มีคนเคยบอกว่าเวลาเราหลับตา เรามักจะมองไม่เห็นสิ่งต่างๆรอบตัว จะมีเพียงความมืดมิดที่ปกคลุม เวลาเจอสิ่งไม่สบายใจหรือไม่ชอบใจ หลับตาเสียแม้สักเพียงเสี้ยววินาที ภาพเหล่านั้นมันก็จะเลือนหายไป มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ภาพในอดีตที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป กลิ่นคาวของเลือดที่คละคลุ้งตลบไปทั่วทั้งโสตประสาท ภาพแววตาที่แค้นอาฆาตยังติดตรึงใจ แค่เพียงหลับตามันหายไปได้จริงหรือ
"คุณโตโต้เป็นยังไงบ้างครับคุณท่าน"
ภูมิบุญถามขึ้นเมื่อออกจากบริษัทแล้วตรงไปที่โรงพยาบาล เพราะทุกคนที่บ้านรวมกันอยู่ที่โรงพยาบาล สีหน้าของคุณอภิสราไม่ได้วิตกกังวลอะไรแล้ว
"ก็ดีขึ้นแล้วล่ะลูก ตอนนี้ก็ให้น้ำเกลืออยู่ โชคดีนะที่แค่ถากๆไป พอตาโต้หายป้าคงต้องทำบุญบ้านครั้งใหญ่"
"ครับ คุณท่านจะกลับเลยเหรอครับ"
ภูมิบุญถามเพราะเห็นมารดาของตนเก็บของกำลังจะออกไปจากห้อง
"จ๊ะ ป้าอยากจะอาบน้ำเต็มทีแล้ว ร้อนเหนื่อยมาทั้งวัน ภูมิไปอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาหน่อยสิลูก เห็นบ่นอยู่ว่าไม่มีใครเฝ้า"
"เอ่อ"
อยากจะปฏิเสธออกไปแต่ก็ไม่พูด เดินเข้าไปในห้อง เห็นโตโต้กำลังนอนอยู่อย่างสบายอารมณ์
"เป็นไงภูมิ เรียบร้อยดีไหม เห็นแม่บอกภูมิเฉียบขาดมาก"
โตโต้พูดขึ้นหันมายิ้มให้ ภูมิบุญไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"ยังเจ็บอยู่ไหมครับ"
เดินเข้าไปใกล้ๆ เพราะเขาลูกปืนถึงพลาดไป เพราะเขาที่ผลักให้ก้มตัวลงเขาจึงรับเคราะห์แทน พอเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับจิต
"ไม่แล้ว แค่มันปวดๆนิดหน่อย"
"ขอบคุณนะครับคุณโตโต้ ที่ช่วยผมไว้"
พูดออกมาเสียงเครือ ไม่ได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น ไม่อยากให้เขาเข้ามาใกล้มากไปกว่านี้
"ไม่เป็นไร พี่ก็ต้องคอยปกป้องภูมิอยู่แล้วนี่นะ เออ พี่ว่าจะไปพักฟื้นที่เชียงใหม่นะ ภูมิต้องไปกับพี่ด้วยล่ะ"
โตโต้พูดขึ้นยังยิ้มอยู่
"แล้วบริษัทล่ะครับ ใครจะดู คงไม่ได้หรอกครับคุณโตโต้"
"อ้าว พี่เจ็บนะภูมิ คนเรานี่นะ ช่วยเขาแล้วพอเขาไม่เป็นไร เรามันก็ไม่มีค่าอะไรเลยสินะ"
ตัดพ้อออกมา ภูมิบุญเม้มปาก ไม่ชอบที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้ แต่ก็นิ่งไม่พูดอะไร
"เรื่องบริษัท แม่จะเข้าไปดูให้ ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากหรอก โปรเจ็กต์ทุกอย่างพี่ระงับไว้ก่อน แค่อาทิตย์เดียวเองภูมิ ไม่รู้ล่ะพี่บอกแม่ไปแล้ว และที่สำคัญแม่โอเคแล้วด้วย"
"ไม่เห็นคุณท่านบอกอะไรผมสักคำ"
ยังค้านอยู่ไม่ยอมง่ายๆ
"กลับบ้านไปแม่ก็คงบอกเองล่ะ"
"ทำไมต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ด้วยล่ะครับ อยู่บ้านพักรักษาตัวไม่หายเหรอ"
"ฮ่าๆๆ ส่วนตัวไงครับ ถือโอกาสพักร้อนไปในตัว ตั้งแต่ทำงานมาพี่ยังไม่พักเลยนะภูมิ"
ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว ภูมิบุญนิ่งคิดก่อนจะถอยห่างออกมา
"แล้วต้องนอนโรงบาลกี่วันครับถึงจะกลับบ้านได้"
"หมอบอกให้นอนคืนนึง แต่พี่คงไม่นอนหรอก นอนไม่หลับ กลับไปนอนบ้านดีกว่า"
"จะดีเหรอครับ"
"เอาน่า พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย"
ภูมิบุญได้แต่ส่ายหน้า
"มาช่วยพี่หน่อยสิภูมิ"
โตโต้ยันกายลุกขึ้น เขาพูดจริงทำจริง ภูมิบุญยืนมองอยู่ไม่ได้ใส่ใจ
"โอ๊ย"
"คุณโตโต้ เจ็บไหม"
โตโต้ล้มลงกับเตียงเหมือนเคย หน้าตาบูดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวดออกมา ภูมิบุญปรี่เข้าไปหา
"คุณโตโต้"
โตโต้คว้าหมับเข้าที่ต้นคอของภูมิบุญแล้วถือโอกาสหอมแก้มทันที ภูมิบุญสะดุ้งไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ ขืนตัวออกมามือก็ไปโดนเข้าที่แผล
"โอ๊ย"
"สม อยู่ดีๆไม่ชอบสินะครับ เจ็บจะได้จำ"
ภูมิบุญพูดออกไป ไม่สนใจนอาการ
"ใจร้ายว่ะภูมิ พี่เจ็บจริงๆนะ"
"รู้ครับ ตั้งใจทำให้เจ็บ"
"โอ๊ย เลือดไหลอีกแล้ว"
เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลเป็นดวงสีแดงสด ภูมิบุญตกใจ
"ผมขอโทษ"
ลังเลแต่ก็เดินเข้าไป ดึงแขนของเขามาดู
"เดี๋ยวผมเรียกหมอ"
"ไม่ต้อง เรียกหมอพี่ก็ไม่ได้กลับบ้านสิ ภูมิเปลี่ยนผ้าพันแผลให้พี่หน่อย"
"ผมทำไม่เป็น"
"แค่เอามาเปลี่ยน นี่ไงแกะออกแบบนี้"
โตโต้ใช้มือข้างขวาแกะผ้าพันแผลออกทันที ภูมิบุญยืนอึ้งอยู่
"เอ่อ"
"เจ็บนะภูมิ พี่เจ็บจริงๆนะ"
แม้จะไม่แสดงสีหน้าท่าทางออกมาแต่น้ำเสียงที่ขรึมของเขาทำให้ภูมิบุญต้องยอมใจอ่อน เดินไปหยิบผ้าที่พยาบาลเตรียมใส่ห่อไว้ให้กลับไปล้างแผลเองที่บ้าน แกะออกมาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอีกครั้ง จะยืนทำก็ไม่ถนัดภูมิบุญนั่งลงตรงข้างๆเตียง โตโต้เองก็ขยับตัวให้ภูมิบุญนั่ง
"เจ็บอยู่ไหมครับ"
โตโต้ส่ายหน้าเอามือขวาขึ้นพาดหัวนอนดูอยู่ ภูมิบุญค่อยๆแกะผ้าพันแผลออกมา พอเห็นเลือดที่กำลังไหลก็หน้าซีด
"เรียกหมอดีกว่าไหมครับ"
"ไม่ต้องหรอก ล้างแผลแล้วก็พันๆ เดี๋ยวก็หยุดเองล่ะ"
โตโต้ไม่อยากให้ใครทำให้เขา คนที่อยากให้แตะตัวมากที่สุดกำลังพยายามแกะผ้าออกอยู่ข้างๆนี่เอง ภูมิบุญซับเลือดออกจนหมดแล้วจึงล้างแผล กลัวว่าจะโดนแผลอีกเลือดจะไหลออกมา จึงเบามือเป็นที่สุด ส่วนคนที่นอนเอามือรองหัวอยู่นั้นยิ้มออกมา
พลอยเองพอเลิกงานก็ออกมารอรถหน้าบริษัทป้ายรถเมล์ที่คราคร่ำไปด้วยพนักงานบริษัทเดียวกัน ต่างก็ออกันอยู่ด้วยมีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน
"พลอยๆ กลับบ้านใช่ไหม ป่ะพี่ไปส่ง"
เสียงเรียมาจากรถยุโรปหรูมันวาวสีดำจอดอยู่หน้าป้ายรถเมล์ พลอยหันไปมองพอเห็นว่าใครก็เชิดหน้าใส่ทำเป็นไม่สนใจ
"พลอยๆ เร็วๆเดี๋ยวเขาด่าเอา"
"น้องๆ แฟนมารับน่ะไปดิ รถเมล์ไม่มีที่จอด"
เสียงพนักงานคนอื่นบอก พลอยเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาเพราะตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทั้งป้ายรถเมล์ ไปแล้ว จะเดินหนีไปก็เสียฟอร์ม จะขึ้นรถไปกับเขาหรือก็ไม่มีทาง
"ปรื๊นนนน"
เสียงบีบแตรยายดังก้องไล่รถคันงามข้างหน้าให้ขยับแต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจ
"ไปเถอะหนู จะทะเลาะกันก็กลับไปทะเลาะที่บ้าน ขวางทางคนอื่นเขา"
เสียงดังอยู่รอบตัว สายตาที่เปลี่ยนเป็นรำคาญฉายออกมาจากทุกคน พลอยเริ่มอึดอัด ตัดสินใจวิ่งกึ่งเดินหนีไปทันที
"ไอ้บ้าเอ้ย"
พลอยสบถออกมาวิ่งไม่ยอมหยุด กายถึงกับอึ้งไม่คิดว่าพลอยจะใจแข็งขนาดนี้
"เอาสิพลอย ใจแข็งแค่ไหนกันเชียว"
กายเองก็ไม่ยอมแพ้ขับรถตามไปติดๆ พอพลอยกวักมือเรียกแท็กซี่เขาก็ขับรถไปดักหน้าไว้
"จะเอายังไงพี่ ต้องการอะไร"
พลอยเหลืออดเดินปรี่ไปเปิดประตูรถตวาดออกไปเสียงดัง
"ขึ้นมาซะก็สิ้นเรื่องนะพลอย"
"พี่เป็นบ้าเหรอ ว่างมากนักหรือไงถึงมาตามวอแวคนอื่น ว่างนักก็เอาเงินไปแจกเด็กด้อยโอกาสโน่นพี่ รวยนักไม่ใช่เหรอ"
พลอยแว้ดเสียงออกมาดังสนั่น ไม่สนใจคนที่สัญจรไปมาแล้ว
"พลอย พี่แค่อยากไปส่งพลอยกลับบ้านนะครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่น นะครับเห็นไหมเราเป็นคนทำให้รถติดนะ"
เสียงบีบแตรรถยังดังสนั่น พลอยกัดปาก
"ได้ อยากไปส่งใช่ไหม"
พลอยกัดฟันพูด แล้วก้าวขึ้นรถไปปิดประตูเสียงดัง
"โห ใจเย็นๆครับพลอย แหมเรานี่เอาเรื่องเหมือนกันนะ"
พอพลอยก้าวขึ้นไปนั่งบนรถกายก็บึ่งรถออกไปทันที
"ตกลงมาเลยพี่ จะจีบหนูใช่ไหม หนูไม่ชอบพี่ ไม่คิดอยากจะมีผัว กำลังตั้งใจทำงานหาเงิน หรือพี่อยากจะได้แค่หนู เพราะคิดว่าหนูมันปากไม่ดี มันท้าทายความสามารถของพี่ พี่คิดผิดเพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น หรือพี่ต้องการอะไรว่ามาเลยค่ะ"
พลอยหันหน้าไปใส่เป็นชุด แต่พอพูดจบกายกลับหัวเราะออกมา
"เรานี่นะ พี่จีบเรา ใช่ครับ ไม่ได้คิดแค่อยากจะได้"
"ไม่มีทางค่ะพี่ ทำไมคะ มายุ่งกับหนูทำไม ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างก็ยอมพี่กันทั้งนั้น โดยที่พี่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อย่ามาเสียเวลาเลยพี่ หนูไม่เล่นด้วยหรอก"
"ฮ่าๆๆ อย่างนี้ล่ะที่โดนใจพี่ ทำไมล่ะพลอย พี่ไม่สนหรอก รู้ไหม พี่มีแฟนมาก็เยอะนะ แต่พี่ไม่เคยถูกใจเท่าเรามาก่อน ให้ตายเถอะ"
"กรี๊ดดดด"
พลอยกรี๊ดใส่หน้า กายเหวอไป อ้าปากค้าง
"พูดไม่รู้เรื่องเหรอพี่ หนูไม่อยากมีผัว เข้าใจไหม"
ทุกคำที่ออกจากปากมันเป็นการตะโกนแทบทุกคำ ทั้งใจตะคอกเสียงใส่เขาเต็มที่ให้เขาเอือม
"อันนี้ก็ถูกใจ"
กายพูดออกมาเสียงอ่อยๆ
"จอดข้างหน้าได้ไหมคะ หนูจะลง นั่งไม่ได้หรอกค่ะรถแพงๆมันคันก้น"
พลอยออกคำสั่ง แต่กายทำเป็นไม่สนใจเพิ่มความเร็วของรถขึ้น
"รัดเข็มขัดด้วยนะครับ มันอันตราย"
แต่กลับพูดออกมาเสียงขรึม พลอยกรี๊ดใส่อีกครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จนหน้าแดงเสียงแหบ แต่กายกลับหัวเราะออกมา พลอยนั่งนิ่งถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับผู้ชายคนนี้จริงๆ
"พี่แทน ดีใจจังครับที่เจอ"
"ทำไมล่ะภูมิ พี่มาตั้งนานแล้ว รอเราอยู่นี่ล่ะ"
"ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นพี่แทนออนเท่าไหร่ ภูมิคิดว่าพี่แทนคงงานยุ่งน่ะครับ"
"อ้อ โทษทีนะภูมิ พี่ทำรายงานเยอะไปหน่อย เมื่อวันก่อนน็อคไปเลย งอนหรือเปล่าครับ คนดี"
"เปล่าครับพี่แทน ภูมิเข้าใจ พี่แทนทำอะไรอยู่ครับ"
"วันนี้ว่างครับ คิดถึงภูมิจังเลย พี่อยากกลับแล้วเนี่ย ไม่อยากเรียนให้จบเลย คิดถึงภูมิ"
"ไม่ดีหรอกครับพี่แทน แหมแค่อีกปีเดียวเอง แป๊บเดียวนะครับ อึดใจเดียว อดทนหน่อยนะครับ ภูมิก็คิดถึงพี่แทน"
"อยากกอดภูมิจังเลยนะ นานแค่ไหนแล้วที่พี่ไม่ได้กอดเรา"
"พี่แทนครับ ภูมิคิดถึงพี่แทนมากนะ คิดถึงมากจริงๆ ยิ่งมีเรื่องที่ทำงานยิ่งคิดถึง รู้ไหมครับว่าเวลาที่ภูมิท้อ ภูมิจะคิดถึงแต่พี่แทน พี่แทนเป็นกำลังใจให้ภูมิตลอดเลยนะ"
"พี่ดีใจจังครับ พี่ก็คิดถึงภูมิมากนะ พี่รักภูมินะ รักมาก"
"ภูมิก็รักพี่แทนนะครับ"
ภูมิบุญกลับถึงบ้านก็บังคับให้โตโต้กินยา กว่าจะกินได้เขาดื้อเหมือนเด็กเพราะถ้าให้กินเองก็ไม่กิน คุณอภิสราก็บังคับไม่ได้ ภูมิบุญต้องอ้อนวอนหลายทาง จนต้องหลวมตัวตกปากรับคำไปเชียงใหม่กับเขาพรุ่งนี้ โตโต้ถึงยอมกินยา พอโตโต้ขึ้นไปนอนก็ขอตัวกลับมาห้องพัก รีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที แรงใจที่คิดว่าขาดหายไปคืนกลับมาดังเดิม แรงใจที่มาจากอีกปลายขอบฟ้า แม้จะมีทะเลขวางกั้นหลายร้อยไมล์แต่ทั้งสองก็ส่งใจถึงกัน ภูมิบุญยิ้มอย่างเป็นสุข เหตุการณ์ที่บริษัทผ่านไปด้วยดี เรื่องของหัวใจก็ชุ่มฉ่ำมีรักคอยหล่อเลี้ยง แค่นี้จริงๆที่ต้องการ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อตอนก่อนเลิกงานหลังจากที่เมย์เดินออกไปจากห้องของภูมิบุญแล้วก็เดินออกไปยิ้มให้พลอย รายนั้นยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่หลังจากที่รู้ความจริง
"พี่ไม่ถือหรอกค่ะน้องพลอย เรานี่เก่งนะพี่ยอมรับ แต่ขอเรื่องเดียว อย่าว่าพี่ไม่สวย อันนี้ไม่ยอมนะคะ"
เมย์พูดขึ้นน้ำเสียงติดตลก
"แหมพี่เมย์ พลอยล้อเล่นหรอกค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่พี่เมย์นี่ตุ๊กตาทองยังอายเลยนะคะ"
"ถือว่าเป็นคำชมนะคะน้องพลอย ไม่ได้หรอกค่ะ พี่เองก็เกลียดคนไม่รู้จักพอ พี่อาสาคุณโตโต้เองล่ะค่ะ"
"แล้วพี่เมย์จะกลับมาทำตำแหน่งเดิมไหมคะ พลอยจะได้ไปบอกภูมิให้ พลอยว่าพลอยไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
"อุ๊ย ไม่ค่ะน้องพลอย ไม่ๆ พี่ว่าพี่ชักติดใจพีอาร์แล้วล่ะค่ะ จะขอเป็นลูกมือคุณหิน ชอบผลงานมานานแล้ว แต่ช่วงนั้นพี่ได้แต่เก็บข้อมูล เพราะแผนกบัญชียังไม่เด่นมาก เลยไม่ได้ช่วยอะไรคงไม่กลับหรอกค่ะ ฝากน้องพลอยด้วยนะคะ เออ เดี๋ยววันไหนว่างพี่จะสอนให้นะ"
เมย์พูดอย่างอารมณ์ดี ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสก่อนที่เมย์จะเดินกลับไปออฟฟิศของตน
"นังนกสองหัว ตอแหลที่สุด"
เสียงแพรที่กำลังกวาดของบนโต๊ะลงกล่องกระดาษด่ากราดมา
"อุ๊ยตาย นึกว่าเสียงใคร แพรนี่เอง"
เมย์เดินปรี่เข้าหาโดยไม่สะทกสะท้าน
"แกแน่มากนะที่เข้ามาหลอกชั้นนังเมย์"
"ก็พอตัวล่ะค่ะแพร ไม่งั้นจะเขี่ยพวกเห็นเศษเงินดีกว่างานที่มั่นคงแบบนี้ออกไปจากบริษัทได้เหรอคะ"
"แก จำไว้ อย่าให้ชั้นมาเอาคืนนะชั้นจะทำให้สาสมเลย นังงูพิษ"
"ค่า เชิญค่ะ แต่เอ๊ะ ตายแล้ว ไม่ได้นะคะแพร อันนั้นทรัพย์สินของทางบริษัทนี่คะ อะไรกัน โกงจนวินาทีสุดท้ายเลยนะคนเรา หน้าด้านหน้าทนจริงๆ"
"กรี๊ดดด อีเมย์ แก"
ปรี่เข้ามาง้างมือขึ้นจะตบ เมย์รีบคว้าแฟ้มหนาๆใกล้มือมาถือขู่ไว้
"เอาสิคะ หมั่นไส้มานานเหมือนกัน หนอยคิดว่าตัวเองแน่มากนักเหรอ อย่างหล่อนน่ะ เขารับเข้าทำงานก็บุญหัวแล้ว ทำงานก็ทุเรศ เสือกโกงอีกต่างหาก นี่ยังไม่สำเหนียกตัวเองอีก เป็นไงล่ะหรูหรานัก สมน้ำหน้า ไม่เหลืออะไรสักชิ้น"
"กรี๊ดด อีเมย์"
"อะไร อีแพร หล่อนเข้ามาแต่ตัว หล่อนก็ต้องออกไปแต่ตัว อ้ออย่าได้หวังเอาอะไรออกไปสักชิ้นเดียว"
"แกมีปัญญาอะไรมาห้ามชั้น อีงูพิษ หน้าโง่"
"ต๊าย กล้าพูด คนหน้าโง่น่ะหล่อนย่ะ ไม่ใช่ชั้น ไม่งั้นชั้นจะหลอกหล่อนได้เหรอ คนโง่น่ะคือคนเห็นแค่เงินเล็กน้อยแต่เลื่อยขาเก้าอี้ตัวเอง หล่อนเอาอะไรคิดแพร เอาต่อมเหงื่อคิดเหรอ"
"ชั้นไม่จนหนทางหรอก บริษัทนี้ไม่เอา ชั้นก็ไปที่ใหม่ อีโง่"
เสียงด่าทอกันดังก้องออฟฟิศพนักงานคนอื่นๆมายืนมองกันใหญ่ ต่างก็เชียร์เมย์
"เฮ้อ แสดงความโง่ดักดานออกมานะแพร จะบอกให้นะ หล่อนไปไหนใครจะเอา หือ ไปที่ใหม่เพื่อที่จะไปโกงเขาอีกน่ะเหรอ หล่อนคิดว่าใครเขาจะเอาคนขี้โกงอย่างหล่อน จำเอาไว้ หล่อนคิดว่าบริษัทนี้กระจอกเหรอยะ คอนเน็กชั่นเขาก็ใหญ่โต คนที่โกงบริษัทนี้จะไม่เหลืออะไรสักอย่าง พวกหล่อนจะต้องรับกรรม จำไว้"
เมย์พูดเสียงดังสายตาเคียดแค้น ร้องบอกให้พนักงานผู้ชายขนของออกจากล่องของแพร รายนั้นยืนน้ำตาไหลตัวสั่นอยู่โกรธจัดจนหน้าแดง
ของที่ได้มาง่ายมักจะเสียไปง่ายเพราะเรามองข้ามละเลยคุณค่าของมันไป เงินที่ร้อน เงินที่โกงเขามาหรือลักเขามามักจะออกไปเร็วอยู่กับเราไม่นาน มิหนำซ้ำจะนำพาความร้อนใจมาให้ ถ้าเรามองเห็นเงินว่ามันใหญ่กว่าสิ่งที่ทำ เงินมันก็ย่อมจะยิ่งใหญ่กว่าเสมอ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ยกเว้นความซื่อสัตย์จากใจจริง ทำไมเราไม่อยู่เท่าที่เรามี หาเงินเอามาเติมเต็มในสิ่งที่ขาดให้พอเพียง มีเงินมากแล้วยังไงต้องร้อนใจเหมือนไฟลนอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้หรือ ต้องคอยหวาดระแวงว่าใครเขาจะมาแย่งมาฉวยเอา หรือกลัวว่าเขาจะรู้ว่าเงินนี้ไม่ได้มาด้วยสุจริต ดีใจแล้วหรือ มนุษย์เอยอันกล้วยน้ำว้าหนึ่งลูกกลืนลงท้องไปก็หล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่ต่อไปได้เช่นเดียวกับการกินอาหารเลิศรสราคาแพง แต่ถ้ากินกล้วยน้ำว้าแล้วสุขใจเหลือเกิน พอใจเหลือเกินกับกล้วยน้ำว้าที่เราหามันมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แล้วทำไมเราถึงเสาะแสวงหาอาหารหรูหราราคาแพงแต่ต้องไปทนนั่งตัวแข็งเชิดคอ ทรมานกายเช่นนั้นหรือ
"ป้าฝากพี่เขาด้วยนะภูมิ แขนน่ะคงยังจับไม่ถนัด ตาโต้เองก็อย่ากวนน้องเขามากนักล่ะ เดี๋ยวแม่เรียกกลับนะ"
คุณอภิสรายืนบอกลูกชายกับภูมิบุญอยู่หน้าบ้าน ภูมิบุยเองหน้าตาไม่ปรารถนาที่จะไปด้วยเลย แต่คนตัวใหญ่กลับยิ้มอย่างมีความสุข
"ครับคุณท่าน ภูมิเป็นห่วงบริษัทจังเลยครับ เป็นห่วงคุณท่าน อุตส่าห์วางมือแล้วแท้ๆ"
ภูมิบุญเหน็บโตโต้ แต่รายนั้นทำหูทวนลมไม่รับรู้
"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะภูมิ ป้าสบายมากดีเหมือนกันจะได้ไปดูฟ้าหลังฝน"
"เออตาโต้ อย่าลืมตามเรื่องล่ะ อย่าปล่อยให้เงียบหายไป ไม่ได้นะ"
"ไม่มีทางครับแม่ คุณอนิรุธกับคุณวิโรจน์ดำเนินการอยู่ครับ โต้ไม่ปล่อยไปหรอก"
"คนเรานะ เลี้ยงดีๆไม่ชอบ อยากรวยกันทางลัด เฮ้อ"
คุณอภิสราถอนหายใจออกมาหันมามองหน้าภูมิบุญ
"ไปเถอะจ๊ะ เดี๋ยวตกเครื่อง ลุงหมายต้องกลับมารับแม่ไปที่บริษัทอีกนะ"
คุณอภิสราเอ่ยขึ้น ภูมิบุญยกมือไหว้มารดาของตนแล้วลาเจ้าของบ้าน คุณอภิสรากอดตัวของภูมิบุญไว้
"ภูมิ ป้าไว้ใจเรามากนะ ป้ารักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน ดูแลกันดีๆนะลูก"
สะท้อนบาดลึกเข้าไปถึงกลางใจ บางทีคนพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่คนที่อยู่ในอ้อมกอดถึงกับสะดุ้ง สิ่งต่างๆในอดีตที่เคยทำผิดพลาดไปกับเขามันสะท้อนเด่นขึ้นมา ภาพเหล่านั้นมันลอยเข้ามาในหัว นี่น่ะหรือสิ่งที่ตอบแทนให้กับคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด คนที่เพิ่งจะพูดออกมาว่ารักเขาเหมือนลุกเหมือนหลาน เขาตอบแทนคนๆนี้ด้วยการทำแบบนี้คืนหรือ มันหนักหนาสาหัสกว่าการโกง มันคือการเหยียบย่ำหัวใจของผู้เป็นมารดาถ้าหากว่าท่านรู้ว่า คนที่ท่านไว้ใจมากที่สุดคนนี้ คนที่ท่านรักเหมือนลูกเหมือนหลานคนนี้ มีความสัมพัธ์ลุกซึ้งกับบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน นี่น่ะหรือภูมิบุญ
"คุณโตโต้"
โตโต้คว้าหมับเข้าที่ต้นคอของภูมิบุญแล้วถือโอกาสหอมแก้มทันที ภูมิบุญสะดุ้งไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ ขืนตัวออกมามือก็ไปโดนเข้าที่แผล
"โอ๊ย"
"สม อยู่ดีๆไม่ชอบสินะครับ เจ็บจะได้จำ"
ภูมิบุญพูดออกไป ไม่สนใจนอาการ
"ใจร้ายว่ะภูมิ พี่เจ็บจริงๆนะ"
"รู้ครับ ตั้งใจทำให้เจ็บ"
"โอ๊ย เลือดไหลอีกแล้ว"
เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลเป็นดวงสีแดงสด ภูมิบุญตกใจ
"ผมขอโทษ"
ลังเลแต่ก็เดินเข้าไป ดึงแขนของเขามาดู
"เดี๋ยวผมเรียกหมอ"
"ไม่ต้อง เรียกหมอพี่ก็ไม่ได้กลับบ้านสิ ภูมิเปลี่ยนผ้าพันแผลให้พี่หน่อย"
"ผมทำไม่เป็น"
"แค่เอามาเปลี่ยน นี่ไงแกะออกแบบนี้"
โตโต้ใช้มือข้างขวาแกะผ้าพันแผลออกทันที ภูมิบุญยืนอึ้งอยู่
"เอ่อ"
"เจ็บนะภูมิ พี่เจ็บจริงๆนะ"
แม้จะไม่แสดงสีหน้าท่าทางออกมาแต่น้ำเสียงที่ขรึมของเขาทำให้ภูมิบุญต้องยอมใจอ่อน เดินไปหยิบผ้าที่พยาบาลเตรียมใส่ห่อไว้ให้กลับไปล้างแผลเองที่บ้าน แกะออกมาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอีกครั้ง จะยืนทำก็ไม่ถนัดภูมิบุญนั่งลงตรงข้างๆเตียง โตโต้เองก็ขยับตัวให้ภูมิบุญนั่ง
"เจ็บอยู่ไหมครับ"
โตโต้ส่ายหน้าเอามือขวาขึ้นพาดหัวนอนดูอยู่ ภูมิบุญค่อยๆแกะผ้าพันแผลออกมา พอเห็นเลือดที่กำลังไหลก็หน้าซีด
"เรียกหมอดีกว่าไหมครับ"
"ไม่ต้องหรอก ล้างแผลแล้วก็พันๆ เดี๋ยวก็หยุดเองล่ะ"
โตโต้ไม่อยากให้ใครทำให้เขา คนที่อยากให้แตะตัวมากที่สุดกำลังพยายามแกะผ้าออกอยู่ข้างๆนี่เอง ภูมิบุญซับเลือดออกจนหมดแล้วจึงล้างแผล กลัวว่าจะโดนแผลอีกเลือดจะไหลออกมา จึงเบามือเป็นที่สุด ส่วนคนที่นอนเอามือรองหัวอยู่นั้นยิ้มออกมา
พลอยเองพอเลิกงานก็ออกมารอรถหน้าบริษัทป้ายรถเมล์ที่คราคร่ำไปด้วยพนักงานบริษัทเดียวกัน ต่างก็ออกันอยู่ด้วยมีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน
"พลอยๆ กลับบ้านใช่ไหม ป่ะพี่ไปส่ง"
เสียงเรียมาจากรถยุโรปหรูมันวาวสีดำจอดอยู่หน้าป้ายรถเมล์ พลอยหันไปมองพอเห็นว่าใครก็เชิดหน้าใส่ทำเป็นไม่สนใจ
"พลอยๆ เร็วๆเดี๋ยวเขาด่าเอา"
"น้องๆ แฟนมารับน่ะไปดิ รถเมล์ไม่มีที่จอด"
เสียงพนักงานคนอื่นบอก พลอยเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาเพราะตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทั้งป้ายรถเมล์ ไปแล้ว จะเดินหนีไปก็เสียฟอร์ม จะขึ้นรถไปกับเขาหรือก็ไม่มีทาง
"ปรื๊นนนน"
เสียงบีบแตรยายดังก้องไล่รถคันงามข้างหน้าให้ขยับแต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจ
"ไปเถอะหนู จะทะเลาะกันก็กลับไปทะเลาะที่บ้าน ขวางทางคนอื่นเขา"
เสียงดังอยู่รอบตัว สายตาที่เปลี่ยนเป็นรำคาญฉายออกมาจากทุกคน พลอยเริ่มอึดอัด ตัดสินใจวิ่งกึ่งเดินหนีไปทันที
"ไอ้บ้าเอ้ย"
พลอยสบถออกมาวิ่งไม่ยอมหยุด กายถึงกับอึ้งไม่คิดว่าพลอยจะใจแข็งขนาดนี้
"เอาสิพลอย ใจแข็งแค่ไหนกันเชียว"
กายเองก็ไม่ยอมแพ้ขับรถตามไปติดๆ พอพลอยกวักมือเรียกแท็กซี่เขาก็ขับรถไปดักหน้าไว้
"จะเอายังไงพี่ ต้องการอะไร"
พลอยเหลืออดเดินปรี่ไปเปิดประตูรถตวาดออกไปเสียงดัง
"ขึ้นมาซะก็สิ้นเรื่องนะพลอย"
"พี่เป็นบ้าเหรอ ว่างมากนักหรือไงถึงมาตามวอแวคนอื่น ว่างนักก็เอาเงินไปแจกเด็กด้อยโอกาสโน่นพี่ รวยนักไม่ใช่เหรอ"
พลอยแว้ดเสียงออกมาดังสนั่น ไม่สนใจคนที่สัญจรไปมาแล้ว
"พลอย พี่แค่อยากไปส่งพลอยกลับบ้านนะครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่น นะครับเห็นไหมเราเป็นคนทำให้รถติดนะ"
เสียงบีบแตรรถยังดังสนั่น พลอยกัดปาก
"ได้ อยากไปส่งใช่ไหม"
พลอยกัดฟันพูด แล้วก้าวขึ้นรถไปปิดประตูเสียงดัง
"โห ใจเย็นๆครับพลอย แหมเรานี่เอาเรื่องเหมือนกันนะ"
พอพลอยก้าวขึ้นไปนั่งบนรถกายก็บึ่งรถออกไปทันที
"ตกลงมาเลยพี่ จะจีบหนูใช่ไหม หนูไม่ชอบพี่ ไม่คิดอยากจะมีผัว กำลังตั้งใจทำงานหาเงิน หรือพี่อยากจะได้แค่หนู เพราะคิดว่าหนูมันปากไม่ดี มันท้าทายความสามารถของพี่ พี่คิดผิดเพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น หรือพี่ต้องการอะไรว่ามาเลยค่ะ"
พลอยหันหน้าไปใส่เป็นชุด แต่พอพูดจบกายกลับหัวเราะออกมา
"เรานี่นะ พี่จีบเรา ใช่ครับ ไม่ได้คิดแค่อยากจะได้"
"ไม่มีทางค่ะพี่ ทำไมคะ มายุ่งกับหนูทำไม ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างก็ยอมพี่กันทั้งนั้น โดยที่พี่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อย่ามาเสียเวลาเลยพี่ หนูไม่เล่นด้วยหรอก"
"ฮ่าๆๆ อย่างนี้ล่ะที่โดนใจพี่ ทำไมล่ะพลอย พี่ไม่สนหรอก รู้ไหม พี่มีแฟนมาก็เยอะนะ แต่พี่ไม่เคยถูกใจเท่าเรามาก่อน ให้ตายเถอะ"
"กรี๊ดดดด"
พลอยกรี๊ดใส่หน้า กายเหวอไป อ้าปากค้าง
"พูดไม่รู้เรื่องเหรอพี่ หนูไม่อยากมีผัว เข้าใจไหม"
ทุกคำที่ออกจากปากมันเป็นการตะโกนแทบทุกคำ ทั้งใจตะคอกเสียงใส่เขาเต็มที่ให้เขาเอือม
"อันนี้ก็ถูกใจ"
กายพูดออกมาเสียงอ่อยๆ
"จอดข้างหน้าได้ไหมคะ หนูจะลง นั่งไม่ได้หรอกค่ะรถแพงๆมันคันก้น"
พลอยออกคำสั่ง แต่กายทำเป็นไม่สนใจเพิ่มความเร็วของรถขึ้น
"รัดเข็มขัดด้วยนะครับ มันอันตราย"
แต่กลับพูดออกมาเสียงขรึม พลอยกรี๊ดใส่อีกครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จนหน้าแดงเสียงแหบ แต่กายกลับหัวเราะออกมา พลอยนั่งนิ่งถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับผู้ชายคนนี้จริงๆ
"พี่แทน ดีใจจังครับที่เจอ"
"ทำไมล่ะภูมิ พี่มาตั้งนานแล้ว รอเราอยู่นี่ล่ะ"
"ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นพี่แทนออนเท่าไหร่ ภูมิคิดว่าพี่แทนคงงานยุ่งน่ะครับ"
"อ้อ โทษทีนะภูมิ พี่ทำรายงานเยอะไปหน่อย เมื่อวันก่อนน็อคไปเลย งอนหรือเปล่าครับ คนดี"
"เปล่าครับพี่แทน ภูมิเข้าใจ พี่แทนทำอะไรอยู่ครับ"
"วันนี้ว่างครับ คิดถึงภูมิจังเลย พี่อยากกลับแล้วเนี่ย ไม่อยากเรียนให้จบเลย คิดถึงภูมิ"
"ไม่ดีหรอกครับพี่แทน แหมแค่อีกปีเดียวเอง แป๊บเดียวนะครับ อึดใจเดียว อดทนหน่อยนะครับ ภูมิก็คิดถึงพี่แทน"
"อยากกอดภูมิจังเลยนะ นานแค่ไหนแล้วที่พี่ไม่ได้กอดเรา"
"พี่แทนครับ ภูมิคิดถึงพี่แทนมากนะ คิดถึงมากจริงๆ ยิ่งมีเรื่องที่ทำงานยิ่งคิดถึง รู้ไหมครับว่าเวลาที่ภูมิท้อ ภูมิจะคิดถึงแต่พี่แทน พี่แทนเป็นกำลังใจให้ภูมิตลอดเลยนะ"
"พี่ดีใจจังครับ พี่ก็คิดถึงภูมิมากนะ พี่รักภูมินะ รักมาก"
"ภูมิก็รักพี่แทนนะครับ"
ภูมิบุญกลับถึงบ้านก็บังคับให้โตโต้กินยา กว่าจะกินได้เขาดื้อเหมือนเด็กเพราะถ้าให้กินเองก็ไม่กิน คุณอภิสราก็บังคับไม่ได้ ภูมิบุญต้องอ้อนวอนหลายทาง จนต้องหลวมตัวตกปากรับคำไปเชียงใหม่กับเขาพรุ่งนี้ โตโต้ถึงยอมกินยา พอโตโต้ขึ้นไปนอนก็ขอตัวกลับมาห้องพัก รีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที แรงใจที่คิดว่าขาดหายไปคืนกลับมาดังเดิม แรงใจที่มาจากอีกปลายขอบฟ้า แม้จะมีทะเลขวางกั้นหลายร้อยไมล์แต่ทั้งสองก็ส่งใจถึงกัน ภูมิบุญยิ้มอย่างเป็นสุข เหตุการณ์ที่บริษัทผ่านไปด้วยดี เรื่องของหัวใจก็ชุ่มฉ่ำมีรักคอยหล่อเลี้ยง แค่นี้จริงๆที่ต้องการ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อตอนก่อนเลิกงานหลังจากที่เมย์เดินออกไปจากห้องของภูมิบุญแล้วก็เดินออกไปยิ้มให้พลอย รายนั้นยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่หลังจากที่รู้ความจริง
"พี่ไม่ถือหรอกค่ะน้องพลอย เรานี่เก่งนะพี่ยอมรับ แต่ขอเรื่องเดียว อย่าว่าพี่ไม่สวย อันนี้ไม่ยอมนะคะ"
เมย์พูดขึ้นน้ำเสียงติดตลก
"แหมพี่เมย์ พลอยล้อเล่นหรอกค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่พี่เมย์นี่ตุ๊กตาทองยังอายเลยนะคะ"
"ถือว่าเป็นคำชมนะคะน้องพลอย ไม่ได้หรอกค่ะ พี่เองก็เกลียดคนไม่รู้จักพอ พี่อาสาคุณโตโต้เองล่ะค่ะ"
"แล้วพี่เมย์จะกลับมาทำตำแหน่งเดิมไหมคะ พลอยจะได้ไปบอกภูมิให้ พลอยว่าพลอยไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
"อุ๊ย ไม่ค่ะน้องพลอย ไม่ๆ พี่ว่าพี่ชักติดใจพีอาร์แล้วล่ะค่ะ จะขอเป็นลูกมือคุณหิน ชอบผลงานมานานแล้ว แต่ช่วงนั้นพี่ได้แต่เก็บข้อมูล เพราะแผนกบัญชียังไม่เด่นมาก เลยไม่ได้ช่วยอะไรคงไม่กลับหรอกค่ะ ฝากน้องพลอยด้วยนะคะ เออ เดี๋ยววันไหนว่างพี่จะสอนให้นะ"
เมย์พูดอย่างอารมณ์ดี ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสก่อนที่เมย์จะเดินกลับไปออฟฟิศของตน
"นังนกสองหัว ตอแหลที่สุด"
เสียงแพรที่กำลังกวาดของบนโต๊ะลงกล่องกระดาษด่ากราดมา
"อุ๊ยตาย นึกว่าเสียงใคร แพรนี่เอง"
เมย์เดินปรี่เข้าหาโดยไม่สะทกสะท้าน
"แกแน่มากนะที่เข้ามาหลอกชั้นนังเมย์"
"ก็พอตัวล่ะค่ะแพร ไม่งั้นจะเขี่ยพวกเห็นเศษเงินดีกว่างานที่มั่นคงแบบนี้ออกไปจากบริษัทได้เหรอคะ"
"แก จำไว้ อย่าให้ชั้นมาเอาคืนนะชั้นจะทำให้สาสมเลย นังงูพิษ"
"ค่า เชิญค่ะ แต่เอ๊ะ ตายแล้ว ไม่ได้นะคะแพร อันนั้นทรัพย์สินของทางบริษัทนี่คะ อะไรกัน โกงจนวินาทีสุดท้ายเลยนะคนเรา หน้าด้านหน้าทนจริงๆ"
"กรี๊ดดด อีเมย์ แก"
ปรี่เข้ามาง้างมือขึ้นจะตบ เมย์รีบคว้าแฟ้มหนาๆใกล้มือมาถือขู่ไว้
"เอาสิคะ หมั่นไส้มานานเหมือนกัน หนอยคิดว่าตัวเองแน่มากนักเหรอ อย่างหล่อนน่ะ เขารับเข้าทำงานก็บุญหัวแล้ว ทำงานก็ทุเรศ เสือกโกงอีกต่างหาก นี่ยังไม่สำเหนียกตัวเองอีก เป็นไงล่ะหรูหรานัก สมน้ำหน้า ไม่เหลืออะไรสักชิ้น"
"กรี๊ดด อีเมย์"
"อะไร อีแพร หล่อนเข้ามาแต่ตัว หล่อนก็ต้องออกไปแต่ตัว อ้ออย่าได้หวังเอาอะไรออกไปสักชิ้นเดียว"
"แกมีปัญญาอะไรมาห้ามชั้น อีงูพิษ หน้าโง่"
"ต๊าย กล้าพูด คนหน้าโง่น่ะหล่อนย่ะ ไม่ใช่ชั้น ไม่งั้นชั้นจะหลอกหล่อนได้เหรอ คนโง่น่ะคือคนเห็นแค่เงินเล็กน้อยแต่เลื่อยขาเก้าอี้ตัวเอง หล่อนเอาอะไรคิดแพร เอาต่อมเหงื่อคิดเหรอ"
"ชั้นไม่จนหนทางหรอก บริษัทนี้ไม่เอา ชั้นก็ไปที่ใหม่ อีโง่"
เสียงด่าทอกันดังก้องออฟฟิศพนักงานคนอื่นๆมายืนมองกันใหญ่ ต่างก็เชียร์เมย์
"เฮ้อ แสดงความโง่ดักดานออกมานะแพร จะบอกให้นะ หล่อนไปไหนใครจะเอา หือ ไปที่ใหม่เพื่อที่จะไปโกงเขาอีกน่ะเหรอ หล่อนคิดว่าใครเขาจะเอาคนขี้โกงอย่างหล่อน จำเอาไว้ หล่อนคิดว่าบริษัทนี้กระจอกเหรอยะ คอนเน็กชั่นเขาก็ใหญ่โต คนที่โกงบริษัทนี้จะไม่เหลืออะไรสักอย่าง พวกหล่อนจะต้องรับกรรม จำไว้"
เมย์พูดเสียงดังสายตาเคียดแค้น ร้องบอกให้พนักงานผู้ชายขนของออกจากล่องของแพร รายนั้นยืนน้ำตาไหลตัวสั่นอยู่โกรธจัดจนหน้าแดง
ของที่ได้มาง่ายมักจะเสียไปง่ายเพราะเรามองข้ามละเลยคุณค่าของมันไป เงินที่ร้อน เงินที่โกงเขามาหรือลักเขามามักจะออกไปเร็วอยู่กับเราไม่นาน มิหนำซ้ำจะนำพาความร้อนใจมาให้ ถ้าเรามองเห็นเงินว่ามันใหญ่กว่าสิ่งที่ทำ เงินมันก็ย่อมจะยิ่งใหญ่กว่าเสมอ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ยกเว้นความซื่อสัตย์จากใจจริง ทำไมเราไม่อยู่เท่าที่เรามี หาเงินเอามาเติมเต็มในสิ่งที่ขาดให้พอเพียง มีเงินมากแล้วยังไงต้องร้อนใจเหมือนไฟลนอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้หรือ ต้องคอยหวาดระแวงว่าใครเขาจะมาแย่งมาฉวยเอา หรือกลัวว่าเขาจะรู้ว่าเงินนี้ไม่ได้มาด้วยสุจริต ดีใจแล้วหรือ มนุษย์เอยอันกล้วยน้ำว้าหนึ่งลูกกลืนลงท้องไปก็หล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่ต่อไปได้เช่นเดียวกับการกินอาหารเลิศรสราคาแพง แต่ถ้ากินกล้วยน้ำว้าแล้วสุขใจเหลือเกิน พอใจเหลือเกินกับกล้วยน้ำว้าที่เราหามันมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แล้วทำไมเราถึงเสาะแสวงหาอาหารหรูหราราคาแพงแต่ต้องไปทนนั่งตัวแข็งเชิดคอ ทรมานกายเช่นนั้นหรือ
"ป้าฝากพี่เขาด้วยนะภูมิ แขนน่ะคงยังจับไม่ถนัด ตาโต้เองก็อย่ากวนน้องเขามากนักล่ะ เดี๋ยวแม่เรียกกลับนะ"
คุณอภิสรายืนบอกลูกชายกับภูมิบุญอยู่หน้าบ้าน ภูมิบุยเองหน้าตาไม่ปรารถนาที่จะไปด้วยเลย แต่คนตัวใหญ่กลับยิ้มอย่างมีความสุข
"ครับคุณท่าน ภูมิเป็นห่วงบริษัทจังเลยครับ เป็นห่วงคุณท่าน อุตส่าห์วางมือแล้วแท้ๆ"
ภูมิบุญเหน็บโตโต้ แต่รายนั้นทำหูทวนลมไม่รับรู้
"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะภูมิ ป้าสบายมากดีเหมือนกันจะได้ไปดูฟ้าหลังฝน"
"เออตาโต้ อย่าลืมตามเรื่องล่ะ อย่าปล่อยให้เงียบหายไป ไม่ได้นะ"
"ไม่มีทางครับแม่ คุณอนิรุธกับคุณวิโรจน์ดำเนินการอยู่ครับ โต้ไม่ปล่อยไปหรอก"
"คนเรานะ เลี้ยงดีๆไม่ชอบ อยากรวยกันทางลัด เฮ้อ"
คุณอภิสราถอนหายใจออกมาหันมามองหน้าภูมิบุญ
"ไปเถอะจ๊ะ เดี๋ยวตกเครื่อง ลุงหมายต้องกลับมารับแม่ไปที่บริษัทอีกนะ"
คุณอภิสราเอ่ยขึ้น ภูมิบุญยกมือไหว้มารดาของตนแล้วลาเจ้าของบ้าน คุณอภิสรากอดตัวของภูมิบุญไว้
"ภูมิ ป้าไว้ใจเรามากนะ ป้ารักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน ดูแลกันดีๆนะลูก"
สะท้อนบาดลึกเข้าไปถึงกลางใจ บางทีคนพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่คนที่อยู่ในอ้อมกอดถึงกับสะดุ้ง สิ่งต่างๆในอดีตที่เคยทำผิดพลาดไปกับเขามันสะท้อนเด่นขึ้นมา ภาพเหล่านั้นมันลอยเข้ามาในหัว นี่น่ะหรือสิ่งที่ตอบแทนให้กับคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด คนที่เพิ่งจะพูดออกมาว่ารักเขาเหมือนลุกเหมือนหลาน เขาตอบแทนคนๆนี้ด้วยการทำแบบนี้คืนหรือ มันหนักหนาสาหัสกว่าการโกง มันคือการเหยียบย่ำหัวใจของผู้เป็นมารดาถ้าหากว่าท่านรู้ว่า คนที่ท่านไว้ใจมากที่สุดคนนี้ คนที่ท่านรักเหมือนลูกเหมือนหลานคนนี้ มีความสัมพัธ์ลุกซึ้งกับบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน นี่น่ะหรือภูมิบุญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น