ภูมิบุญเดินนำหน้าตรงไปยังโรงแรมที่พัก ในใจยังขุ่นมัวตะกิดตะขวงใจกับคนตัวใหญ่ที่เดินตามหลังมายังไม่หาย
"เอี๊ยดดด"
"เอ๋งๆๆ"
เสียงเบรครถดังลั่นถนน ใต้ท้องรถมีสุนัขที่พยายามดิ้นหนีล้อรถยนต์อยู่ ภูมิบุญชะงักหันไปดู
"ตายแล้ว"
คนขับรถไม่ได้สนใจจะออกรถขับต่อไปแต่ภูมิบุญปรี่เข้าไปเคาะกระจกรถ
"คุณๆ ลงมานี่นะ"
เขาตกใจลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวลงรถมา สีหน้าดูเจื่อนๆ
"ทำไมขับรถไม่ดู คุณเหยียบหมานะ"
"เอ่อ มันเดินไม่ดูเอง นี่มันถนนนะคุณ โผล่พรวดพราดออกมาใครจะทันมอง"
"ไม่รู้ล่ะคุณต้องพามันไปโรงพยาบาลด้วย"
ภูมิบุญเสียงแข็งสายตากร้าว โตโต้เดินมาใกล้ๆมองดูอยู่
"ภูมิ ไปเถอะอย่าไปยุ่งกับเขาเลย"
"ไม่ได้ คุณทำผิดคุณต้องรับผิดชอบด้วย"
"โอ๊ย คุณเป็นบ้าหรือเปล่า กะอีแค่หมาตัวเดียว มันเป็นญาติคุณเหรอ"
เขาเองก็ไม่ยอม ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"เห็นแก่ตัว มันก็มีชีวิตเหมือนคุณนั่นล่ะ ทำแล้วพูดแบบนี้เหรอ"
"คุณอย่ามาว่าผมนะ ผมไม่ช่วยอะไรมันทั้งนั้น คุณอยากช่วยก็ช่วยเอง"
"ชั่ว"
"เอ๊ะ ไอ้นี่"
"เฮ้ย มึงจะทำอะไร จะไปตายห่าที่ไหนก็ไป ไอ้เลว"
เขาทำท่าจะปรี่เข้ามาหาภูมิบุญแต่โตโต้ก็ขยับตัวออกไปบังไว้ ด้วยร่างโตโต้ที่สูงใหญ่กว่า แม้แขนจะเจ็บแต่ใส่เสื้อยืดตัวโคร่งบังไว้เขาจึงผงะออกแล้วถอยเดินกลับเข้า รถขับหนีไป
"ภูมิเป็นอะไรไหม"
หันมาหาคนตัวเล็กแต่ภูมิบุญ กำลังนั่งจะเอื้อมมือไปแตะสุนัขตัวนั้นอยู่ มันไม่ยอมให้เข้าใกล้แม้ขาจะเจ็บ เสียงร้องระงมไปทั่วทั้งถนน คนที่สัญจรไปมาหันมามองแต่ก็ไม่มีใครทำอะไร แค่สายตาที่มองมา บ้างสงสาร บ้างแสยะปากรังเกียจ
"ไม่เป็นไรแล้วนะ มาเดี๋ยวฉันพาไปหาหมอ"
ภูมิบุญพูดเสียงคลอ พยายามจะเอื้อมมือไปแตะตัวมัน แต่ยิ่งยื่นมือไปมันยิ่งดิ้นหนีจะกัดเอาท่าเดียว ภูมิบุญหลับตาน้ำตาไหลแข็งใจเอื้อมมือไปลูบที่ขามันแผ่วเบา เนิ่นนานกว่าที่มันจะยอมให้จับ พยายามเอาใจสื่อออกไปว่าไม่ได้คิดร้าย สัญชาตญาณของสัตว์ทั้งเล็กใหญ่ แม้แต่มนุษย์เราเองก็สามารถรับรู้ได้ว่าใครประสงค์ดีหรือร้าย สุนัขขี้เรื้อนผอมโซตัวนี้เป็นธรรมดาที่ใครเห็นใครก็เมินหน้าหนี สภาพของมันคือสุนัขจรจัด แต่ภูมิบุญไม่ได้สนใจ พอแตะตัวมันได้ก็ค่อยๆลูบจนมันยอมไว้ใจ
"ภูมิกลับเถอะ"
"ผมจะพามันไปหาหมอ"
เสียงที่เปล่งออกมาทำให้โตโต้เงียบไปเพราะมันเจือออกมาด้วยน้ำตา พอมันยอมให้จับให้ลูบ ภูมิบุญก็อุ้มตัวของมันขึ้นไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด โตโต้เองก็ได้แต่มองอยู่ เขายอมไปกับภูมิบุญโดยไปแจ้งพนักงานที่รีสอร์ทของตนให้เอารถออก ระหว่างทางสายตาของภูมิบุญดูเป็นกังวล สายตาที่เจือไปด้วยน้ำตา
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะภูมิ มันแค่หมาจรจัดตัวนึงนะ"
โตโต้ถามขึ้นเมื่อนั่งรอหมออยู่หน้าคลีนิก
"มันก็มีชีวิตนี่ครับคุณโตโต้ มันขี้เรื้อนไม่ใช่มันจะไม่รักชีวิตของมัน เราเป็นคนแต่เราไม่มีสิทธิ์จะไปเอาชีวิตของสัตว์พวกนี้ได้ตามอำเภอใจนี่ครับ"
"อืม เรานี่ใจดีจังนะ ผิดกับตอนที่ตีมือปืนนั่น"
โตโต้พูดออกมาแล้วหัวเราะ ภูมิบุญหายเศร้าทันทีแต่กลับรู้สึกหมั่นไส้แทน
"ผมก็ไม่ได้ใจดี เป็นคนดีอะไรมากมายนักหรอกครับ แค่อย่ามาร้ายกับผม"
"ครับพี่รู้ รู้ว่าภูมิเป็นคนยังไง แล้วหมานี่จะทำยังไง"
โตโต้ปลี่ยนประเด็นเพราะน้ำเสียงของภูมิบุญที่เครียดขรึมขึ้นมา ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่
"อยากเอามันกลับไปกรุงเทพฯด้วยไหมล่ะภูมิ"
โตโต้พูดขึ้นลอยๆ แต่ภูมิบุญหันขวับมา สายตาเหมือนเด้กที่กำลังจะได้ของรักเป็นของขวัญ
"จริงเหรอครับ คุณโตโต้"
"ดีใจขนาดนั้นเชียว ที่บ้านเราก็ไม่มีหมา เดี๋ยวลองถามแม่ดู"
โตโต้พูด ภูมิบุญนั่งยิ้มอยู่อย่างมีความสุข โตโต้เหลือบมามองก็ยิ้มออกมา
"วันนี้เป็นไงบ้างพลอย"
กายถามขึ้นเมื่อพลอยก้าวขึ้นนั่งข้างๆในรถหรู วันนี้พลอยไม่ต้องรอให้เขาเรียก หรือรอให้ใครบีบแตรไล่เหมือนแต่ก่อน ก้าวขึ้นรถทันทีที่เห็น ในใจยังร้อนรุ่มอยู่มากเรื่องของเด็กคนเมื่อวาน
"ก็ดีค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว แต่เครียดๆนิดหน่อย"
"เอา น่า อย่าไปเครียด เรื่องบางเรื่องพี่รู้ว่ามันมีผลทางใจ ห้ามไม่ให้คิดยาก แต่เราคิดอยู่ฝ่ายเดียว มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะพลอย เราเองนั่นล่ะที่จะลำบาก"
กายพูดขึ้น อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แค่ได้เจอพลอยทุกวัน เจอทีท่าที่ไม่ได้ดัดจริตแสดงออกมา เจอตัวตนที่แท้จริงของพลอย เขายิ่งอยากเจอเธอทุกวัน
"งั้นวันนี้ไปกินข้าวกันก่อนกลับนะ จะได้สบายใจ"
"พี่จีบหนูเหรอคะ"
พลอยโพล่งออกมา กายถึงกับหัวเราะ
"อ้าว ไม่รู้ตัวหรอกเหรอเนี่ย โหนะคนเราพี่ตามเช้าเย็นแบบนี้ไม่เรียกว่าจีบจะเรียกว่าอะไรล่ะครับน้องพลอย"
"ทำไมล่ะคะพี่"
หันขวับมาจ้องหน้า ทำเอากายเงียบลงทันที ทำหน้าไม่ถูก
"พี่ชอบเรานะพลอย เราไม่เหมือนคนอื่น ไม่เสแสร้ง คนอื่นๆที่เข้ามาเขาหวังอย่างอื่นมากกว่า แต่เราทำให้พี่รู้ว่าคนดีๆก็ยังมีอยู่"
"หนูก็ไม่ได้ดีนะคะ หนูก็อยากได้ผลประโยชน์ เงินน่ะมีใครบ้างไม่อยากได้"
"ฮ่าๆๆ เอาสิ เราอยากได้อะไรล่ะ"
กายก็ไม่ยอมแพ้ ทำเอาพลอยนิ่งคิดอยู่
"ก็รถหรูๆสักคัน คอนโดใจกลางเมือง เงินฝากในบัญชีทุกเดือน เป็นไงคะ พอได้ไหม"
พูดออกไปเพราะอยากรู้สีหน้าท่าทางของเขา แต่กายกลับยิ้มออกมา
"ไปดูรถกันเลยไหม"
"พี่"
"อ้าว ก็พี่โอเคไง ทำไมล่ะ"
"พี่คะ ไม่ต้องหรอก หนูล้อเล่น ท่ารวยมากขนาดนั้น ไปซื้อของให้คนด้อยโอกาสจะดีกว่าไหมคะ หนูไม่ได้ต้องการของแบบนั้น"
"อ้าวนะ ก็เราเสนอมาเอง"
"พอเถอะค่ะ"
พลอยเสียงแข็งขึ้น
"อ่านะ คนเรา เฮ้อพี่ทำอะไรผิดไปอีกเนี่ย"
กายบ่นออกมาคนเดียว สายตามองจ้องไปตามถนน
"พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ หนูผิดเองที่ล้อเล่นไม่เข้าเรื่อง หนูไม่ชอบคนอวดร่ำอวดรวย รวยแล้วยังไงคะ กินข้าวไหม ก็กิน รวยแล้วตอนนอนไม่กรนเหรอคะ ก็คนเหมือนๆกัน แต่โอกาสทางสังคมมันแตกต่างกันก็เท่านั้นเอง"
พลอยโพล่งออกมา
"คร้าบ พี่เข้าใจแล้ว โดนสวดเลยกู"
"อะไรนะพี่"
พลอยแว้ดเสียงขึ้น
"ปะ เปล่าคร้าบ โหดุนะเรา"
"จะไปกินข้าวที่ไหนล่ะคะ หิวแล้ว"
พลอยพูดออกมา กายยิ้มแก้มปริ
"พี่แทน ภูมิจะเลี้ยงหมาแล้วนะ"
พอมีเวลาส่วนตัวก็หามุมสงบเงียบเปิดมือถือออนไลน์ แทนทวีมารออยู่ก่อนแล้ว
"จริงเหรอภูมิ พันธุ์อะไรอ่ะ"
"หมาข้างถนนอ่ะครับ พอดีมันโดนรถชน"
"หา จริงเหรอ แน่ใจแล้วเหรอภูมิ"
"ครับ มันน่าสงสารออก"
"เอาเถอะ พี่เชื่อว่าภูมิเป็นคนใจดี สงสารมันไม่น่าแปลก คิดถึงพี่ไหม"
"ไม่มีวันไหน วินาทีไหนที่ภูมิจะไม่คิดถึงพี่นะครับ"
"ชื่นใจจังคับ พี่ยุ่งมากช่วงนี้ ทำรายงานเรียงวิชา เหนื่อยมาก"
"พี่แทนพักเยอะๆนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย"
"อยากกอดภูมิจังเลย"
"ก็รีบเรียนให้จบนะครับ ภูมิรออยู่"
ภูมิบุญคุยกับแทนทวีทางโทรศัพท์อยู่นานพอสมควร แทนทวีขอตัวไปดูหนังสือต่อภูมิบุญจึงเดินกลับมาเอาที่ชาร์ตมือถือในห้อง จากวันเป็นสัปดาห์ ตลอดอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน ทุกเวลาที่เฝ้ามองกริยาท่าทางของภูมิบุญ โตโต้รู้สึกเป็นสุขใจ รอยยิ้มของภูมิบุญเวลาไปหาเจ้าขี้เรื้อนตัวนั้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างประหลาดไม่เคยเห็น รอยยิ้มที่แม้นปรายมาทางเขาสักหน่อย มันคงตราตรึงติดใจอยู่ไม่จางหาย
"แล้วจะตั้งชื่อมันว่าอะไรล่ะภูมิ"
โตโต้ถามขึ้นตอนเดินออกมาจากคลีนิก
"ยังไม่ได้คิดเลยครับ แล้วคุณท่านว่ายังไงบ้างครับ"
"ไม่ว่าอะไรนิ แม่บอกดีเหมือนกันจะได้ให้มันกินเศษอาหาร"
"ครับ เดี๋ยวผมดูแลมันเอง"
"เรานี่ก็ใจบุญเหมือนกันนะเนี่ย"
"มันน่าสงสารนี่ครับ แล้วเราจะเอามันกลับยังไงล่ะครับ คุณโตโต้"
ภูมิบุญมองหน้าโตโต้
"เดี๋ยวให้คนที่นี่ขับรถเอามันไปส่งให้"
แขนที่เจ็บตกสะเก็ดแห้งแล้ว เจ็บนิดหน่อยแต่ไมมากนัก เพราะภูมิบุญล้างแผลให้เช้าเย็น พอกลับไปที่โรงแรมก็เก็บของเตรียมกลับเข้ากรุงเทพฯ ภูมิบุญเห็นโตโต้แขนยังไม่หายดีนักจึงเก็บกระเป๋าให้
"พี่ว่าเราน่าจะอยู่ต่ออีกสักคืนนะ"
"ไม่ดีหรอกครับ เป็นห่วงที่บริษัท"
"ไม่เป็นไรหรอกน่าภูมิ แม่พี่ก็ดูอยู่ พี่อยากจะอยู่ต่ออีกสักคืน"
"ทำไมล่ะครับ แขนก็เริ่มหายดีแล้วนี่"
"พี่อยากอยู่กับภูมิ"
โตโต้พูดออกมาลอยๆ แต่คำพูดที่เลื่อนลอยนั้นสะกิดใจของภูมิเหลือเกิน ภูมิบุญถอนหายใจหลุบสายตาลงต่ำทันที ยิ่งพยายามหนีห่าง เขายิ่งดึงทุกอย่างให้กลับคืนมาเป็นดังเดิม
"อย่าเลยครับคุณโตโต้ แค่นี้ผมก็รู้สึกลำบากใจมากแล้ว"
"ทำไมภูมิ เราคิดว่าไอ้แทนมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหรอ"
น้ำเสียงขุ่นเข้มขึ้น
"ครับ ผมเชื่อใจคนที่ผมรัก"
"หึ รักกันจริงนะ อย่าลืมสิว่าพี่เป็นผัวคนแรกของเรานะ"
โตโต้โพล่งออกมา สายตาเบิกกว้าง
"ไม่ใช่นี่ครับ ผัวคนแรกอยู่ที่เพชรบูรณ์ คุณโตโต้ครับ ผมมีผัวคนแรกตั้งแต่เรียน มอห้า กว่าจะมาถึงคุณโตโต้ผมเองก็โดนมาเยอะเหมือนกันนะครับ"
ไม่มีเสียงตอบ แต่สายตาที่มองโกรธจัด
"งั้นนอนกับใครก็คงไม่เสียหายสินะ"
"คุณจะทำอะไรคุณโตโต้"
ภูมิบุญร้องขึ้นเพราะโตโต้เดินตรงเข้าหา
"อ้าว จะทำไมล่ะ ในเมื่อนอนกับใครก็ได้ นอนกับพี่หน่อยจะเป็นไรไป"
"อย่านะ ผมไม่ได้มั่วนะ"
โตโต้ไม่ฟังเสียงเหวี่ยงตัวของภูมิบุญลงเตียงไปอย่างแรง ร่างสะท้อนขึ้นมา แล้วเขาก็โถมกายทับทันที
"อย่านะ อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ"
ภูมิบุญพยายามดิ้นออกจากวงแขนของโตโต้ กดไปที่แผลใบหน้าของโตโต้เหยเกแต่ไม่ร้องออกมาสักคำ เลือดของแผลที่กำลังตกสะเก็ดไหลออกมา โตโต้ไม่ยอมหยุด เขาซุกไซร้ไปตามซอกคอที่คนตัวเล็กห่อคอไว้ โตโต้พลิกตัวของภูมิบุญให้นอนคว่ำลงแล้วเขาก็ดึงเฉพาะกางเกงออก
"พอที คุณไม่ต่างไปจากสัตว์"
ภูมิบุญร้องออกมา ไม่ดิ้นหนีไม่พยายามขัดขืนอีกต่อไป นอนนิ่งอยู่ท่านั้น คำพูดมันกระตุกใจของโตโต้เขาหยุดการกระทำลง แล้วพลิกกายไปนอนข้างๆ
"พี่ขอโทษ"
เขาครางออกมา ภูมิบุญเม้มปากแน่น ไม่มีน้ำตา พอทีกับการร้องไห้ไร้สาระกับอีแค่เรื่องนี้ ภูมิบุญจัดการกับกางเกงของตัวเองแล้วกระเด้งตัวออกจากเตียง
"ผมทำแผลให้"
อยากจะเดินหนีไปเสีย แต่ภาพที่เห็นมันก็ไม่อาจจะทำให้หันหลังหนีไปได้
"ไม่เป็นไร พี่ควรจะโดนแบบนี้ล่ะ"
โตโต้พูดออกมา เหม่อมองออกไปทางอื่น ภูมิบุญถอนหายใจแล้วไปหยิบกล่องทำแผลมานั่งลงข้างๆ
"อย่าทำแบบนี้อีกนะครับคุณโตโต้ ผมขอร้อง ถ้าไม่เห็นแก่ผม ก็เห็นแก่หน้าคุณท่านด้วย ถ้าท่านรู้ขึ้นมา มันจะลำบาก"
ภูมิบุญพูดเสียงเรียบทำแผลโดยไม่มองหน้าของโตโต้
"พี่ไม่รับปากหรอกนะภูมิ ช่วยไม่ได้ยิ่งอยู่ใกล้เราพี่ยิ่งอยากเข้าหา"
"ไหนบอกไม่ชอบเกย์ไงครับ หรือว่าติดใจ"
"คงเป็นอย่างหลัง คนอื่นพี่ก็ไม่ชอบนะ มันมาติดอยู่ที่เรานี่ล่ะ"
"ทำไมล่ะครับ เกย์มันก็เหมือนๆกัน ผมไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหนเลย"
"ไม่รู้สิภูมิ รู้แต่ว่าพี่ชอบมองเราว่ะ หรือว่าพี่จะเป็นเกย์ไปแล้ว"
ภูมิบุญถอนหายใจออกมา อยากจะเอาชนะคำพูดของเขาเหมือนกัน แต่ปัญหามันคงไม่จบถ้าหากต่อล้อต่อเถียงกับเขา
"อย่าเป็นเลยครับ อยู่ในที่ที่คุณโตโต้ควรอยู่นั่นล่ะดีแล้ว"
"ที่ที่พี่ควรอยู่ มันคือที่ที่มีภูมิอยู่ด้วยนะ"
ได้แต่เม้มปากหนัก มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ ภูมิบุญคิดในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิดหรืออย่างที่ปากพูด ความรู้สึกต่างหากที่สำคัญ
"เอาเถอะครับ ตกลงเราอยู่ต่ออีกคืนก็ได้ แต่คุณโตโต้โทรไปเรียนคุณท่านเองนะครับ"
"เรียบร้อยตั้งนานแล้ว แม่ไม่เห็นว่าอะไรนี่"
ภูมิบุญปราดตามองขึ้น นี่เขาขี้โกงเสียจริง
"หึหึ เราไปไหนไม่รอดหรอกนะภูมิ อย่าพยายามหนีพี่เลย"
โตโต้พูดขึ้นทีเล่นทีจริง ภูมิบุญเม้มปากแน่น
"ตกลงจะเอายังไงครับคุณโตโต้ นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม ผมมีพี่แทนอยู่แล้วและผมก็รักเขามาก ถึงแม้ไม่มีเขาผมก็ไม่เอาคุณ"
"ภูมิ"
โตโต้ขึ้นเสียงสายตากร้าวเหมือนโดนสบประมาท
"เข้าใจผมด้วย จะให้ผมทำกับคุณท่านได้ยังไง คุณจะให้ผมทำแบบนี้กับคุณท่านได้ยังไง"
อนิจจัง น้ำตาไหลออกมา พูดถึงผู้มีพระคุณขึ้นมาทีไรหัวใจมันสั่นไหวไป ยิ่งโดนบีบคั้นให้พูด เหมือนยิ่งเค้นความในใจที่กกักเก็บไว้ให้หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา โตโต้ชะงักไปตกใจในอาการของภูมิบุญ
"เอ่อ พี่"
"พอทีเถอะครับ อย่าทำแบบนี้อีกผมขอร้อง คุณจะเกลียดโกรธผมยังไงก็ได้ แต่อย่าให้ผมต้องทำร้ายคุณท่าน ผมทำไม่ได้"
เสียงสะอื้นดังออกมา ภูมิบุญจ้องมองใบหน้าโตโต้ไม่ยอมวางตา ม่านน้ำตาที่ไหลออกมามันยิ่งทำให้โตโต้เข้าใจในความคิดของภูมิบุญมากยิ่ง ขึ้น ภูมิบุญเดินหนีไปแล้ว โตโต้นั่งอึ้งอยู่ พลันในใจก็คิดขึ้นมาได้
"พี่พอจะเข้าใจเรานะภูมิ แต่พี่ก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ ภูมิคือคนที่พี่อยากได้ และพี่ก็ต้องได้"
ไม่คิดถึงผู้เป็นมารดา ไม่สนใจหัวอกคนอื่น เพราะคิดเพียงแค่ว่า ยิ่งภูมิบุญมีเหตุผลที่น่าฟังแบบนี้ เขาเองยิ่งสนใจในตัวของภูมิบุญมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว เป็นคนที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา ยิ่งชิดใกล้ยิ่งอยากครอบครอง ยิ่งจ้องมองยิ่งบาดลึกลงไปในใจ จากที่เกลียดเข้าเส้นเลือด กลายเป็นอยากเอาชนะ แต่พอเอาชนะไม่ได้ใจตัวเองก็อ่อนละลายไปเอง หมายให้เขาเจ็บคิดร้ายต่อเขา ตัวเราเองที่เจ็บ หันมองมาดูตัวเองบ้างสักครา บางสิ่งที่เรากำลังวิ่งตามหา มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆก็ได้ บางอย่างที่เราไขว่คว้าพยายามหามาทั้งชีวิต มันอาจจะเป็นแค่สิ่งเร้าให้เราทำเท่านั้น แต่ใจจริงๆของเราอยากได้มันไหม ตอบคำถามตัวเองให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะไปตั้งคำถามกับใคร ฟังเสียงหัวใจของตัวเองเสียก่อน ก่อนที่จะไปรับฟังใคร ถ้าหากว่าเข้าใจความต้องการของใจเราแล้ว ความสุขที่เราคอยหามันก็อยู่ไม่ไกลหรอก จริงไหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น