วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากหกสิบ

พอกลับถึงกรุงเทพฯภูมิบุญก็รู้สึกดีขึ้นเพราะไม่ได้อยู่กับโตโต้เพียงลำพัง คุณอภิสรารออยู่หน้าบ้านกับจันทร์


"เป็นไงบ้างลูก พักผ่อนสบายไหม"

คุณอภิสรามองหน้าของทั้งสองที่เดินลงมาจากรถ

"ดีคับแม่ แผลแห้งแล้ว"

"ดีจ๊ะ เป็นไงบ้างภูมิ เออ ไอ้เจ้าตูบนั่นน่ะป้าให้ลุงหมายพาไปหาหมอแล้วนะ"

"เอ่อ รบกวนคุณท่านหรือเปล่าครับ ภูมิว่าจะดูแลมันเอง"

"ไม่เป็นไรหรอก ป้าไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดีเหมือนกันจะได้ให้มันคอยกินเศษอาหาร ไม่ต้องทิ้ง"

"ขอบพระคุณนะครับคุณท่านที่เมตตามัน"

"ป้าว่ามันน่าสงสารออกนะ เป็นขี้เรื้อนแล้วยังโดนรถชนอีก คนเรานี่ก็ใจไม้ไส้ระกำกันเสียจริง ไม่ได้สนใจชีวิตของสัตว์น้อยใหญ่เลย"

เจ้าของบ้านพูดน้ำเสียงแสดงความเมตตาออกมา ภูมิบุญยิ่งซาบซึ้งใจ พอเอาของไปเก็บก็เดินออกมาคุยกับคุณอภิสราอีกครั้ง ส่วนโตโต้กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก

"ภูมิ คุณน้อยน่ะเสียแล้วนะ"

"อะไรนะครับคุณท่าน"

ภูมิบุญอุทานออกมาใบหน้าซีดเผือดลง

"เธอคิดสั้น เรื่องเกิดเมื่ออาทิตย์ก่อน ป้าไม่ให้ส่งข่าวเพราะเดี๋ยวเป็นกังวล"

คุณอภิสราพูดเสียงเรียบ สายตาทอดอาลัย

"ไม่น่าเลย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย"

"นั่นน่ะสิภูมิ ลูกผัวก็มี ได้ข่าวว่าลูกก็ลาออกจากโรงเรียนเลยนะ ส่วนสามีก็ยังทำงานตามปกติ นี่ล่ะนะผลกรรม ใครบอกมันจะตามไปให้ใช้ในชาติหน้า ชาตินี้ล่ะกรรมสมัยนี้ติดจรวด"

"ทำไมเธอหนีปัญหาแบบนั้นนะครับ ไม่ดีเลย"

ภูมิบุญแสดงความกังวลใจออกมา

"แล้วคนอื่นๆล่ะครับ คุณท่านพอจะทราบข่าวไหม"

"เห็นคุณอนิรุธบอกว่าพวกนั้นก็แย่ไปตามๆกัน ตอนมีเงินก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไอ้คนที่ได้ของมาเราก็ยังพอเอาคืนได้ แต่คนที่เอาเงินไปผลาญจนหมด เราก็ฟ้องล้มละลายไปแล้ว"

ภูมิบุญนิ่งฟังอยู่ ไม่อยากแสดงอาการอะไรออกไปมาก เพราะอย่างน้อยคนพวกนี้ก็โกง เวลาเราเห็นใจสงสารเขา เขาก็หักหลังคดโกงเราได้ นี่ล่ะผลกรรม กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมชดใช้กันเอง

พอไปทำงานพลอยก็ปรี่เข้ามาหาทันทีเมื่อเจอหน้า

"ภูมิ เป็นไงบ้าง เที่ยวสนุกไหม"

"ก็เรื่อยๆอ่ะพลอย ไม่ได้สนุกอะไรมาก แล้วทางนี้เป็นยังไงบ้าง"

"ก็มีเรื่องนิดหน่อยน่ะภูมิ เรื่องคุณน้อย"

"เรารู้แล้ว ไม่น่าเลยนะ ไม่น่าคิดสั้นเลย"

"ใช่ แต่น่าสงสารตรงที่เด็กนั่น ลูกชายเขาน่ะ ยังเรียนอยู่ ม ปลายเองนะภูมิ"

"หือ"

พลอยเล่าเรื่องให้ภูมิบุญฟังกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

"ทำไมน้องมันคิดไปแบบนั้นล่ะ"

"นั่นน่ะสิ เราเองก็พยายามจะช่วยนะ แต่มันคงยังโกรธอยู่"

"มีอะไรให้เราช่วยบอกนะพลอย"

ภูมิบุญบอกแล้วเดินตามโตโต้เข้าไปในห้อง

"คุณโตโต้ครับ ผมคิดว่าอยากจะจ้างคนมาเทรนพนักงานของเราทั้งบริษัท คุณโตโต้คิดว่ายังไงครับ"

"หือ เทรนอะไรล่ะภูมิ"

"เรื่องแอทติจูดในการทำงานน่ะครับ"

"หือ ยังไง"

"ผมคิดว่าไหนๆบริษัทเราก็เพิ่งจะผ่านเรื่องร้ายๆมา ถึงเวลาที่เราจะล้างความคิดเก่าๆให้ออกไปจากบริษัทของเรา เพราะถ้าให้คิดแบบเก่าๆ เดี๋ยวปัญหาเดิมก็จะเกิดอีกเหมือนเคย"

ภูมิบุญแจงรายละเอียดออกไป โตโต้นั่งฟังอยู่

"อืม เอาสิภูมิ ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไร แล้วให้ใครเข้าเทรนบ้างล่ะภูมิ"

"ทุกคนในบริษัทครับ ไม่ว่าจะอยู่แผนกอะไรตำแหน่งไหน ต้องเข้าเทรนด้วยกันหมด"

"อ้าว แล้วใครจะทำงานล่ะภูมิ"

"ก็จัดเป็นรอบๆสิครับคุณโตโต้ เดี๋ยวเรื่องคนเทรนผมจะติดต่อพี่ไพลินเอง เพราะที่โรงแรมของพี่ไพลินเทรนกันบ่อยๆ"

ตลอดเวลาที่อยู่ที่เชียงใหม่ภูมิบุญครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา คิดถึงตอนไปหาไพลินที่โรงแรม หลายครั้งที่ไพลินเล่าให้ฟังว่าคนในองค์กรของเธอปฏิบัติกันดีเพียงใดยิ่งที่ให้ภูมิบุญอยากจะนำแนวคิดนั้นกลับมาใช้ที่บริษัท เพราะเห็นการปฏิบัติต่อลุงเดินเอกสารคราวนั้นมันยังฝังติดอยู่ในใจ

"เอาสิภูมิ ถ้ามันจะเป็นประโยชน์กับบริษัทเราก็ลองทำดู"

"ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้พลอยแจ้งแต่ละแผนกไปเลยนะครับ เพราะเดี๋ยวเราก็มีโปรเจ็กต์ที่เชียงใหม่อีก"

"อืม พี่ว่าเชียงใหม่คงเลื่อนออกไปอีกนะ ภูมิก็เห็นแล้วนี่วัสดุอุปกรณ์ทีใช้มันไม่ได้มาตรฐานเลย พี่ไม่อยากจะเสียชื่อ"

"อ้อ ครับ งั้นช่วงเวลานี้นอกจากเราจะเทรนพนะกงานเรื่องการทำงาน ผมว่าเราหันมาพัฒนาด้านการบริการในรีสอร์ทของเราดีไหมครับ"

ทั้งสองสนทนากันอยู่สักพัก ภูมิบุญก็เดินออกมาบอกพลอยในเรื่องที่คุยกันกับโตโต้ไว้

"ภูมิ น้องคนนั้นโทรมาล่ะ"

"หือ เขาว่ายังไงพลอย"

"เขาบอก เขาอยากตาย" พลอยร้องออกมาหน้าตาตื่น

"อะไรกัน ชีวิตนี้มันเกิดมาง่าย ตายกันง่ายขนาดนั้นเชียว"

"เราก็ตกใจนะภูมิ เนี่ยเราเพิ่งจะวางสายน้องเขาไป"

"แล้วน้องมันอยู่ไหน"

ภูมิบุญถามเสียงเครียด เพราะไม่เคยเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อนรักเป็นแบบนี้มาก่อน

"อยู่หน้าบริษัท"

"ไป เราไปด้วย"

ภูมิบุญพูด พลอยเองทำหน้าไม่ถูก ภูมิบุญเดินกลับเข้าไปบอกโตโต้ว่าจะไปร้านกาแฟ โตโต้ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอทั้งสองลงลิฟท์มาจากออฟฟิศก็ตรงดิ่งไปยังม้านั่งหน้าบริษัท เพราะเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"น้อง"

พลอยร้องออกมาเมื่อเห็นสภาพ เขาเหมือนคนอดนอน ข้าวปลาไม่ได้กินหน้าตาดูซูบผอม เสื้อผ้าดูมอมแมม

"พี่ ผมอยากตาย"

เขาร้องไห้ออกมา ภูมิบุญยืนเม้มปากหนัก สะท้อนบาดลึกลงไปในใจ

"ใจเย็นๆนะคะน้อง มีอะไรไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย"

พลอยปรี่เข้าไปหา เขามองหน้าภูมิบุญเพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

"นี่เพื่อนพี่ ไม่ต้องกลัวเขาช่วยน้องได้นะ"

"ผมไม่เหลือใครแล้วพี่ ชีวิตผมไม่มีค่าอะไรแล้ว"

เขาสะอื้นออกมา สายตาดูปวดร้าวจากสิ่งที่ได้พบเจอมา

"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ"

"ทำไมพี่ ผมทำอะไรผิด ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย เพื่อนๆไม่มีใครคบกับผมเลย พ่อก็กินแต่เหล้า ผมไม่มีใครแล้ว ผมไม่มีใคร ผมจะอยู่ไปทำไม"

เสียงที่เปล่งออกมามันรันทดหดหู่ พลันภาพในอดีตก็ฉายขึ้นมาในมโนจิตของภูมิบุญ ตอนนั้นตอนที่ยายเสีย ความรู้สึกเหล่านี้มันเคยผ่านมาแล้ว ผ่ากลางใจของเขามาแล้ว มันเจ็บปวดทรมาน แม้กระทั่งทุกวันนี้ มันเป็นแผลเป็นที่ไม่มีทางหาย แม้จะพยายามหาสิ่งดีสิ่งใดมากลบมาเยียวยารักษา แต่แผลนั้นมันบาดลึกเกินที่จะเยียวยา เขารู้ดีว่ามันเป็นยังไงกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกของการที่คนที่รักโดนพรากจากไป โดยไม่มีแม้คำร่ำลา ความรู้สึกของความโดดเดี่ยวเดียวดาย เงามืดของโลกใบนี้มันช่างโหดร้าย เมื่อทุกอย่างเริ่มครอบงำ พลันภูมิบุญก็ระลึกไปถึงเรื่องที่ตัวเองทำเอาไว้ เขาอาจจะคิดแก้แค้นก็เป็นได้ ชีวิตของใครคนหนึ่งที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องมา แต่โดนใครเอาคราบดำป้ายให้เปื้อนด่าง เขาผิดอะไรหรือ ภูมิบุญปรี่เข้าไปหาบ้าง

"พี่เข้าใจนะครับน้อง ใจเย็นๆนะ อย่าคิดสั้น"

"พี่เป็นใคร พี่จะเข้าใจได้ยังไง พี่รู้เหรอว่าการที่ไม่มีแม่ การที่ไม่มีเพื่อนคบมันเป็นยังไง พี่รู้เหรอ"

เขาตวาดเสียงดัง จนภูมิบุญผงะออก สายตากร้าวโกรธแค้นชิงชังฉายเด่นอยู่

"พี่รู้เหรอว่าการที่ไม่เหลือใครมันรู้สึกยังไง ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ ของที่ผมเคยมี ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมไม่ได้เรียน ผมไม่มีที่ไป พี่รู้เหรอว่ามันเป็นยังไง"

ภูมิบุญสะอึกนิ่งน้ำตาคลอออกมา เสียงหัวใจเต้นรุนแรงดังกว่าเดิม เลือดในกายมันฉีดอัดขึ้นมาระเรื่ออยู่บนผิวหน้า พลอยเองก็น้ำตาคลอ พอได้ยินขึ้นมาแบบนี้ก็หันมามองเพื่อนรัก เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่น้องคนนี้กำลังพูดออกมา ภูมิบุญเองก็รู้สึกแบบนี้มาแล้ว

"ใจเย็นๆนะคะน้อง"

"ถ้าพี่ไม่รู้ พี่จะเข้าใจผมได้ยังไง ชีวิตพี่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วนี่ พี่จะเข้าใจเหรอว่าคนที่ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวกินมันจะเป็นยังไง"

สายตาที่มองจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของภูมิบุญยังไม่วางตา น้ำตาของเขาไหลอาบหน้า สองตาเต็มไปด้วยน้ำตา ภูมิบุญสะท้อนใจอย่างแรง พยายามเม้มปากกักเก็บความรู้สึกไว้

"พี่เข้าใจครับ พี่เข้าใจ"

เสียงที่ลอดออกมามันเหมือนครางออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เข้าใจสิเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง หาคำปลอบ แต่คิดไม่ออกว่าควรพูดอะไรออกไป จำได้ว่าตอนนั้นตัวเองก็ไม่ฟังใคร ไม่เคยฟังใครเลย แม้แต่ยายที่ตนรัก "อย่าคิดจงเกลียดจงชังเขานะลูก มันไม่ดี มันบาป" คำพูดของคนที่รักเท่าชีวิต เขายังไม่ฟัง แล้วใครหน้าไหน คำพูดแสนหวานอันใดมันจะมารั้งเขาไว้ได้

"ไม่ต้องมาพูด ผมไม่ได้หาพี่เพื่อให้พี่เห็นใจ แค่อยากมาบอกว่า ผมจะไปตายซะให้มันจบๆไป"

"น้องครับ"

ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน เขาลุกขึ้นยืน ทันทีที่เขาจะก้าวขาออกเดิน ภูมิบุญก็คว้าตัวไว้กอดเขาไว้แน่น

"จะให้พี่ทำยังไงครับน้อง บอกพี่ที จะให้พี่ทำยังไง"

ภูมิบุญร้องไห้ออกมา พลังที่กักเก็บความรู้สึกไว้มันพังทลายออกมา พลอยเองก็ร้องไห้ออกมา สะท้อนใจเหลือเกิน ทั้งที่มันผ่านมาแล้ว ทั้งที่เพื่อนรักของเธอผ่านมันมาได้แล้วแท้ๆ เขาเองสะดุ้งตกใจไม่คิดว่าภูมิบุญจะกอดตัวเขาไว้

"พี่ ปล่อยนะ ปล่อยผม ให้ผมไป ผมไม่อยากอยู่"

เขาพยายามดิ้นออก แต่ภูมิบุญก็กอดรัดไว้แน่นกว่าเดิม

"อย่าพูดแบบนั้น อย่าคิดแบบนั้น"

"ทำไม ทำไม ปล่อยผม"

"ฟังนะน้อง ฟังให้ดี"

"ภูมิ"

พลอยร้องออกมา ส่ายหน้าไม่ให้ภูมิบุญขุดเรื่องอดีตของตนขึ้นมาอีก เพราะรู้ดีว่าพอพูเรื่องนี้ทีไร คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือตัวของภูมิบุญเอง

"พี่เข้าใจเราดีที่สุด พี่เข้าใจ เพราะพี่เองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาเหมือนกับเรา ความรู้สึกที่ไม่มีใคร โดนย้ายโรงเรียน ไม่มีข้าวกิน น่ะเหรอ พี่เข้าใจ"

ภูมิบุญสะอื้นออกมา น้ำตาไหลนองหน้า

"ความรู้สึกที่เราต้องสูญเสียคนที่รักไปน่ะหรือ พี่รู้ดี ฟังพี่บ้าง ชีวิตเราไม่ได้มีแค่นี้ บอกพี่สิครับว่าพี่ทำอะไรให้เราได้บ้าง บอกพี่"

คนที่สะอื้นหนักคือภูมิบุญสะอื้นจนหมดเรี่ยวแรงที่จะรั้งเหนี่ยวตัวของน้องเขาไว้ ภูมิบุญทรุดร่างลงกับพื้น สะอื้นปิ่มใจจะขาด พลอยปรี่เข้ามากอดไว้

"พอแล้วภูมิ พอแล้ว ไม่ต้องพูด ไม่ต้องแล้ว"

เสียงร้องไห้ระงมอยู่หน้าบริษัท เขายืนนิ่งมองอยู่ พลอยเองพยายามจะคืนสติให้เพื่อนรัก นานแสนนานกว่าที่ทั้งสองคนจะสงบลง พอหยุดร้องไห้ก็นั่งคุยกัน โชคยังดีที่น้องเขาฟังคำพูดของภูมิบุญกับพลอย หยุดความคิดที่อยากจะไปตายเสีย

"จะเอาแบบนี้เหรอภูมิ ให้น้องเขาไปอยู่กับเราก็ได้นะ"

"ไม่ได้หรอกพลอย บ้านพลอยมีแต่ผู้หญิง เราเห็นใจน้องเขาก็จริงนะ แต่เราไม่อยากสร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว"

"แล้วจะหาห้องเช่าให้น้องเขาจริงเหรอ แล้วพ่อของเขาล่ะ"

"ก็ในกรณีที่เขาไม่อยากอยู่บ้านไงพลอย เราไม่รู้จะคิดหาวิธีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว เรื่องที่เรียนพลอยจัดการให้เราได้ไหม เอาแถวนี้ล่ะ จะได้ใกล้หูใกล้ตา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวเราจัดการเอง"

"จะดีเหรอภูมิ เราว่าไปบอกบอสก่อนดีไหม"

"อืม เดี๋ยวเราบอกเอง"

พอกลับเข้าไปทำงานก็ไปเล่าให้โตโต้ฟัง

"คิดดีแล้วเหรอภูมิ พี่ว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของเขาดีกว่าไหม"

"ผมเล่าให้ฟังเฉยๆครับ ไม่ได้ขอความเห็น เดี๋ยวคุณโตโต้จะหาว่าข้ามหน้าข้ามตา"

น้ำเสียงขุ่นมัวไม่พอใจ

"อ้อ พี่ลืมไป เงินเดือนเราเยอะแล้วนี่ เดี่ยวนี้เลยกะจะเลี้ยงเด็กว่างั้น"

ภูมิบุญหันขวับสายตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

"คนเราถ้ามีโอกาสที่ดีเท่าเทียมกัน คงไม่มีใครเลวหรอกครับในโลกนี้ คุณโตโต้จะคิดยังไงก็ตามใจ ผมแค่อยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมมีส่วนร่วม"

"ภูมิ แล้วที่แม่เขาทำกับบริษัทของเราล่ะ"

"แค่ตายยังไม่พอเหรอครับ หรืออยากให้ทุกคนในครอบครัวของคุณน้อยต้องตาย ย่อยยับไปกับตาเหรอครับถึงจะพอใจ"

ภูมิบุญไม่ยอมลดราวาศอกสายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของโตโต้ เขาสะดุ้ง

"พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอาเถอะ ถ้าเราคิดดีแล้วพี่ก็ไม่ว่าอะไร"

ยอมจำนนเพราะไม่อยากให้ภูมิบุญเคืองตนเอง เดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำไมเขาเป็นห่วงความรู้สึกของคนที่มองเขาตาเขียวนี่มากเป็นพิเศษ ยิ่งเห็น ยิ่งใกล้ยิ่งห่วงใยมากขึ้นทุกวัน ทั้งที่แต่ก่อนเกลียดจนไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า

"ภูมิเป็นไงบ้างวันนี้ ทำงานเหนื่อยไหม"

พอกลับถึงบ้านก็ทำงานบ้านช่วยอ้อยกับจันทร์ อยู่คุยกับเจ้าของบ้านครู่ใหญ่ เสร็จธุระแล้วก็มีเวลาส่วนตัวเปิดคอมพิวเตอร์เติมเต็มกำลังใจให้ตัวเอง

"ไม่เหนื่อยครับ แต่เครียดนิดหน่อย"

"หือ มีอะไรครับ พี่เป็นห่วงนะ"

ภูมิบุญตัดสินใจเล่าเรื่องต่างๆให้แทนทวีฟัง

"อืม ภูมิแน่ใจแล้วเหรอครับ ว่าเด็กนั่นจะไม่สร้างปัญหาให้"

"ไม่รู้สิครับพี่แทน ภูมิไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บปวดอีก"

"เอาเถอะครับ แล้วแต่ภูมิ พี่เข้าใจ"

"พี่แทนยุ่งอยู่ไหมครับ"

"อ้อ ไม่แล้วล่ะ ดึกแล้วเดี๋ยวพี่ก็คงนอน งดทำรายงานไปสักวัน เออภูมิ อยากเห็นหน้าพี่ไหม"

"อยากสิครับ อยากเห็นมาก"

"พี่ยืมกล้องมาจากเพื่อน แป๊บนึงน้า เดี๋ยวพี่ให้ดู"

ภูมิบุญรออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นหน้าของแทนทวี นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น พอภาพในจอคอมพิวเตอร์ฉายออกมา ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ภูมิบุญเอานิ้วลูบที่จอคอมพิวเตอร์แผ่วเบาราวกับว่ามันจะบอบช้ำ แทนทวียังดูเหมือนเดิม เว้นแต่สีผมที่ไปโกรกให้สีอ่อนลง

"พี่แทน ภูมิคิดถึงพี่แทนเหลือเกิน"

"พี่ก็คิดถึงภูมิ คิดถึงมาก"

"พี่แทนยังดูเหมือนเดิมเลยนะครับ หล่อเหมือนเดิมเลย"

"ภูมิซื้อกล้องมาดิวันหลัง พี่ก็อยากเห็นหน้าภูมินะ"

"ได้ครับ เดี๋ยววันหลังภูมิจะแวะซื้อ"

"พี่รักภูมินะ รักเสมอ"

"ภูมิก็รักพี่ครับ รักพี่เสมอ"

วันที่เหน็ดเหนื่อยแบกความรู้สึกที่ปวดร้าวรันทดใจมา พอได้เติมเต็มพลังใจความสดใสก็กลับคืนมา หัวใจที่ห่อเหี่ยวไปกับสิ่งกระทบก็ชุ่มฉ่ำดังเดิม แม้จะนานแสนนานก็จะรอ แม้จะไม่รู้วันเดือนก็จะคอย เขาคนนั้น คนที่เป็นทุกอย่างของหัวใจ เขาคนนั้นคนที่คอยเติมเต็มความรักให้หัวใจมีพลังก้าวต่อไปในวันที่มืดมน

พอวันใหม่ภูมิบุญก็นักเจอกับลูกชายของน้อย เขาชื่อ บาส เรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมสี่เขายอมออกมาพบแต่โดยดี เพราะพ่อของเขาโดนไล่ออกจากงานเนื่องจากเครียดจัดและกินเหล้าตลอดเวลาทำงานไม่ได้ ตัวของเขาเองก็คงเครียดอยู่ไม่น้อย เพราะใบหน้าช่างเศร้าหมองไร้ซึ่งแววของความสดใสในแววตา

"กินข้าวมาหรือยังบาส"

ภูมิบุญถามแล้วเอามือไปแตะบ่าเขาเบาๆ บาสส่ายหน้า

"งั้นพี่พาไปกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อของเข้าห้อง"

ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา ก้มหน้าเดินตามหลังไป พลอยเองก็มองอย่างห่วงใย

"แล้วพ่อเป็นไงบ้าง บาส"

"พ่อเมาอย่างเดียว พ่อผมไม่เคยกินเหล้ามาก่อน"

พอถามถึงครอบครัวก็ง้างปากพูดออกมาได้ แต่เหมือนกำลังจะพ่นความรู้สึกออกมาอีก

"มาอยู่อย่างนี้ไม่ห่วงพ่อเหรอ" พลอยหน้าเสีย

"แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมอยู่ไม่ได้ ห่วงก็ห่วง แต่ผมก็กำลังจะตาย"

พูดเรื่องตายขึ้นมาทีไรภูมิบุญรู้สึกจี๊ดขึ้นมาที่ใจ

"อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยพลอย ตามใจเรานะบาส พี่เช่าห้องไว้ให้เราจะมาอยู่เมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องเรียนเราไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่จะส่งเสียเราอย่างที่พี่รับปากเอาไว้ แต่ขออย่างเดียว อย่าพูดเรื่องตายให้พี่ได้ยินอีก ชีวิตเรามีค่าเกินไปที่จะเอาพูดเล่นๆ คนที่เขาไม่อยากเสียชีวิตไปเขาพยายามทำทุกทางเพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้ แต่เรามีชีวิตแต่กลับเอามันมาแช่งเล่นทุกวัน พี่ขอนะครับ"

คำพูดที่แข็งแกร่งกร้าวออกมาจากใจ ใจอ่อนก็จริงแต่เวลาเอาจริงภูมิบุญเองก็ไม่ยอมเหลาะแหละหรืออ่อนให้กับใคร พูดออกมาจากใจ ออกมาจากความรู้สึก เขาจะสบายใจหรือคิดไม่ได้มันเรื่องของเขาแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น