วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากห้าสิบเอ็ด

โตโต้พาพลอยกับภูมิบุญไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนศรีนครินทร์ ทั้งสองมองหน้ากันเหรอหรา

"เป็นไงพลอยร้านนี้พอได้ไหม"

โตโต้เอ่ยขึ้น พลอยยิ้มออกมาทันที

"แหม บอสคะ พลอยเหมาะกับข้าวแกงข้างทางมากกว่าค่ะบอส แต่ถ้าพามาเลี้ยงแบบนี้ พามาทุกวันนะคะ ประหยัดดี"

"ฮ่าๆๆ เอาสิครับ พี่ก็มาทานอยู่บ่อยๆ เราลองหาร้านดีๆแถวนี้มาสิ เดี๋ยวพี่ตระเวนพากินให้ทั่วเลย"

หัวเราะร่าแล้วมองไปทางภูมิบุญรายนั้นทำหน้าไม่ถูก จะพอใจก็ไม่ใช่

"ภูมิ จะไม่บอกบอสหน่อยเหรอเรื่องที่เราเจอน่ะ"

พลอยถามขึ้นตอนทานข้าวเสร็จเดินออกมาที่รถ

"ยังก่อนพลอย เรายังไม่แน่ใจเลยว่าใครเป็นคนทำ แล้วเจออะไรอีกไหม"

"ถึงที่ทำงานค่อยคุย ไม่อยากจะบอกเกือบทุกรายการ"

พลอยพูดขึ้นทำตาเหมือนนักสืบ ภูมิบุญเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดี นี่อะไรกัน พอคุณท่านไม่อยู่ก็ทำกันแบบนี้เลยเหรอ แสดงว่าคนก่อนที่โดนทำโทษไปคนพวกนี้ยังไม่สำเหนียกตัวเองใช่ไหม ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่หาวิธีที่จะรู้ตัวคนโกงให้ได้

"คุยอะไรกันครับ หน้าเครียดเชียว"

"อ้อ เปล่าหรอกค่ะบอส พอดีคุยเรื่องเอกสารน่ะค่ะ มันเยอะ"

"อ้อ ทนๆหน่อยนะ อันไหนดูได้ก็ดูอันไหนไม่สมควรดูก็ช่างมันเถอะ"

"ไม่ได้นะครับคุณโตโต้ เราเป็นเจ้าของกิจการจะปล่อยผ่านแบบนั้นไม่ได้ แบบนี้ก็เหมือนเราเปิดช่องให้คนคิดร้ายเขามีโอกาสสิครับ"

ภูมิบุญโพล่งออกมาจากที่เงียบมานาน โตโต้หันมามองหน้าภูมิบุญยักคิ้วขึ้น

"พี่ก็อยากให้พวกเราทำแบบนั้นนะ แต่มันดูเหมือนจะหนักไป ดูทุกอย่าง คงใช้เวลานาน"

"ก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ คุณท่านถึงให้ผมมาเป็นผู้ช่วยคุณโตโต้ ถ้ามาทำงานแบบสบายจ้างใครมาก็ได้นี่ครับ"

"ฮ่าๆ ถูกๆ พี่ชอบจริงๆเลยภูมิ เรานี่เวลาไม่ยอมแล้วน่าดูนะ"

หัวเราะชอบใจ พลอยเองทำหน้าไม่ถูกแอบยิ้มออกมา ส่วนภูมิบุญเม้มปากหนัก ทำไมเขาเป็นคนเหลาะแหละแบบนี้นะ พอถึงที่ทำงานภูมิบุญก็เข้าไปในห้องทำงานพร้อมโตโต้ เอกสารกองโตมีให้ดูอยู่เต็มโต๊ะ อันไหนไม่เข้าใจก็เดินไปไม่กี่ก้าวถามโตโต้ ยิ่งดูเยอะยิ่งเป็นเหมือนอย่างที่พลอยบอก

"พลอย มีเอกสารสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างไหม โปรเจกต์ที่เขาค้อน่ะ"

ภูมิบุญเดินออกมาหาพลอยพร้อมกับเอกสารในมือ

"เดี๋ยว ขอค้นแป๊บนะ แต่ภูมิดูนี่ก่อน ค่าวัสดุก่อสร้างโปรเจกต์ที่เชียงใหม่ บัดเจ็ทวางไว้ที่สิบล้านนะ แต่เราบวกๆดูแล้วนี่ยังไม่ครบเลยนะ มันเลยไปสิบห้าล้านแล้วนะภูมิ"

"ไหน นี่มันอะไรกัน"

ภูมิบุญหน้าถอดสีไป

"เลวมาก เล็กๆน้อยๆบวกกันไปบวกกันมา มันไม่น้อยเลยนะ"

พลอยเองก็ทำสีหน้าไม่ต่างไปจากภูมิบุญ

"เป็นไงยะ ดูกันไม่เป็นล่ะสิท่า แหมหัวเดียวนี่ดูงานเลขาฯไม่ออกเหรอ ต้องใช้ถึงสองหัว"

เสียงแหลมดังมาทำให้ทั้งสองผงะออกจากกัน เมย์นั่นเองเธอยืนอยู่ข้างหน้าถือเอกสารไว้ในมือ

"มีธุระอะไรคะป้า"

พลอยดอดเสียงขึ้นเช่นกัน

"ต๊าย แก ใครเป็นป้าแกยะ"

"อุ๊ย ขอโทษค่ะ ก็แต่งหน้าเหมือนกับป้าที่บ้านเลยนะคะ"

พลอยหัวเราะออกมา

"ปากดีนะแก ฉันไม่ได้มาหาเรื่องพวกแกหรอกนะ ชั้นมาพบคุณโตโต้ อย่างพวกแกน่ะ ชั้นไม่เสียเวลาชายตามองหรอก"

พูดแล้วก็สะบัดหน้าจะเดินเข้าห้องโตโต้ทันที

"เดี๋ยว"

พลอยลุกขึ้นเดินปรี่ไปขวางหน้าไว้

"อะไรยะ แกมีปัญหาอะไรกับชั้น"

"ไม่อยากมีหรอกนะปัญหา ต่ถ้าอยากมีเดี๋ยวจัดให้ได้ แต่พี่ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้หนูเป็นเลขาฯคุณโตโต้"

พลอยยกริมฝีปากขึ้นจ้องหน้าเมย์

"เลขาฯที่ทำงานไม่เป็นน่ะเหรอ ชิ"

"เป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่รู้ว่าอะไรก็ตามที่จะผ่านไปถึงเจ้านายหนูในห้องต้องผ่านตาหนูก่อน หรือว่าตอนที่พี่ทำให้พนักงานเลเวลต่ำๆเดินเข้าเดินออกได้ตามอำเภอใจเหรอคะ"

"แก"

เมย์กัดฟันกรอด ยกมือขึ้นจะตบหน้าพลอยแต่ภูมิบุญเดินเข้ามาประชิดตัว

"มีอะไรกับคุณโตโต้ครับพี่"

พูดบุญพูดขึ้นเสียงแข็ง

"ชั้น ชั้นเอาแผนงานที่คุณแพรร่างขึ้นมาใหม่เอามาเสนอเซ็น"

กระแทกเสียงตอกใส่หน้าภูมิบุญ

"เหรอครับ งั้นก็ทำอย่างที่พลอยบอก"

ภูมิบุญพูดแล้วมองไปที่โต๊ะของพลอย เมย์ยืนกัดปากตัวเองอยู่ทำอะไรไม่ได้

"งั้นเดี๋ยวชั้นให้คุณแพรเอามาเสนอเอง คอยดูซิแกยังจะกล้าขวางไหม"

ทำท่าจะเดินหันหลังให้

"จะให้ใครหน้าไหนมาก็ต้องผ่านหนูอยู่ดีล่ะค่ะป้า อีกอย่างถ้าเอกสารไม่ผ่านหนูมีสิทธิ์ที่จะดีกลับนะคะ ไม่ปล่อยให้เข้าไปรกหูรกตาบอสหรอกค่ะ เปลืองลูกกะตา"

หันขวับกลับมาทำตาเขียวใส่พลอย

"แก อวดดีนักนะ"

เมย์ยืนตัวสั่นโกรธจัดจนหน้าที่เขียวๆแดงระเรื่อขึ้นมา เธอโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะของพลอยทันที

"ต๊าย เพิ่งจะรู้ว่าที่นี่เขาส่งของกันแบบโยนให้ เดี๋ยวนะคะพี่ ขอหนูดูก่อนว่าผ่านหรือไม่ผ่าน"

พลอยยอมก้มลงเก็บแฟ้มเอกสารที่กระเด็นลงพื้นขึ้นมาทำท่าเปิดดู ภูมิบุญพยักหน้าให้พลอย พลอยจึงยื่นให้ภูมิบุญ

"จะไปไหนล่ะคะพี่"

พลอยร้องขึ้นเพราะเมย์ทำท่าจะเดินหนีไป

"ชั้นต้องอยู่รอด้วยเหรอยะ เสียเวลาทำงานชั้น"

"อ้อเหรอ ทำงานด้วยเหรอคะ หรือว่าที่โกรธหน้ายักษ์ไปเมื่อครู่แล้วแป้งมันแตก ไม่ไปเติมแป้งหรอกเหรอคะ"

"แก อี"

ภูมิบุญนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของพลอย เปิดเอกสารดู แล้วเอาปากกาสีขีดตรงที่ไม่ผ่าน พลิกอยู่ไม่กี่หน้าก็ยื่นให้พลอย

"พี่ครับ อันนี้แก้มาแล้วเหรอครับ ไม่เห็นจะแตกต่างกับที่ได้ยินในห้องประชุมเลย รบกวนทำมาใหม่ด้วยนะครับ"

ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นมองเมย์ที่ยืนสั่นอยู่ สายตาเกรี้ยวกราดมองทั้งสองอยู่ พลอยรับเอกสารมาจากมือภูมิบุญแล้วโยนกลับไปที่พื้น

"แก"

"พลอย"

ภูมิบุญร้องขึ้นเพราะไม่คิดว่าพลอยจะทำเหมือนกับเมย์ รายนั้นโกรธจนตาคลอไปด้วยน้ำตาแต่พูดอะไรไม่ได้ทำอะไรไม่ถูก เธอก้มลงเก็บเอกสารแล้วเดินหนีไป

"สะใจจริงๆ"

"พลอย ไม่ดีนะ"

ภูมิบุญส่ายหน้ากับกริยาอาการของพลอย

"ทำไมล่ะภูมิ ดูมันทำกับเราสิ"

"พลอย ฟังเรานะ คนแบบนั้นเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเราเข้าไปแลกหรอก เขากริยาไม่ดีใช่ว่าเราจะต้องแสดงกริยาที่เหมือนเขาเสมอไปนะ ด่าว่ากันเราไม่ว่าแต่อย่าทำแบบนี้ เราต้องทำให้เขาเห็นสิว่าเราเหนือกว่าเขาทุกด้าน ทั้งกริยามารยาทและฝีมือการทำงาน"

"ภูมิ"

พลอยร้องออกมา

"เราโตแล้วนะพลอยจะทำเหมือนตอนเรียนไม่ได้ คนที่เราเกลียดวันนี้ไม่ชอบหน้ากันวันนี้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เราใช้งานได้ในอนาคตก็ได้นะ เราจะใช้ใครต้องให้เขาเห็นถึงพระเดชพระคุณของเราด้วย"

"ภูมิ ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนอ่ะ แน่มาก เราไม่อยากจะเชื่อว่าภูมิจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้มากขนาดนี้"

พลอยร้องออกมา

"ก็เท่าๆที่สังเกตดูล่ะพลอย เวอร์ไปแล้วเราโตที่ไหน เราก็เหมือนๆกับพลอยนั่นล่ะ"

"ค่าคุณเพื่อนบอสหมายเลขสอง"

พลอยล้อเลียนอย่างอารมณ์ดี ภูมิบุญกลับเข้าไปในห้องทำงาน โตโต้ก็เงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมายิ้มให้

"มีอะไรกันเหรอภูมิเสียงดังเอะอะเชียว"

"อ้อ เปล่าหรอกครับ พอดีคุณเมย์จะมาเสนองานให้เซ็นแต่ไม่ผ่าน เลยตีกลับไป"

"หือ จริงเหรอ ทำไมตีกลับล่ะ"

"ก็เขาไม่ได้แก้อะไรเลยนี่ครับ ผมต้องขออนุญาตคุณโตโต้สกรีนงานทั้งหมดให้นะครับ ก่อนที่จะเซ็น"

ภูมิบุญพูดออกไปมองหน้าเขา โตโต้กลับยิ้มออกมา

"ได้สิภูมิ ก็เรามาเป็นผู้ช่วยพี่นี่นะ ดีจังรู้สึกว่าพี่เป็นบอสใหญ่จริงๆก็วันนี้ล่ะ"

"ทำไมล่ะครับ แต่ก่อนไม่รู้สึกอย่างนี้เหรอ"

"ก็ไม่หรอก แต่พี่ก็ไม่อยากจะอะไรกับคนที่ทำงานมาก่อนมากนักเราเองก็ไม่ได้เก่งมาจากไหน กลัวเขาเขม่นเอา"

"อ้อครับ แต่เราเป็นเจ้าของบริษัทนี่ครับ เราไม่เขี้ยวเขาก็หลวมสิครับคุณโตโต้"

"หึหึ เรานี่ใช้ได้จริงๆนะเนี่ย ไม่คิดว่าเวลาทำงานจะเอาจริงเอาจัง"

โตโต้หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีแต่ภูมิบุญกลับเม้มปาก

"ทุกเรื่องนั่นล่ะครับที่ผมจริงจัง เพราะชีวิตผมล้อเล่นไม่ได้หรอกครับ"

พูดจบก็ก้มหน้าดูเอกสารต่อ โตโต้มองหน้าภูมิบุญแล้วยิ้มที่มุมปาก ยิ่งนานวันยิ่งถูกใจเขามากขึ้นทุกทีสินะ พอสักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากข้างนอกห้อง ภูมิบุญลุกขึ้จากเก้าอี้มองหน้าโตโต้ก่อนจะไปเปิดประตู

"มีอะไรเหรอพลอย"

"ทำไม ชั้นจะมาเสนองานต้องผ่านหล่อนก่อนเหรอ"

คราวนี้เป็นแพรเจ้าของแผนงาน เธอดูโมโหโกรธาหน้าตาบอกบุญไม่รับ พอเห็นหน้าภูมิบุญก็แสยะปากใส่

"มีอะไรเหรอครับคุณแพร"

"ทำไม แผนงานชั้นมีอะไรเสียหายถึงต้องตีกลับ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาขีดเขียนแผนงานชั้น"

แพรตะคอกกลับมาเสียงดัง

"เชิญข้างในก่อนครับคุณแพร"

ภูมิบุญหันไปมองหน้าโตโต้ที่พนักหน้าให้ก่อนจะหันกลับมาพูดกับแพร เธอเดินสะบัดหน้าใส่พลอยแล้วเข้ามาในห้อง

"มีอะไรครับคุณแพร"

"คุณโตโต้คะ คุณโตโต้ยังไม่ได้ดูแผนงานของแพรเลยนะคะ แต่เด็กหน้าห้องคุณโตโต้ตีกลับ แล้วยังมาขีดมาร์คแผนงานแพรอีกน่ะค่ะ แพรไม่ยอมนะคะคุณโตโต้"

พอนั่งลงเสร็จก็ฟ้องทันที

"อ้อ ผมเองล่ะครับที่มาร์คไป"

แพรหันขวับมาหาภูมิบุญที่ยืนอยู่ข้างหลังโตโต้ห่างๆ

"ทำไมคะน้องภูมิ ทำแบบนี้ทำไม"

เธอยังคงระดับเสียงสูงไว้อย่างคงที่

"มันไม่ผ่านไงครับ ที่มาร์คไปก็ให้ไปแก้ แล้วคุณแพรแก้แล้วเหรอครับ"

แพรเม้มปากแน่นหันไปทางโตโต้

"คุณโตโต้คะ กรุณาดูก่อนนะคะ ว่ามันไม่ผ่านตรงไหน"

แพรยื่นแฟ้มเอกสารในมือไปให้โตโต้ดู พอเปิดเอกสารก็เห็นสีขีดเขียวอยู่เต็มหน้ากระดาษ โตโต้หันมามองภูมิบุญ

"ตรงที่มาร์คคือส่วนที่ผมเองคิดว่าคุณแพรยังไม่ได้แก้นะครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำเล่นๆ หรือกลั่นแกล้งแต่อย่างใด อย่างเรื่องจัดเลี้ยง ผมคิดว่าราคามันสูงเกินไป อีกอย่างอาหารที่ใช้ก็เป็นอาหารยุโรปทั้งหมด ทั้งที่คอนเซปต์ของรีสอร์ทเราเป็นไทยล้านนา ผมคิดว่าอาหารน่าจะมีอาหารไทยผสมอยู่บ้าง อีกอย่างเจ้านี้เราใช้จัดงานมาตลอดเกือบทุกงาน ราคาก็สูงขึ้นทุกปี ทำไมเราไม่หาจัดเลี้ยงที่อยู่เชียงใหม่เลยล่ะครับ เพราะเขาจะได้ไม่บวกค่าขนส่ง หรือไม่ก็หาดีลเลอร์ที่ให้ราคาเป็นที่น่าพอใจกว่านี้"

ภูมิบุญอธิบายยืดยาว แต่แพรยังคงกัดฟันอยู่

"น้องภูมิคะ เจ้านี้เราไว้ใจเขาได้นะคะ เราใช้มาทุกงาน เขาไม่เคยทำให้เราผิดหวัง จริงไหมคะคุณโตโต้ อีกอย่างงานเราใหญ่เกินไปที่จะไว้ใจใครก็ได้นี่คะ"

"ผมเห็นด้วยครับ แต่ผมว่าน่าจะเสนอมาสักสองสามรายชื่อนะ คุณแพรจะไม่ให้เราเลือกเลยเหรอครับ ในเมื่อธุรกิจมันคือการแข่งขัน ยิ่งใช้ประจำราคาก็น่าจะยิ่งต่อรองกันได้ ไม่ใช่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวแบบนี้ เรื่องนี้ยังไงผมก็ไม่ให้ผ่านครับ"

ภูมิบุญตัดบทเพราะขี้เกียจจะอธิบายอีก โตโต้นิ่งฟังมองหน้าภูมิบุญอยู่ ส่วนแพรโกรธจัดจนไม่รู้จะทำยังไงดี จะแสดงกริยาออกไปยังไงดี

"อ้อ เรื่องดีลเลอร์ ผมเห็นแต่ละรายการมีแค่อย่างละเจ้า ผมอยากให้คุณแพรหามาอย่างละสองเป็นอย่างต่ำ เราจะได้มีการเปรียบเทียบราคากันนะครับ"

"น้องภูมิ"

เธอแว้ดเสียงขึ้ตาเขียว โตโต้หันมามองแล้วทำตาดุใส่เธอจึงเก็บอาการ

"คุณโตโต้คะ แพรรับหน้าที่จัดงานให้บริษัทเรามาทุกงาน ไม่เคยทำให้งานเสียมีแต่สร้างชื่อเสียงให้ แล้วนี่อะไรคะ"

แพรแสดงความในใจออกมาโตโต้เองก็มองอยู่

"ครับผมเข้าใจดีคุณแพร แต่อย่างที่ภูมิพูดผมก็คิดว่ามันไม่ผิดนี่ครับ"

"ทำไมคะคุณโตโต้ น้องเขาไม่มีประสบการณ์ งานจะเสียเอาได้นะคะ"

"ยังไงคุณแพร ผมไม่เห็นว่าภูมิจะทำอะไรที่เสื่อมเสียเลย แค่เขาแสดงความคิดเห็นออกไป คุณก็แค่หามาอย่างที่เขาบอก"

โตโต้พูดเสียงนิ่งเหลือเกิน มองหน้าแพร

"แล้วเขามีสิทธิ์อะไรคะ เป็นแค่ผู้ช่วยคุณโตโต้ มีสิทธิ์มาตัดสินว่างานแพรจะผ่านไม่ผ่านเหรอคะ"

แพรแว้ดเสียงขึ้นสายตาปราดมาทางภูมิบุญ

"มีสิ อ้อผมลืมบอกในที่ประชุมไป น้องภูมิมีสิทธิ์เทียบเท่าผมทุกประการ ต่อไปนี้การอนุมัติทุกอย่างต้องมีลายเซ็นผมคู่กับน้องภูมิจึงจะแสดงว่างานนั้นผ่านการอนุมัติ"

โตโต้พูดแล้วหันมายิ้มให้ภูมิบุญที่ก้มหน้านิ่งไม่อยากจะโอ้อวดตัวเอง แต่แพรอ้าปากหวอ

"ถ้างานเสียมาอย่ามาว่าแพรนะคะ"

เธอพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

"เดี๋ยวครับคุณแพร"

ภูมิบุญเริ่มรำคาญกับกริยาของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เดินกลับไปโต๊ะตัวเองกดโทรศัพท์ไปหาพลอย

"พลอยรบกวนตามคุณหินพีอาร์ให้หน่อยนะ ขอตอนนี้เลย"

โตโต้กับแพรหันมามองภูมิบุญเป็นตาเดียว

"คุณโตโต้ครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมว่างานนี้ให้คุณหินเขาลองเสนอโปรเจกต์มาดูดีไหมครับ เราลองให้โอกาสคนอื่นบ้าง เผื่อว่าเขาอาจจะมีฝีมือ อีกอย่างคุณแพรจะได้ไม่เหนื่อยทุกงานไงครับ"

สิ่งทีพูดออกไปทำให้แพรถึงกับอึ้งทำหน้าไม่ถูก ส่วนโตโต้ยิ้มออกมาถูกใจเหลือเกิน

"สวัสดีครับ"

หินเดินตามพลอยเข้ามาในห้อง พลอยยิ้มให้ภูมิบุญก่อนจะเดินออกไป

"เชิญนั่งครับคุณหิน"

โตโต้ผายมือให้ เขารูปร่างสูงโปร่งแต่งตัวจัดจ้านไม่แพ้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ดูท่าทางคงเกรงกันอยู่ไม่น้อย

"คือเรื่องโปรเจกต์เปิดตัวที่เชียงใหม่น่ะครับ ผมอยากให้คุณหินลองเสนอแผนงานมาให้ดูหน่อย"

ภูมิบุญเดินมาอยู่ที่เดิมเยื้องๆโตโต้ หินทำหน้าเลิ่กลั่กตกใจ

"เอ่อ แล้วโปรเจกต์ของคุณแพร"

"เราก็ยังพิจารณาอยู่ครับ แต่อยากให้คุณหินลองเสนอมาด้วย ช่วยกันทำก็ได้นะครับ แต่อยากให้เห็นความแตกต่างของงานทั้งสองแบบ คอนเซ็ปต์ยังเหมือนเดิมนะครับ คุณโตโต้ครับถ้าร่างแผนงานนี่เขาใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ครับถึงจะเสร็จ"

ภูมิบุญหันไปหาบอสใหญ่

"พฤหัสหน้าทันไหม"

โตโต้พูดออกมายิ้มมองการแจงงานของภูมิบุญ

"เอ่อ ทันครับ"

หินพูดออกมาไม่กล้ามองไปทางแพรที่นั่งร้อนอาสอยู่

"ส่วนดีลเลอร์ ผมอยากให้มีการเสนอราคามากกว่าเจ้าเดียวนะครับ และผมขอตัวอย่างด้วย ทุกอย่าง ทั้งอาหารเครื่องดื่ม อุปกรณ์การตกแต่ง ดอกไม้ ขอด้วยนะครับ รูปก็ยังดี"

ภูมิบุญพูดไม่ได้สนใจกริยาของแพรอีกเลย หินดูตื่นเต้นเอาสมุดขึ้นมาจดเป็นการใหญ่แต่แพรนั่งหน้าบึ้งสายตาแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างไม่มีปิดบัง พอเสร็จทั้งสองก็เดินออกนอกห้องไป

"หึหึ เก่งมากครับภูมิ เรานี่สร้างความประหลาดใจให้พี่ได้ตลอดเลยนะ พี่ไม่ยักรู้ว่าเรามีความรู้เรื่องนี้ด้วย"

โตโต้ลุกจากที่นั่งเดินตรงมาหาภูิมบุญ

"ผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรหรอกครับ ผมแค่อยากจะเห็นการแสดงความสามารถของเพื่อนร่วมงาน ที่พูดๆออกไปก็เอามาจากอินเตอร์เน็ททั้งนั้น"

"จริงดิ พี่ไม่ยักรู้"

โตโต้ปรี่เข้าประชิดตัวจนภูมิบุญถอยร่นติดผนัง พยายามจะหาทางไป

"ยิ่งอยู่กับเราพี่ยิ่งชอบเรานะภูมิ เราไม่เหมือนกับเด็กทั่วไปที่พี่รู้จัก"

เสียงนุ่มหวานก้องออกไป โตโต้เอามือดันผนังไว้ลมหายใจรดหน้าภูมิบุญอยู่

"ครับ ผมร้ายครับผมรู้"

"ยิ่งร้าย ยิ่งชอบ"

ภูมิบุญพลิกตัวออกมาจากเขา รีบเดินไปที่เก้าอี้ของตัวเอง

"ใครเป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อครับคุณโตโต้"

ภูมิบุญเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่คุยเรื่องานเขาคงไม่ยอมหยุดง่ายๆ

"คุณสมชาย ทำไหมหรือภูมิ"

โตโต้ถามเดินมาทำเหมือนเดิมท่าเดิม ภูมิบุญนิ่งคิด คงเก็บไว้คนเดียวไม่ได้แล้วล่ะสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ

"ผมคิดว่ามีการสั่งซื้อในราคาที่ผิดปกติ อยากให้คุณโตโต้ตรวจสอบครับ"

"หือ อะไรนะ"

ได้ผลเพราะโตโต้กระเด้งตัวเป็นยืนตรงเดินอ้อมมาหน้าโต๊ะของภูมิบุญ

"นี่ครับ เอกสารที่ผมตรวจๆดู มันเริ่มมาตั้งแต่โปรเจกต์ที่เขาค้อ รายการสั่งซื้อกับสินค้ามันไม่สอดคล้องกัน"

"เรียกเขามาพบหน่อยซิ"

"เดี๋ยวครับคุณโตโต้ ผมขอเวลาหาข้อมูลให้ได้เยอะกว่านี้หน่อยนะครับ อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไป ผมคิดว่าเขาไม่ได้ทำคนเดียว"

"หือ มีคนร่วมมือเหรอ"

"คิดว่าน่าจะมีคนร่วมมือ เพราะเงินมันจำนวนไม่น้อย อีกอย่างถ้าทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆเพราะมันมีการเซ็นผ่านมาหลายแผนก"

ภูมิบุญฉายแววตาออกมา โตโต้นิ่งคิดอยู่มองหน้าภูมิบุญด้วยสายตาที่ครุ่นคิด ทั้งสองปรึกษาหารือกันอยู่ จนถึงเวลากลับบ้าน ภูมิบุญก็หอบเอกสารกลับบ้านกองใหญ่ โตโต้เองก็เรียกเด็กวิ่งเอกสารที่เป็นลุงแก่ๆคนหนึ่งมาช่วยขนไปใส่ท้ายรถ พลอยแยกกลับแล้ว รายนั้นก็หอบเอกสารกลับเช่นกัน

"เราควรจะบอกคุณท่านไหมครับคุณโตโต้"

ภูมิบุญถามขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน

"ยังก่อนดีหว่าภูมิ กลัวแม่จะตกใจ เราเอาให้แน่ก่อนเถอะ พี่นี่ไม่ไหวจริงๆ เซ็นอย่างเดียวหลับหูหลับตาไม่ดูเลย นี่ถ้าเราไม่เข้ามาทำงานกับพี่ คงโดนพวกมันโกงไปไม่น้อย"

โตโต้ระบายออกมา

"ก็คุณโตโต้ทำงานคนเดียวนี่ครับ เอกสารให้เซ็นก็เป็นตั้ง ดูหมดคงไม่ไหวเหมือนกัน"

ภูมิบุญพูดออกไป คนฟังหันกลับมาหายิ้มอย่างดีใจ

"ขอบใจนะภูมิที่เราเข้าใจพี่"

"ไม่เป็นไรครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ตอบแทนคุณท่านแค่นั้นเอง"

ภูมิบุญมองออกไปนอกกระจกรถ เกือบห้าโมงเย็นแล้วรถราแถวถนนศรีนครินทร์ก็เริ่มที่จะแออัด ผู้คนสัญจรไปมา ต่างมีจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนกัน นานแค่ไหนแล้วนะที่คิดไม่ดีกับภูมิบุญ เคยคิดว่าเขาเข้ามาในบ้านเพื่อหาผลประโยชน์ เคยคิดว่าเขามีจุดประสงค์ร้ายกับครอบครัว เขาคิดแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ในเมื่อคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้ เขาพยายามทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของหยาดเหงื่อแรงกายของคนที่เป็นแม่ของเขาเอง เขาไม่เคยคิดร้ายเลย เงินเดือนก็ขอรับแค่ครึ่งเดียวเพราะเขาอ้างว่าอยู่ที่บ้านคุณท่านไม่ต้องใช้จ่ายอะไร ที่ขอแค่ครึ่งหนึ่งก็จะเก็บไว้เผื่อว่าแม่ของเขาเองจะล้มเจ็บต้องใช้เงิน เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากครอบครัวนี้เลย แล้วนี่คิดเลวร้ายกับเขาไปมากแค่ไหนแล้วนะ โตโต้ครุ่นคิดอยู่ในใจ

"แวะกินข้าวกับพี่ก่อนไหมภูมิ"

โตโต้เอ่ยขึ้นแล้วมองมายังภูมิบุญ

"อย่าเลยครับ คุณท่านคงรอเราอยู่ วันนี้เห็นแม่บอกจะทำแหนมเนืองนะครับ คุณโตโต้ชอบทานไม่ใช่เหรอ"

ภูมิบุญหันไปตอบแล้วยิ้มให้น้อยๆ ไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มนี้เองสร้างความคิดอีกแง่เกี่ยวกับตัวเขาให้กับคนตัวใหญ่ข้างๆแล้ว

"เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยออนเลยนะภูมิ นอกใจพี่เหรอ"

หลังจากที่ทานข้าวเก็บกวาดช่วยทางบ้านเสร็จภูมิบุญก็มีเวลาส่วนตัวเปิดคอมพิวเตอร์คุยกับคนรักที่อยู่ห่างไกล

"โทษทีนะครับพี่แทน พอดีที่ทำงานยุ่งๆน่ะครับ พี่แทนเป็นยังไงบ้างวันนี้"

"เซ็งดิภูมิ พี่รอเราออนทั้งวัน คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"

"ภูมิก็คิดถึงพี่แทนนะครับ แต่งานยุ่งจริงๆ"

"ไม่ได้นอกใจพี่นะ พี่ไม่ยอมนะภูมิ"

"บ้าเหรอพี่แทน ภูมิไม่ได้รักใครง่ายๆนะ ภูมิรักพี่แทนคนเดียว"

"ค่อยชื่นใจหน่อย วันนี้ที่นี่ฝนตกล่ะภูมิ เหงาเลยอ่ะ เคยฝนตกแล้วอยู่กับภูมิคิดถึงที่สุดเลย"

"ภูมิก็คิดถึงพี่แทนนะครับ ยิ่งนั่งรถผ่านซอยบ้านเรายิ่งคิดถึง"

"ภูมิคิดถึงพี่ฟังเพลงที่พี่เคยเปิดให้ฟังสิ เนี่ยพี่กำลังฟังอยู่"

"Wind song ใช่ไหมครับ คิดถึงอยู่พอดี"

ภูมิบุญเลื่อนเมาส์ไปคลิกตรงเพลงที่เขาเอาขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้ พอเสียงกีตาร์โปร่งเคล้ากับเสียงเปียโนดังแว่วออกมาห็หลับตาคิดระลึกถึงคนที่รัก อ้อมกอดนั้น ปีสุดท้ายที่แทนทวีอยู่ที่เมืองไทย ภาพเทือกเขาสีเขียวเข้มจนดำเบื้องหน้า หมอกที่ปกคลุมเห็นเพียงรางๆ เก้าอี้หวายหน้าห้องมีสองร่างนั่งอยู่คู่กัน ผ้าห่มผืนหนาคลุมสองร่างนั้นอยู่

"พี่สัญญานะภูมิ พี่จะรักภูมิคนเดียว"

เสียงที่ทุ้มนุ่มหูกระซิบอยู่ข้างๆมันดังเข้าไปในใจ มันสะท้อนเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

"ภูมิก็รักที่แทนครับ รักมาก ขอบคุณพี่แทนนะครับที่รักภูมิ"

ร่างสองร่างเบียดเข้าหากันโอบกอดกันอยู่อย่างนั้น ความหนาวเหน็บภายนอกทำอะไรทั้งสองไม่ได้ เพราะไออุ่นแห่งใจได้แผ่ผสานสองคนให้อุ่นไอรักกันอย่างที่อะไรในโลกนี้จะมา พรากสองคนจากกันได้ ในเมื่ออีกคนคือแรงใจให้กันและกัน แค่ขอบฟ้ากั้น ขอบทะเลขวางมันไม่ได้ยากเย็นเลยสำหรับหัวใจสองดวงที่เต็มไปด้วยรักคู่นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น