วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบแปด

พอมืดฝนก็เทลงมาอย่างหนักภูมิบุญกำลังช่วยยายทำกับข้าวอยู่ก็ต้องรีบไปเก็บของที่แคร่เข้ามาเก็บใต้ถุนบ้าน สักพักแทนทวีก็ปั่นจักรยานกลับมากับพงษ์


"ฝนตกหนักมากเลยภูมิ ได้ปลามาเยอะแยะเลย"

ตัวเปียกปอนแล้วชูตะข้องขึ้นอวดภูมิบุญกับยาย

"ไปอาบน้ำติ๋หล่า เดี๋ยวสิโซเด้"

ยายบอกให้ไปอาบน้ำเพราะเดี๋ยวจะไม่สบาย พงษ์ขึ้นไปบนบ้านหยิบผ้าขาวม้ามาให้แทนทวี

"อาบน้ำฝนเหรอพงษ์"

แทนทวีถาม พงษ์พยักหน้าเขาใส่ผ้าขาวม้าแล้วออกไปรองน้ำฝนที่เทลงมาจากหลังคาแล้วหิ้วไปใส่ตุ่ม แทนทวีจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่แต่ผ้าขาวม้าเหมือนอย่างพงษ์แล้วเดินออกไปทำอย่างพงษ์บ้าง

"ไม่เอาหน่อยเหรอภูมิเย็นดีนะ"

แทนทวีหันมาชวน

"ไม่ดีกว่าครับ แผลยังไม่หายเลย"

ภูมิบุญจับที่หัวของตัวเอง แผลที่ไม่ได้เย็บแค่มือไปโดนก็ร้าวขึ้นมาทันที แทนทวีพยักหน้า ส่วนภูมิบุญกลับเข้าไปใต้ถุนบ้านช่วยยายทำกับข้าว พอทำเสร็จก็รอให้ยายไปอาบน้ำเสร็จก็ไปอาบบ้าง ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ไฟก็ดับพรึ่บลง มีเพียงความมืดมิดกับเสียงของฝนที่เทกระหน่ำลงมา

"บักพงษ์ไปเอาตะเกียงมาจุดแน่"

ยายร้องบอกยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะรอให้สายตาชินกับความมืดเสียก่อนจึงขยับตัว พงษ์คลำขึ้นไปบนบ้านสักพักบนบ้านก็สว่างขึ้นมาเพราะตะเกียงเจ้าพายุ ภูมิบุญรีบอาบน้ำแล้วออกมาจากห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปช่วยยายยกถาดอาหารกับกะติ๊บข้าวเหนียวขึ้นมาบนเรือน

"โห หอมฉุยเลยครับยาย ปลานึ่งยายน่ากินจังครับ"

"บักหล่าเด้เฮ็ด ยายตำแต่แจ่ว"

ยายบอกแล้วหัวเราะ จัดแจงวางถาดรองกับข้าวลง มีปลานึ่งใส่เห็ดกับบวบอ่อนทั้งลูกบวบและยอดบวบ แกงปลาช่อนใส่สายบัวแล้วก็น้ำพริกที่เอาพริกกับหัวหอมกระเทียมที่เผาไฟจนหอมมาโขลกรวมกันใส่น้ำปลาร้ากับมะนาว กลิ่นหอมฉุย

"กินข้าวเหนียวนะครับพี่แทน"

ภูมิบุญพูดยิ้มๆ

"สบายมากภูมิ น่ากินจัง"

แทนทวีพูดแต่กินข้าวเหนียวไม่เป็นเพราะติดฝ่ามืออยู่เต็ม ยายเองก็หัวเราะ ภูมิบุญจึงปั้นข้าวเหนียวให้แทนทวีเพราะตัวเองชินแล้ว

"อร่อยจังเลยครับยาย ไม่น่าเชื่อ ทำง่ายๆแต่อร่อยที่สุด"

แทนทวีเอ่ยปากชม

"แซบกะกินหลายๆเด้อหล่า บ้านนอกบ้านนากะกินกันแนวนี้ล่ะ"

เป็นมื้อที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของแทนทวี เพราะเขากินข้าวไปหัวเราะไป แม้อาหารจะไม่ได้วิเศษหรูหราแต่มันเจืออยู่ด้วยความใส่ใจทุกกระบวนการทำ บวบจิ้มกับน้ำพริกก็หวานอย่างประหลาด แกงสายบัวก็เข้ากันดีกับเนื้อปลาช่อนที่หวานและไม่เหนียวเหมือนปลาช่อนที่เขาเคยกิน พอกินข้าวเสร็จภูมิบุญก็ช่วยยายยกถาดลงมาทำความสะอาด แทนทวีเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันเตรียมตัวนอน ภูมิบุญก็ทำเหมือนกัน

"พี่ๆ พี่เป็นแฟนกันเหรอ"

พงษ์ถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่บนบ้านพร้อมกัน ยายเอนหลังลงไปนอนบนที่นอนแล้ว

"ใช่"

แทนทวีตอบโดยไม่ลังเล

"เอ่อ พี่โชคดีจังนะครับที่มีแฟนนิสัยดีอย่างพี่ภูมิ"

พงษ์พูดขึ้นก้มหน้าลงละอายแก่ใจเรื่องที่เคยทำผุดขึ้นอีกครั้ง มันไม่ยอมหายไปจากใจเหมือนรอยแผลเป็นในใจที่พอสะกิดขึ้นมาคราใดมันก็แปลบปลาบรวดร้าวไปทุกที

"ครับพี่โชคดี ปกติเขานอนเร็วกันอย่างนี้เหรอพงษ์ที่นี่น่ะ"

แทนทวีเปลี่ยนเรื่องคุย

"เปล่าหรอกพี่ ปกติผมจะออกไปส่องกบกัน เนี่ยผมก็ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน"

"จริงเหรอ งั้นพี่ไปด้วย"

"จะดีเหรอพี่แทนเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"

ภูมิบุญปรามไว้หลังจากที่นิ่งฟังอยู่นาน

"ไม่เป็นไรหรอกภูมิ พี่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ให้มันคุ้มค่ามากที่สุด ใส่หมวกไปก็น่าจะโอเค ไปกันเลยไหมพงษ์"

แทนทวีเอ่ยชวน พงษ์ดีใจพยักหน้าแล้วลุกขึ้นไปจัดแจงอุปกรณ์ พอทั้งสองออกจากบ้านไปภูมิบุญก็นั่งมองความมืดอยู่นอกชาน เสียงฝนที่ไม่ยอมหยุดโดยง่ายเทลงบนหลังคาสังกะสี พอหลับตาก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มไป ความมืดที่แผ่ปกคลุมมองออกไปมองเห็นเพียงม่านขาวๆของสายฝน มันมืดแต่ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ภายใต้เงามืดนั้นคือสรรพสิ่งต่างๆที่หลบกำบังฝนอยู่ เช่นตัวเขาเองที่กำลังหลบอยู่ใต้หลังคาบ้านหลังนี้ จิตใจที่สงบนิ่งเงาของอดีตผุดขึ้นมา มันไม่แจ่มชัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ใช่เพราะลืมแต่เงาของความสุขสว่างมันเบียดเข้ามาแทนที่ต่างหาก ภูมิบุญเผลอหลับไป สะดุ้งตัวตื่นขึ้นเมื่อมีมือมากอดที่ร่าง

"พี่แทน"

"หลับแล้วเหรอครับภูมิ"

ตัวของแทนทวียังชื้นๆอยู่แม้จะเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เส้นผมก็หมาดๆไม่แห้งดี

"ครับ ฟังเสียงฝนตกแล้วเพลินดี"

"พี่ชอบที่นี่จังเลยครับ"

"ครับพี่ นอนเถอะครับดึกแล้ว"

แทนทวีกระชับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม ภูมิบุญเป็นสุขที่มีความอุ่นจากร่างของคนที่รักแผ่เข้าสู่ร่างกายของตนเอง แทนทวีจูบหนักแน่นที่หน้าผากก่อนจะหลับตาลงท่ามกลางความมืด

วันเวลาของความสุขมันผ่านไปรวดเร็วเสมอแทนทวีอยู่กับภูมิบุญที่นี่ถึงสามวัน ไม่ได้ติดต่อใครอยู่กันแบบไร้ความกังวลใจ จิตใจที่ผ่านมรสุมมามากมายมันเริ่มดีขึ้น แสงสว่างที่เลือนลับหายไปเริ่มทอแสงอีกครั้ง แทนทวีกับภูมิบุญนั่งรถทัวร์กลับเข้ากรุงเทพฯก่อนกลับก็ร่ำลายายกับพงษ์ แทนทวีล้วงเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ยาย ตอนแรกยายไม่รับแต่แทนทวีอ้อนวอนอยู่นานจึงรับเงินจำนวนนั้นไว้ มีเจอกันก็มีพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา น้ำตาของยายหลานซึมยืนเกาะกุมมือกันโบกมือส่งอยู่ที่หน้าบ้าน ภูมิบุญโอบกอดยายไว้แน่น น้ำตาคลอครั้งใดที่กอดผู้หญิงชราวัยนี้ ครั้งนั้นภาพของยายของตนก็สว่างแจ่มชัดขึ้น กอดด้วยหัวใจ ตัวสะท้อนสะอื้นออกมา

"โซคดีเด้อหล่า อย่าเจ็บอย่าไข่ ให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองปกปักรักษาเด้อ"

ยายเองก็อวยพรทั้งน้ำตา พงษ์ยืนเม้มปากอยู่ แทนทวีเดินมาดึงตัวของภูมิบุญออกจากยาย วันเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็ฝังรากหยั่งลึกอยู่ในใจ แม้นเวลาใดที่มีปัญหาหนักแรงใจเหล่านี้มันคือขุมพลังที่กักเก็บไว้ต่อสู้กับวิบากกรรมนั้นๆ

พอถึงสถานีขนส่งในตอนรุ่งเช้าแทนทวีก็นั่งแท็กซี่กลับเข้าบ้านพร้อมภูมิบุญ ทั้งสองไม่คุยกันเพียงจับกุมมือของกันและกันมาตลอดทาง ให้ใจสื่อใจ ให้ไออุ่นของร่างถ่ายทอดหากัน "เราจะไปด้วยกัน" ทั้งสองคิดไปในทางเดียวกันแค่มองตากันก็รู้ใจ

แทนทวีส่งภูมิบุญลงหน้าบ้านของคุณอภิสรา พอแยกย้ายกันภูมิบุญก็เข้าบ้านไป เห็นจันทร์กำลังกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน

"ภูมิ"

"แม่"

ภูมิบุญโผเข้ากอดมารดา จันทร์เองน้ำตาไหลออกมา

"เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นไหม"

"ครับแม่ ภูมิดีขึ้นมากแล้วครับ ภูมิขอโทษนะครับที่คอยสร้างแต่ปัญหาให้แม่ตลอดเวลา"

"อย่าพูดอย่างนั้นนะภูมิ แม่เองต่างหากที่ไม่ได้มีเวลาให้ภูมิเหมือนแม่คนอื่นๆ แม่ขอโทษนะลูก"

"แม่ ภูมิรักแม่นะครับ"

เป็นอีกครั้งที่ร้องไห้ออกมา ไม่ได้เสียใจแต่มันปลาบปลื้มยินดี นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้โอบกอดมารดาเช่นนี้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้บอกว่าตนรักแม่มากแค่ไหน ภูมิบุญเล่าเรื่องที่บ้านของยายให้จันทร์ฟัง ผู้เป็นมารดายิ้มออกมาหัวเราะอย่างมีความสุข ภูมิบุญเอาของไปเก็บพอสายก็เดินเข้าไปหาคุณท่านเจ้าของบ้าน

"ภูมิ เป็นยังไงบ้างลูก ป้าคิดถึงภูมิมากเลยนะ"

รายนั้นร้องลงมาตั้งแต่อยู่บนบันไดบ้าน พอเข้ามาถึงตัวก็กอดภูมิบุญไว้แน่น จะมีอีกหรือที่ฐานะอย่างคุณอภิสราจะยอมลดตัวลงมากอดกับเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็น "ลูกคนใช้" อย่างภูมิบุญ จะยังมีอยู่อีกหรือ ภูมิบุญคิดในใจ

"ภูมิมีของมาฝากคุณท่านด้วยนะครับ"

"หือ อะไรจ๊ะ"

"เป็นของป่าครับคุณท่าน ไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่พอภูมิเห็นก็คิดถึงคุณท่านเลยครับ"

น้ำผึ้งป่าที่ยายเอาใส่ขวดแก้วเตรียมไว้ให้ ภูมิบุญนึกถึงเจ้าของบ้านขึ้นมาทันที

"ตายแล้ว น้ำผึ้ง"

คุณอภิสราอุทานออกมายิ้มพราวอย่างดีใจ

"ครับ น้ำผึ้งเดือนห้าครับ เอาไว้ให้คุณท่านทานกับชาร้อน"

"ขอบใจมากจ๊ะภูมิ หายากนะเดี๋ยวนี้น่ะ ที่ขายๆกันอยู่เขาผสมน้ำตาลกันทั้งนั้น ไหนดูซิ ตายจริงหอมจัง"

คุณอภิสราเปิดปากขวดแล้วเอาผ่านจมูก ยิ้มกริ่มเต็มดวงหน้า

"ไหนเล่าให้ป้าฟังซิเป็นยังไงบ้างที่โน่น"

ภูมิบุญเล่าให้คุณอภิสราฟังอย่างมีความสุข คนที่ฟังก็จิตนาการวาดฝันไปตามที่ภูมิบุญเล่า

"หน้าตาเราดูดีขึ้นเยอะเลยนะภูมิ ป้าดีใจจริงๆที่ภูมิมีความสุข"

คุณอภิสราเอ่ยขึ้น ยิ้มให้ภูมิบุญ พอคุยกับคุณอภิสราเสร็จก็ขอตัวออกมาพักเพราะนั่งรถมายังไม่ได้นอนทั้งคืน ภูมิบุญนอนพักจนค่ำไม่มีใครกวนเพราะต่างคนต่างเข้าใจ อ้อยได้เห็ดเป็นของฝากดีใจใหญ่ ยายเตรียมทั้งเห็ดปลาแดดเดียวทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอห่อใหญ่ ความสุขจากบ้านนาแผ่กระจายเข้ามาถึงในเมืองกรุง พอตื่นขึ้นตอนค่ำภูมิบุญก็ออกไปช่วยแม่ของตนทำอาหาร วันนี้จันทร์ทอดปลาที่ได้มาจากมุกดาหารทำน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานราด พอเสร็จก็ยกเข้าไปในบ้าน โตโต้กลับจากที่ทำงานแล้วพอเห็นหน้าภูมิบุญก็มองอย่างพินิจพิจารณาแต่ไม่พูดอะไร พอทานข้าวเสร็จภูมิบุญก็เดินกลับมาที่ห้องของตน โตโต้เดินตามมาเพราะอ้อยกับจันทร์นั่งดูโทรทัศน์กับคุณอภิสราอยู่ในบ้าน

"หึหึ บอบช้ำจนต้องระเห็จไปพักใจไกลถึงบ้านนอกเชียวเหรอภูมิ"

น้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในที

"เป็นยังไงล่ะ ได้ข่าวไอ้แทนไปด้วย กกกันสนุกเลยสินะ"

"มีอะไรเหรอครับคุณโตโต้"

ผมบุญทำเสียงเหนื่อยหน่ายไม่อยากจะต่อกรด้วย

"ก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แค่อยากจะถามข่าว เออ แทนที่เราจะไปงานศพของนิตาบ้างนะ ไหนๆเราก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาตายนี่นะ"

ไม่รู้ว่าเขาพูดออกมาเพราะอยากจะทำให้ภูมิบุญเจ็บใจเล่นหรือพูดออกมาเพราะคะนองปาก แต่คำพูดนั้นทำให้อีกคนนิ่งเม้มปากแน่น ไอร้อนในตัวดันขึ้นโพรงจมูกน้ำตาซึมออกมา

"ทำไมล่ะภูมิกลับมาคราวนี้ไม่เห็นปากเก่งเหมือนแต่ก่อน บ้านนอกมันเปลี่ยนเราไปขนาดนี้เชียวหรือ"

โตโต้ไม่ยอมแพ้ เดินประชิดเข้าหาตัว

"ผมอยากจะนอน มีอะไรอีกไหมครับ"

"จะรีบนอนไปไหนล่ะ ผัวอุตส่าห์มาคุยด้วย ไม่คิดถึงกันเลยว่างั้น"

"ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มาเสวนาด้วย แต่เก็บความอุตส่าห์ของคุณโตโต้กลับไปเถอะครับ ผมไม่ต้องการ"

"นี่สิ ถึงจะเป็นภูมิบุญคนเดิม หึหึ เรานี่แน่จริงๆนะ"

ความต้องการของโตโต้คือแหย่ให้ภูมิบุญมีส่วนร่วมด้วย ภูมิบุญนิ่งไปคิดผิดที่พูดออกไป คนแบบเขาไม่สมควรมีคำใดหลุดออกจากปากเสวนาด้วยสักคำ

"ทำใจได้แล้วเหรอภูมิ"

โตโต้ยังไม่ยอมหยุดจับแขนของภูมิบุญที่กำลังจะเดินเข้าห้อง ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"ปล่อยเถอะครับคุณโตโต้ ผมขอร้อง"

"หึหึ ทำไม ยังทำใจไม่ได้เหรอคนเก่งอย่างเราน่ะ น่ากลัวนะเราน่ะ พี่ชักกลัวๆแล้วสิ"

"อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ"

น้ำเสียงวิงวอนขอร้อง

"หึหึ เสียใจเหรอที่ทำให้ใครบางคนต้องตายเพราะเราน่ะ"

ในที่สุดเขาก็พูดมันออกมา คำพูดที่อีกฝ่ายไม่อยากจะได้ยิน คำพูดที่ไม่อยากได้ยินทั้งที่ใจพยายามทำใจลืมมันไปแล้ว

"ใจร้ายนะเรา"

"พอหรือยัง พอใจหรือยัง ใช่ผมเป็นต้นเหตุให้เขาตาย พอใจคุณหรือยัง"

น้ำตาไหลออกมาตะสั่นสะท้อน โตโต้อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้เห็นความอ่อนแอของคนตัวเล็กเบื้องหน้า แววตาที่เพิ่งมองเขามันรื้นอยู่ด้วยน้ำตา แต่สายตาที่มองจ้องเขาอยู่มันเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ

"ภูมิ"

"ผมมันไม่ดี พอได้แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก ผมขอร้อง ได้โปรด อย่ามายุ่งกับผมอีก"

เสียงสะอื้นออกมาจากทรวงอกน้ำตาไหลผ่านหน้า โตโต้นิ่งอึ้งไป

"ตาโต้ นี่อะไรกัน ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ห๊า แม่สังเกตุดูหลายรั้งแล้ว เรานี่เอง"

คุณอภิสราตวาดเสียงดังลั่น พอเห็นลูกชายเดินตามภูมิบุญออกมาก็ไม่ไว้ใจเดินตามออกมายืนฟังอยู่ห่างๆ สิ่งที่คิดสงสัยไว้ในใจมันเป็นจริงอย่างที่คิด

"จะเอาอะไรกับน้อง นี่ยังเห็นน้องเสียใจไม่พออีกเหรอ ทำไมโต้บอกแม่ซิ ทำไม"

คุณอภิสราปรี่เข้ามาหา ภูมิบุญเอามือปาดน้ำตาออก

"คุณท่านครับ"

"ไม่ต้องพูดภูมิ เข้าห้องไปได้แล้ว ตาโต้มากับแม่ซิ"

เสียงที่เด็ดขาดทำให้ภูมิบุญชะงักไม่กล้าพูดอะไรออกมา เดินเข้าห้องไปจันทร์กับอ้อยยืนกุมมือกันอยู่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะรู้ดีว่านายใหญ่เวลาโมโหไม่มีใครจะเอาลงได้ง่ายๆ คุณอภิสราเดินนำเข้าไปในบ้าน โตโต้หน้าเสียแต่ก็ต้องเดินตามไป ส่วนจันทร์ก็เคาะประตูห้องลูกชายของตนเข้าไปกอดปลอบโยนอยู่

"ไหนว่ามาซิ ทำไมเราไปคอยวุ่นวายกับน้องมัน มีอะไรกัน"

คุณอภิสรานั่งอยู่บนโซฟามองหน้าบุตรชายไม่วางตา

"ผม"

โตโต้พูดอึกอัก

"แม่ไม่เข้าใจนะโต้ นี่ใช่ไหมที่เป็นสาเหตุให้ภูมิอยากออกไปอยู่ที่อื่น เพราะเราใช่ไหมตาโต้ น้องมันน่าสงสารออก ทำไมเราถึงไม่คิดจะสงสารน้องมันบ้าง"

"ทำไมแม่ดูรักมันจังล่ะครับ ทำไมแม่คอยปกป้องมันตลอดเวลา ทั้งที่มันเป็นแค่ลูกคนใช้ แต่ทำไมแม่ทำเหมือนเป็นลูกอีกคน"

"โต้ ทำไมเราไม่เข้าใจนะ แม่เลี้ยงเรามาให้เป็นคนมีเหตุผล มีจิตใจเมตตา นี่อะไร"

"ผมเกลียดมัน และไม่มีวันที่ผมจะญาติดีกับมัน"

พอโดนจี้มากเข้าโตโต้ก็โพล่งความจริงออกมา คุณอภิสราอ้าปากค้าง มองหน้าบุตรชายอย่างผิดหวัง นิ่งเงียบไปแต่สายที่มองหน้าอยู่ไม่ยอมลดละ

"ฟังนะโต้ รู้ไหมทำไมแม่ถึงรักภูมิบุญเขามาก เราอยากรู้ไหมว่าทำไม"

คุณอภิสราทำเสียงเครียดนิ่งเรียบ โตโต้นิ่งอยู่มองหน้ามารดาเช่นกัน

"รู้ไหมว่าน้องเขาเจออะไรมาบ้าง เคยรู้ไหมว่าทำไมน้องมันถึงดูก้าวร้าวเวลาที่พูดกับเรา"

"แม่รู้"

"แม่รู้ทุกอย่าง ภูมิบุญเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่จะมีกริยามารยาทเรียบร้อย แต่ถ้าเจอใครมาระรานเขาจะเกรี้ยวกราดขึ้นมา รู้ไหมว่าทำไม โต้ฟังแม่นะ น้องเขาน่าสงสารมากนะ เราไม่มีพ่อ น้องมันก็ไม่มี แต่เราคงไม่เคยถูกเพื่อนๆล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดมากนะโต้ สำหรับเด็กอายุเพียงเท่านั้น พอล้อเข้ามากๆน้องมันทนไม่ไหวก็เลยทะเลาะกัน แต่คนที่น้องมีเรื่องด้วยเป็นถึงลูกปลัด น้องต้องย้ายโรงเรียนหนี ยายเองก็มาป่วยกระเสาะกระแสะ และที่ทำร้ายจิตใจน้องเขามาก ก็เขาเห็นยายที่เขารักนอนตายอยู่เพียงลำพัง ภูมิบุญน่าสงสารขนาดนี้ ลูกยังจะโกรธจะเกลียดน้องอยู่เหรอโต้ เราเองก็มีปมในใจ น้องมันก็มี"

คุณอถิสราเล่าไปน้ำตาคลอ ยังจำได้ดีวันที่จันทร์มากราบแทบเท้า ร่ำไห้ปานใจจะขาดกล่าวโทษตัวเองว่าเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง เลี้ยงลูกด้วยเงิน ตอนนั้นหัวใจของคุณอภิสราก็บอบช้ำไปมากเหมือนกัน ยิ่งตอนที่ได้เห็นแววตาของเด็กชายวัยรุ่นที่ขุ่นหมองร่ำไห้อยู่หน้าโลงศพกอดอยู่อย่างนั้นใครจะไปแกะออกก็ไม่ยอม ภาพเหล่านั้นยังตรึงอยู่ติดใจ โตโต้นิ่งฟังอยู่หน้าซีด พลันภาพที่เขาเห็นภูมิบุญร่ำไห้เหมือนคนเสียสติหน้าก้อนอิฐนั้นก็แจ่มชัดขึ้น ตอนนั้นเขาคิดว่าภูมิบุญเองคงคิดถึงยายผู้ล่วงลับ แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ นี่เขาทำอะไรลงไป

"เข้าใจน้องบ้างนะโต้ น้องมันไม่เคยร้องขออะไรจากแม่เลย แม่เชื่อว่าน้องมันก็คงไม่เคยเอ่ยปากขอจากใคร แค่ความรักความห่วงใยที่เราเป็นเจ้าบ้าน ให้น้องได้ไหมลูก"

คุณอภิสรากระพริบตาถี่ๆไล่ม่านน้ำตาออกไป โตโต้ถึงกับทรุดนั่งลงจากที่ยืนค้านอยู่นาน

"ผมไม่รู้ ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่รู้"

โตโต้ร้องออกมาหน้าซีดเผือดลง

"ไม่เป็นไรลูก เราไม่รู้ก็ไม่เป็นไร พอรู้แล้วก็สงสารเห็นใจน้องมันบ้าง เราน่าจะเข้าใจดีกว่าใครว่าคนที่มีปมอยู่ในใจเวลามีคนมาสะกิดมันเจ็บปวดมากเพียงใด"

"ครับแม่ ผมขอโทษครับ"

โตโต้เม้มปากแน่นก้มหน้าลงต่ำ ในใจคิดวกไปเวียนมา

"นี่พี่ทำอะไรเราไปภูมิ พี่ทำอะไรกับเราไป"

โตโต้พูดออกมากับตัวเองในห้องดำ นั่งเหม่อลอย บุหรี่หลายมวนถูกจุดขึ้น เขาเดินกลับมาที่โต๊ะคอมฯเปิดแฟ้มที่เขามักจะเปิดเวลาที่อยากจะเอาชนะใคร โตโต้คลิกขวาที่เมาส์กดลบแฟ้มนั้นทันที

"พี่ขอโทษนะภูมิ เรามีแผลในใจมากขนาดนี้เชียวหรือ พี่นึกว่าพี่มีแผลในใจแค่คนเดียว จะเทียบกันแล้ว เราคงจะเจ็บปวดกว่าพี่สินะ"

น้ำตาคลอออกมา ภาพเหตุการณ์ที่เคยกระทำต่อภูมิบุญฉายออกมา หลายครั้งหลายคราที่ลงไม้ลงมือ แม้คนตัวเล็กจะสู้ จริตที่เขาทำล้วนแล้วแต่เพื่อปกป้องอิสระภาพของตนทั้งนั้น โตโต้ถอนหายใจออกมาอย่างระอาตัวเขาเอง นี่ปล่อยให้เรื่องมันเกิดมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้วนะ ทำไมถึงเกลียดภูมิบุญได้มากขนาดนั้น เขาเป็นเกย์ก็จริงแต่เขาก็ไม่เคยคิดหรือทำอย่างที่เกย์คนนั้นเคยทำกับเขา มันยุติธรรมแล้วหรือที่เขาจะเคียดแค้นอีกคนแต่เอาผลกรรมมาเหวี่ยงลงยัดเยียดใส่คนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย หัวใจสะท้อนออกมา ความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมากลางใจ พยายามจะข่มตานอนให้หลับแต่ทำยังไงก็นอนไม่ได้ สิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมันหนักอึ้ง อยากจะพูดออกไป อยากจะบอกคนตัวเล็กที่มองเขาด้วยม่านน้ำตาเมื่อครู่ว่า "ขอโทษ" โตโต้คิดวกวนอยู่ ก่อนตัดสินใจก้าวลงจากเตียงนอน

ดึกมากแล้วภูมิบุญนอนพลิกกายไปมา คำพูดของเขาเมื่อครู่มันเตือนสะกิดใจให้ระลึกขึ้นมาอีกครา ภาพเลือดที่เอ่อนองอยู่พื้นถนนมันฉายขึ้นมาอีกครั้ง เหงื่อกาฬก็ผุดขึ้นเต็มดวงหน้า ครั้นจะงีบหลับไปเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น ภูมิบุญนิ่งอยู่ยังไม่ขยับกาย แต่พอเสียงเคาะเริ่มถี่ขึ้นแต่คงน้ำหนักเสียงไว้คงเดิม ภูมิบุญจึงตัดสินใจลุกจากที่นอนแล้วไปเปิดประตู

"ภูมิ"

"คุณโตโต้"

ภูมิบุญอุทานออกมา ถอยร่นไปพยายามจะปิดประตูเข้าตามเดิม

"พี่มาขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ กับทุกอย่างที่ผ่านมา พี่ขอโทษนะภูมิ ใหอภัยพี่ได้ไหม"

โตโต้รีบพูดออกไป ภูมิบุญนิ่งเม้มปากแน่น

"ครับ แค่นี้ใช่ไหม ผมจะนอน"

"พี่รู้นะภูมิว่าพี่ทำผิดกับภูมิมาก พี่ขอโทษ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ มันผ่านมาแล้ว ผมไม่จำหรอก คุณโตโต้ทนอีกนิดเดียวนะครับ พอผมเรียนจบทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง"

"ภูมิ ยังโกรธพี่อยู่เหรอ"

"ไม่ครับ เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป ช่วงเวลาที่เหลือก่อนผมจะจบ เราเลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับคุณโตโต้ สิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณไว้ผมก็ขอโทษด้วย"

"ภูมิ"

ได้แต่ร้องออกมาน้ำเสียงสิ้นหวังยิ่งนัก ไม่คิดว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนนี้จะใจแข็งขนาดนี้ เขาเดินคอตกกลับขึ้นห้องไปจากที่นอนไม่หลับอยู่ก่อนแล้วยิ่งนอนไม่ได้เลย ภาพใบหน้าสายตาของภูมิบุญคอยหลอกหลอนเขาอยู่ ส่วนภูมิบุญถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอน "มันต้องดีขึ้น ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น" เขาปลอบใจตัวเองแล้วนอนหลับไปอย่างยากลำบากเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น