วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากห้าสิบสาม

พอพลอยเห็นสีหน้าของภูมิบุญที่กดลิฟท์ลงไปชั้นใต้ดินอีกครั้งก็ชักกลัวเพราะสีหน้าของภูมิบุญช่างต่างกับเมื่อครู่นี้มาก ใบหน้าบึ้งตึงสายตาจ้องมองประตูลิฟท์เหมือนมันทำอะไรขัดใจเอา

"ภูมิ เราออกไปกินกาแฟกันก่อนไหม"

พลอยร้องขึ้นเมื่อลิฟท์เปิดออก ภูมิบุญพยักหน้ารู้ตัวว่ากำลังโกรธจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก ทั้งสองลงไปส่งลุงที่ห้องเก็บเอกสารโดยบอกถึงเอกสารที่ต้องการแล้วกลับขึ้นไปชั้นล็อบบี้แล้วเดินออกมาจากบริษัทเดินไปข้างๆมีร้านขายกาแฟอยู่

"ภูมิๆ"

เสียงเรียกตามหลังมา

"ต๊อป"

ภูมิบุญกับพลอยหันไปแล้วร้องออกมาพร้อมกันเพราะคนที่กำลังวิ่งมากระหืดกระหอบคือต๊อปนั่นเอง

"ไปไหนกันเราไปด้วย"

"นายไม่ทำงานเหรอ"

ภูมิบุญถามเสียงเขียว

"ทำดิ แต่พี่เขาใช้ให้ไปซื้อกาแฟ ไปนั่งกินกาแฟก่อนไหมเบรคก่อน"

ต๊อปยังหอบอยู่ ภูมิบุญกับพลอยพยักหน้า

"อ้าวต๊อป นายเป็นคนซื้อกาแฟด้วยเหรอ ดีจังเนอะแผนกนาย"

"ไม่หรอกพลอย พอดีเราจะมาเข้าห้องน้ำ พี่เขาเลยวาน"

"เหรองั้นเราไปนั่งกินกาแฟก่อน คนบางคนกำลังจะลมออกหู"

พลอยกัดแล้วพยักเพยิดไปทางภูมิบุญ

"เออ ภูมิชื่อเสียงนายดังทั่วบริษัทแล้วนะ เห็นเขาบอกว่าแรง หึหึ เราว่าแล้วเชียวว่าต้องมีวันนี้"

"หือ หมายความว่ายังไงต๊อป"

ภูมิบุญหันขวับมา

"เปล่า ก็ตอนเรียนนายก็ดังนะเรื่องไม่ยอมใคร แผงฤทธิ์เสียจนหลายคนกลัวนะไม่รู้เหรอ คณะเรามีหลายคนนะชอบภูมิ แต่กลัวกันเลยไม่มีใครกล้าจีบ"

"แหมพูดเหมือนนายรู้ดีเนอะต๊อป"

"รู้ดิ เพราะเราก็ชอบภูมิ"

ต๊อปพูดออกมาภูมิบุญทำหน้าเจื่อนไปแต่ก็ตีสีหน้าเป็นเหมือนเดิม

"อย่ามาล้อเล่นนะต๊อป เดี๋ยวเราก็เอาจริงหรอก เออ งานเป็นยังไงบ้าง"

ภูมิบุญเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากจะไปหว่านเม็ดอะไรลงไปในทราย ไม่งอกก็นับเป็นบุญแต่ถ้างอกขึ้นมาเรื่องเวียนหัวบาปกรรมก็ตั้งตระหง่านรออยู่ข้างหน้า

"ก็ดีนะ แผนกเราพี่ๆน่ารัก ไม่เหมือนแผนกบัญชี"

"หือ ทำไมล่ะแผนกบัญชีทำไม"

ภูมิบุญสนใจขึ้นมาพลอยเองก็ทำตาโต

"ไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟดีกว่าเราร้อน"

ท่าทางของต๊อปไม่ได้ระแคะระคายอะไรเพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่ทั้งสองคนกำลังค้นหาความจริงอยู่

"เอาล่ะเล่าให้ฟังหน่อยสิต๊อป ว่าพี่ๆเขาว่ายังไงบ้างเกี่ยวกับแผนกบัญชี"

พลอยเป็นคนเริ่ม ภูมิบุญยังสงวนท่าทีอยู่

"ก็เห็นพี่ๆเขาว่าแผนกบัญชีทำตัวเป็นเอกเทศ ใหญ่สุดในบริษัทคุณโตโต้ยังเกรงเลยนะ มีตัวเป้งๆอยู่หลายคน"

ภูมิบุญมองหน้าพลอยสบตากัน

"ใครบ้างล่ะต๊อป"

พลอยดันประเด็นให้ร้อนขึ้น

"ก็ตัวใหญ่สุดน่าจะเป็นพี่น้อย รองลงมาก็ผู้ช่วยเขาสองคนนั่นล่ะมั๊ง ก็พี่สายใจกับพี่อ้อม"

ทั้งสองชื่อภูมิบุญกับพลอยยังไม่เคยเห็นหน้า

"เหรอ เขาใหญ่มากเลยเหรอ"

ภูมิบุญพุดขึ้นบ้าง

"เราก็ไม่รู้นะเรื่องนี้ แต่เห็นพี่ๆเขาบอกว่า เหมือนอำนาจการตัดสินใจครึ่งหนึ่งอยู่ที่แผนกบัญชีนี่ล่ะ ใครอย่าได้ไปขัดใจนะ พี่เขาบอกว่าเวลาคุณโตโต้เซนต์อนุมัติมาแล้ว แต่ถ้าแผนกบัญชีไม่พอใจใครกว่าจะตีเช็คออกมารอไปเถอะ"

"หือ มีแบบนี้ด้วยเหรอ แสดงว่าเขาไม่ได้สนใจลายเซนต์ของคุณโตโต้เลยสิ"

"เห็นพี่ๆบอกว่าคุณโตโต้เองก็เกรงคุณน้อยอยู่เหมือนกัน เพราะแกเป็นคนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยคุณแม่ของคุณโตโต้ คงเกรงใจน่ะภูมิ"

ต๊อปดูดกาแฟเย็นในแก้ว ภูมิบุญเม้มปาก

"ต๊อป เราถามหน่อยสิ แผนกนายมีใครที่แปลกๆบ้างไหม"

ภูมิบุญถามขึ้นมองหน้าต๊อปจริงจัง

"แปลกยังไงล่ะภูมิ ท่าทางเหรอ"

"ก็รวยขึ้นผิดปกติ หรูขึ้นมากอะไรแบบนี้อ่ะต๊อป แต่ถ้าท่าทางแปลก นายนั่นล่ะที่แปลก"

พลอยดอดขึ้น ต๊อปหัวเราะออกมา

"แหมพลอย เราแค่สูงไปหน่อย หัวฟูอีกต่างหาก ไม่แปลกหรอกน่า"

"ผมหยิกๆแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ต๊อป"

ภูมิบุญพูดขึ้น ต๊อปหันมายิ้มทำตาหวานให้

"ว่ามาๆพ่อคุณอย่ามาทำตาหวาน แฟนเค้าอยู่เมืองนอกจ๊ะ นายหมดสิทธิ์"

พลอยขัดจังหวะ ภูมิบุญเองก็รู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นออกไป ต๊อปหน้าเจื่อนลง

"ถ้ารวยขึ้นน่าจะเป็นพี่ภานุนะเห็นพี่ๆเขาบอกว่าออกบีเอ็มซีรี่เจ็ดเชียวนะพลอย แต่เราไม่เคยเห็นหน้าเขาหรอกนะ เพราะเขาเป็นคนไปดูงานที่เชียงใหม่ ตั้งแต่เราเข้ามาทำที่นี่จะสองเดือนแล้วเรายังไม่เคยเห็นเลยอ่ะ"

"มีใครอีกไหม"

ภูมิบุญพูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง

"มีอะไรหรือเปล่าภูมิ"

ต๊อปชักสงสัยมองหน้าภูมิบุญ

"ตอนนี้ยังหรอกต๊อป แต่เรื่องวันนี้อย่าไปเล่าให้ใครฟังนะเราขอร้อง"

"หือที่เรามาคุยกับภูมิน่ะเหรอ โอ๊ยเราไม่พูดหรอก มีอะไรให้เราช่วยบ้างไหมล่ะ ท่าทางคงมีอะไรแน่ๆเราว่านะ"

ต๊อปพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"งั้นเราวานต๊อปช่วยดูคนในแผนกออกแบบให้เราหน่อยสิ"

ภูมิบุญพูดออกไปพลอยมองหน้าภูมิบุญทันที ภูมิบุญพยักหน้าให้พลอย

"ดูอะไรล่ะภูมิ"

"เรื่องนี้เป็นความลับนะต๊อป เราไว้ใจนายในฐานะที่เราเรียนจบมาจากสถาบันที่ทรงเกียรติเดียวกัน อีกอย่างในฐานะที่นายเป็นเพื่อนเรา"

ภูมิบุญเว้นจังหวะแต่สายตายังจับจ้องปฏิกริยาของต๊อปอยู่ พยายามพูดอ้อมเน้นสิ่งยึดเหนี่ยวใจของนิสิตสถาบันเดียวกันเน้นย้ำให้เขาฮึกเหิมขึ้นมา

"เราคิดว่ามีคนกำลังโกงในบริษัทของเรา อยากให้นายช่วยเป็นหูเป็นตาให้เราหน่อย ถ้าเห็นว่าใครทำตัวน่าสงสัย ให้นายคอยสังเกตว่าเขาทำอะไรบ้าง มีหลักฐานอะไรจะสาวถึงตัวเขาได้ไหม ช่วยเราหน่อยนะต๊อป เราเพิ่งเข้ามาอย่างที่นายรู้มีแต่คนเขม่นเราเพราะเรายังเด็ก อีกอย่างก็มาอยู่ในตำแหน่งที่ใครๆหลายคนหมายปอง เราไม่มีพวกเลยนะต๊อป"

ปลายประโยคเติมเสียงอ้อนเข้าไปทำให้ต๊อปมองหน้าภูมิบุญอย่างเห็นใจในหัวอกเดียวกัน

"ทำไมเด็กกว่าแล้วมีความรู้ความสามารถ เป็นกันซะแบบนี้บริษัทหลายที่มันถึงไม่เจริญ เราไม่คิดเลยนะว่าที่นี่ก็จะเป็น"

ต๊อปพูดออกมาน้ำเสียงหนักแน่น ภูมิบุญยิ้มในใจ

"ไม่ต้องห่วงหรอกภูมิ เดี๋ยวเราเป็นพวกนายเอง ไม่ว่าภูมิจะอยู่ฝ่ายไหน เราจะอยู่กับภูมิ"

"อะแฮ่ม"

พลอยกระแอมขึ้น จากที่กำลังตาหวานต๊อปก็หัวเราะออกมา เขาเป็นคนอารมณ์ดีมองโลกในแง่ดี ภูมิบุญเองก็ไม่ได้คิดที่จะใช้เขาแต่ก็อยากจะได้พวกเพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาต่อสู้อยู่เพียงลำพัง แม้จะมีคุณโตโต้คอยหนุนหลังให้และพลอยคอยสนับสนุน แต่เป้าใหญ่คือตัวของภูมิบุญเอง ทั้งสามกลับเข้าไปในบริษัท ภูมิบุญกับพลอยกลับลงไปชั้นใต้ดินเพื่อขนเอกสารกลับขึ้นที่ทำงานของตน ส่วนต๊อปก็แยกไปแล้ว พอเดินกลับมาถึงหน้าห้องโตโต้ก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นคุณอนิรุธนั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะของพลอย

"อ้าวคุณอนิรุธคะ ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ"

"อ้อ ยังหรอกครับ พอดีคุณน้อยมาพบคุณโตโต้"

"คุณน้อย"

ทั้งสองมองหน้ากันภูมิบุญเม้มปากหนัก พอดีกับโตโต้เปิดประตูออกมา

"อ้าวภูมิ พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ"

โตโต้เหมือนจะเดินออกมาตามพลอยแต่พอเจอตัวภูมิบุญก็ร้องเรียก ภูมิบุญเม้มปากหนักแล้วเดินเข้าห้องไป

"ครับคุณโตโต้"

น้อยนั่งหันหลังให้ตัวโยนสั่นอยู่เหมือนกำลังร้องไห้ สีหน้าของโตโต้เหมือนเหนื่อยหน่ายมองหน้าภูมิบุญเรียบเฉย

"คือพี่น้อยเขาบอกว่าภูมิไปว่าเขาถึงออฟฟิศเลยเหรอภูมิ เรื่องมันเป็นยังไงเล่าให้พี่ฟังซิ"

พอได้ยินก็ถึงกับแสยะยิ้มออกมา ภูมิบุญเดินไปที่ที่เคยยืนเมื่อตอนฉะกับแพรมองหน้าน้อยที่กำลังบีบน้ำตาก้มหน้าร้องไห้อยู่

"ตายจริง คุณน้อยคิดไปแบบนั้นเหรอครับ ผมต้องกราบขอโทษคุณน้อยนะครับ ผมนี่แย่จริงๆ เพิ่งเข้ามาก็ไปทำให้คุณน้อยเข้าใจผิดเสียแล้ว ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย"

น้ำเสียงของภูมิบุญไม่ได้สำนึกผิด ความเสแสร้งมันเปล่งออกไปจนน้อยก้มหน้ากัดฟันอยู่

"พี่ไม่ได้มาฟ้องนะคะน้องภูมิ พี่น้อยทำงานที่นี่มานาน ไม่เคยเจอรุ่นน้องไปว่าถึงที่ออฟฟิศ พี่ตกใจน่ะค่ะน้องภูมิ"

"อ้อเหรอครับ งั้นผมขอโทษคุณน้อยอีกทีนะครับ ขอโทษจริงๆที่พูดว่าคุณน้อยเทรนพนักงานให้ไม่รู้จักสัมมาคารวะ ให้คุณอ้อยืนชี้หน้าด่าลุงเดินเอกสาร ทั้งที่อายุรุ่นปู่รุ่นตา แต่เหมือนกับด่าว่ารุ่นน้องหรือคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่นะหรือครับ หรือที่ผมบอกว่าที่คุณน้อยบอกว่าวัฒนธรรมองค์กรของที่นี่นับถือกันตามตำแหน่งไม่สนใจระบบอาวุโสหรือเปล่าครับ ตายจริงผมเสียใจจริงๆ ผมขอโทษนะครับคุณน้อย"

ภูมิบุญยกมือขึ้นไหว้แต่ใบหน้ากลับยิ้มแสยะออกมา น้อยเงยหน้าขึ้นมองฉายแววตาเกลียดชังออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

"ดูสิคะ คุณโตโต้ น้องภูมิทำไมก้าวร้าวแบบนี้ พี่น้อยไม่เคยเจอ พี่น้อย ฮึกๆ"

เสแสร้งร้องไห้ออกมา โตโต้หันมามองหน้าภูมิบุญแล้วยักไหล่ให้เหมือนรู้กันกับภูมิบุญ

"เอาเถอะครับคุณน้อย ยังไงน้องเขาก็ขอโทษแล้ว น้องเขาไม่มีประสบการณ์น่ะครับ คุณน้อยอย่าถือสาเลยนะครับ"

โตโต้พูดออกไป ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"พี่ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะคุณโตโต้ แต่รบกวนคุณโตโต้บอกน้องภูมิหน่อยนะคะ ว่าเกรงใจแผนกพี่บ้าง อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าพี่บ้างก็ยังดี"

"ครับ"

โตโต้ตอบรับ น้อยยิ้มออกมาทั้งที่ก้มหน้า

"เกรงใจสิครับคุณน้อย ผมคงไม่ทำเหมือนบางคนหรอกครับ ทั้งที่คุณท่านไว้ใจเมตตาแต่กลับไม่รู้จักพอ เป็นทาสเงิน อยากได้ยศได้อำนาจโกงหน้าด้านๆ คนๆนั้นสิครับน่าจะไว้หน้าคุณท่านบ้าง"

"ภูมิ"

โตโต้ร้องปรามสายตาดุดันขึ้นมาทันที

"น้องภูมิหมายถึงใครคะ"

"เอาเถอะครับคุณน้อย อย่าใส่ใจเลยครับ น้องภูมิเขาเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ขอโทษคุณน้อยซะภูมิ"

นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงดุห้วนๆแบบนี้จากปากของโตโต้ ภูมิบุญเม้มปากหน้าเสียไป นี่เขาเป็นอะไรไป หูหนวกตาบอดหรือยังไง

"ขอโทษครับคุณน้อย ผมคงเครียดไปหน่อยน่ะครับ"

ภูมิบุญยอมยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งกัดฟันแน่น ในใจก็โกรธแค้นอยู่ ไม่ใช่หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ต่อหน้าแต่เป็นชายที่ยืนอยู่ข้างๆเขานี่เอง พอน้อยออกจากห้องไปภูมิบุญก็กลับไปนั่งลงที่โต๊ะหน้าตาบอกบุญไม่รับ

"ภูมิ เป็นยังไงบ้างเจออะไรไหมที่ไปดูเอกสารน่ะ"

ภูมิบุญทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

"ภูมิ"

โตโต้เดินมาประชิดตัว

"เจอครับแต่คงไม่มีประโยขน์อะไร"

"อ้าวทำไมล่ะครับ"

ภูมิบุญสะบัดเสียงไม่มองหน้าเพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังโกรธ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มออกมา

"ก็ในเมื่อคุณไม่สนใจผมจะหาไปทำไมล่ะครับ ปล่อยให้คนพวกนั้นโกงไปเถอะ เพราะผมทำแบบนี้คนพวกนั้นก็เกลียดผมเข้าไส้อยู่แล้ว พอกันทีผมไม่อยากให้ใครเกลียดอีกแล้ว"

ภูมิบุญพูดออกมาเม้มปากแน่น

"ฮ่าๆๆ ภูมิฟังพี่นะ"

โตโต้หัวเราะออกมาเสียงดังจนภูมิบุญต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ขุ่นมัว

"เรามองสีหน้าพี่ไม่ออกเลยเหรอ ภูมิคิดว่าพี่พอใจจะเก็บยัยแก่นี่ไว้ให้มันโกงได้อีกเหรอ แต่ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานอะไรนะภูมิอย่าลืมสิครับ เราอย่ากระโตกกระตากไปเดี๋ยวไก่ตื่น แต่ที่ภูมิเปิดฉากกับเขาน่ะพี่ก็เห็นด้วยนะ ปัญหานี้พี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อน ดีจะได้สะสางกันไปทีเดียว ตอนนี้พี่ให้คุณอนิรุธกำลังทำเรื่องส่งศาลฟ้องร้องอยู่ หลักฐานก็กำลังรวบรวม สายพี่รายงานว่ามีอยู่เกือบสิบคนเชียวนะที่โกง ยกโขยงกันออกแน่คราวนี้"

โตโต้พูดออกมา ภูมิบุญถึงกับอึ้งมองเขาผิดไปจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางที่เขาดูเหลาะแหละแต่จริงแล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ เขารอเวลาอยู่หรือ

"คุณโตโต้รู้เหรอครับว่าใคร"

"รู้สิภูมิ รู้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งรู้ แต่พอเราเข้ามานี่ล่ะ เรื่องที่พี่กำลังสืบมันก็แดงออกมา"

"แล้วทำไมไม่บอกผมสักคำ"

ภูมิบุญขึ้นเสียง

"อ้าว ก็เราเจอตั้งแต่มาทำงานวันแรก เรานะผิดที่ฉลาดเกินไป ฮ่าๆๆ แต่ดีครับพี่ชอบ พี่ว่าพวกนั้นคงรู้ตัวแล้วล่ะ"

โตโต้ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ ภูมิบุญเองก็นิ่ง

"ถ้าอย่างนั้น ผมไม่น่าออกตัวไปแบบนั้นเลยนะครับ"

"ไม่หรอกภูมิ เอาเถอะรู้ตัวก็ดีจะได้ฟันได้ถูกตัว คงคิดว่าพี่ไม่มีน้ำยาสินะคนพวกนี้"

โตโต้พูดออกมาแล้วยิ้มที่มุมปาก

"แล้วเราจะเอายังไงต่อไปครับคุณโตโต้"

"ภูมิ ก็ค้นเอกสารให้พี่ให้ได้มากที่สุด ส่วนพี่ก็จะให้สายเอาข้อมูลมาให้เช่นกัน คงปลายเดือนนี้ล่ะรู้เรื่องกันอย่างช้านะ อย่างเร็วก็อาทิตย์หน้า ไม่ต้องห่วงภูมิคุณอนิรุธเขาไว้ใจได้เพราะพี่เป็นคนจ้างเขาเอง จบจากที่เดียวกับเรานะ น่าจะใช้ได้"


"สายเหรอครับ ใครกัน"


"เดี๋ยวให้เรื่องมันนิ่งๆกว่านี้ก่อนแล้วพี่จะบอก"

โตโต้ผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเดินมาทำท่าเดิมที่เก้าอี้ภูมิบุญ

"คุณโตโต้ก็ร้ายนะครับ ไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วล่ะที่ร้าย"

"เหมาะสมกันดีไหมล่ะ หึหึ"

เขาวกเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง ภูมิบุญก้มหน้าลงถอนหายใจออกมา

"งั้นเราก็ต้องรีบหาข้อมูลสินะครับ จะได้รู้กันเสียทีว่าใครกันที่มันโกงคุณท่าน"

ภูมิบุญเบี่ยงเข้าประเด็นโตโต้หัวเราะออกมายอมจำนนเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะอย่างเคย

"ไอ้เด็กนั่นมันรู้ตัวแล้วนะสายใจ ต่อไปนี้จะทำอะไรให้ระวังหน่อยนะ บอกอ้อมด้วย"

น้อยพอกลับถึงห้องทำงานตัวเองก็เรียกมือซ้ายเข้าพบ สีหน้าที่เคร่งเครียดเพ่งมองกองเอกสารตรงหน้า

"อะไรกันคะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นมันมีพิษสงมากขนาดนั้นเชียวเหรอคะ"

"มีไม่มีมันก็ถอนหงอกชั้นต่อหน้าโตโต้แล้วล่ะ ทำไมมันไม่โง่เหมือนไอ้โตโต้กับนังอภิสรานะ ท่าทางจะอยู่ด้วยกันลำบากแล้วไอ้ภูมิบุญ"

มือที่กำขยำกระดาษที่กองอยู่เบื้องหน้าบีบขยุ้มเข้าหากันอย่างแรงจนกระดาษจากแผ่นเรียบราบกลายเป็นก้อนยับยู่ยี่

"ให้สายใจสั่งคนจัดการมันเลยไหมคะ"

มือซ้ายเอ่ยออกมาสายตาดูโหดเหี้ยม

"อย่าเพิ่ง ต้องเอาให้แน่ชัดกว่านี้ก่อน เรื่องนั้นค่อยว่ากัน"

ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครยิ่งกว่านิยาย คนที่เขามาดหมายปองร้ายเราเขาไม่คิดเพียงแค่จะเอาให้เราเจ็บช้ำหนำใจ แต่เขาคิดแค่ว่าจะทำยังไงที่จะเขี่ยเราออกให้พ้นทาง มนุษย์หนอรักชีวิตของตนเท่าใด มดน้อย หนอนผีเสื้อมันก็รักชีวิตของตนเท่านั้น ตอนหน้ามืดจะทำร้ายเขาคิดบ้างไหมว่าทำไปแล้วเขาคนเดียวหรือเปล่าที่จะเจ็บ ช้ำหรือสูญเสีย เขาคนเดียวไหมที่จะทนทุกข์ทรมาน ในเมื่อเรามีคนข้างหลัง เขาเองก็ต้องมีคนข้างหลัง ทำไปแล้วบอกว่าเสียใจไม่ได้คิด หน้ามืดตามัวไป ถ้าเป็นท่านท่านจะว่าอย่างไร ในเมื่อก่อนทำเขาไม่ได้ร้องไห้เสียใจคิดไปไกลถึงเพียงนี้เลย ถ้าปล่อยให้กิเลสครองใจใครหน้าไหนก็ไม่พ้นบ่วงกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น