วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากสี่สิบเก้า

"ผมขอแนะนำผู้ช่วยคนใหม่ของผมนะครับ น้องภูมิ"


ภายในห้องประชุมบอร์ดที่เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ อากาศภายในห้องเย็นจนสั่นแต่ภูมิบุญกลับรู้สึกร้อนเหงื่อซึมออกตามหน้าผากจนชุ่ม หลังจากที่โตโต้ประกาศต่อหน้าผู้บริหารของแต่ละแผนกแล้ว ภูมิบุญก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอยู่ข้างๆโตโต้

"อีกคนคือเลขาคนใหม่ของผมครับ น้องพลอย"

โตโต้ประกาศไล่ตามมา พลอยเองก็ลุกขึ้นยืนทีท่าของเธอไม่ได้หวั่นเกรงใคร ยืนขึ้นยิ้มเต็มดวงหน้า พอเห็นสภาพของภูมิบุญที่ยืนหน้าซีดอยู่ก็เอื้อมมือไปกุมมือไว้บีบเบาๆให้กำลังใจ

"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"

ภูมิบุญเปล่งเสียงออกไปจากลำคอ ไม่กล้ามองสบตาสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่ทั้งสองคน มันผ่านมานานแล้วสินะกับเรื่องราวในชีวิตที่เกิดขึ้น มันนานแค่ไหนแล้วนะ สามปีแล้ว สามปีกับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผ่านสิ่งต่างๆมามากมายนัก ทั้งสิ่งที่น่าจดจำ ปวดร้าวทรมาน สิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะผ่านมันมาได้ หรือถ้าผ่านได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ แค่เพียงชั่วพริบตา แค่เพียงชั่วลมหายใจ มันผ่านล่วงเลยมาแล้วถึงสามปี ภูมิบุญเพิ่งจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จันทร์ดีใจจนน้ำตาไหล คนทั้งบ้านทั้งคุณอภิสรา หรือแม้แต่โตโต้เองต่างก็ยินดีด้วย หลังจากเหตุการณ์วันนั้นโตโต้ก็ดีกับภูมิบุญมากขึ้น ไม่เคยหาเรื่องอีกเลย จะมีก็แหย่เล่นๆในทำนองเกี้ยวพาราสี ที่สำคัญเขาไม่เคยละลาบละล้วงภูมิบุญอีกเลย ส่วนแฟนสาวของเขา แวน ได้เลิกรากันไป แวนได้คบหากับพอลเพื่อนสนิทของโตโต้นั่นเอง โตโต้ไม่ได้เสียใจกับการที่เลิกรากับแวน เขาเริ่มไม่มั่นใจตัวเองว่าเขารู้สึกยังไงกับแวนกันแน่ จนแวนเองที่เป็นฝ่ายขอเลิก โตโต้ก็ยินดีไม่ได้ห้ามหรือรั้งไว้แม้แต่น้อย

ส่วนพลอยก็ถูกกายตามจีบอยู่เรื่อยมาเพราะกายเข้าทางไพลินพี่สาวของพลอย แม้เจ้าตัวจะไม่เล่นด้วยแต่รายนั้นก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พลอยสนิทกับภูมิบุญมากขึ้นบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟังทุกเรื่องไม่มีปิดบัง ทั้งเรื่องในใจหรือนอกใจ พอเรียนจบพลอยจึงถูกภูมิบุญขอร้องให้มาทำงานด้วย ซึ่งคุณอภิสราก็ไม่ว่าอะไรเพราะชอบพอนิสัยของพลอยอยู่แล้วเป็นการส่วนตัว ด้านก้องก็คบหาอยู่กับไพลินพี่สาวของพลอยนั่นเอง คู่นี้ตัวติดกันไม่ยอมห่าง ก้องเองก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหาที่ทำงานที่ใกล้กับไพลินมากที่สุด โดยเขาได้งานที่สภากาชาดทำเกี่ยวกับบัญชี ทั้งที่สายงานที่เรียนมาไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ก้องก็ทำเพื่อความรักของเขาเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามีความตั้งใจที่พอเรียนจบแล้วจะกลับสู่มาตุภูมิเพื่อพัฒนาบ้านเกิดให้เจริญ แต่ความคิดหรือความตั้งใจแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสิ่งเร้าหรือสภาพแวดล้อมที่โอบอุ้มตัวเรา

เวลาที่ผ่านไปสามปี ถ้าจะคิดว่านานมันก็นานทุกวินาทีที่ผ่านมันช่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่ถ้าคิดว่ามันไม่นานสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามามันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน เรื่องวันนี้ ตอนนี้ อีกไม่กี่นาทีมันก็จะกลายเป็นอดีตไปแล้ว มันจะเป็นเพียงแค่ความทรงจำ ภูมิบุญเองก็จดจำเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาไว้ในใจเป็นอย่างดี สิ่งที่ควรจำก็เอามันมาใช้เวลาที่เขารู้สึกเหงาหรือต้องการกำลังใจ สิ่งที่เลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็จดจำไว้เช่นกัน นำมันมาคอยเตือนสติถ้าแม้นจะทำแบบนั้นหรืออย่างนั้นอีก พึงระลึกไว้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยทำร้ายไม่เพียงแต่เรา แต่ใครอีกหลายคนที่แวดล้อมตัวเราให้เจ็บช้ำหนำใจ ความทรงจำต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างมันหล่อหลอมให้ภูมิบุญแข็งแกร่งขึ้นมาก เขาโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะคิดหรือทำอะไรให้ได้ดียิ่งหว่าเดิม ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา วันเวลามันทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น แม้ว่าวันเวลามันจะสร้างรอยแผลเป็นขึ้นในใจหลายที่ รอยแผลที่ไม่อาจจะลบเลือนได้ แต่อย่างน้อยความเจ็บปวดจากรอยแผลเป็นนั้นมันก็เตือนให้เรารู้ว่าเรายังมีชีวิตให้ดำเนินต่อไป เรายังคงมีลมหายใจอยู่ไม่ใช่หรือ

"พี่แทน ตื่นเต้นจังเลยครับ"

"สู้ๆนะภูมิ พี่รู้ว่าเราทำได้"

"สอบอยู่เหรอครับ"

"ยังครับ รอเข้าห้องสอบอีกห้านาที"

"พี่แทนไปสอบก่อนเถอะครับ"

"เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะ"

"เสมอมาครับ"

"รักภูมินะ"

"ตั้งใจสอบนะครับ"

อีกคนที่เป็นดังดวงใจของภูมิบุญคือแทนทวี พอภูมิบุญจะขึ้นปีสามแทนทวีก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับบุพการี เขาบินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียแม้ในใจเขาจะไม่อยากไป หากแต่สิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้เขาเองก้ไม่อยากจะผิดคำสัญญา ถึงกระนั้นแม้ตัวจะอยู่ห่างกันมีขอบฟ้าผืนทะเลกั้นแต่การสื่อสารยุคปัจจุบันก็เชื่อมคนทั้งสองไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา ภูมิบุญสนทนาผ่านสื่อออนไลน์หรือเอ็มเอสเอ็นที่เชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เขาคุยกันทุกวันวันละหลายครั้ง คุยกันมากจนบางทีพลอยต้องคอยเหน็บเอา เพราะเวลาคุยกันภูมิบุญก็นั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์มือถืออยู่เหมือนคนบ้า แต่พลอยเองก็เข้าใจเพราะสองคนนี้รักกันมากเหลือเกิน

"พี่แทนสอบอยู่เหรอภูมิ"

พลอยถามขึ้นเมื่อการแนะนำตัวเสร็จสิ้นลง คณะผู้บริหารแต่ละแผนกเดินออกมาจากห้องประชุมกันหมดแล้ว พลอยกับภูมิบุญเดินออกมาทีหลัง โตโต้เองก็เดินเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปแล้ว

"อืม กำลังจะสอบ"

"เมื่อไหร่จะกลับมาซะทีเนอะ รู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่ามีคนทางนี้คอยอยู่ทุกวัน"

"ก็คงอีกปีล่ะพลอย เพิ่งไปได้ปีกว่าๆเอง"

"อืม เหมือนเพิ่งไปเลยเนอะ"

พลอยเองก็คล้อยตามไปด้วย ทั้งสองเดินไปหน้าห้องของโตโต้

"แล้วเราจะทำอะไรต่อเนี่ย คุณผ้าห่มนวมนั่นเข้าห้องไปแล้วนี่"

พลอยโพล่งขึ้นมา ภูมิบุญมองไปยังหน้าประตูบานใหญ่สีน้ำตาลอ่อนๆ พอดีกับประตูเปิดออกมา พร้อมกับร่างของคนตัวใหญ่กำลังก้าวเท้าออกมาจากห้อง เวลาเขาอยู่ในชุดทำงานเขาดูมีมาดดีขรึมขึ้นมามากทีเดียว ไรหนวดที่เขียวครึ้มตามโครงหน้ายิ่งทำให้ใบหน้าที่หมดจดของเขาน่ามองยิ่งขึ้น

"ป่ะเราสองคนเดี๋ยวพี่พาเดินดูให้ทั่วออฟฟิศ เป็นไงตื่นเต้นไหม"

โตโต้พูดอย่างอารมณ์ดีสายตาจับจ้องมาที่ภูมิบุญ

"ก็นิดหน่อยค่ะคุณโตโต้ คุณโตโต้คะคุณโตโต้ไม่มีเลขาฯเหรอคะถึงขนาดเจ้าของกิจการต้องพาเดินดูบริษัทเองเลยเหรอคะ"

พลอยทำหน้าตกใจถามออกไป โตโต้หัวเราะออกมา

"เคยมีครับน้องพลอย แต่พอภูมิกับเรามาพี่ก็ให้เขาไปอยู่แผนกพีอาร์แทน จะได้ไม่ซ้ำซ้อน เออเดี๋ยวพลอยต้องไปเรียนงานกับคุณเมย์ด้วยนะ"

โตโต้ยิ้มให้พลอยที่กำลังเอาสมุดโน๊ตขึ้นมาจดรายละเอียดอย่างตั้งใจอยู่ งานแรกของเธอคือเลขาฯ ทั้งที่เจ้าตัวออกจะห้าวๆ กระโปรงก็น้อยครั้งที่จะใส่ยกเว้นตอนไปเรียน พอเรียนจบก้หมายจะได้ใส่กางเกงไปทำงาน แต่ก็ต้องยอมตัดใจเพราะทำตามคำขอร้องของเพื่อนรัก

"ได้ค่ะ"

"เดี๋ยวพี่พาไปฝ่ายออกแบบก่อนละกัน แผนกนี้มีความสำคัญมากนะสำหรับบริษัทของเรา เพราะหัวใจของบริษัทของเราคือการออกแบบรีสอร์ทที่ไม่เหมือนใครมีความเป็นเอกลักษณ์"

โตโต้อธิบายระหว่างที่เดินนำหน้าทั้งสองคนไป ออฟฟิศของบริษัทของคุณอภิสราตั้งอยู่เยื้องกับแยกพัฒนาการ เป็นอาคารสมัยใหม่สูงห้าชั้น แต่ละชั้นก็มีแต่ละฝ่ายแต่ละแผนกแยกสัดส่วนกันอย่างชัดเจนพนักงานก็มีจำนวนเกือบร้อยคนนับเป็นบริษัทขนาดกลาง ส่วนห้องทำงานของโตโต้อยู่ชั้นห้า ชั้นหนึ่งเป็นโชว์รูมเพื่อรับรองลูกค้า ชั้นสองเป็นฝ่ายบัญชี ชั้นสามเป็นของช่าง ชั้นสี่เป็นของฝ่ายออกแแบบ ส่วนชั้นห้าเป็นฝ่ายพีอาร์ห้องประชุม ออฟฟิศของคณะบริหารแล้วก็ห้องของโตโต้ซึ่งก็คือเจ้าของกิจการนั่นเอง

"แล้วชั้นนี้ล่ะคะคุณโตโต้เราไม่ดูพีอาร์ก่อนเหรอคะ"

พลอยยังสงสัยเพราะเป็นชั้นเดียวกันน่าจะดูเสียให้เสร็จไปเลย

"อ้อ เดี๋ยวพอเราดูแผนกอื่นๆเสร็จแล้วค่อยแวะมาดูที่นี่ครับน้องพลอย ว่าไงภูมิเงียบเชียว ยังตื่นเต้นไม่หายเหรอครับ"

โตโต้แหย่ภูมิบุญที่เดินตามมาติดๆ

"เอ่อ ครับ"

ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ภูมิบุญยิ้มแห้งๆก้มหน้า ภูมิบุญโตขึ้นมาก ที่ว่าโตขึ้นไม่ใช่รูปร่าง แต่ลักษณะของนิสัยใจคอ ไม่เกรี้ยวกราดเหมือนแต่ก่อน ก่อนจะพูดอะไรจะนิ่งคิดอยู่ก่อนสักพัก ไตร่ตรองเสียให้ดีก่อนแล้วค่อยพูดออกไป คงเป็นเพราะช่วงหลังเขาสนิทกับฝ้ายมากขึ้น แม้ฝ้ายจะเรียนจบไปก่อนแล้วแต่ก็ทำงานในคณะจนถึงปัจจุบัน เวลาที่ภูมิบุญว่างจากเรียนก็มักจะไปถกปัญหากับฝ้าย ส่วนฝ้ายเองก็ชอบที่ได้คุยกับภูมิบุญเธอภูมิใจที่เฝ้ามองพัฒนาการของภูมิบุญ จากเด็กที่มีความแค้นอัดแน่นอยู่ในใจกลายเป็นคนที่มีจิตใจดีขึ้น มองโลกในแง่ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ภูมิบุญเปลี่ยนไม่ได้คือเขาไม่ยอมก้มหัวให้ใครถ้าเขาไม่ผิดไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลยไม่มีแม้แต่น้อย โตโต้กดลิฟท์ลงไปอีกชั้นหนึ่งพอลิฟท์เปิดออกก็ก้าวออกไป ชั้นสี่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีตัวอย่างห้องพัก ทั้งเป็นแบบโมเดลจำลองหรือพิมพ์เขียวแปะอยู่บนกระดานอยู่รอบแผนก พนักงานที่เดินขวักไขว่กันอยู่ หรือแม้แต่ที่นั่งอยู่ก็ล้วนแล้วแต่ดูมีรสนิยมดีๆกันทั้งนั้น เพราะดูจากหน้าตาและการแต่งตัวแล้วไม่มีใครด้อยกว่าใครเลย

"โห น่าอยู่เนอะแผนกนี้อ่ะภูมิ"

พลอยเข้าไปกระซิบบออก โตโต้พาทั้งสองเดินผ่านเข้าไปยังห้องด้านในสุดซึ่งเป็นห้องของหัวหน้าแผนก พอเดินผ่านพนักงานทุกคนก็ทำความเคารพโตโต้กันเป็นแถบ ทั้งสองคนที่เดินตามหลังรู้สึกตัวลีบลงทันที

"คุณอภิพงษ์รบกวนแนะนำน้องๆให้ผมหน่อยนะครับ"

พอเจ้าของห้องออกมาต้อนรับโตโต้ก็เอ่ยออกไป ชายวัยกลางคนแต่ยังดูดีอยู่หันมายิ้มให้ทั้งสองคนแล้วเดินค้อมตัวผ่านโตโต้ไปเข้าไปยืนตรงหน้าแม้เขาจะดูสูงวัยกว่าโตโต้แต่เขาก็ยังให้การเคารพนับถือ คงเป็นเพราะโตโต้คือลูกชายเจ้าของบริษัท

"งั้นเดี๋ยวผมพาเดินดูแผนกเองดีกว่านะครับ จะได้อธิบายให้น้องๆเขาเข้าใจไปเลย"

เขาบอกแล้วเดินนำไป ภูมิบุญกับพลอยเริ่มเอาสมุดโน๊ตขึ้นมาจด

"แผนกออกแบบของเรารับผิดชอบการออกแบบทั้งภายนอกภายในมีพนักงานอยู่ประมาณยี่สิบคนนะครับ แบ่งงานกันออกเป็นส่วนๆแต่ละส่วนก็มีหัวหน้างานคอยควบคุม แต่งานออกแบบทุกชิ้นต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากเพื่อนร่วมงานทุกคนก่อน ถึงจะเอาเข้าที่ประชุมได้ นี่พี่ตั้มครับ เป็นหัวหน้าฝ่ายเลือกสีกับวัสดุ ตั้มนี่น้องภูมิกับน้องพลอยเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของคุณโตโต้"

เขาแนะนำ ภูมิบุญกับพลอยยกมือขึ้นไหว้พร้อมกันยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จากที่สังเกตดูพนักงานประจำแผนกนี้ส่วนมากเป็นผู้ชายและยังเป็นหนุ่มรุ่นใหม่เพราะดูแต่ละคนเหมือนเพิ่งจะจบมาเช่นเดียวกันกับทั้งสองคน

"ส่วนนี่เป็นฝ่ายออกแบบภายใน มีกันอยู่ห้าคน เราเพิ่งรับน้องเข้ามาเพิ่มอีกคนหนึ่ง"

"ต๊อป"

ทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกัน ต๊อปเด็กวิศวะคราวที่ไปรับน้องที่ได้คู่กับภูมิบุญตอนแสดงกิจกรรมรอบกองไฟ คนที่ร่างผอมสูงผมหยิก ตอนนี้เขาโตขึ้นมากเป็นหนุ่มแลดูดีมากทีเดียว ผมที่หยิกอยู่ก็ยังไม่หาย เขาเองก็ยิ้มให้อย่างดีใจ

"ภูมิ พลอย"

เขาร้องออกมา

"อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอครับ น้องต๊อปนี่จบวิศวะมาแต่ออกแบบเขียนแบบได้ด้วย น่าสนใจมากพี่จึงรับเข้ามาทำงาน เออดีนะครับรู้จักกันไว้จะได้ช่วยงานกันได้"

อภิพงษ์พูดแล้วหัวเราะ ทั้งสามคนเดินปรี่เข้าหากัน

"เป็นไงบ้างภูมิ วันรับปริญญาเราเดินตามหาว่าจะถ่ายรุปกับภูมิซะหน่อยหายังไงก็ไม่เจอ"

ต๊อปยิ้มออกมาดีใจเหลือเกินที่ได้เจอเพื่อนเก่า

"แหมแล้วเราล่ะต๊อป ไม่คิดจะถ่ายรูปด้วยเลยเหรอ"

พลอยไม่วายที่จะเหน็บเอา

"อ้าว ก็เจอภูมิที่ไหนก็แสดงว่าต้องเจอพลอยที่นั่นนี่"

ทั้งสามคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน โตโต้ยืนมองอยู่สายตานิ่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ พออภิพงษ์แนะนำแผนกตัวเองเสร็จโตโต้ก็พาลงไปอีกชั้น กว่าจะเสร็จทั้งตึกก็บ่ายกว่าๆ

"วันนี้ยังไม่ต้องเริ่มงานหรอกนะ เดี๋ยวพี่พาภูมิไปซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานก่อน"

โตโต้พูดขึ้นระหว่างที่เดินกลับห้องทำงานของตน

"แล้วพีอาร์ล่ะคะคุณโตโต้ยังไม่ได้ดูเลย"

พลอยร้องออกมา

"วันหลังก็ได้ครับน้องพลอย อยู่แค่นี้เอง วันนี้พี่หิวแล้ว หรือเราสองคนยังไม่หิว"

โตโต้ย้อนแล้วยิ้มร่าเริง

"หิวสิคะบอส บอสเป็นเจ้ามือใช่ไหมคะ"

พลอยพูดแล้วยิ้ม ส่วนภูมิบุญทำหน้าไม่ถูกยืนนิ่งอยู่

"ได้สิ งั้นเราไปกันเลย พี่จะได้บอกให้เขามาปิดห้องไปเลยไม่กลับเข้ามาแล้ว"

"เอ่อ คุณโตโต้ครับ หน้าที่ผมต้องทำอะไรบ้างครับ"

ภูมิบุญเดินตามโตโต้เข้าไปในห้องปล่อยให้พลอยนั่งดูโต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่หน้าห้อง ส่วนโต๊ะทำงานของภูมิบุญอยู่ในห้องเดียวกับโตโต้

"ก็เป็นผู้ช่วยพี่ไงครับภูมิ อืมหน้าที่ก็สกรีนงานทุกอย่างก่อนจะมาถึงพี่ไงครับ หนักไปไหม"

โตโต้พูดแล้วปราดตามองมายังภูมิบุญ

"ไม่หรอกครับ รวมถึงการเป็นเลขาฯของคุณโตโต้ด้วยใช่ไหมครับ"

"เป็นเงาของพี่สิถึงจะถูก"

โตโต้พูดเสียงเบาสายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของภูมิบุญ จนเจ้าตัวรู้สึกแปลกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที

"งั้นภูมิขอเอางานบนโต๊ะไปศึกษาที่บ้านนะครับ"

"เอางั้นเลยเหรอภูมิ ขยันจริงนะ นี่ล่ะนะเขาบอกว่าคนเพิ่งจบไฟแรงเสมอ ตามใจเราครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วยยก"

โตโต้พูดแล้วเดินมาที่โต๊ะของภูมิบุญที่กองเอกสารกองใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ

"ภูมิเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยเหรอ"

พลอยร้องถามพอเห็นภูมิบุญพยักหน้าพลอยเองก็เอาบ้าง เอาถุงผ้าที่เตรียมมาจากบ้านใส่เอกสารมานิดหน่อย เอาเอกสารนั้นออกเสียแล้วเอาอันใหม่ใส่เข้าไปจนถุงผ้าตุงไม่มีที่จะยัดอะไรลงได้อีก โตโต้พาทั้งสองตรงไปยังซีคอนสแควส์พาไปทานข้าวก่อนแล้วจึงพาเดินเลือกเสื้อผ้า พลอยเองก็ขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะว่าอยู่ค่อนข้างไกลทั้งที่ภูมิบุญขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อน แต่พลอยเองเหมือนนัดกันมากับโตโต้

"กลับจริงเหรอพลอย"

ภูมิบุญพยายามอ้อนวอน

"แหมภูมิ บ้านเราอยู่ไกลนะ เนี่ยบ้านนายเดินก็ถึงแล้ว พรุ่งนี้ต้องมาทำงานแต่เช้าอีกวันนี้ขอกลับไปเตรียมตัวมาดีๆก่อนดีกว่า"

พลอยบอกภูมิบุญจึงได้แต่พยักหน้าเออออไปด้วย พอพลอยแยกไปโตโต้ก็พาภูมิบุญไปเลือกเสื้อผ้า

"ยี่ห้อนี้แพงเกินไปครับคุณโตโต้ ผมไม่ซื้อหรอก"

"เอาน่าภูมิเดี๋ยวพี่จัดการเอง ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับเราเข้าทำงานไง"

"แต่ภูมิมีเงินเดือนแล้วนะครับ ไม่รบกวนคุณโตโต้ดีกว่า"

"แต่ยังไม่ได้เงินเดือนนี่ เอาน่าอย่าคิดมากทำไมครับพี่จะซื้อให้ไม่เอาเหรอ"

โตโต้เองมีจุดประสงค์ของเขาอยู่แล้ว และเวลาที่ตั้งใจจะทำอะไรเขาไม่ยอมให้ใครมาขัดใจง่ายๆเช่นกัน ภูมิบุญพยายามยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างแต่เขาก็ไม่สนใจฟังจูงแขนเข้าไปในร้านทันที

"พี่ว่าภูมิหน้าอ่อนๆใส่สีๆหน่อยก็น่าจะดีนะ"

โตโต้เลือกเอาเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสมาทาบตัวภูมิบุญ เจ้าตัวก็ยืนนิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แม้ไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สรุปโตโต้ก็ซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานให้ภูมิบุญหลายชุดมีทั้งกางเกงรองเท้าแจ็คเก็ตล้วนแล้วแต่เป็นสีที่ตนชอบ โดยไม่ได้ถามเจ้าตัวสักคำว่าชอบไหม ภูมิบุญขี้เกียจจะต่อสู้กับเขาจึงยินยอม พอกลับเข้าบ้าน คุณอภิสราก็นั่งรออยู่แล้วที่หน้าบ้านกับจันทร์

"เป็นยังไงบ้างลูกทำงานวันแรกราบรื่นดีไหม"

คุณอภิสราที่วางมือจากงานที่บิษัทแล้วนั่งจิบชาร้อนอยู่บนโต๊ะตัวเดิมหน้าบ้าน ยิ้มรับการกลับบ้านของทั้งสองคน

"ก็ดีครับคุณท่าน แต่ภูมิยังไม่ได้เริ่มงานเลยครับ"

"นี่ไงครับแม่หอบงานกลับบ้านมาเต็ม น้องเขาไฟแรง"

โตโต้เดินตามมาหอบเอกสารมาพร้อมของพะรุงพะรัง

"อืม เหรอจ๊ะภูมิ แหมขยันจังนะ แล้วนี่ซื้อเสื้อผ้าทำงานมาเหรอจ๊ะ"

คุณอภิสราถามแล้วชะเง้อดูถุงกระดาษที่โตโต้หิ้วมา

"ครับคุณท่าน"

"ไม่ยอมเอาหรอกครับแม่ โต้ต้องบังคับถึงยอม"

"ไหนแม่ดูหน่อยซิ"

คุณอภิสรายื่นมือไปรับถุงกระดาษจากมือบุตรชายออกมาเปิดดู

"ตายแล้วตาโต้ ทำไมซื้อเสื้อผ้าให้น้องแบบนี้ นี่มันยี่ห้อไม่ดีนี่ ทำไมไม่พาน้องไปซื้อที่เราซื้อประจำล่ะ ไม่ได้นะแบบนี้เสียชื่อแม่หมด"

กลับเป็นอย่างนั้นไปได้ ภูมิบุญทำหน้าไม่ถูก ยี่ห้อที่ซื้อก็นับว่าแพงมากสำหรับเขาแต่เจ้าของบ้านกลับมองว่ามันเป็นยี่ห้อที่ไม่ดี

"แหม แม่ครับ นี่ขนาดยี่ห้อนี้น้องเขายังจะไม่ยอมเข้าร้าน ถ้าไปร้านของผมน้องไม่ต้องโดนผมลากเข้าไปเหรอครับ"

โตโต้พูดแล้วนั่งลงข้างๆมารดา

"ทำไมล่ะจ๊ะภูมิ ไม่ได้นะป้าไม่ยอม เดี๋ยววันเสาร์นี้แม่จะพาไปเอง"

ได้แต่ก้มหน้านิ่งถอนหายใจออกมา

"เอ่อ คุณท่านคะไม่รบกวนคุณท่านดีกว่าค่ะ"

"หยุดเลยจันทร์เธอไม่ต้องพูด นี่ลูกหลานชั้นจะทำงานทั้งทีจะให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่ได้นะ"

คุณอภิสราร้องออกมา แม้น้ำเสียงจะเจืออยู่ด้วยความแจ่มใสแต่ก็ไม่มีใครกล้าแย้งหรือขัดใจ จันทร์ชะงักไปหน้าเจื่อนลง

"ภูมิ ป้าให้อภิสิทธิ์เราในการตัดสินใจนะจ๊ะ ที่ให้ไปเป็นผู้ช่วยพี่เขาน่ะ คือต้องคอยตรวจตราเป็นหูเป็นตาให้พี่เขาด้วย ลำพังตาเดียวน่ะมันไม่ละเอียดเท่าสองตาหรอก"

คุณอภิสราพูดขึ้นหลังจากที่โตโต้ขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จันทร์เองก็เดินไปหาของว่างมาให้

"ครับคุณท่าน แต่ทุกคนเขาจะยอมรับได้เหรอครับ เพราะภูมิเป็นแค่"

"ภูมิ อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ ป้าไม่ชอบ ใครมันจะไม่พอใจ ในเมื่อมันเป็นบริษัทของป้า ไม่มีหุ้นร่วม อำนาจตัดสินใจทั้งหมดมันอยู่ที่ป้า และตอนนี้ป้าเองก็ยกให้ภูมิ ป้ารู้ว่าใครๆมองก็แปลกๆกันทั้งนั้นล่ะ แต่ป้าเชื่อใจเรานะ ป้าเชื่อว่าเราเป็นคนดีที่ป้าไว้ใจได้"

น้ำเสียงหนักแน่นจริงใจ บาดลึกลงไปในหัวใจ ภูมิบุญเม้มปากก้มลงกราบทันที

"ป้ารู้ว่าเราเป็นเด็กดี ป้าถึงให้อำนาจการตัดสินใจไงจ๊ะอย่าคิดมาก ป้าเองก็๋วางมือแล้ว กิจการทุกอย่างก็ต้องยกให้ลูก แต่โตโต้เองจะทำงานคนเดียวไม่มีคนช่วย ป้าก็กลัวว่าจะโดนคนที่ไม่หวังดีเล่นงานเอา ช่วยป้าหน่อยนะลูก"

"ครับคุณท่าน ขอบพระคุณครับที่ไว้ใจภูมิ"

คุณอภิสราลูบหัวของภูมิบุญเบาๆ ภูมิบุญเองก็น้ำตาคลอ ทำไมคุณอภิสราถึงดีกับภูมิมากมายถึงขนาดนี้นะ ลูกเชื้อก็ไม่ใช่เป็นข้ารับใช้ในบ้านเสียอีก แต่คุณอภิสราเองก็ไม่เคยมองว่าภูมิกับแม่เป็นแบบนั้นเลย คนแบบนี้จะหาที่ไหนได้อีกในโลกนี้ ภูมิบุญซาบซึ้งกับความกรุณาปรานีของคุณอภิสราเป็นอย่างยิ่ง จดมันเอาไว้ในสมองว่าท่านผู้นี้คือคนที่ให้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่ดีกับภูมิบุญและแม่อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

"ทำข้อสอบได้ไหมครับพี่แทน"

พอทำธุระช่วยทางบ้านเสร็จภูมิบุญก็อาบน้ำออกไปทานข้าวร่วมกับเจ้าของบ้าน ก่อนนอนก็ทำกิจวัตรประจำวันคือการสนทนาผ่านคอมพิวเตอร์กับแทนทวี ภูมิบุญได้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มาตอนเรียนปีสอง คุณอภิสราซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เขานั่งพิงพนักพิงอยู่อย่างสบายใจ ยิ้มออกมาเมื่อเจอแฟนหนุ่มออนไลน์

"ยากมากครับภูมิ แต่พี่เก่งอยู่แล้วสบายมาก"

"ภูมิรู้ครับว่าพี่แทนต้องทำได้"

"แล้วเราล่ะเป็นไงบ้าง เริ่มงานวันแรก ไอ้นั่นมันวอแวเราไหม"

"ไม่หรอกครับพี่แทน คุณโตโต้เขาไม่วอแวกับภูมิหรอก"

"โล่งใจหน่อย พี่คิดถึงภูมิจังเลยครับ"

"ภูมิก็คิดถึงพี่แทนครับ"

"อยากกอดจังเลย"

"ก็รีบเรียนให้จบสิครับ ภูมิรออยู่"

"ใจจริงอยากจะจบวันนี้พรุ่งนี้เลยนะ"

"อดทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็จบแหล่ะ"

"ใจจะขาดก่อนนะสิภูมิ เออ ภูมิแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวพี่ต้องทำรายงานอีก คิดถึงภูมินะครับ"

"ครับพี่แทน ภูมิก็คิดถึงพี่แทนเสมอครับ"

"รักนะภูมิ"

แทนทวีออกจากการสนทนาไปแล้ว ปล่อยให้อีกคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ยิ้มออกมาอยู่คนเดียว พอเคลิบเคลิ้มไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

"ว่าไงพลอย"

พลอยเองก็โทรศัพท์หาภูมิบุญตามปกติ ภูมิบุญเองก็โทรศัพท์หาพลอยกับฝ้ายอยู่เป็นประจำเช่นกัน

"ภูมิ เรามีเรื่องสงสัย"

"หือ อะไรพลอย"

"เอกสารที่เอามาดูอ่ะ เราตรวจดูแล้วมันแปลกๆ"

ภูมิบุญลุกจากเก้าอี้ทันทีเดินไปเอาเอกสารที่ตนหอบมาออกมาดูเช่นกัน เขานั่งลงบนเตียงแล้วเอาเอกสารออกมาวางเรียงกัน

"แปลกยังไงพลอย"

"ก็เอกสารอนุมัติการสั่งซื้อไม้และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างน่ะภูมิ ทำไมฝ่ายออกแบบส่งตัวอย่างงานมาแบบนึง แต่ฝ่ายจัดซื้อซื้อของมาอีกแบบนึง เราไม่เข้าใจว่ะ"

"หือ จริงเหรอพลอย งั้นพลอยเอามาให้เราดูพรุ่งนี้นะ อย่าเพิ่งโวยวายไป เดี๋ยวเราก็จะดูเอกสารที่เราเอามา"

พอวางสายจากพลอยภูมิบุญก็ครุ่นคิด เปิดเอกสารดูเปรียบเทียบเอกสารต่างๆเข้าด้วยกัน สักพักก็เดินไปที่โต๊ะหน้าคอมพิวเตอร์ ภูมิบุญนอกจากเรียนเพิ่มเติมภาษาอังกฤษตอนเย็นแล้วก็ยังเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบที่สถาบันออกแบบแถวสยาม คนที่ออกค่าเล่าเรียนให้ก็คุณอภิสรานั้นเองเพราะพอเรียนจบภูมิบุญก็ต้องมาทำงานกับบริษัทอยู่ดี เพราะฉะนั้นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการออกแบบ ดีไซน์วัสดุอุปกรณ์ต่างๆจึงพอมีอยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่สายตรงที่เรียนมาแต่ก็พอดูรู้ว่าอะไรไม่เหมาะกับอะไร สิ่งไหนไม่ควรวางอยู่ตรงไหน หรือควรวางอยู่ตรงไหน

"เอ๊ะ ทำไมยอดสั่งซื้อสีทาภายในมันสูงจังเลย ถ้าเปรียบเทียบกับสีทาภายนอก"

ภูมิบุญพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไปในหน้าเวบไซด์ที่เขาต้องการแล้วเคาะแป้น เม้มปากเข้าหากันแล้วกดบันทึกไว้ในแฟ้มส่วนตัว ชีวิตการทำงานของภูมิบุญเริ่มขึ้นแล้ว ภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นมันกำลังรออยู่ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป จากวัยเรียนก้าวพ้นสู่วัยทำงาน ชีวิตที่จะต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวังมากกว่าเดิมหลายเท่านัก

ภูมิบุญข้องใจในเอกสารที่มีอยู่ในมือทำให้เขานอนไม่หลับ ภูมิบุญถือเอกสารออกมาหน้าห้องนั่งลงตรงม้าหินอ่อน ถอนหายใจออกมา

"นอนไม่หลับเหรอภูมิ"

เสียงทักมา โตโต้นั่งอยู่ในมุมมืดตรงซุ้มกล้วยไม้หน้าห้อง ภูมิบุญสะดุ้งหน้าซีดไปเพราะตกใจ

"คุณโตโต้"

"พี่นอนไม่หลับอ่ะครับ เลยลงมาเดินเล่น ภูมิก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ"

"เอ่อ ครับ ผมยังไม่ง่วงครับ แต่เดี๋ยวก็คงไปนอนแล้วล่ะครับ"

ภูมิบุญพยายามปัดการมีปฏิสัมพันธ์กับโตโต้ทุกทาง แต่คงช้าไปเพราะโตโต้เดินตรงมานั่งลงข้างๆเขาแล้ว

"หอบอะไรมาเยอะแยะครับ งานเหรอ ขยันจังนะภูมิ"

โตโต้ยิ้มออกมามองดูหน้าภูมิบุญแล้วเลยมองไปที่กองเอกสารตรงหน้า

"อ้อ พอดีผมอยากจะศึกษาให้มากๆน่ะครับ จะได้เรียนงานให้เร็วขึ้น"

ยังไม่อยากจะบอกความในใจที่ตนสงสัยในเอกสารบางตัวไป เพราะยังไม่มั่นใจว่าตนได้เข้าใจถูกต้องหรือไม่ ภูมิบุญจึงตอบเลี่ยงไป

"ไม่ต้องหักโหมนักหรอกภุมิ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เดี๋ยวก็ชินเองล่ะ"

"ไม่ได้หรอกครับคุณโตโต้ คุณท่านไว้วางใจผมคงมานิ่งนอนใจไม่ได้หรอกครับ ผมอยากจะทำให้เป็นเร็วๆจะได้ไม่เป็นขี้ปากใคร"

"น่ารักจริงๆนะเรา"

สายตาที่ฉายออกมาลามเลียจนภูมิบุญรู้สึกได้

"ผมขอตัวนะครับ"

"ไปนอนแล้วเหรอภูมิ คุยเป็นเพื่อนพี่ก่อนสิ"

"ผมไม่อยากจะนอนดึกมากครับ กลัวพรุ่งนี้ตื่นสาย"

พยายามจะหลีกเลี่ยงไปให้ได้

"คิดถึงไอ้แทนเหรอ"

โตโต้โพล่งออกมา ภูมิบุญเม้มปากแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดไปให้ได้มากที่สุด กักเก็บมันเอาไว้แล้วค่อยผ่อนระบายออกมา

"ครับ คิดถึงมาก"

โตโต้หน้าเครียดลงทันที นานแล้วที่โตโต้ไม่ต่อปากต่อคำกับภูมิบุญแต่เขาเองก็ชอบแหย่ให้ภูมิบุญตอกคืนแบบเจ็บๆ ไม่รู้สึกเข็ดแต่ยิ่งอยู่ใกล้เขายิ่งอยากจะเห็นรอยยิ้มที่เวลาอยู่ด้วยกันกับเขา นานครังนักจะได้เห็น โตโต้เดินลงมาหน้าห้องภูมิบุญทุกวันนับจากเหตุการณ์วันนั้น เขารู้สึกผิดอยู่ในใจตลอดมา ไม่เคยลบเลือนไป ไม่เคยจางหายไปจากใจ ยิ่งเห็นภูมิบุญเติบโตขึ้นด้วยคุณวุฒิยิ่งรู้สึกผิด เพราะภูมิบุญไม่สมควรได้รับคำตำหนิติเตียนไม่ว่าเรื่องใดๆ ภูมิบุญทำตัวดีมาโดยตลอดเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะเหตุใดถึงเกลียดชังภูมิบุญตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่เข้าใจตัวเองจนถึงบัดนี้ ภูมิบุญเดินกลับเข้าห้องไป "ขอบคุณนะครับคุณโตโต้ที่เตือนสติให้ผมรู้ว่าผมรักพี่แทนเขามากเหลือเกิน" ภูมิบุญบอกกับตัวเอง หยิบเอาโทรศัพท์มือถือกดแฟ้มส่วนตัวที่มีรูปภาพของชายที่รักขึ้นมาดูแล้วนอนหลับไปด้วยจิตใจที่เปี่ยมสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น