูดินสูงเป็นแถวยาวตระหง่านอยู่ไกลๆ
"อ้อครับ ห้วยขุดน่ะพี่ อยากไปดูไหม มีบัวแดงด้วยนะ"
ภูมิบุญพยักหน้าแล้วเดินตามพงษ์ไป ลัดเลาะคันนาไปสักพักก็ยืนอยู่บนคูดิน
"น้ำขุ่นจังเนอะ"
"หน้าฝนครับพี่ พอหน้าหนาวมันก็จะใส พี่อยากได้ดอกบัวไหมเดี๋ยวผมลงเอาให้"
"ไม่เป็นไรหรอกพงษ์เดี๋ยวเปียก"
ไม่ได้ฟังเสียงของภูมิบุญพงษ์เดินลงไปในห้วยทันที อ้าปากจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทัน พงษ์ดึงเอาสายบัวขึ้นมาหอบใหญ่
"กินได้นะพี่สายบัวน่ะ เดี๋ยววันนี้ให้ยายแกงใส่ปลาช่อนให้กิน"
พงษ์บอกแล้วม้วนสายบัวแล้วเอาคล้องกับคอ ภูมิบุญเอามาถือไว้ในมือดอกหนึ่ง
"ปลาติดเบ็ดแล้วพี่"
พอเดินกลับไปดูเบ็ดอีกครั้งคันเบ็ดก็กระตุกไหวอยู่ แต่มองไม่เห็นตัวปลาเพราะน้ำในนาขุ่น ภูมิบุญรู้สึกตื่นเต้นไปยืนอยู่ใกล้ๆ
"ปลาดุก"
พงษ์ร้องออกมาแล้วชักเบ็ดขึ้นจากน้ำ ปลาดุกตัวเขื่องๆดิ้นอยู่กลางอากาศ พงษ์จับใส่ตะข้องอย่างทะมัดทะแมง
"โชคดีจังเลยนะ"
ภูมิบุญบอกแล้วยิ้ม เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการจับปลาแบบเป็นๆ พงษ์เดินดูเบ็ดที่ปักไว้อีกรอบมีปลาติดเบ็ดหลายตัว ทั้งปลาช่อนปลาหมอ แต่บางคันก็เป็นปูนาตัวม่วงพงษ์ก็เอาเหมือนกันโดยใส่หักก้ามปูออกเพราะกลัวว่าจะไปหนีบตัวปลา
"ร้อนไหมพี่"
"นิดหน่อย ไม่เป็นไรพี่ไหว"
"ผมว่าเรากลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวยายด่าผม"
พงษ์บอกแล้วถือของเดินนำไปทางที่จอดจักรยานไว้ ภูมิบุญก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเริ่มร้อนจริงๆจังๆขึ้นมา เมฆก้อนใหญ่ดำทะมึนอยู่ทางทิศใต้ ฝนตั้งเค้ามาแล้วตั้งแต่บ่ายพงษ์รีบปั่นจักรยานกลับบ้านทันที
ส่วนแทนทวีก็ขับรถลิ่วจนกัสห้ามอยู่ทุกนาที เขาขับเร็วจนกัสต้องขอขับเอง พอกัสขับก็บ่นว่าขับช้าไม่ได้ดังใจ
"มึงจะรีบไปไหนวะ กูรู้ว่าอยากเจอน้องเขา แต่กูว่าน้องเขาไม่เป็นไรหรอก จะเป็นก็เรานี่ล่ะ"
กัสบ่นออกมาแทนทวีฟึดฟัดอยู่ ในใจยังร้อนรนอยู่มากแม้จะได้นอนหลับพักผ่อนมาแล้วทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นความร้อนใจนั้นใช่จะหายไปกลับทวีความรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ถึงมุกดาหารตอนบ่ายกว่าๆ กัสจำเส้นทางได้ขับเลี้ยวเข้าถนนลูกรังที่เคยมาเมื่อครั้งรับน้อง แต่ถนนที่โดนฝนไม่มีฝุ่นแดงๆนั้นให้เห็นอีก
"ที่นี่เหรอ"
แทนทวีถามขึ้นเมื่อกัสขับรถผ่านโรงเรียน
"อืม แต่กูไม่แน่ใจนะว่าน้องภูมิจะไปอยู่ไหน"
"อ้าวไอ้นี่ แล้วกูจะไปหายังไงล่ะ"
"อ้าว ก็ตอนนั้นกูไม่ได้ตามน้องเขาไปนี่หว่า เห็นบอกว่าไปบ้านยายนี่ล่ะตอนนั้นจำไม่ได้ เห็นยายมาส่งตอนหลับด้วยนะ กูจำหน้ายายได้"
"โว้ย จะเจอไหมวันนี้ ไม่ต้องไปเดินหาทีละบ้านเหรอวะ"
"ไอ้แทน มึงใจเย็นๆดิหมู่บ้านใช่จะใหญ่โต เดี๋ยวกูไปถามผู้ใหญ่บ้านให้"
กัสเริ่มรำคาญตัดบทไป เขาขับรถตรงไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ๆเคยไปรอคิดอาบน้ำ พอไต่ถามได้เรื่องแล้วก็กลับมาที่รถ
"ว่าไงไอ้กัส"
"รู้แล้ว ชื่อยายสา บ้านอยู่ท้ายหมู่บ้าน"
"ไปเลย เร็วๆ"
แทนทวีเร่ง กัสจิ๊ปากใส่ พอขับรถไปถึงหน้าบ้านแทนทวีก็ลงจากรถ ยืนมองสภาพบ้านอยู่
"ที่นี่เหรอแก ภูมิเขาจะอยู่ยังไงวะ"
สภาพบ้านที่ทรุดโทรมทำให้จิตใจล่วงหล่นไป คนรักของเขาต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้น่ะหรือ แทนทวีมองดูรอบๆบริเวณบ้าน
"มาหาไผบักหล่า"
ยายเดินออกมาจากบ้านร้องทักไป แทนทวีสะดุ้งแล้วยกมือไหว้
"เอ่อ ผมมาหาน้องภูมิน่ะครับยาย ภูมิมาที่นี่ไหม"
"อ้อ บักหล่านั่นบ่อ มันไปใส่เบ็ดตั๊ว มาๆเข้ามานั่งในเฮือนก่อน มันฮ้อน"
แทนทวีหันไปมองหน้ากัสที่ลงจากรถมายืนข้างๆ กัสพยักหน้าให้เดินตามยายเข้าบ้านไป
"ไปจั๋งได๋มาจั๋งได๋ล่ะบักหล่า บักหล่ามันมาเมื่อคืนตั๊ว มาฮอดเดิกๆ"
ยายเล่าสองคนมองหน้ากันเหรอหรา แทนทวีเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบของภูมิบุญที่ถอดไว้ตรงบันไดขึ้นบ้านก็ยิ้มออกมา
"ภูมิไปไหนนะครับยาย"
"มันไปใส่เบ็ด หัวนาพู้น"
"จะกลับมากี่โมงครับยาย"
"จั๊กหน่อยก็กลับมาแล้ว นั่งท่ามันอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวยายสิไปเอาน้ำฝนมาให้กิน"
ยายพูดแล้วลุกจากแคร่เดินไปตักน้ำในโอ่งมาให้แทนทวีกับกัส ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ก็ยกขึ้นดื่มเพราะเกรงใจยาย
"กลิ่นแปลกๆว่ะ"
"ยังไงวะ"
กัสถามแทนทวีทำหน้าเจื่อนๆ
"กลิ่นน้ำฝนนี่นะแปลก"
กัสยกขึ้นดื่มบ้าง
"กินเข้ากินปลามาแล้วติ๊บักหล่า"
"เอ่อ"
ทั้งสองยังคงมองหน้ากัน
"ท่าจั๊กคราวเด้อ เดี๋ยวมันกะมาแล้ว เดี๋ยวยายสิแกงเห็ดสู่กิน"
ยิ่งไปกันใหญ่ทั้งสองทำหน้าเหรอหรา ไม่คิดว่าจะอยู่กินข้าวที่นี่ เพราะคิดว่าเจอภูมิบุญแล้วก็จะพาตัวกลับกรุงเทพฯเลย พอพงษ์ปั่นจักรยานเข้ามาถึงบริเวณหน้าบ้าน ภูมิบุญเห็นรถสีดำที่จอดอยู่ก็รู้ทันทีว่าเป็นรถของใคร ใจสั่นเต้นโครมคราม ทั้งดีใจและเสียใจระคนกันอยู่แยกไม่ออก ดีใจที่จะได้เจอหน้าคนที่รัก แต่เสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเขาคือต้นเหตุ แทนทวีกับกัสหันไปตามเสียงรถจักรยาน
"ภูมิ"
แทนทวีกระโดดลงจากแคร่ทันที
"พี่แทน"
รายนั้นก็กระโดดลงจากท้ายจักรยานของพงษ์จนรถส่ายไปมา ภูมิบุญวิ่งเข้ามาโผกอดแทนทวีทันที
"พี่คิดถึงภูมิเหลือเกิน ภูมิรู้ไหม พี่คิดถึงเหลือเกิน"
แทนทวีร้องออกมากอดตัวของภูมิบุญไว้แน่น
"ภูมิขอโทษ ภูมิก็คิดถึงพี่แทน คิดถึงเหลือเกิน"
น้ำตาซึมออกมากอดรัดเขาไว้แน่นเช่นกัน สายตาของอีกสามคนที่มองดูยิ้มออกมา เวลาที่ผ่านไปแม้ดูเหมือนเร็วแต่ความรู้สึกกลับเนิ่นนาน ทั้งสองเดินจูงมือกันออกไปคุยข้างนอกบ้าน ปรับความเข้าใจกัน
"พี่รู้เรื่องทุกอย่างแล้วภูมิ ทำไมใจร้ายกันถึงขนาดนี้นะ"
"ภูมิไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ภูมิเสียใจ ไม่ได้อยากให้พี่นิตาเขา"
"ไม่เป็นไรนะครับภูมิ พี่เข้าใจ แต่ถือเป็นกรรมของนิตาเองนะ อย่าคิดมาก เราไม่ผิดหรอก"
แทนทวีกอดปลอบอยู่ ภูมิบุญเม้มปากสายตาเครียดอีกรอบ
"แล้วพี่แวนเป็นไงบ้างครับ"
"ก็ดี ไม่เห็นเป็นไรนี่ ร้องไห้อยู่ ให้เจอเรื่องแบบนี้บ้างจะได้สำนึก"
แทนทวีเสียงแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อภูมิบุญเอ่ยถึงพี่สาวของตน
"พี่แทน อย่าคิดแค้นพี่แวนเลยนะครับ พอแล้วภูมิไม่ติดใจอะไรกับใครแล้ว เพราะคิดแค้นนี่เองที่ทำให้พี่นิตาต้องตาย เพราะการเอาคืนกันไปมา"
เสียงที่เศร้ารันทดเปล่งออกมา แทนทวีมองหน้าของคนรักแล้วกระชับกอดแน่นขึ้นพยักหน้า
"ครับแค่ภูมิโอเคพี่ก็ไม่เป็นไรแล้ว ต่อแต่นี้พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรภูมิอีกแล้วนะ พี่ทนมานานแล้ว"
แทนทวีจูบที่หน้าผากของภูมิบุญหนักแน่น
"ขอบคุณครับพี่แทน หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรอีกแล้ว"
ระบายลมหายใจออกมา ผ่อนคลายขึ้นมาก ภูมิบุญโอบกอดแทนทวีไว้เนิ่นนาน
"ภูมิกลับกรุงเทพฯกับพี่นะ"
แทนทวีเอ่ยขึ้นหลังจากที่ระหว่างทางเดินกลับมาบ้าน
"เอ่อ ภูมิอยากอยู่ที่นี่สักสองสามวันน่ะครับพี่แทน"
แทนทวีคร่นคิดอยู่
"งั้นพี่อยู่ด้วย"
"ครับพี่แทนจะอยู่ได้เหรอครับ ลำบากนะ"
ภูมิบุญพูดขึ้นยิ้มออกมาได้
"ภูมิอยู่ได้พี่ก็อยู่ได้ เดี๋ยวพี่ให้ไอ้กัสขับรถพี่กลับดีกว่า มันคงอยู่ไม่ได้หรอก"
ทั้งสองเดินกลับมาที่บ้าน ยายกับกัสนั่งรออยู่ ส่วนพงษ์ก็ไปเตรียมไส้เดือนเพื่อที่จะไปปักเบ็ดอีกรอบ แทนทวีเดินไปบอกกัสตามที่ตั้งใจไว้ รายนั้นก็ไม่ได้ขัดใจเพื่อนเพราะคิดว่าตนเองก็อยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน แต่ก่อนกลับยายก็ขอให้อยู่กินข้าวก่อนเพราะดูจากสภาพน่าจะยังไม่ได้กินข้าวมา กัสเองก็ยอมอยู่กินข้าวก่อน
"กินได้บ่อบักหล่า แกงเห็ดเผิ้ง"
ยายมองดูท่าทางของกัสกับแทนทวีแล้วท่าทางคงไม่ไหวเพราะคงไม่เคยกินอาหารแบบนี้
"ได้ๆ ครับยาย"
กัสร้องออกมา
"กินไข่เจียวไหมครับพี่กัส ภูมิไปเจียวให้"
"ไข่เหมิดแล้วเด้หล่า ไปบักพงษ์ไปซื้อไข่มาให้อ้ายเขาแน่ะ"
ยายบอกพงษ์ที่กำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับแกงเห็ด
"ไม่เป็นไรครับยาย ผมกินได้"
แทนทวีร้องออกมาเพราะเกรงใจ มองหน้ากัสแบบรู้กัน พอกินเสร็จแทนทวีก็เดินมาหายายที่กำลังเก็บของในครัวอยู่ใต้ถุนบ้าน
"ยายครับ ผมพายายเข้าในเมืองไปไหมครับ"
แทนทวีพูดขึ้น ยายหันมาทำท่าตกใจ
"โอ๊ย สิไปเฮ็ดหยังน้อบักหล่า ยายบ่อมีเงินมีคำสิไปดอก"
"ผมจะพายายไปซื้อของไงครับ ผมอยากจะขอยายอยู่ด้วยกับน้องภูมิสักสองสามวัน ผมกินเก่งนะครับยาย"
แทนทวีพูดติดตลก ยายเองก็ทำหน้าไม่ถูก
"ไปด้วยกันนะน้อง"
แทนทวีหันไปบอกพงษ์ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปปักเบ็ดอีกรอบ
"เอ่อ"
"นะครับยาย นานๆไปในเมืองที นั่งรถเล่นกัน"
ภูมิบุญเสริมแล้วเข้าไปเกาะแขนยาย สรุปยายก็ยอมใจอ่อนไปด้วย ส่วนพงษ์ก็ยกเลิกการไปปักเบ็ดก่อนเพราะแทนทวีบอกว่าอยากไปด้วยแต่ให้กลับมาจากในเมืองก่อน ยายอาบน้ำใส่ผ้าถุงผืนใหม่ใส่เสื้อลูกไม้ที่แกจะใส่เฉพาะเวลาไปวัด ทาแป้งแก้มนวล เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็อกจากบ้านไปตอนบ่ายแก่ๆ ยายดูตื่นเต้นมากที่ได้นั่งรถเก๋งคันงามออกจากหมู่บ้านไป ใครๆต่างก็มองตามกันเป็นแถว ภูมิบุญนั่งหลังกับยายและพงษ์ชวนคุยนั่นคุยนี่ ส่วนกัสกับแทนทวีอยู่ข้างหน้า กัสเป็นคนขับรถ แทนทวีหันหลังมาคุยตลอดทาง พอถึงในเมืองก็หาที่จอดรถไปร้านขายของขนาดใหญ่ ซื้อนั่นซื้อนี่จนเต็มรถเข็นส่วนมากเป็นของกินกับของใช้
"ปะพงษ์พี่พาไปซื้อเสื้อผ้า"
แทนทวีสะกิดพงษ์ให้เดินตามไป เขาเลือกเสื้อผ้าให้พงษ์หลายชุดตอนแรกพงษ์เองก็อยากจะเอ่ยค้านแต่แทนทวีไม่ได้สนใจฟัง ยายเองก็ไปกับภูมิบุญกับกัสซื้อเสื้อผ้าให้ ยายร้องบอกไม่เอาอยู่หลายทีแต่ก็ไม่มีใครฟัง
"โอ๊ยหนอ ซาดซื้อมาหลายยายสิใส่เหมิดบ้อ"
ยายบ่นเมื่ออยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน
"เก็บไว้ใส่นะครับยาย ใส่ไปวัดก็ได้"
แทนทวีบอกเขายิ้มอย่างเป็นสุข เป็นการใช้เงินที่มีความสุขที่สุดเท่าที่จะระลึกได้ เงินเพียงไม่กี่พันบาทที่เขาไม่เคยสนใจ แค่กินข้าวไปมื้อหนึ่งก็หมดเยอะกว่านี้แล้ว แต่เงินเพียงเท่านี้สร้างรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของคนทั้งสองเขารู้สึกว่าเงินนี้มันมีค่ามากที่สุด ฝนตั้งเค้าตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแล้ว พอขนของลงจากรถเสร็จกัสก็ลายายกลับก่อนโดยขับรถแทนทวีกลับไป
"มืดเร็วเนอะที่นี่"
แทนทวีมายืนเกาะบ่าภูมิบุญพูดออกมา
"ครับ เงียบดี ภูมิชอบ"
"ยายครับ วันนี้ทำอะไรกินเอ่ย เริ่มหิวอีกแล้วครับ"
"ยายสินึ่งเห็ดใส่ปลาให้กินหล่า แกงปลาค่อใส่สายบัวเห็นบักพงษ์มันอยากกิน"
ยายบอกเมนูอาหารมา แทนทวียิ้มเพราะรายการอาหารที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้มากิน
"เดี๋ยวภูมิไปช่วยนะครับยาย"
ภูมิบุญบอกแล้วเดินเข้าไปหายายที่ใต้ถุนบ้าน
"เออพงษ์ไหนบอกจะไปปักเบ็ดพี่ไปด้วยดิ"
แทนทวีเอ่ยขึ้นพงษ์เองก็ยิ้มออกมา พอหวนระลึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เขาเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที คนที่เขาเคยคิดจะปองร้ายเพียงเพื่อเศษเงินแค่ห้าร้อยบาทคนนี้จะมีจิตใจดี อย่างที่เขาไม่คิดจะให้อภัยตัวเองได้เลย แต่คนคนนั้นกลับไม่ถือสาหาความ พงษ์ดีใจที่ได้เห็นหน้าของภูมิบุญอีกครั้ง และอีกคนที่เพิ่มเข้ามา ทั้งสองดูรักใคร่กันดีแม้ในตอนแรกจะแปลกใจที่ผู้ชายสองคนยืนกอดกันอยู่ต่อหน้า แต่ก็ไม่แปลกใจอีกต่อไป ถ้าหากว่าชายคนนั้นจะดีพออย่างภูมิบุญ เป็นใครใครก็รัก แทนทวีนั่งซ้อนจักรยานพงษ์ออกไปทุ่งนา แต่พงษ์ถีบจักรยานไม่ออกไม่เคลื่อนไปไหนเพราะแทนทวีตัวใหญ่กว่าภูมิบุญมาก แทนทวีจึงอาสาปั่นจักรยานเอง
พอโตโต้รู้เรื่องว่าภูมิบุญไม่อยู่บ้าน เพราะสาเหตุการเสียชีวิตของนิตาเพื่อนของแทนทวี และมีแวนเข้าไปเกี่ยวพันเขาก็ไปหาแวนที่บ้าน แวนเองพอเห็นหน้าแฟนหนุ่มก็โผเข้ากอดร่ำไห้ออกมาอีก ตอนนั้นนายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์ไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำธุระข้างนอก แวนจึงระบายความคับแค้นใจออกมา
"แวนเสียใจนะคะโต้ เกิดมาไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้าเลย มันน่ากลัวมาก"
แวนยังคงสะอื้นไห้ออกมา โตโต้ก็กอดปลอบอยู่
"แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับภูมิล่ะแวน"
โตโต้อยากรู้จากปากของแวนจึงเอ่ยขึ้น แวนลังเลที่จะบอกออกไปแต่ก็ไม่อยากจะเก็บไว้ในใจอีกแล้ว
"ก็ แวน แวนเกลียดมัน ตอนนั้นคิดจะหลอกให้มันไปหาแล้วสั่งสอนนิดหน่อย แต่พอนิตาเอาแจกันตีหัวภูมิ เรื่องมันก็บานปลาย นิตา นิตาก็วิ่งตามจะไปทำร้ายภูมิอีก โต้ แวนเสียใจนะคะ แวนไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แวนแค่อยากจะสั่งสอนมัน"
แวนพร่ำพรรณนาออกมา โตโต้ถึงกลับหน้าถอดสีไป
"แวน"
ไม่คิดว่าการที่คนเกลียดกันแค่นี้จะหมายมาดที่จะทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้ จิตใจล่องลอยไป "จะเป็นยังไงบ้างนะภูมิ ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้เห็นหน้า เห็นแม่บอกว่าหัวแตก เลือดหยุดไหลเพราะเอาผ้ากดไว้แห้งไปเอง จะเป็นยังไงบ้างนะ" คนตัวใหญ่คิดเป็นห่วงอีกคนขึ้นมา ไม่ได้ห่วงใยคนในอ้อมกอดเลยแม้แต่น้อย
"ก็สาสมแล้วล่ะ เจอแบบนี้บ้างจะได้เข็ด"
โตโต้แสยะยิ้มออกมาปากกับใจไม่ตรงกัน ความมืดมากกว่าส่วนสว่าง เงามืดในใจดีดเด่นขึ้นมาแม้ในใจจะคิดสงสารเห็นใจกับโชคชะตาของภูมิบุญอยู่ มากก็ตาม
"อ้าว ตื่นแล้วบ่อหล่า นอนหลับบ่อ"
พอยายเห็นหน้าก็ทักทาย ยายกำลังต้มแกงทำกับข้าวอยู่ ส่วนพงษ์ก็กำลังหิ้วน้ำมาเทใส่ตุ่ม
"หลับครับยาย ยายทำกับข้าวเหรอครับ"
"ยายเฮ็ดแนวกิน แกงเห็ดละโงกเด้หล่า เคยกินบ่อ"
ภูมิบุญทำหน้างงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
"หอมจังครับยาย"
ภูมิบุญชะโงกหน้าไปดูในหม้อแกงี่กำลังเดือดพล่านอยู่ ไอของแกงลอยออกมาปะทะจมูก
"แซบเด้หล่า"
ภูมิบุญยิ้มแกงเห็ดสีส้มๆเหมือนจะมีเมือกเหมือนกระเพาะปลาเคลือบอยู่สีสันน่ากินดี พอคุยอยู่กับยายสักพักก็เดินไปหาพงษ์ที่ทำหน้าเจื่อนๆเมื่อเผชิญหน้ากับภูมิบุญโดยตรง
"ให้พี่ช่วยไหมพงษ์"
"บ่อเป็นหยัง เอ้ย ไม่เป็นไรครับพี่ ช่วงนี้ฝนตกเลยไม่ได้ไปตักที่บ่อ รองเอาน้ำฝนไว้ใช้ครับ"
"อากาศดีจังเนอะ"
ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปิดแต่เค้าฝนที่ปลายฟ้าทางทิศใต้ก็เริ่มมองเห็นอยู่ไกลๆ แสงสว่างครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ก้อนเมฆที่ลอยอยู่เป็นกลุ่มๆเหมือนจะบอกให้รู้ว่าฝนจะตกอีกในไม่ช้านี้
"พี่มาเที่ยวเหรอครับ"
พงษ์ถามขึ้นสายตามองอยู่ที่ใบหน้าของภูมิบุญ พอพงษ์ถามขึ้นก็ถอนหายใจออกมา ยิ้มแห้งๆให้
"ครับ พี่มาเยี่ยมยาย พี่ขออยู่ด้วยสักสองสามวันนะพงษ์"
"เอ่อ ครับพี่ ยายผมดีใจนะ"
พงษ์ทำหน้าไม่ถูกเมื่อภูมิบุญยิ้มให้ รีบตักน้ำจากโอ่งใบใหญ่แล้วเอาไปใส่ใบเล็ก ภูมิบุญเดินไปล้างหน้าล้างตาแล้วขึ้นบ้านไปเอาแปรงสีฟันกับของใช้ส่วนตัวลงมา พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินกลับไปหายายอีก
"มาหล่ากินเข้า มีแต่แกงเห็ดเด้ กับแจ่วสิกินได้บ่อ"
"เอ่อ กินได้ครับยาย ผมกินง่าย น่ากินจังเลยครับ"
พออยู่ด้วยสีกพักก็เริ่มคุ้นเคยกับภาษาแม้จะยังพูดไม่ได้แต่ก็พอเข้าใจรู้เรื่อง ภูมิบุญช่วยยายยกอาหารออกมาวาง
"พงษ์ไม่ไปโรงเรียนเหรอครับ"
"ปิดเทอมครับพี่ ปิดเทอมเล็ก"
พงษ์บอกแล้วตั้งหน้าตั้งตาตักแกงเห็ดเข้าปาก ภูมิบุญลองกินดูบ้าง เห็ดมีรสชาติกรุบๆมีเมือกเคลือบอยู่ ตอนแรกก็ไม่กล้ากินแต่เห็นยายกับพงษ์กินก็เลยเอาบ้าง อีกอย่างจะมาทำตัวเป็นคุณหนูที่นี่ทั้งที่บากหน้ามาพึ่งเขาก็เห็นจะไม่ควร ภูมิบุญเคี้ยวเห็ดในปากช้าๆ
"อืม อร่อยจังเลยครับยาย รสชาติแปลกดี"
ที่ว่าแปลกคือไม่เหมือนเห็ดทั่วไปที่เคยกิน เห็ดฟางเห็ดนางฟ้าเวลาเคี้ยวไปเราจะรับรู้ได้ว่ามันมาจากการปลูกขึ้นเพื่อธุรกิจ แต่เห็ดชนิดนี้เวลาเคี้ยวไป รับรู้ได้ว่ามันเกิดขึ้นเองตามดินตามป่า เคี้ยวอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะมีสารพิษเจือปน
"เดี๋ยวยายว่าสิไปเก็บเห็ดหัวดอน อยากไปกับยายบ่อหล่า"
ยายพูดขึ้น ภูมิบุญกำลังเป่าเห็ดที่ร้อนเป็นไออยู่
"ไปครับยาย"
ยายหัวเราะแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไป พอกินข้าวเสร็จภูมิบุญก็ช่วยยายเก็บกวาด นั่งคุยกันอยู่สักพักยายก็เตรียมตัว มีตะกร้ากับเสียมอันเล็กๆ ส่วนพงษ์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นใส่กางเกงยีนส์เก่าๆกับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีมอๆ หยิบมาให้ภูมิบุญด้วยตัวหนึ่ง ยายเอาหมวกปีกสานจากไม้ไผ่ให้ภูมิบุญใส่เพราะเกรงว่าแดดจะร้อน ทั้งสามออกจากบ้านไปในตอนสาย
ด้านแทนทวีหลังจากที่ฝืนสังขารขับรถมาทั้งวัน แต่ด้วยที่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเขาจึงน็อคไปหมดแรงตาจะปิด กัสเป็นคนขับรถแต่ก็เข้าพักที่โรงแรมในเมืองขอนแก่นก่อน แต่แทนทวีนอนตื่นเกือบสิบโมงเช้า พอตื่นขึ้นมาก็โวยวายเสียงดังลั่น
"ทำไมมึงไม่ปลุกกู ไอ้กัส"
"อ้าว เฮ้ย ใจเย็นๆไอ้แทน ไอ้ห่ามึงยังกะผีตายซากกูเห็นเหนื่อยๆก็เลยไม่ปลุก กูผิดอีกว่างั้น"
"โว้ย"
หัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าห้องน้ำไปไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาพร้อมเดินทาง
"มึงไม่กินอะไรก่อนเหรอไอ้แทน"
"แดกบนรถ"
ตะคอกเสียงกลับมา กัสได้แต่ส่ายหน้าเดินตามแทนทวีไป
แสงแดดยามสายร้อนแรงเปรี้ยงปร้าง แต่ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านร่มเงาของต้นไม้พอจะบรรเทาความร้อนระอุของแสงอาทิตย์ได้ แต่ไอความชื้นของฝนที่เก็บสะสมอยู่ตามดินตามเศษใบไม้กลับตีกลับขึ้นมาให้คนที่อยู่บริเวณนั้นเหงื่อไหลกันถ้วนหน้า
"แม่ใหญ่ๆ แม่นเห็นเผิ้งบ่อนี้"
พงษ์ร้องออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ยายเงยหน้าขึ้นจากการเขี่ยเศษใบไม้หาเห็ด เดินเข้าไปดู
"ป้าด เห็ดเผิ้งทาม หมานหลายมื้อนี้" (เห็ดผึ้งหรือเห็ดตับเต่าหรือเห็ดห้า สรรพคุณบำรุงร่างกาย กระจายโลหิต ดับพิษร้อนภายใน)
ภูมิบุญเดินตามไปดู เห็ดรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดสีน้ำตาลเข้มๆเป็นกลุ่มๆอยู่ ยายรีบเอามือดึงเห็ดออกมาใส่ในตะกร้าพงษ์เองก็ช่วย ภูมิบุญนั่งลงข้างๆยายแล้วทำบ้าง จิตใจผ่องแผ้วขึ้นมามาก ธรรมชาติที่โอบอุ้มอยู่รอบกายทุเลาบรรเทาอาการทางใจได้เป็นอย่างดี เสียงนกเสียงหริ่งเรไรในป่าเหมือนมโหรีกล่อมอยู่ไม่ขาดสาย ลมเย็นเอื่อยๆปัดเป่าความร้อนจากภายนอกและภายใน ความสุขมันมีอยู่แค่ตรงนี้นี่เอง ทำไมคนเราสรรหาความสุขกันในทางที่แปลกประหลาด ดีดดันตัวเองขึ้นบีบบังคับตัวเองแข่งขันกับเขาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขามี สิ่งที่เขาเป็น แต่กว่าจะได้มาเหมือนเขาเราก็เสพแต่ทุกข์อยู่เป็นนิจ แล้วพอได้มันมาสิ่งนั้นมันคือสุขจริงหรือ อันความสุขมันอยู่แค่ตรงนี้ตรงหน้าของเราเอง อยู่หอนอนห้องพัดลมก็สุข นั่งเก้าอี้เก่าๆห้องโทรมๆก็สุข นั่งรถเมล์เบียดคนแย่งคนก็สุข ถ้าใจเราสุข ถ้าใจเราพอในสิ่งที่มี เสพกับสิ่งที่มีพอเพียงกับสิ่งที่มี แค่นี้มันก็สุขแล้ว แต่กระนั้นถ้าหากไม่รู้จักคำว่าทุกข์เลยไฉนเราจะชื่นชมกับความสุขที่ได้รับมาอย่างไร
"ป้าดมื้อนี้หมานแท้ได้เห็ดเต็มต่า"
ยายยิ้มด้วยความดีใจ เห็ดหลากหลายชนิดเต็มตะกร้า ภูมิบุญอาสาถือตะกร้าให้ยาย ขากลับพงษ์กีปีนขึ้นเก็บลูกลำดวนสีม่วงแก่เป็นพวงเล็กๆมาให้ภูมิบุญลองกินดู รสชาติหวานเหมือนลูกหว้าแต่สีม่วงของลูกลำดวนก็ติดปากติดลิ้นอยู่นานเหมือนกัน
"พี่ผมจะไปวางเบ็ดที่นาอยากไปดูไหม"
พงษ์ชวนขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน
"ไปดิพงษ์ ไม่ได้มานานแล้วเขาทำนากันเสร็จแล้วเหรอ"
"เสร็จล้วพี่ ตอนนี้มีปลาแล้ว"
พงษ์ดูเปลี่ยนไปจากเด็กที่จับกลุ่มกันตามศาลากลางหมู่บ้านแซวคนนั้นคนนี้ที่ผ่านทาง มาตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ท่าทางเอาการเอางาน ภูมิบุญยิ้มออกมาสูดเอาอากาศในป่าเข้าไปให้เต็มปอด ความบริสุทธิ์สดชื่นของอากาศหวังให้มันเข้าไปเยียวยาบาดแผลภายในให้หายในเร็ววัน
"แม่ใหญ่ ข่อยสิไปใส่เบ็ดเด้อ อ้ายเพิ่นสิไปนำ"
พงษ์บอกยายแล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์
"สิไปนำมันบ่อหล่า เบิ่งอ้ายเขาดีๆเด้อบักพงษ์ เพิ่นบ่อเคยเฮ็ดเด้"
ยายกำชับให้ดูแลภูมิบุญให้ดีเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ภูมิบุญมองยายหลานแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข คิดไม่ผิดจริงๆที่กลับมาที่นี่ ภูมิบุญนั่งซ้อนจักรยานไปกับพงษ์เขาปั่นจักรยานไปตามถนนเส้นเล็กๆผ่านทุ่งนา ไป ข้าวที่ตั้งกอเป็นสีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาช่างเป็นภาพที่น่ามองเสียจริง ภูมิบุญมองออกไปไกลภาพเบื้องหน้าแม้จะไม่ใช่ สถานที่วิเศษหรือเป็นที่ที่ใครหลายคนอยากไป แต่กลิ่นไอของท้องทุ่ง สีเขียวของต้นข้าว ฟ้าสีครามจางๆระบายอยู่ด้วยก้อนเมฆมันก็งามวิจิตรเช่นกัน ภูมิบุญยืนมองดูพงษ์ปักเป็ดกับคันนา เดินตามเขาทุกฝีก้าว เหยื่อล่อปลาคือไส้เดือนที่พงษ์ไปขุดมาหลังบ้าน ตัดเป็นชิ้นๆแล้วเสียบกับเบ็ดปักลงไป พงษ์บอกว่าปกติเขาจะมาปักเป็ดกันตอนหัวค่ำเพราะช่วงนั้นปลาออกหาอาหาร แต่ปักเวลานี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะพงษ์เองบอกว่าจะออกมาปักอีกรอบตอนค่ำ
"มีห้วยด้วยเหรอพงษ์"
ภูมิบุญถามเพราะเห็นคูดินสูงเป็นแถวยาวตระหง่านอยู่ไกลๆ
"อ้อครับ ห้วยขุดน่ะพี่ อยากไปดูไหม มีบัวแดงด้วยนะ"
ภูมิบุญพยักหน้าแล้วเดินตามพงษ์ไป ลัดเลาะคันนาไปสักพักก็ยืนอยู่บนคูดิน
"น้ำขุ่นจังเนอะ"
"หน้าฝนครับพี่ พอหน้าหนาวมันก็จะใส พี่อยากได้ดอกบัวไหมเดี๋ยวผมลงเอาให้"
"ไม่เป็นไรหรอกพงษ์เดี๋ยวเปียก"
ไม่ได้ฟังเสียงของภูมิบุญพงษ์เดินลงไปในห้วยทันที อ้าปากจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทัน พงษ์ดึงเอาสายบัวขึ้นมาหอบใหญ่
"กินได้นะพี่สายบัวน่ะ เดี๋ยววันนี้ให้ยายแกงใส่ปลาช่อนให้กิน"
พงษ์บอกแล้วม้วนสายบัวแล้วเอาคล้องกับคอ ภูมิบุญเอามาถือไว้ในมือดอกหนึ่ง
"ปลาติดเบ็ดแล้วพี่"
พอเดินกลับไปดูเบ็ดอีกครั้งคันเบ็ดก็กระตุกไหวอยู่ แต่มองไม่เห็นตัวปลาเพราะน้ำในนาขุ่น ภูมิบุญรู้สึกตื่นเต้นไปยืนอยู่ใกล้ๆ
"ปลาดุก"
พงษ์ร้องออกมาแล้วชักเบ็ดขึ้นจากน้ำ ปลาดุกตัวเขื่องๆดิ้นอยู่กลางอากาศ พงษ์จับใส่ตะข้องอย่างทะมัดทะแมง
"โชคดีจังเลยนะ"
ภูมิบุญบอกแล้วยิ้ม เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการจับปลาแบบเป็นๆ พงษ์เดินดูเบ็ดที่ปักไว้อีกรอบมีปลาติดเบ็ดหลายตัว ทั้งปลาช่อนปลาหมอ แต่บางคันก็เป็นปูนาตัวม่วงพงษ์ก็เอาเหมือนกันโดยใส่หักก้ามปูออกเพราะกลัวว่าจะไปหนีบตัวปลา
"ร้อนไหมพี่"
"นิดหน่อย ไม่เป็นไรพี่ไหว"
"ผมว่าเรากลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวยายด่าผม"
พงษ์บอกแล้วถือของเดินนำไปทางที่จอดจักรยานไว้ ภูมิบุญก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเริ่มร้อนจริงๆจังๆขึ้นมา เมฆก้อนใหญ่ดำทะมึนอยู่ทางทิศใต้ ฝนตั้งเค้ามาแล้วตั้งแต่บ่ายพงษ์รีบปั่นจักรยานกลับบ้านทันที
ส่วนแทนทวีก็ขับรถลิ่วจนกัสห้ามอยู่ทุกนาที เขาขับเร็วจนกัสต้องขอขับเอง พอกัสขับก็บ่นว่าขับช้าไม่ได้ดังใจ
"มึงจะรีบไปไหนวะ กูรู้ว่าอยากเจอน้องเขา แต่กูว่าน้องเขาไม่เป็นไรหรอก จะเป็นก็เรานี่ล่ะ"
กัสบ่นออกมาแทนทวีฟึดฟัดอยู่ ในใจยังร้อนรนอยู่มากแม้จะได้นอนหลับพักผ่อนมาแล้วทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นความร้อนใจนั้นใช่จะหายไปกลับทวีความรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ถึงมุกดาหารตอนบ่ายกว่าๆ กัสจำเส้นทางได้ขับเลี้ยวเข้าถนนลูกรังที่เคยมาเมื่อครั้งรับน้อง แต่ถนนที่โดนฝนไม่มีฝุ่นแดงๆนั้นให้เห็นอีก
"ที่นี่เหรอ"
แทนทวีถามขึ้นเมื่อกัสขับรถผ่านโรงเรียน
"อืม แต่กูไม่แน่ใจนะว่าน้องภูมิจะไปอยู่ไหน"
"อ้าวไอ้นี่ แล้วกูจะไปหายังไงล่ะ"
"อ้าว ก็ตอนนั้นกูไม่ได้ตามน้องเขาไปนี่หว่า เห็นบอกว่าไปบ้านยายนี่ล่ะตอนนั้นจำไม่ได้ เห็นยายมาส่งตอนหลับด้วยนะ กูจำหน้ายายได้"
"โว้ย จะเจอไหมวันนี้ ไม่ต้องไปเดินหาทีละบ้านเหรอวะ"
"ไอ้แทน มึงใจเย็นๆดิหมู่บ้านใช่จะใหญ่โต เดี๋ยวกูไปถามผู้ใหญ่บ้านให้"
กัสเริ่มรำคาญตัดบทไป เขาขับรถตรงไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ๆเคยไปรอคิดอาบน้ำ พอไต่ถามได้เรื่องแล้วก็กลับมาที่รถ
"ว่าไงไอ้กัส"
"รู้แล้ว ชื่อยายสา บ้านอยู่ท้ายหมู่บ้าน"
"ไปเลย เร็วๆ"
แทนทวีเร่ง กัสจิ๊ปากใส่ พอขับรถไปถึงหน้าบ้านแทนทวีก็ลงจากรถ ยืนมองสภาพบ้านอยู่
"ที่นี่เหรอแก ภูมิเขาจะอยู่ยังไงวะ"
สภาพบ้านที่ทรุดโทรมทำให้จิตใจล่วงหล่นไป คนรักของเขาต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้น่ะหรือ แทนทวีมองดูรอบๆบริเวณบ้าน
"มาหาไผบักหล่า"
ยายเดินออกมาจากบ้านร้องทักไป แทนทวีสะดุ้งแล้วยกมือไหว้
"เอ่อ ผมมาหาน้องภูมิน่ะครับยาย ภูมิมาที่นี่ไหม"
"อ้อ บักหล่านั่นบ่อ มันไปใส่เบ็ดตั๊ว มาๆเข้ามานั่งในเฮือนก่อน มันฮ้อน"
แทนทวีหันไปมองหน้ากัสที่ลงจากรถมายืนข้างๆ กัสพยักหน้าให้เดินตามยายเข้าบ้านไป
"ไปจั๋งได๋มาจั๋งได๋ล่ะบักหล่า บักหล่ามันมาเมื่อคืนตั๊ว มาฮอดเดิกๆ"
ยายเล่าสองคนมองหน้ากันเหรอหรา แทนทวีเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบของภูมิบุญที่ถอดไว้ตรงบันไดขึ้นบ้านก็ยิ้มออกมา
"ภูมิไปไหนนะครับยาย"
"มันไปใส่เบ็ด หัวนาพู้น"
"จะกลับมากี่โมงครับยาย"
"จั๊กหน่อยก็กลับมาแล้ว นั่งท่ามันอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวยายสิไปเอาน้ำฝนมาให้กิน"
ยายพูดแล้วลุกจากแคร่เดินไปตักน้ำในโอ่งมาให้แทนทวีกับกัส ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ก็ยกขึ้นดื่มเพราะเกรงใจยาย
"กลิ่นแปลกๆว่ะ"
"ยังไงวะ"
กัสถามแทนทวีทำหน้าเจื่อนๆ
"กลิ่นน้ำฝนนี่นะแปลก"
กัสยกขึ้นดื่มบ้าง
"กินเข้ากินปลามาแล้วติ๊บักหล่า"
"เอ่อ"
ทั้งสองยังคงมองหน้ากัน
"ท่าจั๊กคราวเด้อ เดี๋ยวมันกะมาแล้ว เดี๋ยวยายสิแกงเห็ดสู่กิน"
ยิ่งไปกันใหญ่ทั้งสองทำหน้าเหรอหรา ไม่คิดว่าจะอยู่กินข้าวที่นี่ เพราะคิดว่าเจอภูมิบุญแล้วก็จะพาตัวกลับกรุงเทพฯเลย พอพงษ์ปั่นจักรยานเข้ามาถึงบริเวณหน้าบ้าน ภูมิบุญเห็นรถสีดำที่จอดอยู่ก็รู้ทันทีว่าเป็นรถของใคร ใจสั่นเต้นโครมคราม ทั้งดีใจและเสียใจระคนกันอยู่แยกไม่ออก ดีใจที่จะได้เจอหน้าคนที่รัก แต่เสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเขาคือต้นเหตุ แทนทวีกับกัสหันไปตามเสียงรถจักรยาน
"ภูมิ"
แทนทวีกระโดดลงจากแคร่ทันที
"พี่แทน"
รายนั้นก็กระโดดลงจากท้ายจักรยานของพงษ์จนรถส่ายไปมา ภูมิบุญวิ่งเข้ามาโผกอดแทนทวีทันที
"พี่คิดถึงภูมิเหลือเกิน ภูมิรู้ไหม พี่คิดถึงเหลือเกิน"
แทนทวีร้องออกมากอดตัวของภูมิบุญไว้แน่น
"ภูมิขอโทษ ภูมิก็คิดถึงพี่แทน คิดถึงเหลือเกิน"
น้ำตาซึมออกมากอดรัดเขาไว้แน่นเช่นกัน สายตาของอีกสามคนที่มองดูยิ้มออกมา เวลาที่ผ่านไปแม้ดูเหมือนเร็วแต่ความรู้สึกกลับเนิ่นนาน ทั้งสองเดินจูงมือกันออกไปคุยข้างนอกบ้าน ปรับความเข้าใจกัน
"พี่รู้เรื่องทุกอย่างแล้วภูมิ ทำไมใจร้ายกันถึงขนาดนี้นะ"
"ภูมิไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ภูมิเสียใจ ไม่ได้อยากให้พี่นิตาเขา"
"ไม่เป็นไรนะครับภูมิ พี่เข้าใจ แต่ถือเป็นกรรมของนิตาเองนะ อย่าคิดมาก เราไม่ผิดหรอก"
แทนทวีกอดปลอบอยู่ ภูมิบุญเม้มปากสายตาเครียดอีกรอบ
"แล้วพี่แวนเป็นไงบ้างครับ"
"ก็ดี ไม่เห็นเป็นไรนี่ ร้องไห้อยู่ ให้เจอเรื่องแบบนี้บ้างจะได้สำนึก"
แทนทวีเสียงแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อภูมิบุญเอ่ยถึงพี่สาวของตน
"พี่แทน อย่าคิดแค้นพี่แวนเลยนะครับ พอแล้วภูมิไม่ติดใจอะไรกับใครแล้ว เพราะคิดแค้นนี่เองที่ทำให้พี่นิตาต้องตาย เพราะการเอาคืนกันไปมา"
เสียงที่เศร้ารันทดเปล่งออกมา แทนทวีมองหน้าของคนรักแล้วกระชับกอดแน่นขึ้นพยักหน้า
"ครับแค่ภูมิโอเคพี่ก็ไม่เป็นไรแล้ว ต่อแต่นี้พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรภูมิอีกแล้วนะ พี่ทนมานานแล้ว"
แทนทวีจูบที่หน้าผากของภูมิบุญหนักแน่น
"ขอบคุณครับพี่แทน หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรอีกแล้ว"
ระบายลมหายใจออกมา ผ่อนคลายขึ้นมาก ภูมิบุญโอบกอดแทนทวีไว้เนิ่นนาน
"ภูมิกลับกรุงเทพฯกับพี่นะ"
แทนทวีเอ่ยขึ้นหลังจากที่ระหว่างทางเดินกลับมาบ้าน
"เอ่อ ภูมิอยากอยู่ที่นี่สักสองสามวันน่ะครับพี่แทน"
แทนทวีคร่นคิดอยู่
"งั้นพี่อยู่ด้วย"
"ครับพี่แทนจะอยู่ได้เหรอครับ ลำบากนะ"
ภูมิบุญพูดขึ้นยิ้มออกมาได้
"ภูมิอยู่ได้พี่ก็อยู่ได้ เดี๋ยวพี่ให้ไอ้กัสขับรถพี่กลับดีกว่า มันคงอยู่ไม่ได้หรอก"
ทั้งสองเดินกลับมาที่บ้าน ยายกับกัสนั่งรออยู่ ส่วนพงษ์ก็ไปเตรียมไส้เดือนเพื่อที่จะไปปักเบ็ดอีกรอบ แทนทวีเดินไปบอกกัสตามที่ตั้งใจไว้ รายนั้นก็ไม่ได้ขัดใจเพื่อนเพราะคิดว่าตนเองก็อยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน แต่ก่อนกลับยายก็ขอให้อยู่กินข้าวก่อนเพราะดูจากสภาพน่าจะยังไม่ได้กินข้าวมา กัสเองก็ยอมอยู่กินข้าวก่อน
"กินได้บ่อบักหล่า แกงเห็ดเผิ้ง"
ยายมองดูท่าทางของกัสกับแทนทวีแล้วท่าทางคงไม่ไหวเพราะคงไม่เคยกินอาหารแบบนี้
"ได้ๆ ครับยาย"
กัสร้องออกมา
"กินไข่เจียวไหมครับพี่กัส ภูมิไปเจียวให้"
"ไข่เหมิดแล้วเด้หล่า ไปบักพงษ์ไปซื้อไข่มาให้อ้ายเขาแน่ะ"
ยายบอกพงษ์ที่กำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับแกงเห็ด
"ไม่เป็นไรครับยาย ผมกินได้"
แทนทวีร้องออกมาเพราะเกรงใจ มองหน้ากัสแบบรู้กัน พอกินเสร็จแทนทวีก็เดินมาหายายที่กำลังเก็บของในครัวอยู่ใต้ถุนบ้าน
"ยายครับ ผมพายายเข้าในเมืองไปไหมครับ"
แทนทวีพูดขึ้น ยายหันมาทำท่าตกใจ
"โอ๊ย สิไปเฮ็ดหยังน้อบักหล่า ยายบ่อมีเงินมีคำสิไปดอก"
"ผมจะพายายไปซื้อของไงครับ ผมอยากจะขอยายอยู่ด้วยกับน้องภูมิสักสองสามวัน ผมกินเก่งนะครับยาย"
แทนทวีพูดติดตลก ยายเองก็ทำหน้าไม่ถูก
"ไปด้วยกันนะน้อง"
แทนทวีหันไปบอกพงษ์ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปปักเบ็ดอีกรอบ
"เอ่อ"
"นะครับยาย นานๆไปในเมืองที นั่งรถเล่นกัน"
ภูมิบุญเสริมแล้วเข้าไปเกาะแขนยาย สรุปยายก็ยอมใจอ่อนไปด้วย ส่วนพงษ์ก็ยกเลิกการไปปักเบ็ดก่อนเพราะแทนทวีบอกว่าอยากไปด้วยแต่ให้กลับมาจากในเมืองก่อน ยายอาบน้ำใส่ผ้าถุงผืนใหม่ใส่เสื้อลูกไม้ที่แกจะใส่เฉพาะเวลาไปวัด ทาแป้งแก้มนวล เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็อกจากบ้านไปตอนบ่ายแก่ๆ ยายดูตื่นเต้นมากที่ได้นั่งรถเก๋งคันงามออกจากหมู่บ้านไป ใครๆต่างก็มองตามกันเป็นแถว ภูมิบุญนั่งหลังกับยายและพงษ์ชวนคุยนั่นคุยนี่ ส่วนกัสกับแทนทวีอยู่ข้างหน้า กัสเป็นคนขับรถ แทนทวีหันหลังมาคุยตลอดทาง พอถึงในเมืองก็หาที่จอดรถไปร้านขายของขนาดใหญ่ ซื้อนั่นซื้อนี่จนเต็มรถเข็นส่วนมากเป็นของกินกับของใช้
"ปะพงษ์พี่พาไปซื้อเสื้อผ้า"
แทนทวีสะกิดพงษ์ให้เดินตามไป เขาเลือกเสื้อผ้าให้พงษ์หลายชุดตอนแรกพงษ์เองก็อยากจะเอ่ยค้านแต่แทนทวีไม่ได้สนใจฟัง ยายเองก็ไปกับภูมิบุญกับกัสซื้อเสื้อผ้าให้ ยายร้องบอกไม่เอาอยู่หลายทีแต่ก็ไม่มีใครฟัง
"โอ๊ยหนอ ซาดซื้อมาหลายยายสิใส่เหมิดบ้อ"
ยายบ่นเมื่ออยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน
"เก็บไว้ใส่นะครับยาย ใส่ไปวัดก็ได้"
แทนทวีบอกเขายิ้มอย่างเป็นสุข เป็นการใช้เงินที่มีความสุขที่สุดเท่าที่จะระลึกได้ เงินเพียงไม่กี่พันบาทที่เขาไม่เคยสนใจ แค่กินข้าวไปมื้อหนึ่งก็หมดเยอะกว่านี้แล้ว แต่เงินเพียงเท่านี้สร้างรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของคนทั้งสองเขารู้สึกว่าเงินนี้มันมีค่ามากที่สุด ฝนตั้งเค้าตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแล้ว พอขนของลงจากรถเสร็จกัสก็ลายายกลับก่อนโดยขับรถแทนทวีกลับไป
"มืดเร็วเนอะที่นี่"
แทนทวีมายืนเกาะบ่าภูมิบุญพูดออกมา
"ครับ เงียบดี ภูมิชอบ"
"ยายครับ วันนี้ทำอะไรกินเอ่ย เริ่มหิวอีกแล้วครับ"
"ยายสินึ่งเห็ดใส่ปลาให้กินหล่า แกงปลาค่อใส่สายบัวเห็นบักพงษ์มันอยากกิน"
ยายบอกเมนูอาหารมา แทนทวียิ้มเพราะรายการอาหารที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้มากิน
"เดี๋ยวภูมิไปช่วยนะครับยาย"
ภูมิบุญบอกแล้วเดินเข้าไปหายายที่ใต้ถุนบ้าน
"เออพงษ์ไหนบอกจะไปปักเบ็ดพี่ไปด้วยดิ"
แทนทวีเอ่ยขึ้นพงษ์เองก็ยิ้มออกมา พอหวนระลึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เขาเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที คนที่เขาเคยคิดจะปองร้ายเพียงเพื่อเศษเงินแค่ห้าร้อยบาทคนนี้จะมีจิตใจดี อย่างที่เขาไม่คิดจะให้อภัยตัวเองได้เลย แต่คนคนนั้นกลับไม่ถือสาหาความ พงษ์ดีใจที่ได้เห็นหน้าของภูมิบุญอีกครั้ง และอีกคนที่เพิ่มเข้ามา ทั้งสองดูรักใคร่กันดีแม้ในตอนแรกจะแปลกใจที่ผู้ชายสองคนยืนกอดกันอยู่ต่อหน้า แต่ก็ไม่แปลกใจอีกต่อไป ถ้าหากว่าชายคนนั้นจะดีพออย่างภูมิบุญ เป็นใครใครก็รัก แทนทวีนั่งซ้อนจักรยานพงษ์ออกไปทุ่งนา แต่พงษ์ถีบจักรยานไม่ออกไม่เคลื่อนไปไหนเพราะแทนทวีตัวใหญ่กว่าภูมิบุญมาก แทนทวีจึงอาสาปั่นจักรยานเอง
พอโตโต้รู้เรื่องว่าภูมิบุญไม่อยู่บ้าน เพราะสาเหตุการเสียชีวิตของนิตาเพื่อนของแทนทวี และมีแวนเข้าไปเกี่ยวพันเขาก็ไปหาแวนที่บ้าน แวนเองพอเห็นหน้าแฟนหนุ่มก็โผเข้ากอดร่ำไห้ออกมาอีก ตอนนั้นนายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์ไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำธุระข้างนอก แวนจึงระบายความคับแค้นใจออกมา
"แวนเสียใจนะคะโต้ เกิดมาไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้าเลย มันน่ากลัวมาก"
แวนยังคงสะอื้นไห้ออกมา โตโต้ก็กอดปลอบอยู่
"แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับภูมิล่ะแวน"
โตโต้อยากรู้จากปากของแวนจึงเอ่ยขึ้น แวนลังเลที่จะบอกออกไปแต่ก็ไม่อยากจะเก็บไว้ในใจอีกแล้ว
"ก็ แวน แวนเกลียดมัน ตอนนั้นคิดจะหลอกให้มันไปหาแล้วสั่งสอนนิดหน่อย แต่พอนิตาเอาแจกันตีหัวภูมิ เรื่องมันก็บานปลาย นิตา นิตาก็วิ่งตามจะไปทำร้ายภูมิอีก โต้ แวนเสียใจนะคะ แวนไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แวนแค่อยากจะสั่งสอนมัน"
แวนพร่ำพรรณนาออกมา โตโต้ถึงกลับหน้าถอดสีไป
"แวน"
ไม่คิดว่าการที่คนเกลียดกันแค่นี้จะหมายมาดที่จะทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้ จิตใจล่องลอยไป "จะเป็นยังไงบ้างนะภูมิ ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้เห็นหน้า เห็นแม่บอกว่าหัวแตก เลือดหยุดไหลเพราะเอาผ้ากดไว้แห้งไปเอง จะเป็นยังไงบ้างนะ" คนตัวใหญ่คิดเป็นห่วงอีกคนขึ้นมา ไม่ได้ห่วงใยคนในอ้อมกอดเลยแม้แต่น้อย
"ก็สาสมแล้วล่ะ เจอแบบนี้บ้างจะได้เข็ด"
โตโต้แสยะยิ้มออกมาปากกับใจไม่ตรงกัน ความมืดมากกว่าส่วนสว่าง เงามืดในใจดีดเด่นขึ้นมาแม้ในใจจะคิดสงสารเห็นใจกับโชคชะตาของภูมิบุญอยู่ มากก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น