วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากห้าสิบ

"นี่ไงภูมิที่เราบอกว่ามันผิดปกติอ่ะ"
 
พอถึงที่ทำงานตอนเก้าโมงเช้าก็เห็นพลอยนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้วท่าทางดุกระวนกระวายใจ ปกติโตโต้จะถึงที่ทำงานตอนสิบโมงกว่า แต่ด้วยความที่ภูมิบุญเร่งเร้าว่าอยากไปถึงที่ทำงานตอนเก้าโมง โตโต้จึงยอมออกจากบ้านเร็วขึ้น เพราะภุมิบุญบอกว่าเขาจะไปทำงานเองแต่โตโต้ไม่ยอม
 
"ตรงไหนพลอย"
 
"ก็ดูย้อนหลังนะ แบบไม้ของฝ่ายออกแบบที่ส่งไปให้เซนต์อนุมัติเป็นไม้ประดู่นะภูมิ แต่ตอนใบส่งของมาส่งทำไมมันเป็นไม้อัดแบบนี้ล่ะทุกอย่างเหมือนเดิมหมด ยกเว้นตัวสินค้า"
 
พลอยเอาปากกาสีสันสดใสขีดเป็นทางยาวตรงจุดที่ต้องการให้ภูมิบุญดู พอเห็นก็ตกใจเพราะสิ่งที่ตัวเองเตรียมมาก็เป็นเหมือนกันกับที่พลอยเพิ่งชี้ให้ดู
 
"ยังโกงกันอยู่อีกเหรอ เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนโกงมาครั้งนึงแล้ว ต้องรู้ให้ได้ว่าใครที่กำลังโกงบริษัทนี้อยู่"
 
"แล้วทำไมอีตาผ้าห่มนวมนั่นถึงไม่ตรวจดูสินค้านะ"
 
"แต่งานเขาเยอะอยู่นะพลอย ทำคนเดียวเราว่าคุณโตโต้คงไม่ได้ตรวจดูหรอก นี่ไงเราถึงอยากให้พลอยมาทำงานกับเรา เพราะเรารู้ว่าพลอยเป็นคนละเอียด"
 
ภูมิบุญยิ้มออกมา ส่วนพลอยทำตาโตใส่
 
"เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันนะที่กล้าโกงคุณท่านแบบนี้ แหมคุณท่านออกจะใจดี ไม่น่าเลยนะ"
 
"คนเรายิ่งสบายยิ่งไม่รู้จักพอ เท่าที่รู้ฐานเงินเดือนของที่นี่ไม่ได้น้อยเลยนะพลอย"
 
"นั่นสิ จบใหม่ๆอย่างเรายังได้เยอะเลย พวกเห็นแก่เงินต้องเฉดหัวออกไปให้หมด"
 
พลอยฉายแววตาออกมา

"แล้ววันนี้พลอยต้องไปเทรนกับพี่เมย์ใช่ไหม"

"ใช่ หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวเราไปล่ะ ค่อยคุยกัน เดี๋ยวสาย"

พลอยรีบหอบสมุดจดเดินลุกไปจากเก้าอี้ทันที ส่วนภูมิบุญก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของโตโต้

"สิบโมงมีประชุมนะภูมิ เดี๋ยวพี่พาเข้าด้วยเลย"

"จะดีเหรอครับ"

ชักลังเลความไม่มั่นใจเหล่านี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

"ดีสิภูมิ เราเป็นผู้ช่วยพี่นะ กลัวเหรอครับ มานี่มา"

ภูมิบุญยืนคว้างอยู่หน้าประตู โตโต้ลุกจากที่นั่งแล้วตรงเข้าหา เขาดึงตัวภูมิบุญมากอดทันที

"คุณโตโต้ ทำอะไรครับ"

ขืนตัวออกถอยไปไกล

"ก็กอดให้กำลังใจไงครับ ก็พี่เห็นเรากลัว"

"ผมไม่ได้กลัว แต่รู้สึกว่าคุณโตโต้จะให้ความสำคัญผมเกินไปไหม เพราะผมไม่อยากให้ใครเขาหมั่นไส้เอา"

ภูมิบุญพูดออกมาเสียงสั่น น่าแปลกที่เวลาเขาจับตัวทีไรตัวสั่นใจสั่นไปทุกที

"ใครมันว่าอะไร ลองมาว่าดูสิเดี๋ยวพี่ก็ไล่ออก"

"ใช้พระเดชอย่างเดียวไม่มีพระคุณแบบนี้ก็ไม่มีใครจริงใจกับเราสิครับ"

ภูมิบุญพูดขึ้น โตโต้มองหน้าภูมิบุญนิ่งคิดอยู่

"เออนะ ความคิดเราเข้าท่าดีนี่ภูมิ พี่ชอบจริงๆ"

ภูมิบุญนิ่งไม่พูดอะไรโต้ตอบเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง วางกองเอกสารที่หอบมาจากบ้านลง

"คุณโตโต้ครับ เวลาอนุมัติงาน คุณโตโต้ได้ทวนรายละเอียดอีกรอบไหมครับ"

ภูมิบุญถามขึ้นอยากรู้สิ่งที่ค้างคาใจ

"หือ ทำไมครับ พี่ก็ดูบ้างนะ โปรเจ็กต์ที่มันใหญ่ๆ แต่ถ้าอะไรเล็กๆพี่ก็ไม่ได้ดูหรอก"

โตโต้พูดแล้วเดินตรงมาหาภูมิบุญเอามือคร่อมโต๊ะกับเก้าอี้ไว้ ภูมิบุญทำหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที

"เหรอครับ แล้วทำไมไม่ดูล่ะครับ ไม่กลัวเขาโกงเอาเหรอ"

"ไม่หรอกน่า ใครมันจะมาโกงมีแต่คนเก่าแก่ทั้งนั้น พี่ไว้ใจเพื่อนร่วมงานครับภูมิ ทำไมเหรอ เราเจออะไร"

โตโต้โน้มตัวลงต่ำกว่าเดิม ลมหายใจรดหน้าของภูมิบุญ

"ปะ เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง เอ่อ รบกวนถอยออกไปได้ไหมครับ ผมจะเตรียมเอกสารสำหรับการประชุม"

ภูมิบุญย่นคอเพราะรู้สึกขนลุกกับการที่เขาพ่นลมหายใจออกมา ลมหายใจร้อนๆมีกลิ่นบุหรี่เจือนิดๆชวนให้ขนลุก

"วาระการประชุมเกี่ยวกับงานเปิดตัวรีสอร์ทที่เชียงใหม่นะครับภูมิ"

เขาพูดเสียงนุ่มจนอีกฝ่ายเม้มปากหนัก นี่เขาแกล้งนี่ ภูมิบุญคิดในใจแล้วเงยหน้าขึ้น

"ครับ ข้อมูลผมพอจะหามาบ้างแล้ว แต่คงนั่งฟังอย่างเดียวนะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ เรียนรู้ไปก่อน พี่มาใหม่นี่ก็แย่เหมือนกันล่ะ"

"เอ่อ คุณโตโต้จะอยู่อย่างนี้อีกนานไหมครับ"

ภูมิบุญพูดออกไป เพราะอึดอัดจริงอย่างที่พูด

"ทำไมล่ะภูมิ ตัวเรานี่หอมเหมือนเคยนะ พี่ยังจำได้ ตอนนั้น"

"เริ่มสิบโมงใช่ไหมครับ ผมขออนุญาตเตรียมตัวก่อนนะครับ"

ภูมิบุญตัดบทให้ทุกอย่างไม่รื้อฟื้นขึ้นมาอีก ไม่มีประโยชน์ ไม่อยากจะคิดถึง โตโต้ยิ้มพอใจกับสิ่งที่ตนเองทำแล้วเดินกลับไปที่โตีะพลิกเอกสารดู

ด้านพลอยพอไปถึงฝ่ายพีอาร์ก็ไปถามหาคนชื่อเมย์คนที่จะมาเรียนงานด้วย

"ทางนั้นเลยน้อง"

แผนกนี้พนักงานยิ่งดูดีกว่าฝ่ายออกแบบเสียอีก แต่งตัวกันเหมือนในนิตยาสาร แต่ละคนว่าไม่ได้เลย

"เอ่อ หนูมาพบพี่เมย์น่ะค่ะ ไม่ทราบว่า"

"มีอะไรกับชั้น อ้อนี่น่ะหรือเลขาฯคนใหม่ของคุณโตโต้ จะไหวเหรอเรา"

เสียงดังขึ้นมาจากโต๊ะด้านข้าง เธอกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ แต่งเสียจนเขียวไปทั้งหน้า ผมก็ทำสีส้มแปร๊ด พลอยยกมือไหว้ทันทีที่เจอ นึกหวั่นอยู่ในใจ

"คือหนูมาเรียนงานกับพี่ เอ่อ พี่เมย์น่ะค่ะ"

"ชั้นไม่ได้อยากจะสอนให้หรอกนะเธอ แต่ดีนะที่คุณโตโต้ฝากมา ไม่งั้นชั้นไม่สอนให้หรอกนะ อะไรจบก็ไม่ได้จบสายนี้มาเลยจะมาริอ่านเป็นเลขาฯ"

สายตาที่มองดูพลอยแสดงความเหยียดหยันออกมา ปากก็เบะไปพูดไป เอาสีทาปากอยู่ไม่ได้ใส่ใจที่จะสอน พลอยเม้มปากหนัก

"ค่ะ หนูชื่อพลอยนะคะ จบรัฐศาสตร์มาค่ะ เรื่องการเป็นเลขาฯนี่ไม่คุ้นเลยค่ะ รบกวนพี่เมย์ด้วยนะคะ"

"แหม มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วเธอ ชั้นอยู่ที่นี่มานาน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณโตโต้ถึงให้ชั้นมาอยู่แผนกนี้ นั่งลงสิยะ จะยืนค้ำหัวชั้นอยู่อย่างนี้เหรอ"

แว้ดเสียงขึ้นดังจนเพื่อนๆร่วมงานหันมามอง แต่ทุกคนกลับหัวเราะ

"โดนเข้าแล้วไหมล่ะน้องใหม่"

เสียงเล็ดลอดเข้าหูมาพลอยสูดลมหายใจเข้าปอดเม้มปากแน่นอยู่ก่อนจะนั่งลง

"อ่ะนี่ เอาไปดู ศึกษาเอง ทำเป็นไหม หรือจะให้สอน จบก็ที่ดีๆนี่น่าจะไม่โง่นะ"

โยนแฟ้มเอกสารให้แล้วก็หันไปส่องกระจกอันเล็กต่อ

"เอ่อ แล้วพวกแฟ้มเอกสารเก่าๆนี่หนูไปค้นมาดูได้จากที่ไหนคะ"

"นี่หล่อน ให้ดูแค่ไหนก็แค่นั้น ต๊ายไฟแรงนะยะ ที่กองอยู่ตรงหน้าก็ดูให้เสร็จเถอะ น่ารำคาญจริงๆ"

พลอยสูดลมหายใจเข้าอีกรอบ นี่น่ะหรือเลขาฯหน้าห้องเจ้าของกิจการคนก่อน ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้พลอยนึกอยู่ในใจ

"ขอบคุณนะคะพี่เมย์"

"เอาตัวให้รอดก่อนเถอะเธอ ชั้นว่าอย่างเธอน่ะไม่กี่วันหรอกก็คงไม่รอด หึหึ เรียนรัฐศาสตร์มากระแดะจะมาเป็นเลขาฯ"

เม้มปากแน่นกำมือเข้าหากันเหงื่อเริ่มไหลเลือดเริ่มร้อน

"แหม เมย์เธอก็อย่าไปดุน้องเขามากสิ ดูสิหน้าซีดแล้ว"

"ไม่ได้หรอกจอย เด็กสมัยนี้น่ะดีแต่เรียน ทำงานไม่เป็นหรอก เพราะถ้าทำเป็นคงไม่มานั่งให้ชั้นว่าเอาอยู่ตรงนี้หรอกจริงไหม"

"ขอโทษนะคะพี่ หนูถามจริงๆเถอะ ตอนพี่จบมาใหม่ๆนี่ทำงานเป็นเลยเหรอคะ ไม่มีคนสอนเลยเหรอ เก่งจัง อีกอย่างถ้าพี่ไม่เต็มใจสอนก็ไม่ต้องสอน ไม่ต้องมาด่าว่าหนู หนูก็เพิ่งเคยเห็นนี่ล่ะค่ะ เวลามาทำงานแล้วมานั่งแต่งหน้าหนูไม่เห็นพี่ทำอะไรสักอย่าง"

พลอยลุกขึ้นอดทนไม่ได้อีกต่อไป

"ต๊ายแก กล้าดียังไง แน่นักเหรออย่ามาอวดดีนะ"

"แน่ไม่แน่หนูก็ทำให้คนที่แน่กว่าอย่างพี่มานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ อีกอย่างคนที่รับหนูเข้ามาคือคุณโตโต้ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมไม่ใช่ธุระกงการอะไรของใครที่จะมาว่านินทา ถ้าแน่จริงเดินเข้าห้องคุณโตโต้สิคะ แล้วบอกว่าหนูไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้"

พลอยจ้องหน้ารายตัว ทุกคนที่ยืนอยู่ใกล้พากันหน้าซีดอ้าปากหวอไม่คิดว่าเด็กเพิ่งจะจบใหม่จะแสดงฤทธิ์เดชอะไรตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน

"กรี๊ดด อีบ้า แกกล้ามากนะ"

"ตกลงไม่สอนใช่ไหมคะ งั้นพี่เตรียมตัวไปคุยกับคุณโตโต้เองละกัน"

พลอยหอบเอกสารตรงหน้าแล้วเดินหันหลังให้ทันที

"แกลองดีกับชั้นเหรอ กรี๊ดด"

ด้านภูมิบุญพอเข้าห้องประชุมไปก็นั่งอยู่ติดกับโตโต้เตรียมสมุดจดกับปากกาเอาไว้ในมือแล้ว

"อ้าว น้องภูมิเข้ามาเรียนงานเหรอจ๊ะ"

เสียงหัวหน้าแผนกบัญชีร้องทักมา ภูมิบุญยิ้มให้

"ครับพี่น้อย ให้น้องเขาเข้ามาดูจะได้เรียนรู้ไวๆครับ จะได้ช่วยผมทำงาน"

"ดีจังนะคะ แต่น้องภูมินี่จบรัฐศาสตร์มาใช่ไหม เอ เรียนพวกตัวเลขมาหรือเปล่าจ๊ะ"

"เรียนบ้างครับ แต่ไม่ถนัด"

"ดีจ๊ะ อย่าไปใส่ใจมันเลยพวกตัวเลขน่ะ มันปวดหัว เนี่ยพี่เองก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว"

ภูมิบุญฉุกใจขึ้นมาทันที จ้องมองแววตาของหัวหน้าแผนกบัญชี หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีผู้นี้น่ะหรือที่จะโกงบริษัท ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่พอหัวหน้าแต่ละแผนกเข้ามาครบก็เริ่มการประชุม เป็นการนำเสนองานของฝ่ายพีอาร์ โดยหัวหน้าฝ่ายพีอาร์เป็นหญิงสาว ผู้หญิงที่เป็นระดับหัวหน้าของบริษัทนี้มีอยู่แค่แผนกบัญชีกับพีอาร์ เธอดูปราดเปรียวแต่งหน้าจัดจ้านดูมั่นใจในตัวเอง ปรายตามามองภูมิบุญนิดหน่อยก่อนจะเริ่มการนำเสนอ โดยฉายภาพวีดีทัศน์ที่จอหน้าห้องประชุม

"โปรเจกต์นี้เราตั้งใจจะทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมานะคะ เซเล็ปที่แพรติดต่อไว้ตอนนี้ก็มีอยู่สามคน แต่กว่าจะถึงวันงานก็คงได้เพิ่มอีกค่ะ ตามรูปเลยนะคะ"

"โห น้องแพรได้คนนี้มางานเราด้วยเหรอ ได้ข่าวว่าค่าตัวแพงมากนะ"

"อ้อ ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะพี่อภิพงษ์ พอดีแพรมีคอนเน็กชั่นกับพวกเซเล็ปน่ะค่ะ ขอให้เขามาช่วย"

เธอหัวเราะอย่างดีใจที่มีคนสนใจดาราที่เธอฉายภาพขึ้นให้ดู

"การตกแต่งรีสอร์ทของเราก็เกือบเก้าสิบเปอร์เซนต์แล้วนะคะ ตอนนี้ฝ่ายพีอาร์ทำแอดออกไปแล้ว ตามสื่อต่างๆ ผลตอบรับดีมากเลยค่ะ"

ภูมิบุญนั่งมองตาปริบๆ ไม่รู้จะจดอะไร เพราะเธอพูดเร็วเสียจนจับจุดไม่ทัน โตโต้นั่งพิงพนักฟังอยู่ สายตาก็เหลือบมาหาภูมิบุญ

"แล้วบัดเจ็ทเท่าไหร่นะครับคุณแพร"

โตโต้ถามเมื่อเธอนำเสนอเสร็จ

"อ้อ ค่ะคุณโตโต้แพรวางบัดเจ็ทไว้ที่ห้าล้านน่ะค่ะ"

"ห๊า ห้าล้าน"

ทุกเสียงในห้องประชุมดังขึ้นพร้อมกันมองหน้ากันเหรอหรา

"แหม ก็งานนี้จะเป็นงานใหญ่ที่สุดแห่งปีนะคะในวงการรีสอร์ท แพรตั้งใจว่าทุกคนต้องหันมามองเราค่ะ"

"แต่มันเยอะไปไหม กับแค่งานเปิดตัวแค่คืนเดียว สื่อล่ะคุณมีออนแฮนด์เท่าไหร่แล้ว คราวที่เพชรบูรณ์เราเสียไปตั้งสามล้าน แต่ธุรกิจตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนะ"

โตโต้พูดขึ้น แพรหน้าเสีย

"แหม คุณโตโต้คะ มันไม่เหมือนกันนี่คะ เขาค้อไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวเหมือนเชียงใหม่ เราขายได้เฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยวเท่านั้นนะคะ แต่เชียงใหม่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนเข้าออกทุกวัน แพรว่ามันคุ้มนะคะกับการลงทุน"

แพรมีเหตุผลของเธอ พยายามทำสายตาอ้อนวอนทุกคน เสียงคุยกันจอแจขึ้นมา บ้างเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วย

"คุณเสนอราคามาก็แล้วกัน ให้ฝ่ายจัดซื้อเขาดูก่อนถ้าอนุมัติผมก็ไม่มีปัญหา"

โตโต้พูดออกไป ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

"ค่ะคุณโตโต้ ขอบคุณค่ะ"

"เอ่อ ผมว่า"

ภูมิบุญพูดขึ้นมองหน้าโตโต้

"ครับภูมิ มีอะไรเหรอ อยากพูดอะไรไหม"

"คือผมว่ามันน่าจะทำให้บัดเจ็ทไม่ถึงห้าล้านก็ได้นะครับถ้าทำแบบนี้"

อยากจะแสดงความคิดเห็นออกไปแต่ก็เกรงด้วยตนเป็นเด็กสุดในที่นี้ ได้แต่กระซิบบอกโตโต้

"ทุกคนครับ น้องภูมิมีอะไรจะเสนอตั้งใจฟังหน่อยครับ"

โตโต้โพล่งออกมา ทุกคนในวาระการประชุมเงียบหันขวับมาเป็นตาเดียว ภูมิบุญทำหน้าไม่ถูกอยากจะพูดกับเขาสองคนเท่านั้น ภูมิบุญอึกอักมองหน้าทุกคนที่จับจ้องสายตามาที่เขา

"เอ่อ"

"พูดไปสิครับภูมิเรามีความคิดเห็นอะไรหรือ"

ได้ ถ้าจะให้พูดก็ย่อมได้ ภูมิบุญมองหน้าโตโต้ จุดประสงค์ของเขาคือกลั่นแกล้ง

"คือเรื่องเซเล็ปน่ะครับ ผมมีความคิดเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องติดต่อไปถึงสามสี่คน เพื่ออะไรครับ ผมว่าเซเล็ปเอาคนที่มีชื่อเสียง หญิงหนึ่งชายหนึ่งก็น่าจะพอ เพราะถ้าเอาคนที่มีชื่อเสียงมากๆไปรวมอยู่ในงานเดียวกัน เดี๋ยวก็จะเป็นแย่งซีนกันเปล่าๆ อีกอย่างสื่อคงไม่ทำข่าวเราหรอกครับ เพราะคนที่ดึงสื่อไปน่าจะเป็นเซเล็ป อีกอย่างถ้าค่าตัวเขาแพงมากจำเป็นต้องเป็นคนนี้ด้วยเหรอครับ ดาราทุกวันนี้มีอยู่เกลื่อนทีวีไปหมด เราเลือกคัดเอาเแพาะที่เขาอิมเมจดีๆ ค่าตัวไม่ขูดเลือดขูดเนื้อกันเกินไปผมว่าน่าจะประหยัดงบประมาณได้บ้างนะครับ"

ภูมิบุญพูดขึ้นเสียงดังทุกสายตาที่มองมาประหลาดใจในความคิดของเขา มีทั้งเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย แต่สายตาคู่หนึ่งที่ฉายแววเกลียดชังออกมาคือแพร

"น้องภูมิคะ พี่แพรไม่ทราบว่าน้องภูมิรู้เรื่องพีอาร์มากน้อยแค่ไหนนะคะ การที่เราสามารถดึงตัวเซเล็ปไปร่วมงานด้วย ถือเป็นกำไรกับการเปิดพร็อพเพอร์ตี้เรานะคะ เพราะถ้าคนมีชื่อเสียงไปเปิดงานนั่นหมายถึงอิมเมจของเราว่าเราสามารถจ้างดาราได้ในราคาแพง เพราะบริษัทของเราไม่ใช่กระจอกนะคะ"

แพรแว้งคืนมองหน้าภูมิบุญอย่างไม่พอใจ

"ขอโทษด้วยนะครับคุณแพร ผมอาจจะไม่มีความรู้เรื่องพีอาร์มากเท่าไหร่นัก แต่ผมก็พอรู้หลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นมาบ้าง ถ้าดีมานด์มันสูงแล้วซัพพายมันต่ำผลกำไรมันก็ไม่งอกเงยนี่ครับ ยิ่งเปิดตัวอย่างกับยิงพลุแล้วผลกำไรหรือผลที่ได้หลังจากเปิดตัวล่ะครับ เท่าที่ผมศึกษามารีสอร์ทที่มีชื่อเสียงทั่วเมืองไทย ส่วนมากเขาจะเชิญคนที่เขามียศมีตำแหน่งในวงการการเมือง หรือไม่ก็ลูกท่าหลานเธอ เพราะคนพวกนี้เขาสามารถดึงคนชั้นเดียวกันให้เข้ามาใช้บริการกับเราได้ถ้าเขาพอใจ และถ้าเขาคิดว่าพร็อพเอพร์ตี้ของเรามีระดับพอสำหรับพวกเขา ผมยังจำได้เลยครับตอนงานเปิดตัวที่เขาค้อ มีดาราไปสี่คนเปิดตัวเกรียวกราว แล้วตอนนี้ใครพอจะแจงรายรับเราได้ไหมครับ ว่ามันหักต้นทุนมาครบหรือยัง"

ภูมิบุญจ้องหน้าแพรไม่ยอมวางตาเช่นกัน ใครจะว่าอะไรก็ช่างเพราะคนที่ให้อำนาจเขามาคือคุณอภิสรา และในเมื่อเขาได้กลิ่นไม่ดีจากบริษัทแห่งนี้เขาก็จะไม่เกรงกลัวใครเช่นกัน เขาจะปกป้องผลประโยชน์ของคนที่เขาเทิดทูนบูชาไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนมาเอารัดเอาเปรียบได้ แม้แต่สตางค์แดงเดียว

"เอาล่ะครับคุณแพร เอาเป็นว่าคุณไปทำแผนงานมาเสนอใหม่ เพราะเท่านี่น้องภูมิพูดผมก็เห็นด้วย เอาล่ะครับจบการประชุมแค่นี้เถอะครับ เออคุณเอกชัยเรื่องตกแต่งภายในไปถึงไหนแล้วครับ"

โตโต้โพล่งขึ้นมาทุกอย่างเป็นอันยุติ หัวหน้าแผนกแต่ละคนลุกออกจากเก้าอี้เดินออกนอกห้องประชุม ต่างก็คุยกันซุบซิบนินทาอยู่

"เอ่อ คุณโตโต้คะ ให้ทำแผนงานมาเสนอใหม่มันไม่เกินไปเหรอคะ แพรคิดว่าแผนงานนี้มันเหมาะสมแล้ว กะอีแค่ความเห็นจากเด็กเพิ่งจบเนี่ยนะคะ"

แพรยังไม่ยอม เพราะเธอวาดหวังไว้กับโปรเจ็กต์นี้มาก ร้องออกมาสายตาก็เคียดแค้นมองหน้าภูมิบุญอยู่

"ยังไงคุณแพร ผมว่ายังไงก็อย่างนั้นครับ ภูมิบุญเพิ่งจบก็จริง แต่คุณอย่าลืมนะว่าตำแหน่งของเขาคือผู้ช่วยผม จะเทียบไปแล้วเขาเป็นรองอยู่แค่ผมนะในบริษัทนี้ เอาตามที่ผมบอก หรือคุณจะเอางานนี้ไปให้หินเขาทำ"

โตโต้ตอกคืนแพรถึงกับหน้าหงาย หินคือผู้ช่วยของแพรเองเป็นเกย์ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่นัก พอแพรได้ยินถึงกับเข่าอ่อนไป โตโต้ดึงแขนภูมิบุญให้ออกจากห้องประชุมไป

"เยี่ยมเลยภูมิ ไม่คิดนะว่าเราจะมีความคิดแบบนี้ พี่ยังคิดไม่ถึงเลย"

โตโต้ยิ้มออกมามองหน้าภูมิบุญ

"ผมก็แค่เสนอไปอย่างที่คิดเท่านั้นเองครับ เพราะเกรงว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น"

"ดีจังครับ พี่ดีใจนะที่มีภูมิมาช่วยงาน แม่พี่คิดไม่ผิดจริงๆด้วย"

"ผมเพิ่งจะเริ่มงานนะครับคุณโตโต้ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมอาจจะเป็นตัวถ่วงคุณก็ได้"

"ถึงเป็นตัวถ่วงพี่ก็จะโอบอุ้มเราไว้เองครับ"

เขาพูดกลับมาทำให้ภูมิบุญถึงกับสะอึกพูดไม่ออก น้ำเสียงที่จริงจังสายตาที่มุ่งมั่นมันทำให้ภูมิบุญเดินหนีไป เห็นพลอยนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องก็ปรี่เข้าไปหา

"มีอะไรพลอย หน้าตาเหมือนไปทะเลาะกับใครมาเลย"

"ก็ อีหน้านกแขกเต้านั่นไงภูมิ มันเป็นใคร มันมาด่าเราฉอดๆ บอกจะมาเรียนงานมันโยนเอกสารใส่หน้าเรา บอกว่ามีปัญญาอ่านเองไหม นี่มันอะไรกันน่ะภูมิ แหมนังนี่ไม่เคยโดนตบซะแล้ว"

พลอยเล่าความในใจที่อัดอั้นไว้มานานออกมา

"ใจ เย็นๆพลอย เราก็โดนคนเขม่นเหมือนกันล่ะ เราว่าเราจะมาทำโผงผางเหมือนแต่ก่อนไม่ได้หรอกนะ ไม่รู้ว่าใครดีใครไม่ดี อย่าเพิ่งแสดงตัวให่้เขารู้มากว่าเราไม่ชอบเขา เราจะลำบาก"

"ไม่ทันแล้วล่ะภูมิ เราด่ามันไปแล้ว ทนไม่ไหวว่ะ อีบ้ามายืนด่าอยู่ได้ พวกแผนกนี้ทุกคนนะก็มายืนหัวเราะ เป็นบ้ากันไปแล้ว"

ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่ พอดีกับโตโต้เดินมาจึงเงียบ

"เป็นไงครับน้องพลอยเรียนงานเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง"

"เอ่อ ค่ะ พอดีพลอยเอามาศึกษาเองดีกว่าค่ะเสียเวลางานพี่เขา"

"อ้อเหรอครับ ตามใจเรานะ ท่าทางเราก็หัวไวนี่ เพื่อนภูมิน่าจะเหมือนกันนะ"

พูดเสร็จก็หันมายิ้มอย่างมีเลศนัยให้ภูมิบุญ แล้วเดินกลับเข้าห้องไปทันที

"มีอะไรกันเหรอภูมิ"

"เราว่า แผนกพีอาร์ท่าทางจะเหม็นขี้หน้าเราเข้าแล้วล่ะ"

ภูมิบุญเล่าเรื่องให้พลอยฟัง  พลอยเองก็นิ่งฟังพยักหน้าตามครุ่นคิดอยู่ ส่วนภูมิบุญก็ถอนหายใจออกมาเมื่อเล่าจบ

"เราต้องช่วยกันนะพลอย เราว่าที่นี่มีคนตั้งใจจะโกงคุณท่านอยู่เยอะทีเดียว คุณโตโต้เองก็ไว้ใจคนพวกนี้มาก เราต้องศึกษางานมาให้มากกว่าเดิมอีกนะ"

ภูมิบุญพูด สายตามองประตูห้องของโตโต้

"ได้สิภูมิ เรามาร่วมมือกัน อยากรู้นักอีหน้าไหนมันกล้าคิดอุบาทว์กับคุณท่าน เลี้ยงไม่เชื่องก็ไม่ต้องเลี้ยง"

"เออ เที่ยงแล้วนี่พลอยเราไปกินข้าวกันเถอะ"

"อ้าวไม่ไปชวนอีตาผ้าห่มนวม บอสเราเหรอจ๊ะ"

พลอยเหน็บ

"ไม่เอาหรอก ขี้เกียจเจอหน้า"

"แหมนะภูมิ จะหนีเขาไปไหนล่ะ กลับก็กลับด้วยกัน ห้องทำงานเดียวกัน มาทำงานก็มาด้วยกัน อยู่บ้านเดียวกัน หนีไม่พ้นหรอกน่า"

"พลอย บ้าเหรอ เจอหน้าใช่ว่าเราจะชอบนะ"

"อิอิ เหรอจ๊ะ เฮ้อพี่แทนเป็นไงบ้างนะ"

ภูมิบุญหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าไปในห้องทำงานเป็นคนเดียวที่เขาสู้ไม่ได้คือพลอยเพื่อนรักคนนี้นี่เอง โตโต้กำลังเดินออกมาพอดี

"ไปครับภูมิไปกินข้าว พี่จองร้านอาหารไว้"

"เอ่อ"

"พลอย ปะไปกินข้าวเที่ยงแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับมาศึกษาต่อ"

พลอยยิ้มออกมาทันทีหันไปมองเพื่อนรักที่หน้าหงิกอยู่ข้างหลัง สรุปก็ต้องไปกินข้าวกับบอสใหญ่ พอเดินผ่านแผนกพีอาร์ก็รับรู้ได้ว่ามีรังสีอำมหิตแผ่มา พลอยเชิดหน้าไม่สนใจภูมิบุญเองก็ปรายตามอง

"เรายังต้องเจอกันอีกเยอะ"

ภูมิบุญคิดในใจแล้วเดินตามโตโต้ไป

"รอแป๊บนะครับ พี่ขอเข้าห้องน้ำก่อน"

โตโต้บอกแล้วเดินเลยไปหลังลิฟท์ ภูมิบุญกับพลอยยืนคอยอยู่

"ได้ข่าวว่าเป็นแค่ลูกคนใช้นี่เธอ ต๊ายมีบุญเนอะ ได้มาทำถึงตำแหน่งนี้น่ะ ไม่รู้ว่าคุณเจ้าของบริษัทเขาคิดยังไงนะ"

"นั่นสิเธอ แม่เป็นคนใช้ลูกมาเป็นผู้ช่วยเจ้าของบริษัท ตายรู้ถึงไหนอายถึงนั่น"

เสียงที่จงใจเปล่งออกมาดังให้ทั้งสองได้ยินภูมิบุญเม้มปากหนัก นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินคำๆนี้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่รู้สึกอะไรกับมัน แต่ทำไมวันนี้กลับรู้สึกแปลบขึ้นมาอีก จำได้ว่าพอได้ยินก็ทำให้ใครคนหนึ่งต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับฟังเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

"ดูสิเธอ เชิดคอยังกะหงษ์ นี่ล่ะน้าเขาเรียกว่าแข่งเรือแข่งพายมันแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกับเขาไม่ได้หรอก"

ภูมิบุญหันขวับไปทางต้นเสียง แพรกับเมย์นั่นเองที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก ภูมิบุญเดินตรงเข้าไปหา พลอยเองพยายามดึงมือไว้แต่ไม่ทัน

"คุณครับ พอจะทราบไหมว่าบริษัทนี้น่ะ คนที่มีอำนาจตัดสินใจคือใครครับ"

ภูมิบุญจ้องหน้าทั้งสองคนที่ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

"ก็คุณโตโต้ไง ต๊ายไม่รู้หรอกเหรอ"

เมย์เบะปากแล้วหันไปหัวเราะกับแพร

"รู้ครับว่าคุณโตโต้ แต่คุณสองคนคงไม่รู้สินะครับ ว่ามีอีกคนที่มีอำนาจตัดสินใจ"

"แหมคุณอภิสราน่ะท่านวางมือไปแล้วจ๊ะ ท่านไม่มายุ่งเกี่ยวหรอก"

"ครับ ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วน่ะใช่ แต่ท่านไม่ได้คิดผิดหรอกครับที่เอาผมมาเป็นผู้ช่วยคุณโตโต้ แต่น่าจะมีบางคนคิดผิดที่รับคุณสองคนเข้าทำงาน"

"กรี๊ดดด แก"

"อย่ามาก้าวร้าวกับผมนะ ผมเป็นลูกคนใช้แล้วทำไม มีปัญญาทำได้เหมือนผมไหม หรือดีแต่โกงเศษเงินกินไปวันๆ"

"กะ แก" แพรพูดไม่ออกอ้าปากจะกรี๊ดออกมา เมย์เองก็ทำท่าเดียวกัน

"ผมจะมาทำให้ทุกคนที่นี่เข้าใจใหม่ ว่าที่นี่คือที่ทำงานที่ให้ชีวิต ไม่ใช่ทำงานเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตน ถ้าใครคิดแบบนั้นเราก็คงร่วมงานกันไม่ได้ อ้อ ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้นะครับว่าคนที่มีอำนาจตัดสินใจอีกคน คือ"

"มีอะไรกัน"

โตโต้เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นทั้งสี่คนยืนประจัญหน้ากันอยู่ พอเห็นโตโต้แพรกับเมย์ก็สั่น ภูมิบุญก็เม้มปากอยู่อยากจะพูดให้จบประโยคแต่มาคิดๆดูแล้ว ไม่อยากจะโอ้อวดตัวเองกับคนจำพวกนี้ จึงเงียบไปเสียดีกว่า

"เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะคุณโตโต้ จะไปทานข้าวเที่ยงเหรอคะ พอดีแพรกับเมย์ก็จะไปน่ะค่ะ ทานข้าวให้อร่อยนะคะ"

รีบออกตัวแล้วเดินจูงมือกันเลิ่กลั่กกลับเข้าออฟฟิศไป

"มีอะไรหรือเปล่าภูมิ"

"ไม่นี่ครับ แค่ทักทายกัน ผมเพิ่งมาทำงานนะครับคุณโตโต้จะกล้าไปมีอะไรกับใคร"

ภูมิบุญชักสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม พลอยยิ้มออกมา นานแค่ไหนนะที่ไม่ได้เห็นภูมิบุญเป็นแบบนี้ นานมากแล้วจนเกือบลืมว่าภูมิบุญได้ยินใครว่ากระทบแม่ของเขาไม่ได้ ไม่ได้เลย เรื่องอดีตที่ฝังใจ เรื่องที่เขาไม่อยากจะรื้อขึ้นมาอีก ทำไมคนเราชอบไปเขี่ยไปขุดมันขึ้นมานะ สมแล้วที่โดนไปแบบนั้น สมแล้ว ศึกครั้งใหม่มันเริ่มขึ้นแล้วสินะ ศึกที่อาจจะดูลึกลับกว่าตอนเรียน เอาสิมาเจอกันหน่อย เธอแน่ฉันก็แน่ พลอยยิ้มออกมาเดินตามหลังภูมิบุญกับโตโต้ลงลิฟท์ไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น