วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากห้าสิบสอง

พอกลับถึงบ้านทั้งคู่ก็ดูเคร่งเครียดกับเอกสารที่หอบมาจากที่ทำงาน คุณอภิสราถามก็บอกว่าต้องตรวจเอกสารนิดหน่อย พอทานข้าวเสร็จภูมิบุญจะหอบเอกสารกลับไปดูที่ห้องของตนแต่โตโต้ก็อ้างว่าน่าจะดูด้วยกันเพราะจะได้ช่วยกันคิด
 
"ดูที่นี่ล่ะภูมิ พี่ดูคนเดียวแล้วง่วงนอน"
 
โตโต้พูดออกมา สายตามีพิรุธ
 
"มันไม่สะดวกน่ะครับคุณโตโต้ เผื่อผมง่วงจะได้นอนเลย"
 
"งั้นขึ้นไปดูห้องพี่สิครับ ง่วงก็นอนเตียงพี่ได้นี่"
 
"ไม่ดีกว่าครับ"
 
"แหมพูดเหมือนไม่เคยนอนนะภูมิ"
 
โตโต้เหน็บภูมิบุญเม้มปากแน่น ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา เพราะท่าทางคงไม่จบง่ายๆ
 
"คำว่าเคยคืออดีตนะครับคุณโตโต้ อะไรที่เคยๆใช่ว่าจะต้องทำอีกนี่ครับ ผมขอเอาไปดูที่ห้องดีกว่า"
 
ภูมิบุญยืนกรานเสียงแข็งไม่ได้สบตาอีกฝ่าย
 
"แม่ครับ ดูน้องภูมิสิครับ เนี่ยจะดูเอกสารก็จะหอบไปดูคนเดียว โต้ดูคนเดียวแล้วง่วงอ่ะแม่ ช่วยพูดกับน้องให้หน่อยสิครับ"
 
ร้องขึ้นฟ้องมารดาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ห้องนั่งเล่นทันที ภูมิบุญมองโตโต้ตาเขียว
 
"ทำไมล่ะลูก ช่วยกันดูสิจ๊ะ มีอะไรจะได้ปรึกษากัน ดูคนเดียวเดี๋ยวก็ง่วง"
 
คุณอภิสราหันมาแนะ ภูมิบุญมองโตโต้ตาเขียวอีกครั้ง แต่เขากลับยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ สุดท้ายก็ต้องยอมทนอยู่ดูเอกสารกับเขาที่ห้องโถง ภูมิบุญใช้เวลาในการทำธุระส่วนตัวนานแสนนานเพราะคิดว่าโตโต้คงยอมแพ้ขึ้นไปนอนก่อน แต่พอกลับมาเขากลับนั่งยิ้มร่ารออยู่แล้ว
 
"พี่เพิ่งรู้นะว่าเขาโกงกันนานแล้ว ดูตัวนี้สิพี่เซ็นไปได้ยังไง ตัวเลขมันเหมือนมีการแก้ไข พี่นี่ไม่ไหวจริงๆ"
 
"ขอผมดูได้ไหมครับ"
 
ภูมิบุญชะโงกหน้าไปดู โตโต้ก็ยื่นเอกสารให้แต่จงใจโน้มหน้าลงจนจมูกจนกับแก้มของภูมิบุญอย่างจัง
 
"เอ่อ"
 
ภูมิบุญผงะออกโดยเร็ว รู้สึกร้อนผ่าวๆที่หน้า แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ โตโต้อมยิ้มอยู่พอใจกับกริยาของภูมิบุญ
 
"ตัวเลขมันมีการแก้ไขนี่ครับ ใครกันกล้ามาก"
 
ภูมิบุญทำเป็นเมินเฉยตั้งหน้าตั้งตาตรวจดูเอกสารตรงหน้า
 
"น่าจะเป็นพี่น้อย ไม่อยากจะเชื่อเลย พี่น้อยอยู่มานาน ตั้งแต่สมัยคุณแม่"
 
"ไดเร็กเตอร์ของไฟแนนซ์น่ะเหรอครับ"
 
ภูมิบุญร้องขึ้น พลันคิดไปถึงวันที่เข้าห้องประชุมวันแรก ผู้หญิงท่าทางใจดีคนนี้ไต่ถามเรื่องตัวเลขกับเขา นั่นสินะ ทำไมเธอถึงถามว่าภูมิบุญถนัดเรื่องตัวเลขหรือเปล่า
 
"อืม ใช่ แต่พี่ว่ามันแปลกๆนะ พี่น้อยก็ฐานะดีนี่แล้วจะทำไปทำไม"
 
"ไม่รู้จักพอไงครับ เงินมันทำให้คนหน้ามืดตามัวไป ยิ่งมียิ่งคิดว่าตนมีอำนาจ"
 
ภูมิบุญพูดออกมาสายตามองฉายออกมาความในใจที่เกือบจะเลือนหายไปกระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง
 
"นั่นสินะ พรุ่งนี้พี่ต้องเรียกคุณอนิรุธเข้ามาคุยด้วยแล้ว ไม่ได้ๆ หลายล้านแล้ว"
 
คนที่กล่าวถึงคือทนายประจำบริษัท
 
"คุณโตโต้ครับ เรื่องบัญชีผมไม่ค่อยถนัด ถ้าหากว่าผมให้คนนอกมาตรวจสอบบัญชีบริษัทเราจะดีไหมครับ"
 
ภูมิบุญเสนอแล้วมองหน้าโตโต้
 
"อย่าเพิ่งเลยภูมิ พี่ว่าภาพลักษณ์ของบริษัทเราก็สำคัญนะ พี่กลัวว่าถ้าทำแบบนั้นเราจะดูไม่มีเสถียรภาพเอา"
 
โตโต้แย้งซึ่งภูมิบุญก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเขาพยักหน้าเห็นด้วย
 
"แล้วตอนนี้เราทำอะไรได้บ้างล่ะครับคุณโตโต้"
 
"ก็รวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
 
"แล้ว"
 
ภูมิบุญถามเพื่อให้โตโต้ไหลไปกับคำพูดของเขาเอง
 
"ก็คงไม่เอาไว้ พี่ไม่เลี้ยงไว้หรอก"
 
"พอเหรอครับแค่นั้น"
 
ภูมิบุญมองหน้าของโตโต้มีคำถามในใจ
 
"แล้วภูมิคิดว่าควรทำยังไงล่ะครับ"
 
"แล้วเงินที่เราเสียไปล่ะครับ เราจะได้คืนไหม แค่ให้ออก มันคุ้มค่ากันเหรอครับ กับที่เราไว้ใจจ้างเขามาทำงาน แต่เขากลับมาทำแบบนี้กับเรา แค่นี้มันพอแล้วเหรอครับ"
 
"ภูมิ"
 
โตโต้มองหน้าภูมิบุญหวาดๆ ไม่คิดว่าภูมิบุญจะแค้นฝังใจขนาดนี้ นี่ขนาดไม่ใช่เรื่องของเขาโดยตรง
 
"เรานี่น่ากลัวนะ เวลาเอาเรื่อง หึหึ พี่กลัวนะเนี่ย"
 
"ครับ กลัวก็อยู่ห่างๆผมสิครับ"
 
"ฮ่าๆๆ แต่ภูมิน่าจะรู้จักพี่นะ ยิ่งน่ากลัวยิ่งทำให้พี่อยากเข้าหา"
 
"งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปดูใหม่อีกอยู่ดี"
 
พอพูดจบก็ลุกขึ้นทันที โตโต้รีบฉวยมือของภูมิบุญเอาไว้
 
"จะทำอะไรน่ะคุณโตโต้"
 
"จะรีบนอนไปไหนภูมิ ยังไม่เที่ยงคืนเลย"
 
"ผมก็ต้องมีอะไรทำส่วนตัวบ้างสิครับ คุณโตโต้"
 
"อ้อ ลืมไป ไปคุยกับไอ้แทนสินะ รักกันให้นานๆนะ"
 
โตโต้ยอมปล่อยมือ น้ำเสียงไม่ได้อวยพรอย่างที่พูดเลย ภูมิบุญเดินกลับมาที่ห้องรีบลนลานเปิดคอมพิวเตอร์ พอเห็นคนรักมีสถานะออนอยู่ก็รีบคลิ๊กทันที
 
"พี่แทน ขอโทษนะครับที่มาช้า"
 
"พี่แทนทำอะไรอยู่ครับ"
 
"คิดถึงจังเลย"
 
"พี่แทน ยังอยู่ไหมครับ"
 
"พี่แทน ยุ่งอยู่เหรอ"
 
"พี่แทน ภูมิมาแล้ว ภูมิขอโทษ"
 
ไม่มีปฏิกริยาตอบโต้ ภูมิบุญเริ่มที่จะใจสั่นหวั่นไหวไป นี่เขาเป็นอะไรไป โกรธหรือ จะทำยังไงดี
 
"พี่แทน อยู่ไหมครับ พี่แทน"
 
"ภูมิมีงานเอกสารน่ะครับ ภูมิขอโทษ"
 
รอจากนาทีเป็นห้า จากห้านาทีเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงจากห้าทุ่มครึ่งเป็นเที่ยงคืนครึ่ง นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมกัน เขาโกรธหรืออย่างไรทำไมเงียบนิ่งแบบนี้ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน นี่เกิดอะไรขึ้น หัวใจเต้นแรงร้อนรน ส่งอะไรต่อมิอะไรไปผ่านสื่อออนไลน์แต่ไม่มีปฏิกริยาตอบรับ
 
"งั้นพี่แทนดูแลตัวเองดีๆนะครับ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ภูมิรักพี่แทนนะครับ รักมาก รักเสมอไม่เคยเปลี่ยน"
 
ภูมิบุญส่งข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์
 
"เดี๋ยวภูมิ"
 
คนอีกฝั่งนั่งมองอยู่ อยากจะตอบกลับแต่เพราะอะไรก็ไม่เข้าใจว่าถึงมองอยู่อย่างนั้น ทั้งที่หัวใจร้อนรน โกรธเขาหรือ ก็ไม่มากขนาดนั้น แต่น้อยใจที่มานั่งรอนานแสนนาน แต่ก็กำลังจะเอ่ยปากคุย ด้วยความที่เขางอนในเรื่องที่ไม่เข้าเรื่อง ภูมิบุญเองก็ไม่ทันได้มอง สื่อออนไลนืปิดไปแล้ว
 
"สวัสดีครับ"
 
ภูมิบุญแปลกใจหลังจากที่ปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็มีคนโทรศัพท์เข้าที่เครื่อง
 
"ภูมิ พี่เอง"
 
"พี่แทน เมื่อกี๊ไปไหนมาครับ ภูมิเป็นห่วงแทบแย่"
 
"พี่ไม่ได้ไปไหนหรอก พี่อยู่นี่ล่ะ แต่พี่น้อยใจ"
 
แทนทวีพูดออกมา ภูมิบุญเม้มปากหนักพยายามทำใจแข็งไม่ให้สั่นไหวเพราะน้ำตาเริ่มคลอออกมาแล้ว
 
"ภูมิ ภูมิขอโทษครับพี่แทน ภูมิไม่ได้ตั้งใจ"
 
"ไม่เป็นไรภูมิ พี่แค่น้อยใจ แล้ววันนี้ไปทำอะไรมาทั้งวัน"
 
"คือที่บริษัทเหมือนจะมีคนโกงน่ะครับ ภูมิกำลังดูเอกสารอยู่ ช่วงนี้เลยยุ่งๆแต่การตรวจเอกสาร ภูมิไม่ได้อยากทำแบบนี้นะครับพี่แทน"
 
"จริงเหรอภูมิ ตายจริง งั้นพี่ขอโทษนะพี่ไม่รู้ ถ้าภูมิบอกพี่ก่อนพี่ก็จะไม่งอนหรอก"
 
"ว่าจะบอกอยู่เหมือนกันครับ แต่เห็นพี่เงียบเลยยังไม่ได้บอก"
 
"พี่คิดถึงภูมินะ"
 
"ครับพี่แทน ภูมิก็คิดถึงพี่แทน อยากให้กลับมาเร็วๆจัง"
 
พอเข้าใจกันได้ก็คุยกันต่ออีกพักใหญ่ แต่แทนทวีต้องวางสายไปเพราะภูมิบุญขอร้องกลัวว่าค่าโทรศัพท์จะแพงแทนทวีจึงยอมวางสาย คิดว่าคืนนี้ต้องข่มตาหลับอย่างยากลำบากแล้ว แต่พอได้ยินเสียงคนที่รัก ความคลางแคลงใจก็มลายหายไปสิ้น
 
"เมย์เกลียดมันจริงๆเลยนะคะคุณแพร ไม่เคยไม่ถูกชะตากับใครแบบนี้มาก่อน"
 
เมย์นั่งจับเข่าคุยกับแพรที่โต๊ะทำงานของตน สายตาโกรธแค้น เริ่มต้นวันทำงานใหม่ด้วยการนินทา
 
"แพรก็เกลียดมันค่ะ หนอยคิดว่าตัวเองเป็นใคร เด็กเมื่อวานซืน มันกล้ามากนะคะที่มาขัดขาแพร เราจะได้เห็นดีกัน ภูมิบุญ"
 
แพรแสยะยิ้มออกมา
 
"จะทำยังไงกับมันล่ะคะคุณแพร มันได้สิทธิ์ขาดการตัดสินใจมาจากคุณอภิสรา มันคงกำแหงน่าดู"
 
"มันต้องมีทางสิเมย์ ขนาดตอนคุณอภิสราอยู่ ไล่คุณธเนศออกแพรยังดิ้นหลุดมาได้เลย คิดเหรอว่าหัวคิดของเด็กเพิ่งจบมาใหม่จะมาทันแพร ไม่มีทาง"
 
สายตาของเธอดูมุ่งมั่น เหตุการณ์ครั้งก่อนตอนที่มีการตรวจสอบบัญชีกันครั้งโน้นหลายปีมาแล้ว แพรเองก็มีส่วนร่วมในการโกงแม้ตอนนั้นจะได้เปอร์เซนต์น้อยนิดแต่เธอก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่พอสาวเรื่องมาถึงจวนตัวเธอก็ใช้มารยาส่วนตัวหลบหลีกไปได้ และปราศจากข้อครหาใดๆ
 
"คุณแพรมีแผนเหรอคะ เมย์ร่วมด้วยคน อยากจะเอาคืนตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยมีใครมาด่าเมย์ได้เจ็บแสบเท่านี้มาก่อน"
 
"แผนน่ะคิดว่ามีค่ะ แต่เราต้องร่วมมือกัน ดูเหมือนมันกำลังตรวจสอบบัญชีอยู่ แพรว่าทางที่ดีไปบอกพี่น้อยให้รู้ตัวก่อนดีกว่า"
 
"ค่ะเดี๋ยวเมย์จัดการเรื่องนี้เอง แล้วเราจะทำยังไงล่ะค่ะเพราะตอนนี้รู้สึกคุณโตโต้ก็คอยถือหางมันอยู่"
 
"ใช่สิ จะทำอะไรก็ลำบาก ลำพังคุณโตโต้คนเดียวพวกเราก็ยังพอปลอมเอกสารได้ แต่นี่ให้เซ็นพร้อมกันสองคน มันจะมากไปแล้ว"
 
"นั่นสิคะ เมย์ก็ว่ามันฉลาดนะคะ ดูจากแววตามันไม่น่าจะโง่เลย"
 
"เอ๊ะ ถ้างั้นเราก็ให้มันแตกคอกันสิคะเมย์ ในเมื่อตอนนี้คุณโตโต้ไว้ใจมัน เราก็ทำให้คุณโตโต้ระแวงในตัวมันสิ หึหึ"
 
"ยังไงคะคุณแพร"
 
เมย์ทำตาโตสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก เมย์เองก็เล่าแผนการณ์ไปพลางสอดสายตามองดูคนอื่นๆเพราะอาจจะมีคนเดินผ่านมา
 
"หึหึ เล่นกับใครไม่เล่นนะแกไอ้ภูมิ คราวนี้แกเจอฤทธิ์ชั้นหน่อยเป็นไง"
 
แพรแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งหัวเราะเสียงเบา เมย์เองก็ทำเหมือนกัน
 
"ว่าไงจ๊ะหิน ตั้งหน้าตั้งตาทำใหญ่เลยนะ อย่าได้คิดเลยนะหิน อย่างเธอน่ะคงไม่มีปัญญาได้งานนี้ไปหรอก ไม่มีทาง"
 
พอดีหินเดินหอบแผนงานพะรุงพะรังผ่านมา พอเจอหน้าคำทักทายก็กลายเป็นคำจิกกัด หินหน้าชาไป
 
"ได้ไม่ได้คุณโตโต้กับน้องภูมิไม่ใช่เหรอครับที่เป็นคนตัดสิน"
 
"ผยองนักนะ เธอเป็นลูกน้องชั้นนะหิน อย่ามาลามปาม"
 
"แล้วยังไงครับ ลูกน้องแล้วคุณแพรโขกสับอย่างนี้น่ะเหรอ ถามคนในแผนกดูสิลับหลังคุณเขานับถือคุณเป็นเจ้านายไหม"
 
"แก กล้าดียังไง"
 
วี๊ดเสียงขึ้นสูงจนพนักงานในแผนกทุกคนหันมามอง
 
"แกอยากโดนไล่ออกเหรอไอ้หิน อวดดีนักนะ ชั้นเป็นหัวหน้าแกนะ"
 
"มีอะไรจะพูดอีกไหม ผมจะรีบไปทำงาน เดี๋ยวจะชวดงานนี้"
 
หินพูดประชดแล้วเดินสะบัดหน้าหนีไป ทั้งสองกรี๊ดดังลั่น จนออฟฟิศฝ่ายบริหาร หรือ เอ็กเซ็กคิวทีฟว์ออฟฟิศเดินออกมาดู
 
"พลอยตามตัวคนเดินเอกสารให้หน่อยสิ"
 
ภูมิบุญเดินออกไปหาพลอย
 
"มีอะไรเหรอภูมิ"
 
"เปล่าหรอก เราอยากไปดูห้องเก็บเอกสารน่ะ ไปด้วยกันไหม"
 
"อืม ไปดิ เดี๋ยวไปบอกบอสก่อน"
 
พลอยบอกแล้วเดินเข้าห้องไปรายงานโตโต้รายนั้นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้ง ข้างๆมีคุณอนิรุธนั่งให้คำปรึกษาอยู่
 
"ได้ข่าวว่าลุงเดินเอกสารน่ะ แผนกบัญชีจองตัวไว้เลยนะ ไม่ให้แผนกอื่นได้ใช้บ้างเลย คงใหญ่โตมากนะแผนกบัญชี"
 
พลอยพูดระหว่างรอลุงคนเดินเอกสาร พอเห็นหน้าลุงก็มองหน้ากัน เพราะลุงคนเดินเอกสารหัวหงอกแล้ว
 
"สวัสดีครับลุง"
 
ภูมิบุญกับพลอยยกมือไหว้ขึ้นพร้อมกัน ลุงตกใจยกมือห้ามไว้
 
"โอ๊ยตายแล้ว ลุงแย่แล้ว ใครมาเห็นลุงตายแน่ๆ ไม่ต้องไหว้ลุงหรอกครับคุณท่าน"
 
ลงค้อมตัวลงต่ำท่าทางดูลนลาน
 
"อะไรกันครับลุง ทำไมล่ะครับ"
 
ภูมิบุญเองก็สงสัยมองหน้าพลอยที่สีหน้าไม่ต่างกัน
 
"อย่าไหว้ลุงเลยครับ ลุงเป็นแค่คนเดินเอกสาร คุณท่านมีตำแหน่งใหญ่โตอย่าทำแบบนี้เลยครับ"
 
ลุงยังก้มหน้ายกมือไหว้อยู่ ภูมิบุญถอนหายใจ
 
"ลุงครับ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะครับ ลุงก็คราวพ่อผมแล้ว ทำไมล่ะครับ จะไหว้ผู้ใหญ่ใครจะว่า"
 
"ลุงคะ อย่าคิดมากเลยนะคะ คือหนูอยากให้ลุงพาไปห้องเก็บเอกสารหน่อยน่ะค่ะ"
 
พลอยพูดเข้าประเด็นเพราะเห็นว่าลุงแกไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเสียทีกลัวจะเสียเรื่อง
 
"อ้อ ได้ครับๆ เชิญทางนี้เลยครับ"
 
ลุงยังเดินค้อมตัวนำหน้าไป ทั้งสองคนส่ายหน้าแต่ก็เดินตามไป ห้องเก็บเอกสารอยู่ชั้นใต้ดินตรงลานจอดรถเป็นห้องที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเก็บรักษาเอกสารทั้งหมดของทั้งบริษัท พอลุงเปิดห้องให้ทั้งสองก็เข้าไปแฟ้มเอกสารถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ภูมิบุญสนใจเอกสารตั้งแต่โปรเจกต์ที่เขาค้อรื้อออกมากองไว้

"เอ่อ คุณท่านครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พอทีฝ่ายบัญชีเขาเรียก"

"หือ ทำไมล่ะคะลุง หนูอยากเอาเอกสารพวกที่อยู่ชั้นบนสุดน่ะค่ะ ลุงช่วยหน่อยสิคะ"

พลอยบอกโดยไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นภูมิบุญอยู่อีกทางส่วนตัวเองก็ใส่กระโปรงไม่เหมาะที่จะปีน พอดีเสียงโทรศัพท์ของลุงดังขึ้น

"ครับๆ เดี๋ยวผมขึ้นไปแล้วครับ คุณอ้อ"

"ไม่ได้นะลุง หนูบอกให้ขึ้นมาก็ต้องขึ้นมา ลุงทำอะไรอยู่"

"เอ่อ"

เสียงตะคอกดังออกมานอกโทรศัพท์

"มาลุงหนูคุยให้"

พลอยอาสายื่นมือไปแต่ลุงแกลังเล พลอยรีบฉวยโทรศัพท์จากมือลุงมา

"ค่ะ พอดีลุงเขาช่วยเราหาเอกสารอยู่น่ะคะ รอสักครู่ได้ไหมคะ"

พลอยกรอกเสียงไปตามสาย

"หล่อนเป็นใครยะ นี่งานพี่น้อยนะ ชักช้าเดี๋ยวชั้นให้พี่น้อยจัดการ บอกตาแก่นั่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากโดนดี"

เสียงอีกฝั่งแว้ดกลับมาจนพลอยต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู

"แหมคุณคะเอกสารอะไรจะสำคัญขนาดนั้น ให้คนอื่นไปส่งให้ก็ได้นี่คะ ลุงแกมีงานแล้ว"

"ต๊าย หล่อนอวดดีกับชั้นนะ เธอรู้ไหมชั้นเป็นใคร หล่อนชื่ออะไร อยู่แผนกไหน"

"ชื่อ พลอยค่ะ เป็นเลขาฯของคุณโตโต้"

พลอยกรอกเสียงกลับไปชักเลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน เสียงฝั่งนั้นขาดหายไป

"เอ่อ บอกให้ไอ้แก่ขึ้นมาเร็วๆ ก่อนที่จะมีเรื่อง"

พลอยกดสายทิ้งไป แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ลุง

"อยู่ที่นี่ล่ะค่ะลุง"

"เอ่อ ไม่ได้หรอกครับคุณท่าน ผมจะโดนเล่นงานเอา เดี๋ยวผมมานะครับ"

"มีอะไรกันเหรอพลอย"

ภูมิบุญยืนฟังอยู่เดินมาหา

"ก็แผนกบัญชีสิภูมิจะเรียกใช้ลุง แต่เราบอกว่าลุงติดงานอยู่ให้รอก่อน ไม่ยอมฟังอ่ะ แว้ดๆอย่างเดียว"

"ลุง บริษัทเรามีคนเดินเอกสารกี่คนล่ะครับ"

ภูมิบุญหันไปถามลุงที่ก้มหน้าเริ่มสั่น

"ลุงคนเดียวนี่ล่ะครับ"

"แล้วเขาให้ลุงเอาไปส่งที่ไหน"

"ก็ตามแผนกต่างๆล่ะครับคุณท่าน ลุงรีบไปก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวลุงกลับมาช่วย"

"ไม่ต้องไปครับลุง ลุงอย่าเรียกผมกับพลอยว่าคุณท่านเลยนะครับ เรียกภูมิเฉยๆนะครับลุง นี่แค่ส่งตามแผนกเองหรอกเหรอ ถ้าลุงติดงานของแผนกอื่นแล้วเขาทำยังไงล่ะ"

ภูมิบุญเริ่มเสียงแข็ง ดูทีท่าของลุงแล้วช่างน่าสงสารเหลือทน

"ปกติลุงก็เดินเอกสารให้บัญชีล่ะครับ แผนกอื่นต้องรอก่อน" ลุงตอบเสียงอ่อยก้มหน้าลงต่ำ

"ยิ่งใหญ่จริ๊ง แผนกนี้นี่"

พลอยทำเสียงสูงหันมามองหน้าภูมิบุญ

"ลุงอยู่ที่นี่ล่ะครับ ผมรับประกันเองว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เออ ลุงครับผมอยากได้เอกสารการสั่งซื้อทุกอย่างของโปรเจกต์ที่เขาค้อ เขาเก็บไว้ตรงไหนนะครับ"

ภูมิบุญทำเป็นไม่สนใจแล้วหันหลังให้ทำเป็นมองชั้นเอกสาร ลุงหน้าซีดลนลานขึ้นมาทันที

"เอ่อ คุณภูมิครับ"

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง พอลุงเห็นหน้าจอก็ทำหน้าไม่ถูก พลอยฉวยเอามาจากมือของลุง ภูมิบุญพยักหน้าให้พลอย พลอยมองโทรศัพท์อยู่พอสมควรจึงยื่นให้กับภูมิบุญ ท่าทางของพลอยคันปากอยากจะด่าคนมากจึงลังเลที่จะส่งให้เพื่อนรัก

"ครับ"

ภูมิบุญกดรับสาย

"ไอ้แก่ถ้าไม่ขึ้นมาคุณน้อยเล่นแกแน่ๆ ขึ้นมาเดี๋ยวนี้"

"ได้ครับ ให้ไปหาใครนะครับ"

"ชั้นไงล่ะไอ้โง่ แล้วใครโทรหาแกล่ะ มีสมองไหม เนี่ยชั้นโดนคุณน้อยว่าก็เพราะแก"

เสียงอีกฝ่ายดังก้อง ภูมิบุญเม้มปากหนัก

"บอกมันให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ จะช่วยเลขาฯคุณโตโต้หรือจะช่วยชั้น"

เสียงอีกเสียงดังแทรกมา

"พาผมไปหาคนที่โทรมาหน่อยครับลุง"

ภูมิบุญกดสายทิ้งแล้วหันมาทางลุงสายตาเหมือนบ่อของลาวาร้อนที่กำลังจะระเบิดออกมา เขาสูดลมหายใจเข้าปอด พลอยเดินมาข้างๆแล้วพยักหน้าให้

"เอ่อ ให้ลุงไปคนเดียวเถอะครับ เดี๋ยวคุณสองคนจะซวย"

"ครับลุง ซวยแน่ครับแต่ไม่ใช่ลุงหรือผม"

ภูมิบุญเดินนำหน้าไปแล้ว พลอยดันหลังให้ลุงเดินตาม ลุงเองก็สั่นกลัวอยู่ พอลิฟท์เปิดออกชั้นสองแผนกบัญชีที่ดูวุ่นวายเอกสารตามโต๊ะต่างๆเต็มไปหมด ภูมิบุยก็สาวเท้านำไปยังกลางออฟฟิศ

"แหมกว่าจะยุรยาตรมาได้นะ ทำไมไม่มาเอาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ"

เสียงกระแนะกระแหนดังมาแต่ไกล ลุงก้มหน้าลงทันที

"มัวทำอะไรอยู่ รู้ไหมว่าใครเป็นใคร รู้จักลำดับขั้นด้วย"

หญิงสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าอายุน่าจะไล่เลี่ยกันกับภูมิบุญหรือไม่ก็แก่กว่าไม่กี่ปี แต่ท่าทางของเธอดูไม่ยี่หระให้ใครเลย

"ขอโทษนะครับ ผมเองที่ดึงตัวของลุงแกไว้ มีอะไรด่วนเหรอครับ"

ภูมิบุญพูดขึ้นเสียงเรียบ

"มีสิยะ ถ้าไม่มีชั้นไม่โทรหาให้เปลืองชั้นหรอก แล้วนี่เธออยู่แผนกอะไรกล้าดียังไงถึงมาใช้คนของแผนกบัญชี"

เธอหยุดมองหน้าภูมิบุญครู่หนึ่งก่อนจะโพล่งออกมา พนักงานหลายคนยังไม่มีใครรู้จักภูมิบุญเพราะยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ วันที่เดินดูออฟฟิศก็แค่เดินเข้าห้องคุณน้อยหัวหน้าแผนกเท่านั้น เพราะแผนกบัญชีเป็นเหมือนแผนกเอกเทศไม่ขึ้นต่อใคร วันนั้นจึงไม่มีการแนะนำตัวภูมิบุญแต่อย่างใดพนักงานส่วนอื่นๆจึงไม่คุ้นหน้าคุ้นตาของภูมิบุญ

"ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอกครับ แต่คุณดูท่าจะรุ่นลูกของลุงเขานะครับ ทำไมพูดจากับลุงเขาแบบนั้นล่ะครับ"

"ชั้นไม่สนใจหรอก ในเมื่อตำแหน่งชั้นสูงกว่า ทำไมชั้นทำไม่ถูกตรงไหน"

ภูมิบุญเม้มปากหนัก มองเธออย่างระอา

"ไปเรียกคุณน้อยมาพบผมที"

ภูมิบุญพูดออกไปเสียงเรียบนิ่ง

"ต๊าย ทำไมยะ คุณน้อยจะเข้าข้างแกเหรอ คุณน้อยนั่นล่ะที่เป็นคนสั่งให้ชั้นทำแบบนี้"

"บอกให้ไปตามมา"

เสียงที่เปล่งออกไปเข้มแข็งดุดันดังพอที่คนทั้งออฟฟิศจะหันมามอง ทุกอาการทุกกริยาหยุดโดยฉับพลัน เธอตกใจสั่นทำอะไรไม่ถูก พลอยยิ้มแสยะแล้วเดินตรงไปยังห้องของคุณน้อย พอตามคุณน้อยออกมาคุณน้อยเองก็หน้าถอดสีเมื่อเห็นภูมิบุญยืนเด่นอยู่กลางออฟฟิศ

"ตายแล้ว น้องภูมิมีอะไรกันเหรอคะ อะไรอ้อนี่เธอไม่รู้จักน้องภูมิเหรอ ผู้ช่วยคุณโตโต้นะ"

เสียงที่เปล่งออกมามันดัดจริตจนรู้สึกได้ ภูมิบุญเม้มปากแน่น ส่วนหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าพอได้ยินแบบนั้นก็แทบทรุดน้ำตาคลอเบ้าสั่นจน เห็นได้ชัด

"คุณน้อยครับ พนักงานของคุณน้อยนี่ไม่รู้จักผู้ใหญ่รู้จักเด็กเลยเหรอครับ ลุงเขาเป็นแค่คนเดินเอกสารก็จริง แต่เขาไม่สมควรที่จะได้รับการประพฤติปฏิบัติด้วยแบบนี้ อีกอย่างผมไม่คิดว่าคุณน้อยจะเทรนพนักงานให้อวดอ้างตำแหน่งของตนแล้วข่มคนที่ด้อยกว่า แบบนี้พนักงานของเราก็แบ่งชั้นวรรณะกันน่ะสิครับ แล้วเวลาเรียกใช้งาน เท่าที่รู้คนเดินเอกสารมีคนเดียว ถ้าอันไหนพอเดินไปเองได้ก็ไม่ช่วยๆกันล่ะครับ ทำไมต้องจิกหัวใช้ลุงแกคนเดียว เหมือนพนักงานคนนั้นที่พูดเมื่อกี๊ว่าเธอมีตำแหน่งที่สูงกว่าลุง เงินเดือนก็ย่อมสูงกว่าด้วย ถ้าใช้งานลุงมากขนาดนี้ทั้งที่ตัวเองยืนชี้นิ้วสั่งอยู่แบบนี้เอาเงินเดือนมาแบ่งให้ลุงด้วยดีไหมครับ"

ภูมิบุญจ้องหน้าหัวหน้าฝ่ายบัญชีเขม็ง ส่วนเธอก็ไม่ยอมวางตาเช่นกันแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปาก

"น้องภูมิคะ เรื่องนั้นพี่น้อยต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เทรนพนักงาน แต่น้องภูมิคงยังไม่ทราบวัฒนธรรมองค์กรณ์ของเราสินะคะ ว่าเราให้เกียรตินับถือผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า"

"เหรอครับ งั้นผมก็สามารถทำอย่างที่พนักงานคนนั้นทำเมื่อครู่กับลุง แล้วทำกับพี่น้อยได้สินะครับ"

ภูมิบุญไม่ยอมแพ้ เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที สายตาขุ่นเคืองฉายแววออกมา

"เราตำแหน่งใหญ่แล้วไม่จำเป็นต้องพึ่งตำแหน่งอย่างลุงหรือแม่บ้านทำความสะอาดเหรอครับ ความคิดแบบนี้เอามาจากไหนกัน ผมเองก็เพิ่งจะเรียนจบมาเพิ่งทำงานที่นี่เป็นที่แรก และในตำแหน่งที่ใหญ่กว่าใครทั้งหมดในห้องนี้ ผมไม่มีความสุขใจที่จะเห็นพนักงานของบริษัทเราเหยียดตำแหน่งโดยไม่มองดูหัว หงอกหัวดำ หวังว่าพี่น้อยคงจะเข้าใจนะครับ และต่อจากนี้ผมคงไม่ได้เห็นใครจิกหัวใช้ลุงหรือใครเหมือนเขาเป็นทาสในเรือน ของตนนะครับ เพราะผมเองจะมารื้อระบบเก่าให้หมดไป ของเก่าบางทีมันก็มีคุณค่านะครับ แต่ถ้าเก่าแล้วไร้ประโยชน์มีแต่แทะแกะกินให้บริษัทเสียหาย ผมคงรื้อล้างออกให้หมด"

ปราดตามองน้อยแล้วก็ทุกคน สายตาที่ไม่เกรงกลัวใครกวาดไปทั่วออฟฟิศก่อนจะหันหลังเดินออกมา ตามด้วยพลอยที่ยิ้มอย่างสะใจ พลอยดึงมือลุงออกมาด้วย

"มองอะไร อยากจะโดนดีเหรอ หนอยไอ้เด็กเมื่อวานซืน ลูกขี้ข้ากล้าดียังไงมาสั่งสอนชั้น อวดดีไปเถอะแก เดี๋ยวแกจะรู้สึก"

พอลับตาภูมิบุญก็ตวาดพนักงานที่อึ้งอ้าปากค้างมองดูอยู่ ทุกคนหันกลับไปทำงานของตัวเองทันที สายตาของน้อยโกรธแค้นตั้งแต่เธอทำงานที่นี่ไม่เคยมีใครหยามหน้าเธอได้มากเท่านี้มาก่อน

"ก็ให้มันรู้ไปว่าใครมันจะแน่กว่ากัน ถึงจะเป็นแค่ลูกขี้ข้า แต่คนๆนี้ล่ะจะเขี่ยคนเลวทรามอย่างพวกเธอออกจากบริษัทนี้เอง และจะไม่ได้อะไรติดมือไปสักแดง"

ภูมิบุญเม้มปากหนักครุ่นคิดอยู่ในใจ ฤๅอำนาจคือกลิ่นหอมดังกฤษณาคราใดได้กลิ่น ครานั้นก็หลงไหลไป กลิ่นนั้นมาจากไหนอยู่สูงเพียงใดก็จะไขว่คว้าหามันมา เพื่อให้ได้มาครอบครอง ฤๅเกียรติภูมินั้นคือเลือดที่ติดในกาย มีมาติดมาแต่กำเนิดแม้คนเรามีซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแล้ว อันความหอมหวานเพียงใดแห่งอำนาจ เกียรติและศักดิ์ศรีนั้นฤๅยังคงอยู่กับเราสืบไปนานเท่านาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น