วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ปิดฉาก

"แทน เป็นอะไร ออกมาคุยกับพี่ก่อน แทนเปิดประตูหน่อย"

หลังจากรับโทรศัพท์จากพีทเสร็จก็ทรุดตัวลง เสียงร้องของแพทย์หญิงศิริกานต์ทำให้แวนวิ่งออกมาดู แต่แทนทวีวิ่งขึ้นมาบนห้องของตัวเองแล้ว

"เปิดประตูให้พี่หน่อยแทน แทนมีอะไร เปิดประตูให้พี่หน่อย"

แวนยังคงทุบประตูเสียงดัง บิดามารดาเองก็ลุ้นอยู่ด้านล่างเกาะกุมกันอยู่

"อย่ามายุ่งกับผม ออกไป๊"

แทนทวีโต้ตอบลอดผ่านประตูออกมา

"แทน มีอะไร บอกพี่มาแทน พี่เป็นห่วงนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย"

น้ำเสียงอ่อนอ้อนวอน นานพอสมควรแทนทวีถึงยอมเปิดประตูให้ พอก้าวขาเข้าไปในห้องแวนเองถึงกับร้องออกมา

"แทน"

แทนทวีน้ำตาเอ่อนองหน้าหัวโดนทึ้งยุ่งเหยิงสภาพช่างน่าเวทนานัก

"มีอะไรแทน เกิดอะไรขึ้น"

แวนปรี่เข้าไปจับแขนเขย่าอยู่

"พี่ พีทเขาเป็นเอดส์"

"อะไรนะ"

แวนครางออกมาเปล่งเสียงแทบไม่ออก หน้าซีดเผือดลงร่างแทบทรุด

"ใจเย็นๆแทน เรายังไม่ได้ไปตรวจ อย่าเพิ่งตีโพยพีพายไปก่อน"

"ผมจะทำยังไงดี พี่แวน ผมจะทำยังไงดี"

"ไปตรวจกันแทน เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก"

"ผมกลัวพี่แวน ผมกลัว"

"เราไม่ได้ป้องกันเหรอแทน"

แวนถามขึ้นไม่ได้มีจุดประสงค์จะบั่นทอนความรู้สึกของน้องชาย เพราะตอนนี้เองความรู้สึกเขาคงไม่มีอะไรจะบั่นทอนหรือทำร้ายได้แล้ว เพราะมันแหลกสลายไปแล้ว

"ผมป้องกันตลอดนะพี่แวน ทั้งกับภูมิเอง ผมก็ป้องกันตลอด แต่พีทเองไม่อยากให้ผมใส่ถุงแต่ผมไม่เคยนะพี่ ผมจะติดไหม"

แทนทวีพูดออกมาดูเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

"แทน งั้นไม่ต้องกลัว เราป้องกันตัวน่ะดีแล้ว พี่ว่ามันไม่ติดหรอก ดีแล้ว"

"ผมกลัวพี่"

น้ำตายังคลอที่เบ้าตาแวนเองก็พยายามปลอบ จนแทนทวีรู้สึกดีขึ้นจึงพากันไปตรวจ ระหว่างที่รอแทนทวีเหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่งสั่นกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้องตรวจ มือเย็นแต่เหงื่อเปียกชุ่ม แวนเองก็คอยกุมมืออยู่ตลอดเวลาไม่ห่าง ผลตรวจออกมาแล้ว แทนทวีไม่มีเชื้ออยู่ ครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกับพีทคือตอนที่บอกเลิกกับภูมิบุญมันนานมาแล้ว อีกทั้งทุกครั้งเขาก็ป้องกันตัวอย่างดี แม้ตัวพีทเองจะอ้อนวอนแต่แทนทวีก็ไม่ยอม ไม่เสียชื่อที่เป็นลูกของหมอ

"หมดเรื่องกันไปเสียทีนะลูก"

แพทย์หญิงศิริกานต์ลูบหัวบุตรชายปลอบอยู่

"พ่อครับแม่ครับ แทนอยากจะบวช"

ตัดสินใจแล้วผ่านเรื่องร้าย ทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ อยากจะทำจิตใจให้สงบหันหน้าพึ่งทางธรรมบ้าง หวังให้ใจเย็นลงสงบลงบ้าง มารดาถึงกับสะอึกน้ำตาร้องไห้ออกมา

"ดีแล้วลูก ดีแล้ว"

ไม่มีใครขัด ทั้งบิดามารดาต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนทวีบวชเงียบๆที่วัดที่จังหวัดตาก อยากออกห่างจากความวุ่นวายสับสนของเมืองใหญ่ ภูมิบุญเองพอรู้ข่าวก็ก็ตามขึ้นไปกราบขอขมา เพราะเป็นเวลาที่ต้องขึ้นเหนือกับโตโต้พอดี

"สบายดีเหรอโยม"

บาดลึกลงใจ น้ำเสียงที่เย็นสงบสายตาที่แน่นนิ่งไม่ไหวติง ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"ครับหลวงพี่ กระผมสบายดี มากราบขอขมาหลวงพี่"

น้ำตาปริ่มออกมาแต่กระพริบตาถี่ๆไล่ม่านน้ำตาออกไป

"โยมภูมิ อาตมาไม่ติดใจอะไรแล้ว ที่ผ่านมามันเป็นวิบากกรรมของอาตมาเอง โยมเองเป็นคนดี หมั่นทำดีต่อไปนะ เรื่องที่แล้วที่ผ่านถือว่าชดใช้กรรมต่อกัน อย่าคิดอาฆาตแค้นต่อกันเลยนะโยม"

"กระผมไม่มีอะไรติดใจแล้วครับหลวงพี่ ไม่เคยติดใจอะไรกับใคร"

"ดีแล้วโยม โยมรู้ตัวไหมว่าโยมเป็นเหมือนเพชร อย่าเสียใจน้อยใจไปถ้าลิงมันจะไม่เห็นค่าของเพชร เพราะเพชรถึงอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเพชรก็ยังเป็นเพชรวันยังค่ำ ความดีมันจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับโยม เจริญพรนะโยม"

ก้มลงกราบพร้อมน้ำตา หลวงพี่เดินเข้ากุฏิไปแล้ว ส่วนภูมิบุญยังไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้น น้ำตาไหลออกมา โตโต้เข้ามาจับร่างดึงขึ้น

"ภูมิ"

"พี่ ภูมิดีใจเหลือเกิน ภูมิปลื้มใจที่เห็นหลวงพี่เขาคิดได้แบบนี้"

"เราไปกันเถอะภูมิ อนุโมทนากับพระท่านด้วย"

ทั้งสองประคองร่างกันออกไปจากวัด เนิ่นนานแสนนานกว่ามรสุมมันจะผ่านพ้นไป มีทั้งลูกน้อยลูกใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เผชิญอยู่ไม่ขาดตอน ต่อสู้ผ่าฟันกับมันมาตลอดไม่เคยหวั่น ไม่ได้อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ได้อยากให้มันบีบคั้นใครหลายๆคนแบบนี้ ชีวิตของแต่ละคนมันล้วนแล้วมีทางขีดไว้ให้ไปตามแต่ละบุญกรรมที่สั่งสมมา ชะตาชีวิตถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ผลกรรมที่กระทำหนุนให้สู่ที่หมายหรือร่วงลงที่ต่ำ

"ชั้นติดคนอื่นก็ต้องติดเหมือนกัน ชั้นไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวัง"

แม้จะไอเรื้อรังหน้าตาซูบผอม มือไม้เนื้อหนังเหี่ยวย่นลง ผิวพรรณที่เคยสดใสเปล่งปลั่งก็หมองหม่นลง พีทเองไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย ที่ไม่ยอมแพ้คือไม่ยอมอยู่นิ่งรักษามัน ทุกคืนเขาตระเวนออกไปหาเหยื่อ แถวสนามหลวงไปมาหมดแล้ว เปลี่ยนที่เป็นเธคที่สีลม ตลาดอตก แยกลำสาลี ที่ไหนที่มีแหล่งของเกย์เขาจะตระเวนไปทุกที่ และทุกคืนเขาก็จะมีคนติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกคน ทุกครั้งที่ระเริงรักเขาจะบอกให้คู่ขาไม่ต้องใช้ถุงยาง หรือถ้าใช้เขาเองก็จะแกล้งเอาเล็บจิกข่วนถุงยางนั้นให้มีสภาพไม่สมบูรณ์ คืนนี้ก็เช่นกัน พีทเอาเครื่องสำอางทาตัวลบเลือนริ้วรอยทั้งบนใบหน้าและตามตัว อาการทางร่างกายที่เริ่มฟ้องออกมามันไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด พอทาเครื่องประทินผิวลงไปใบหน้าที่เหี่ยวหมองไปก็กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม จุดหมายปลายทางของเขาคือเธอย่านรัชดา พีทบ่ายหน้าออกจากบ้านในเวลาที่ตนคิดไว้ พอไปถึงก็สอดส่องหาเหยื่อสายตาที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดี

"วันนี้ก็ครบสามร้อยแล้วสินะ หึหึ"

แสยะยิ้มออกมาสายตาก็ยั่วยวนมองหาเป้าหมายต่อไป

"เอ๊ะนั่นมันพีทนี่ ใช่พีทคนที่เคยมีเรื่องกับน้องภูมิไหมต้น ได้ข่าวว่าเป็นจ๊ะนี่"

หินนั่นเองเขามากับต้นและเพื่อนร่วมงานอีกสามคน ฉลองปิดโปรเจกต์ที่กาญจนบุรี พอต้นหันมาตามคำบอกเล่าของหินก็ซุบซิบกัน

"เลวที่สุด นี่มันกะจะเอามาแพร่เชื้อให้ทุกคนเหรอเนี่ย"

"อย่าไปยุ่งกับมันนะ"

พีทเองไม่ได้สนใจมองเดินรอบเธคอยู่มองหาคนที่เขาต้องการ สายตาไปสะดุดกับหนุ่มรุปร่างงามหน้าตาดีคนหนึ่งที่อยู่ในวงล้อมของผองเพื่อน ท่าทางเหมือนกำลังเรียนอยู่ไม่น่าจะเกินมหาวิทยาลัย พีทปรี่เข้าไปหาทันที

"น้องครับ น่ารักจังนะครับพี่เลี้ยงเหล้าเอาไหม"

โพล่งขึ้นกลางวง ของฟรีจะมีใครปฏิเสธอีกทั้งหน้าตาของคนที่เสนอเหล้าฟรีก็เด่นสะดุดตา เสียงน้องๆร้องขึ้นอย่างดีใจ

"อยากสั่งอะไรเต็มที่เลยครับน้องๆพี่ทุ่มไม่อั้น"

เป็นไปอย่างที่ใจคิด พีทแสยะยิ้มออกมาแล้วเข้าไปคลุกคลีกับเป้าหมาย

"เอาแล้วไหมล่ะ ไม่ได้นะต้องไปเตือนน้องเขาหน่อย อนคตจะดับวูบเพราะอีเปรตนี่แน่ๆ"

หินพูดขึ้นแล้วคอยสังเกตการณ์อยู่ พอถึงเวลาเธคเลิกน้องๆก็เมามายไม่ได้สติ

"เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะครับน้อง"

พีทไม่สนใจใครลากตัวเขาออกไปแล้ว

"นี่ต๊อป ทำไมทำแบบนี้ ทำไมเมาขนาดนี้ไหนบอกจะมาแป๊บเดียว"

หินปรี่เข้าไปทำท่ารู้จักพูดออกไปดึงแขนเขาไว้

"หือ พี่เป็นใคร"

"อย่ามาพูดแบบนี้นะต๊อป พี่เป็นใครก็เป็นเมียเธอน่ะสิ นี่แกเป็นใครปล่อยผัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ"

หินดึงมือเขาออกมาไม่อยากแตะตัวพีท แสดงท่ารังเกียจออกมา

"น้องพี่มีเรื่องจะบอก อย่าเพิ่งโวยวายไป"

หินกระซิบบอกเขา

"อะไรพี่ ไม่คุยผมจะไปกับพี่เขา"

"นอกใจพี่เหรอต๊อป ไปเลยแกอีหน้าด้าน ยังจะมายืนอยู่ ผัวเมียเค้าจะคุยกัน ไปให้พ้น"

หินแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมา พีททำหน้างงๆแล้วยอมเดินหนีไป จิ๊ปากออกมาแค้นใจอยู่แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น ที่นี่ไม่ได้ไปที่ใหม่ก็ได้

"ไอ้น้อง อยากเป็นเอดส์เหรอ ไม่รู้เหรอว่าอีนั่นมันเป็นเอดส์ เห็นแก่ของฟรีนะเรา"

พอพีทเดินห่างออกไปหินก็พูดขึ้น เพื่อนๆเขาหลีกทางให้กลับกันไปหมดแล้ว

"เฮ้ย พี่เอาอะไรมาพูด"

"หรือจะให้เรียกให้มันกลับมาหา หือ พี่รู้จักมันเพระมันเคยมีเรื่องกับเจ้านายของพี่ แต่มันไม่ได้รู้จักพี่หรอกนะ พี่ไม่ได้อะไรกับเราหนอกนะ แต่เห็นท่าทางเหมือนยังเรียนอยู่ ไม่อยากให้เสียอนาคต"

เขาเริ่มมีสติหน้าซีด

"ไปกลับบ้าน อย่าไปกับใครง่ายๆแบบนี้อีก"

หินบอกแล้วเดินหันหลังให้

"พี่ ขอบคุณมากนะครับ"

เขาเรียกไว้แล้วยกมือขึ้นไหว้ หินพยักหน้าให้

"พี่"

"อะไรอีก"

"ผมไม่เหลือตังค์เลยอ่ะ"

"นั่นให้มันได้อย่างนี้ มาเที่ยวอะไรไม่มีเงิน ปล่อยให้ไปกับอีเอดส์นั่นดีไหม"

ท่าทางของเขายังเมาร่อแร่อยู่ หินส่ายหน้า

"หลุดจากอีนั่นเดี๋ยวชั้นก็ฟาดเอาซะหรอก"

หินพูดออกมาก่อนจะไปส่งเขาที่หอพัก ส่วนพีทขับรถตรงไปยังสถานที่เดิมคือบริเวณวังสราญรมย์ วนรถอยู่สองสามรอบก็ได้เด็กมาสามคน ไปยังที่เดิม ทำเหมือนเดิมไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรม บาปที่ตัวเองรับมามันไม่พอเพียงมันต้องแผ่ให้คนอื่นได้รับกรรมนี้ด้วย กรรมหนอไม่มีวันยุติ ไม่มีวันจบสิ้น ร่างที่แบกเอาเชื้อโรคนำพามันไปทุกที่เพื่อแพร่กระจายมันออกไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่มีเพียงแต่เขาที่เป็น แต่ใครหลายคนที่ติดบ่วงกรรมไปด้วย อนิจจา บ่วงกรรมมันตีแผ่วงกว้างออกไปไกลแสนไกล จากคนนั้นไปคนนี้ จากแค่สามร้อย มันจะจบที่จำนวนเท่าไหร่ จากแค่สามร้อยที่เขาป้ายราคีให้ มันจะยังเพิ่มจำนวนต่อไป จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นอีกหลายพัน

ด้านพลอยงานแต่งงานถูกกำหนดขึ้นแล้วปลายปีหน้า จัดที่เดิมคือเขาค้อตอนนี้รักใคร่กับกายเป็นอย่างดีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำร่วมกันมามันผสานใจสองใจให้รักผูกพันกันเหนียวแน่น กายเองไม่คิดว่าจะรักพลอยได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเห็นว่าพลอยไม่ใช่แค่ผู้หยิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องคอยทำตัวหวานเพื่อให้หมู่ภมรมาตอม แต่พลอยเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ กริยามารยาทไม่ถึงกับดี จริตก็มีแต่พองาม ทำอาหารก็ได้ ทำงานก็เก่ง อีกอย่างคืนพลอยมีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่เอื้ออาทรต่อกันในทุกเรื่อง คอยพยุงฉุดรั้งกันในยามคับขัน ทางบ้านของกายพอใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก รักจนอยากจะจับแต่งให้เร็ววัน ส่วนบาสเองก็สอบเข้าคณะมัณฑณศิลป์ของสิลปากรได้ เขาดีใจมากแม้จะเรียนเป็นหน้าที่หลักแต่ก็ยังออกแบบงานให้กับทางบริษัทอยู่เรื่อยๆ บาสเป็นคนขยันหัวดี ไม่มีแววเกรเรก้าวร้าวเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่หอพักแล้ว เพราะเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของโตโต้ ห้องข้างๆภูมิบุญ บาสเองเอาไปเอามาก็ติดคุณอภิสรามาก เพราะเวลาออกแบบชิ้นงานมาก็เอามาอวด คุณอภิสราเองนอกจากเข้าวัดกับจันทร์แล้วก็มารอรับลุกหลานกลับจากเรียนหรือที่ทำงาน น่าประหลาดแท้แม้คนเหล่านี้จะไม่ใช่ลุกหลานในไส้ เป็นใครมาจากไหนก้ไม่รู้ แต่ความประพฤติกริยามารยาทมันมีค่ากว่าสายเลือดเสียอีก ทุกคนมีความสุข ความสุขที่ดูเหมือนจะเลือนหายไป หรือความสุขที่อาจจะมีความทุกข์เข้ามาบดบังในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว


"จอดตรงนี้ก่อนได้ไหมครับพี่โต้"

ภูมิบุญร้องขึ้นเมื่อกำลังเดินทางกลับที่พักหลังจากที่ขับรถตระเวนเที่ยวทั่ว ทั้งเมืองลำปาง ปลายเดือนธันวาคมอากาศที่หนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณบรรยากาศแห่งความสุข กระจายตลบอบอวลไปทั่ว ทุกพื้นที่ประดับประดาไปด้วยไฟแสงสี บ้านเล็กเมืองใหญ่ไม่ต่างกัน บรรยากาศของความสุขของใครหลายๆคน ดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า ลับปลายภูเขาที่อำเภอเถินที่สวยงามจับใจนัก แสงสีส้มอมแดงทาระยับอยู่ทั่วทั้งขอบฟ้า ภูมิบุญเปิดประตูรถออกไปสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกจ้องมองแผ่นฟ้านั้นเนิ่นนาน

"ดูได้แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวมืดก่อน"

เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆหู โตโต้เดินเข้ามาสวมกอดจากข้างหลัง ไม่ขัดขืนไม่ค้านไหว แต่เอามือกอดกระชับแขนของเขาให้แน่นขึ้น

"ครับ ภูมิขอดูแป๊บเดียว สวยจังนะครับ"

"อืม ภูมิรู้ไหมพี่มีความสุขที่สุดเลยนะที่ได้มาที่นี่กับภูมิ"

"ภูมิก็มีความสุขครับ มีความสุขมาก"

ภาพชายสองคนที่ยืนโอบกอดกันอยู่ระหว่างทาง เบื้องหน้าเป็นหุบเขาสีเขียวจนดำ มองไกลออกไปเป็นเทือกเขาที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า เงาของทั้งคู่ทอดยาวพาดผ่านถนนไป สุขใจ อิ่มใจเหลือเกิน นานแสนนานที่แบกความทุกข์มา นานแสนนานที่ทนฝืนเกลียดชังกันมาทั้งที่หัวใจเอนไหวเข้าหากัน จะปิดบังความรู้สึกนั้นไปใย ในเมื่อหัวใจมันตรงกัน

"หลับตาก่อนสิภูมิ ยืนรอตรงนี้แป๊บนะ"

โตโต้บอกให้ภูมิบุญทำตามก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังรีสอร์ท ตระเตรียมกับทางรีสอร์ทให้เตรียมสถานที่ให้

"มีอะไรเหรอครับพี่โต้"

"ตามมาครับ เดินระวังนะ"

โตโต้โอบอยู่ด้านหลังดันร่างให้ไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ พอถึงที่ก็บอกให้ภูมิบุญลืมตา

"ลืมตาได้ครับภูมิ"

โคมไฟหลากสีสันปักห้อยอยู่บนไม้ไผ่ รายรอบไปด้วยตะเกียงเทียนบนพื้น โต๊ะตรงหน้ามันคืออาหารเย็นที่ประดับประดาไปด้วยแสงเทียน ดอกไม้ ภูมิบุญพอเปิดตาก็อ้าปากค้าง น้ำตาไหลออกมา

"พี่โต้"

โผเข้ากอดร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กอดแน่นสะอื้นไห้ออกมา

"ร้องไห้ทำไมครับคนดี หือ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ"

"มะ ไม่ใช่ ภูมิดีใจ ดีใจที่สุด"

โตโต้เองก็ยิ้มออกมาใบหน้าเปี่ยมสุข ภูมิบุญเองก็กอดกระชับแน่นกว่าเดิม วิมานบนดินที่โตโต้จัดเตรียมไว้มันได้พาหัวใจของภูมิบุญล่องลอยไปไกลแสนไกล หัวใจที่บอบช้ำมันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง กลัวไหมที่จะเริ่มรักใหม่ ไม่เคยกลัวกับความรัก ไม่ได้มั่นใจ แต่ไม่มีอะไรให้ต้องพะวง จะรักก็รัก จะมีใจก็ปล่อยมันไป นี่มันคือใจฉัน นี่มันคือความสุขของฉัน จะเจ็บอีกแล้วยังไง จะทรมานอีกมันก็ไม่ตาย รักมากยิ่งทุกข์มากแต่ใช่ว่าทุกคนจะหล่อเลี้ยงความรักเหมือนกัน ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่เติมเต็มความสุขให้ใจได้ตลอดเวลา เวลาที่ร่างท้อใจเหี่ยว เวลาที่เราต้องการใครสักคน ก็ได้แค่หวังว่าเขาคนนี้จะยืนอยู่เคียงข้างกัน จะว่าไปแล้วชายคนนี้อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ตั้งแต่เขากลับมาแม้จะไม่ลงรอยกันแต่เขาก็อยู่ข้างๆตลอดมา ขอให้อยู่อย่างนี้ตลอดไปเถอะนะ แม้ผมจะทำตัวไม่ได้น่ารักเหมือนนางเอกในละคร ก้าวร้าวปากเสียไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีใจไว้เผื่อให้ใครอื่นอีก รักเพียงคนเดียว รักมาเนิ่นนาน ที่รักของผม


วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากแปดสิบเอ็ด

"พี่โต้ครับ เมื่อกี๊ที่พูดออกไป ภูมิขอโทษนะครับ"

พอเดินเข้ามาในบ้านมีเวลาที่ได้อยู่กันเพียงลำพัง ภูมิบุญนั่งลงบนเตียงของตัวเองถอนหายใจออกมา ส่วนโตโต้เดินตามเข้ามายิ้มกริ่มอยู่

"เรื่องอะไรครับ"

"เอ่อ เรื่องที่ภูมิหลอกพี่แทนไปน่ะครับ"

"อ้าว ภูมิไม่ได้พูดจริงหรอกเหรอ พี่อุตส่าห์ดีใจ ว้า"

เดินเข้าไปถึงตัวแล้ว โตโต้กอดเข้าที่เอวของภูมิบุญทันที

"จะทำอะไรครับพี่"

"ภูมิไม่คิดพี่ไม่สนใจหรอก เพราะพี่คิดไปแล้ว"

"พี่โต้"

"พี่รักภูมิมานานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่ทำร้ายภูมิไปเพราะพี่เรียกร้องความสนใจ ยิ่งอยู่ใกล้เราพี่ยิ่งรัก พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่ขาดเราไม่ได้"

โตโต้เอาคางเกยที่บ่าของภูมิบุญสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ทำเอาคนที่พยายามจะดิ้นหนีออกหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

"อย่าทำแบบนี้เลยครับ"

ยังขัดขืนอยู่แต่โตโต้ก็รุกหนักจากแค่สูดลมหายใจก็เป็นปักจมูกลงไปบนคอภูมิบุญอ่อนระทวยไป

"ภูมิเองก็คิดเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ พี่อยากกอดภูมิแบบนี้มานานแล้ว"

พูดไม่ออกพยายามจะดึงตัวออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งพยายามเขายิ่งกอดรัดแน่นขึ้น

"ภูมิยังไม่พร้อม"

ยอมพูดออกมา เสียงเหมือนกระซิบแผ่วเบาอยู่ในลำคอ

"พี่รอได้ครับภูมิ พี่รอได้"

"รอได้ก็ปล่อยภูมิเสียทีสิครับ"

"ก็มัดจำไงภูมิ"

โตโต้เอามือจับหน้าของภูมิบุญหันมา จ้องตาที่หลุบลงต่ำ วาบหวามเข้าไปในใจ ละลายไปแล้วทั้งใจ ริมฝีปากหนาอุ่นทาบลงทันที ภูมิบุญสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี เป็นครั้งแรกที่ได้ทำมันออกมาจากใจ รอยจุมพิศที่เป็นความพึงใจของคนทั้งสองฝ่าย หลับตาพริ้มหวานละมุน นี่มันคงไม่ใช่ฝัน คนที่สัมผัสโอบกอดอยู่ต่อหน้าเขาคงไม่ใช่ฝัน รอยจุมพิศนี้มันคงไม่ใช่แค่มายาหลอกหลอน รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล มันแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ชื่นใจ พึงใจ นี่หรือที่เขาเรียกว่าความสุข ไม่ขอมีอะไรอีกแล้วในโลกนี้ ขอแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

"เป็นยังไง ห๊า จนต่อหลักฐานทุกอย่าง ทำไมไปขโมยงานเขามา ชั้นอุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา มีปัญญาทำแค่ขโมยเขาเนี่ยเหรอ ห๊า"

เสียงคุณอรอุมาด่ากราดหลังจากออก มาจากศาล ผู้เป็นแม่หน้าซีดร่ำไห้อยู่ ส่วนพีทเองหน้าซีดดูเลื่อนลอยไม่มีสติอยู่กับตัว "สิบล้าน" เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เงินที่ได้จากงานแต่งของเพื่อนไม่ถึงแสน เพราะได้ควักเนื้อออกให้เพื่อนไปเสียส่วนใหญ่ ได้ไม่คุ้มเสีย เสียมากด้วย ร่างทรุดลงร้องไห้ ตอนนั้นคิดแค่อยากให้ภูมิบุญเสียหน้า ไม่คิดเลยอยากให้เขาเจ็บ แต่มันกลับทำให้เราเจ็บยอกกลับมาไม่รู้กี่เท่า

"ทำอะไรไม่รู้จักคิด เป็นยังไง เจ๊ง เจ๊ง โอ๊ย บริษัทชั้น"

ทั้งตบทั้งตีบุตรชายที่นั่งร้องไห้อยู่ เป็นภาพที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก ภูมิบุญเดินออกมาจากศาลพร้อมกับโตโต้และคุณอนิรุธ

"แก เพราะแกคนเดียว ไอ้ภูมิ"

พอเห็นหน้าก็ปรี่ลุกขึ้นจะเข้าไปทำร้าย

"หยุดนะ นี่ยังไม่พออีกเหรอ"

โตโต้ตวาดลั่นเสียงกึกก้อง

"หยุดนะพีท ทำไมทำตัวแบบนี้ ไป๊ ไปให้พ้นหน้าชั้น ลูกเลว"

มารดาก็กระชากแขนไว้ พีทเองก็ร่างไหวด้วยแรงกระตุก ไม่มีสติ ในใจมีแต่ความแค้นผสมอยู่กับความอับอาย เม้มปากแน่นสายตามองด้วยความเคียดแค้น

"แกจำไว้ จำไว้ให้ดี มันจะไม่จบแค่นี้"

ตะโกนออกมา

"ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันกับคลิปวีดีโอที่"

"แล้วบริษัทเอ็นออร์กาไนเซอร์จะยังคงอยู่ได้ไหมครับ"

นักข่าวของแวดวงสังคมไฮโซกรูกันเข้ามา โตโต้พาภูมิบุญเดินอ้อมไปด้านหลัง ส่วนพีทกับมารดาถูกล้อมไว้แล้วซึ่งนักข่าว

"กรี๊ดด อย่ามาถามอย่ามาถาม ออกไป๊"

พีทกรีดร้องขึ้น มารดาเองก็ทำเหมือนกัน ขาดสติทั้งแม่ลูก

"มันคงไม่เกินไปหรอกใช่ไหมครับ พี่โต้"

ภูมิบุญเอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นนั่งบนรถ

"ไม่หรอกภูมิ มันคือธุรกิจ ไม่ซื่อสัตย์ก็ต้องเจอแบบนี้ มันเป็นกลไกของสังคม"

ได้แต่ระบายลมหายใจออกมา ไม่ได้อยากให้มันรุนแรงขนาดนี้ คิดย้อนดูแล้วการที่จะทำให้ใครบางคนจนหนทางไป มันไม่ใช่เรื่องสนุก พื้นฐานของใจไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น อย่างน้อยก็ยังเป็นคนอยู่ แต่พอทำไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ ถ้าเรานิ่งเราไม่โต้ตอบ เราเองสินะที่คงกำลังคร่ำครวญเสียใจอยู่ ไม่น่าจะเป็นเขา อโหสิกรรมให้ด้วยนะ พีท

"นังป๊อด แกมีของไหม"

พอร้องไห้คร่ำครวญอยู่สักพักก็หาทางระบายออก ไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้จะไปไหนดี พีทจึงกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิท

"ของไรยะ"

"แกตี้ป่ะวันนี้"

"ว้าย มีเงินเหรอยะแก ได้ข่าวว่าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วนี่ ยังมีหน้าจะมาตี้อีกเหรอ เก็บเงินไว้กินข้าวแกงไม่ดีกว่าเหรอ นังพีท"

เพื่อนสนิท? นี่น่ะหรือเพื่อนกัน

"อีป๊อดทำไมแกพูดแบบนี้"

"ทำไม ก็พูดเรื่องจริง ไม่มีเงินชั้นไม่คบหรอกนะแก ไม่อยากทำการกุศล"

"อีป๊อด แต่ก่อนชั้นช่วยแกตลอด มีอะไรชั้นก็จ่าย แล้วทำไมแกพูดแบบนี้ เลี้ยงไม่เชื่อง อีงูพิษ"

ไม่ยอมเช่นกันด่ากราดออกไป

"นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างอีพีท ใครเขาจะคบแก แค่นี้นะไม่อยากคุยกะคนจน"

"กรี๊ดดด"

เป็นอีกครั้งที่ปาโทรศัพทืเข้าผนังห้อง ดึงทึ้งผ้าห่มบนเตียง เอาหมอนมาบีบต่อยอยู่อย่างนั้น

"เลว ไม่มีใครจริงใจ เลวที่สุด"

ใครบอกเงินซื้อได้ทุกอย่าง วันนี้คงเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพื่อน ผู้ชาย ใช่นั่นมันแต่ก่อนอย่างที่เพื่อนของพีทพูด แต่ก่อนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ อยากได้อะไร อยากไปไหน ชี้นิ้วสั่งเอาได้สมใจทุกอย่าง ไม่เคยอยู่อย่างนี้ ไม่เคยอยู่แบบอับอายผู้คนแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิดมา พีทกรีดร้อง ยิ่งคิดยิ่งกรีดร้องออกมา

"ชั้นไม่แคร์ ชั้นไปเองก็ได้ จำไว้นะอีป๊อด แม่จะเล่นให้เจ็บ"

พีทคาดโทษเอาไว้ก่อนจะแต่งตัวออกจากบ้านไป ที่จริงเงินสิบล้านมันก็มากพอสมควร แต่ทรัพย์สินที่มารดาสะสมมามันก้ไม่ได้ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวไปเสียทีเดียว เพียงแต่มันไม่เหมือนเดิม พีทบึ่งรถออกจากบ้าน ไม่ฟังเสียงทัดทานจากใคร

ยามวิกาลย่านวังสราญรมย์มันช่างดูวังเวงนัก มีไฟที่ส่องสว่างอยู่ตามเสาหรือจุดต่างๆอยู่วิบวับพอให้เห็นเงาสลัวๆของใครหลายคนที่สัญจรไปมาตามท้องถนน ไฟจากรถยนต์สาดส่องไปทำให้เห็นเงาของใครบางคนที่กำลังยืนรอ รอลูกค้า ได้ยินมาจากเพื่อน เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เพิ่งตัดความสัมพัธ์กันไป พอจวนตัวหาทางไปไม่เจอก็คิดขึ้นมาได้ พีทขับรถวนตามถนนเลียบคลองหลอดช้าๆ เงามืดของชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่เป็นจุดๆมันช่างดูไม่น่าไว้วางใจ ขับวนผ่านหน้ากระทรวงเลี้ยวขวาผ่านหน้าวัดโพธิ์ ตรงเข้าไปเส้นผ่านท่าเตียน ทำไมใจมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ กลัวหรือ ไม่ใช่ มันคือความท้าทาย ขับวนอยู่อย่างนั้นช้าๆ สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่ต้องการ และแล้วก็ไปสะดุดตากับชายรูปร่างกำยำยืนอยู่ทางไปศิลปากร พีทชะลอรถใจเต้นโครมคราม นี่เขาทำกันยังไงนะ เขาเดินเข้ามาหาที่รถทันที พีทสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ลดกระจกรถลง

"เที่ยวไหมพี่"

เขายิงเข้าประเด็นทันที สายตามองสำรวจภายในรถอย่างรวดเร็ว

"เอ่อ ไปที่ไหนล่ะครับ"

"ผมรู้จักที่พี่"

นิ่งคิดอยู่ ใจมันก็เต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เลือดในกายมันสูบฉีดได้เต็มที่ร้อนไปทั้งตัว

"เท่าไหร่"

ถามออกไป เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่ชวนไปฟรีๆ

"๕๐๐ พี่"

"ห๊า ๕๐๐"

ร้องออกมามองหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ อะไรกันแค่นี้เนี่ยนะแล้วเขาจะทำอะไรให้เรา พีทตั้งคำถามขึ้นในใจ

"แพงไปเหรอพี่ ถูกแล้วนะครับ"

"ขึ้นมาก่อน"

พีทเองอึกอักก่อนจะพูดออกไป ไม่มั่นใจ กลัวเหมือนกัน แต่แรงเรียกร้องของบางอย่างภายใต้ร่างอันนี้มันรุนแรงมากเกินกว่าที่จะขับรถหนีไปได้

"แล้วทำอะไรบ้าง"

พอเขาขึ้นมาบนรถก็ถามเสียงสั่น มองดูเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีตุ่นๆของเขา

"ทุกอย่างพี่ แต่ผมไม่รับ"

พอใจเป็นที่สุด ฉายรอยยิ้มออกมา

"ดี ใหญ่ไหม"

"เจ็ดพี่"

"หือ จริงเหรอ ไปที่ไหนนะ"

ใจสั่นอยากเห็นของจริงขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เขาบอกทางให้พีทขับรถเข้าไปในซอยคอกวัว หาที่จอดแล้วเดินเข้าไปในหลืบในซอก มาหยุดอยู่ต่อหน้าห้องแถวเก่าๆโทรมๆแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะทำเป็นโรงแรมชั่วคราว นี่น่ะหรือโรงแรมจิ้งหรีดอย่างที่เขาว่ากัน พีทเดินตามเขาเข้าไปในใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆหวาดหวั่นไม่น้อย แต่ก็ไม่ยอมถอยมันคือความแปลกใหม่สำหรับตัวเขา อยากลอง ไม่แพง พอจ่ายค่าห้องก็ถึงกับพูดไม่ออก ค่าห้อง๓๐๐บาท ไม่เคยนอนที่ไหนถูกแบบนี้มาก่อน พีทยิ่งแปลกประหลาดในใจมากเข้าไปอีก

"เอาเลยไหมพี่ ของขึ้นแล้ว"

เขาไม่รีรอเพราะทุกนาทีคือเวลาทำมาหากิน ส่วนพีทเองก็ไม่อิดออดเช่นกัน กระโจนเข้าหาอย่างกระหายอยาก ลีลารักที่เขามอบให้แม้จะไม่ถึงใจเหมือนใครหลายคนที่ผ่านมา แต่ขนาดของเขาก็สร้างความพึงใจให้เขาได้ไม่น้อย

"ไม่ใส่ถุงได้ไหม"

พีทร้องออกมา เขาชะงัก

"ไม่ได้หรอกพี่"

"พี่ให้พันนึง เอาไหม"

ยื่นข้อเสนอ ทำให้เขานิ่งคิดอยู่ก่อนจะทำตามความประสงค์ของลูกค้า พีทเป็นคนสะอาด ร่างกายผุดผ่องหน้าตาก็ดีเทียบชั้นดารา เขาเองจึงไม่ลังเลนานนัก เสียงครวญครางที่ออกมาจากปากของพีทมันแสดงให้เห็นถึงความพึงใจที่เขาได้รับ ไม่เคยจ่ายให้ผู้ชายน้อยอย่างนี้มาก่อน ชอบใจถูกใจยิ่งนัก จ่ายไม่ถึงพันห้าก็ได้เสพสมอารมณ์หมาย นี่คือแหล่งแห่งความสำราญใจแห่งใหม่ของพีท

"คิดอะไรอยู่ครับภูมิ พี่เห็นนั่งเหม่อมานานแล้วนะ"

โตโต้เดินเข้ามาทักเพราะเห็นว่าภูมิบุญนั่งเหม่อออกไปหน้าบ้านนานแล้ว เฝ้ามองดูอยู่ทุกฝีก้าว

"มะ ไม่มีอะไรครับพี่โต้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"

"มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม คนดี"

หันมามองทันที สายตาของเขามันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ภูมิบุญเม้มปากแน่น "คนดี" เคยได้ยินจากปากใครกันนะ ทำไมมันคุ้นเสียเหลือเกิน มันเหมือนยังก้องดังอยู่ในหู

"ภูมิเหนื่อย"

เสียงที่ลอดริมฝีปากออกมา มันทำให้คนตัวใหญ่ปรี่เข้าไปกุมมือเอาไว้ บีบคลึงอยู่เบาๆ แค่คำๆเดียวมันสื่อทุกอย่าง มันเหมือนบอกความในใจใต้แววตาคู้นี้ออกมาจดหมดเปลือก

"ไปพักไหม ไปกับพี่ ไปกันสองคน"

เสียงทุ้มนุ่มยังสร้างความวาบหวามให้ใจ โตโต้เองมองตาภูมิบุญไม่วางตา

"ไปไหนครับ เราต้อง"

นิ้วชี้แข็งๆมาปิดไว้ที่ปากแล้ว เขาส่ายหน้าเบาๆปรามไม่ให้พูด

"พี่ไม่สนใจอะไรแล้ว ภูมิรู้ไหมสิ่งเดียวที่พี่ห่วงคือภูมิ"

"พี่โต้"

ร้องออกมา น้ำตาไหลออกมาคลอสองตา ปลื้มใจกระตุกหัวใจเหลือเกิน คนตัวใหญ่เองก็มองจ้องอยู่กุมมือไว้แน่น รักภูมิบุญตั้งแต่ตอนไหนนะ ความรู้สึกรักมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

ยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ลากตัวภูมิบุญขึ้นไปบนรถ ปากบอกกับมารดาว่าจะไปส่งภูมิบุญให้ที่มหาวิทยาลัย แต่ขับตรงไปบนถนนวงแหวนเฉลิมพระเกียรติ ทะเลาะกันรุนแรง ภูมิบุญบอกให้จอดรถก็จอด วินาทีที่ถีบภูมิบุญลงจากรถ จิตใจมันสะท้อนไหวหวั่นไป ร่างเล็กๆเกลือกลิ้งอยู่กับพื้นซีเมนต์ร้อนระอุ เจ็บยอกเข้าไปในใจยิ่งเห็นคนร่างเล็กเดินร้องไห้สะอื้นอยู่บนถนนเส้นนั้นเพียงลำพัง ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร แม้จะเจ็บร้องไห้อยู่ ก็มีฐิธิมานะพอ ใจมันไหวไป นี่เราทำอะไรลงไป เกินไปไหม เขาทำผิดอะไร เราถึงทำกับเขาได้มากขนาดนั้น ภาพของภูมิบุญที่เดินลากร่างตัวเองไปตามถนนที่แดดร้อนเปรี้ยงยังตรึงอยู่ในใจอยู่ในตาไม่เคยลบเลือน

"พ่อผมขอโทษ ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว ใจผมมันแตกไปแล้ว ผมมันโง่ มีเพชรอยู่ในมือแท้ๆแต่กลับปาทิ้ง ไปคว้าเอาก้อนกรวดมา"

แทนทวีเองก็ร้องไห้คร่ำครวญก้มลงกราบแทบเท้าบิดา แพทย์หญิงศิริกานต์เม้มปากแน่นน้ำตาไหล แวนเองก็อุ้มลูกเดินหนีไปทนเห็นสภาพไม่ได้

"เอาเถอะ ตาแทน ตอนนี้ก็รู้แล้ว เวรกรรมแท้ๆ ถือว่าหมดเวรหมดกรรมกันซะ"

นายแพทย์แทนชัยเอ่ยออกมา

"ผมเสียดายน้องภูมิ ผมไม่น่าเลยพ่อ"

ครวญครางออกมา ยิ่งร้องมากเท่าไหร่แพทย์หญิงศิริกานต์ก็เม้มปากแน่นมากเท่านั้น

"แม่ผิดเองแทน แม่ผิดเอง แม่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการให้เราไปเรียนที่โน่นเอง แม่เสียใจ"

ร้องไห้ออกมาก้มลงกอดตัวลูกชายไว้

"แม่อยากจะกันเราออกจากภูมิ แต่ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ แม่เสียใจ"

ใครก็สามารถคิดผิดได้ มองผิดได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ของบางอย่างเรามองผิดไป แต่เราก็สามารถแก้ตัวทำให้มันกลับคืนมาได้เหมือนเดิมไม่ยากเย็นนัก แต่เรื่องหัวใจ เรื่องความรัก ตอนมีรักเห็นรักเป็นของเล่น เห็นหัวใจเขาเป็นแค่สิ่งของแค่ก้อนเนื้อ เป็นของตายจะทำอะไรก็ทำตามใจไม่คิดเห็นน้ำใจกัน ไม่มองเห็นค่าของก้อนเนื้อนั้น แต่รู้อะไรไหมหัวใจที่ร้าวแตกไปมันยิ่งกว่าแก้ว ที่พอร้าวแล้วจะประสานยังไงให้มันคืนดังเดิม แก้วร้าวทุบใหม่ยังพอมีหวังหลอมให้มันเป็นรูปเดิร่างเดิมได้ไม่ยาก แต่ใจล่ะทำให้มันมีตำหนิแล้ว จะเอายาที่ไหนมาทา เอาอะไรที่ไหนมาลบ เสียใจด้วยแทนทวี

ผ่านวันคืนที่โหดร้ายอันยาวนาน ทุกอย่างในชีวิตดูจะกลับคืนสู่สภาพปกติ หัวใจที่แห้งเหี่ยวโรยราเหมือนได้น้ำทิพย์ปลอบประโลมชะโลมใจให้ชุ่มฉ่ำมี ชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง โตโต้วางแผนจะพาภูมิบุญไปเที่ยวยุโรปเพื่อพักผ่อน แต่ภูมิบุญเองค้านไม่อยากไปต่างประเทศบอกว่าอยากเที่ยวอยู่ในเมืองไทย โตโต้เองจึงเปลี่ยนแผนจะพาไปเที่ยวทางเหนือ เริ่มจากลำปาง ลำพูนแล้วก็เชียงใหม่ ภูมิบุญเองก็เห็นดีด้วยชีวิตมีความสุขมากขึ้น ตอนนี้โตโต้เองเปิดตัวอย่างไม่อายใครว่าภูมิบุญคือดวงใจของเขา คุณอภิสราเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรายนั้นหันหน้าเข้าหาวัดไปแล้ว จันทร์เองก็เช่นกัน แทนทวีพอหายจากเศร้าใจก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานไม่สนใจใคร ส่วนพีทก็ทำงานบ้างเพราะหลังจากที่เจอพายุร้ายบริษัทก็เสื่อมสถานะทางการเงิน พนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก คุณอรอุมาเองต้องลงมาบริหารจัดการเกือบทุกอย่าง พีทเองก็ทำแต่ไม่มาก ไม่สนใจเพราะสิ่งใหม่ที่เขาค้นพบมันน่าค้นหาน่าดึงดูดมากกว่า

"ไปหาหมอสิพีท จะมานอนซมอยู่แบบนี้ได้ยังไง"

พอไม่สบายก็นอนซมอยู่แต่ในบ้าน ส่วนมารดาก็ไม่ได้มีเวลามาดูแลเพราะทำงานหนัก

"เดี๋ยวก็หายน่ะแม่ วันนี้พีทไม่ไปทำงานนะ"

"แหม ถึงแกหายดีแกก็ไม่ไปไม่ใช่เหรอ"

"หึ แม่ออกไปเถอะ พีทจะนอน"

หันหลังให้มารดาทันที หน้าตาที่ซูบผอมลงตอบลงเยอะทำให้พีทดูไม่ดีเท่าเดิม แต่ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็หาย แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น ร่างกายที่อ่อนแอเหมือนมันจะพร้อมยอมให้เชื้อโรคในร่างมันทำงานได้เร็วขึ้น พีทตัดสินใจไปหาหมอเพราะทนกับสภาพของตัวเองไม่ไหว

"เอ่อ ทำใจดีๆไว้นะครับ"

พอตรวจเสร็จหมอก็ทำสีหน้าเครียด ส่วนพีทยังตีสีหน้าปกติอยู่

"ผมเป็นอะไรครับหมอ ทำไมพักนี้ปวดหัวบ่อย ท้องเสียด้วย นอนก็ลำบาก"

พีทบอกอาการเพิ่มเติมไป หมอถอนหายใจออกมาก่อนจะจ้องตาของพีท

"ผมเสียใจด้วยนะครับ คุณมีเลือดบวก"

"เลือดบวก นี่หมอหมายถึงผมเป็นเอดส์เหรอ ไม่จริง หมอเอาอะไรมาพูด"

โวยวายขึ้นทันที สีหน้าซีดเผือดลง ร่างสั่นไหวหัวใจร้าวราน

"ไม่ใช่จะไม่มีทางรักษานะครับ อย่าเพิ่งตกใจไป คนที่เป็นโรคนี้ถ้าดูแลตัวเองดีๆก็อยู่ได้หลายสิบปีนะครับ"

"ยังไง ไม่จริงหมอ หมอตรวจผิด ผมไม่มีทาง ไม่จริง"

เอามือกุมหน้าตัวเองไม่ยอมรับกับสิ่งที่ได้ยิน พีทวิ่งออกจากห้องทันที

"ชั้นเป็นเอดส์ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง"


ลนลานเหมือนคนบ้าขาดสติ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ พีทเหมือนคนจนหนทางไป นั่งอยู่ในรถร้องไห้อยู่

"ถ้าชั้นเป็น คนอื่นก็ต้องเป็น ชั้นไม่ยอมหรอก"

พีทร้องขึ้นสายตาฉายความโกรธแค้นออกมา พลันก็กดโทรศัพท์ไปหาแทนทวีทันที

"แทน อย่าเพิ่งวางสาย"

ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย พีทก็ขู่ไม่ให้วางสาย

"มีอะไร"

"หึหึ ฮ่าๆๆๆ แกซวยแล้วไอ้แทน แกซวยแล้ว"

หัวเราะออกไป แทนทวีเอาโทรศัพท์ออกให้ไกลหูเพราะเสียงหัวเราะที่ดังออกมาเหมือนคนบ้ามันแสบแก้วหู

"เป็นบ้าเหรอ มึงมีอะไรถ้าไม่พูดกูวางนะ"

แทนทวีทำเป็นไม่สนใจ

"กูเป็นเอดส์ ฮ่าๆๆๆ กูเป็นเอดส์ไอ้แทน มึงอย่าคิดว่ามึงจะรอดไปได้"

หูตึงประสาทตาดับ มองไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินเสียงใด แทนทวีปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงลงจากมือหล่นลงพื้นทันที ร่างทรุดลงไม่มีที่เกาะกุม

"ไม่จริง"

แทนทวีค้าน ร่างสั่นไหวไป

"ว้าย อะไรกันแทน มีอะไรลูก เกิดอะไรขึ้น"

แพทย์หญิงศิริกานต์ร้องออกมา เข้ามาประคองร่างของบุตรชายไว้ น้ำตาไหลออกมานองหน้าของเขาแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น นี่มันไม่จริงใช่ไหม

อนิจจา ไฟใดไหนจะร้อนรนเผาไหม้ได้ร้อนยิ่งกว่าไฟในใจ ยิ่งสุมยิ่งคุกรุ่นอยู่ คนที่เจ็บช้ำจะเป็นใครไหนเลยนอกจากเรา ไฟในทรวงยิ่งพัดกระพือโหมลุกโชน ดวงใจของเจ้าของร่างนั้นก็มอดไหม้แหลกลาญไป


วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากแปดสิบ

"ปิ้งป่อง"

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนหันหน้าไปมองทางประตู พีทหน้าซีดเผือดลงร่างเริ่มสั่นไหว ส่วนแทนทวีร่างเองก็สั่นเพราะความโกรธที่สุมอัดแน่นอยู่ในใจ สายตาที่ฉายแววออกมามันมีเพียงแต่เพลิงของความอาฆาตแค้น

"ใคร"

เสียงห้วนดุดังตวาดอยู่ลั่นห้อง แทนทวีปรี่จะไปเปิดประตู

"แทนอย่า พีทเปิดเอง"

ร้องออกมาอย่างลืมตัววิ่งออกไปดักหน้าแทนทวี ยิ่งทำแบบนั้นแทนทวียิ่งเดือดดาลขึ้นมา กระชากมือของพีทเหวี่ยงไปล้มระเนระนาดลงกับพื้น

"แทน!!"

ประตูบานหนาใหญ่ถูกเปิดออก ลมจากภายนอกห้องตีปะทะหน้า พอเห็นว่าใครก็ผงะหน้าซีดลง

"ไอ้ทัน!!"

คืนก่อนหน้านั้น

"หวังว่ามึงยังคงใช้เมล์เดิมอยู่นะไอ้แทน ไอ้ควาย หึหึ"

ทันเองเอาคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ถ่ายโอนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ หลังจากส่งให้ภูมิบุญเสร็จก็ฉายแววตาขึ้นมา

"ภูมิไม่ต้องลงมือหรอกคนเลวอย่างมันสองคน พี่จัดการเอง"

เวปไซด์เกย์ หรือแม้แต่เวบทั่วไปที่สามารถโพสต์รูปหรือคลิปต่างๆลงไปได้ ทันสืบหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี เลือกเอาเฉพาะเวบที่มียอดคนเข้าชมสูงๆ เขาปล่อยคลิปไปแล้ว ตั้งชื่อกระทู้ว่า "ไฮโซร่านสวาท"

"เออกูเอง"

ทันทำท่าแสดงสีหน้าผงะนิดหน่อย แสดงความประหลาดใจออกมา

"มึงมาหาใคร"

แทนทวีถามเสียงห้วน ทันมองเข้าไปในห้องเห็นร่างของพีทกำลังจะลุกขึ้นหน้าตาเปรอะกรังไปด้วยเลือด พีทพอเห็นหน้าทันก็ส่ายหน้า ไม่ให้บอก

"เอ่อ นี่แฟนมึงเหรอ"

"อย่าบอกนะว่าคนในคลิปคือมึง ไอ้"

"พลั่ก" "อึ๊ก"

แทนทวีปรี่เข้าจะชกหน้าของทัน แต่รายนั้นง้างหมัดรอไว้แล้วยัดหมัดเข้าไปที่ลิ้นปี่แทนทวีจุกตัวงอล้มลง

"เออ กูเอง กูไม่รู้นี่หว่าว่านี่แฟนมึง ไหนบอกไม่มีแฟนไงคุณ"

ทันยังตีหน้าซื่อถามออกมา ไม่มีคำตอบจากพีท รายนั้นสั่นร้องไห้อยู่

"อะไรวะ มาหลอกกัน ไหนบอกรักกัน"

"สัตว์!! เลว!!"

แทนทวีกัดฟันพูดออกมาพยายามดันตัวขึ้น

"มึงออกจากห้องกูไปเลย อีชาติชั่ว อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ก่อนที่กูจะฆ่ามึง"

หันไปตวาดใส่พีท

"แทน! ทัน!"

ไม่รู้จะไปทางไหนดี ทันเองแอบฉายรอยยิ้มออกมา

"พีทไม่ได้ตั้งใจนะแทน พีท"

"หุบปากอีกตอแหล ที่ผ่านมามึงหลอกูมาตลอดใช่ไหม"

ปรี่เข้าไปกระชากแขนตบเข้าไปที่ปากที่เจ่ออยู่แล้วให้เลือดทะลักไหลออกมาอีก

"กรี๊ด แทน โว้ย!! พอแล้ว"

สุดทนเหมือนกัน โพล่งออกมาเหวี่ยงมือของแทนทวีออก

"จะเอายังไงคุณ จะอยู่กับมันหรือจะไปกับผม"

ทันเองก็กระพือเพิ่มเชื้อไฟมันโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก

"สัตว์ มึงทำอย่างนี้กับกูได้ยังไง ห๊า"

"โว้ย!! หยุดโวยวายซะที หัดมองดูตัวเองบ้าง ทันเขามีอะไรเหนือกว่าแทนทุกอย่าง เข้าใจด้วย เป็นใครๆก็เอาทันทั้งนั้นล่ะ"

"อี!!"

"หยุดนะ!! จะมาด่าว่าพีทอย่างนี้ไม่ได้นะ ก็แกมันโง่เอง ช่วยไม่ได้ ชั้นก็ต้องหาของที่ดีกว่าให้ตัวเองสิ เรื่องบนเตียงทันก็เริ่ดกว่า ส่วนแกมันควาย!!"

"กรี๊ด!!!"

ทันปรี่เข้ากระชากแขนมาต่อยมาตบจนสาแก่ใจแต่แทนเองก็ยืนยิ้มมองอยู่ไม่ไหวร่าง

"ทันช่วยพีทด้วย ไอ้แทนมันบ้าไปแล้ว"

วิ่งออกไปเกาะแขนทัน แทนทวีปรี่ตามออกไป ทันต่อยเข้าที่หน้าของแทนทวีหงายหลังไปอีก

"หึ ตั้งแต่เรียนแล้วนี่ไอ้แทน มึงโง่เป็นควายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เรื่องทุกเรื่องที่ว่าโง่ ไม่โง่สู้มึงทิ้งคนที่ดีที่สุดไปหรอกนะ มึงน่ะเขาไม่เรียกหรอกควาย เพราะมึงมันโง่กว่าควาย"

เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ นั่งนิ่งหน้าชาหัวใจแหลกราน น้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม นี่น่ะหรือที่บอกเคยรักกัน นี่น่ะหรือคนที่ตั้งใจว่าจะไปแต่งงานอยู่กันกันฉันผัวเมีย นี่น่ะหรือคนที่ทำให้ต้องบาดหมางใจกับครอบครัว และนี่น่ะหรือคือคนที่เขาทำให้ต้องเสียใครบางคน ใครคนนั้นที่ตอนนี้ฉายแววแห่งเพชรแท้ออกมา น้ำตาไหล สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับพื้น พีทเองก็รีบเก็บของออกจากห้อง ทันเองยังยืนอยู่นอกห้องมองดูอยู่ด้วยความสมเพชเวทนา แต่สาแก่ใจที่สุด

"ทำไมทำแบบนี้ พีท ทำไมทำแบบนี้"

คร่ำครวญร้องไห้ออกมาโศกาอาดูรอยู่เหมือนสิ้นไร้แล้วพลังแห่งใจ พอพีทจะเดินออกจากห้อง ก็ปรี่ไปเกาะขาไว้

"พีท อย่าไปนะพีท แทนไม่มีใคร พีทอย่าทิ้งแทนไปนะ"

"โว้ย!! อย่ามาจับชั้น เสนียด ไอ้ควายไปกินหญ้าต่อไป๊ ไปเถอะคุณ ให้มันโง่ตายอยู่นี่ล่ะคนเดียว"

เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา แทนทวีถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออก กัดฟันเงยหน้าขึ้นมอง

"ที่แท้มึงก็เหี้ยดีๆนี่เองอีสัตว์ ไปเลย แล้วมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"

สายตาที่มองไปด้วยน้ำตามันโกรธแค้นชิงชัง

"แหม ใครจะะกลับมาหาแกให้โง่ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะมึง อย่างมึงใครเขาจะเอา ไปเถอะคุณ รำคาญ"

เตะเท้าออกไปอย่างแรงมือของแทนทวีที่เกาะกุมอยู่ถูกเหวี่ยงจนพาร่างเซไป ทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว เหลือไว้เพียงแทนทวีที่นอนเกลือกกลิ้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ เจ็บเหลือเกินเหมือนโดนคนรุมเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ร่างโถมมาที่ใจเจ็บปวดเหลือเกิน นี่น่ะหรือคนถูกทิ้ง มันรู้สึกอย่างนี้เองน่ะหรือ แล้ว "ภูมิ" ร้องออกมา ยังจำได้ดีวันที่เจอกับภูมิบุญโดยบังเอิญที่ซีคอนฯ "นี่แฟนพี่เอง" พูดออกไปตามความจริง แต่สีหน้าของภูมิบุญในตอนนั้น มันเหมือนคนบ้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหัวเราะก็ไม่หัวเราะ จะร้องไห้ก็ไม่ ตอนนั้นเขาเวทนาภูมิบุญมากเช่นกัน พลันภาพต่างๆในอดีตที่เคยมีร่วมกัน ภาพความสวยงามของความทรงจำที่ฉายออกมาเด่นชัดเหลือเกิน รอยยิ้มนั้น กลิ่นกายที่หอมตรึงจิต ร่างเล้กสีน้ำผึ้งยามต้องแสงส่องประกายนั้น เขาเป็นคนปล่อยให้หลุดลอยไปจากมือเอง

"พี่สัญญา พี่จะรักภูมิคนเดียว"

"พี่รักภูมิคนเดียว"

"ในชีวิตพี่ไม่เคยรักใครเท่าภูมิมาก่อน พี่รักภูมิ"

"จำไว้นะภูมิ ไม่ว่าพี่ะอยู่ที่ไหน ไกลเท่าไร ภูมิคือหนึ่งในใจพี่คนเดียวเท่านั้น"

"พี่สัญญา"

"พี่สัญญา"

สะอึกน้ำตาตัวเองสะท้อนบาดลึกลงไปกลางใจ นี่เขาทำอะไรลงไป นี่เขาเขี่ยเพชรในมือทิ้งไปแล้วไปคว้าก้อนกรวดก้อนหินชั้นต่ำมาแนบไว้กับอก นี่เขาทำอะไรลงไป ตั้งแต่รู้จักภูมิบุญมาแววตาคู่นั้นที่เฝ้าฉายมองมา มันไม่เคยส่อแววไม่ซื่อสัตย์กับเขาเลย รักมั่นคงมันแจ่มจรัสฉายอยู่ในตา แล้วเขาเองทำลายมันลงไปได้อย่างไร ทันเองฟูมฟายคร่ำครวญเหมือนคนบ้า ตอนนี้ภาพต่างๆในอดีตกำลังเล่นงานเขา ภาพใบหน้าของคนที่เขาด่าว่าไปเมื่อวันก่อน

"รอตรงนี้ล่ะคุณผมไปเอารถก่อน"

ทันบอกขึ้นหลังลงมาถึงชั้นล็อบบี้ของคอนโด

"ทำไมคุณไม่ขึ้นไปชั้นลานจอดรถเลยล่ะคุณ อายคนเขา ดูหน้าตาพีทสิ"

"ไม่เป็นไรหรอก ผมจอดไว้ไกล กลัวว่าคุณจะเดินไกล รอตรงนี้ล่ะ"

ทันพูดแล้วเดินกลับขึ้นลิฟท์ไปอีก พีทเองก็นั่งรอจากนาทีเป็นสิบนาที เป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มกระวนกระวาย กดโทรศัพท์ออกไปหาทัน

"ทำไมนานจังล่ะคุณ พีทรอนานแล้วนะ"

"หึหึ มึงไม่ต้องรอหรอกอีหน้าด้าน ไปตายที่ไหนก็ไป"

ทันพูดออกมาเสียงเรียบ


"คุณ คุณพูดอะไรน่ะ พีทไม่เข้าใจ"

"เดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจ"

"อ๊าย อะไรกัน อย่าถ่าย อย่าถาย"

ยังไม่ทันจบการสนทนาแต่นักข่าวก็กรูกันเข้ามาในห้องโถงของคอนโด แสงแพลชวูบวาบจนแสบตา

"คุณพีทลูกชายของคุณอรอุมา เจ้าของบริษัทเอ็นออร์กาไนซ์เซอร์ใช่ไหมครับ"

"คลิปที่อยู่ในเน็ทคือน้องพีทใช่ไหมคะ"

"รู้สึกยังไงบ้างคะที่ทำไปแบบนั้น"

"เสพยาหรือเปล่าคะ"

"กรี๊ดดด ออกไป๊ ออกไป๊"

กรีดร้องขึ้นเอามือซุกหน้าไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนดี พีทถูรายล้อมไปด้วยนักข่าวจากแวดวงสังคมของตนเองที่เคยกล่าวว่ามันวิเศษเริศหรู ตอนนี้มันทำให้เขาจนทางไป ไม่รู้จะไปทางไหนดี ในใจก็โกรธทันที่ทำแบบนี้แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาพอี่จะมาคิดถึงเรื่องแบบนั้นได้แล้ว พีทตัดสินใจวิ่งขึ้นลิฟท์ไปยังรถของตัวเอง

"ภูมิ พี่ขอโทษ"

เสียงที่ลอดไรฟันออกมามันช่างสลดหดหู่เหลือเกิน น้ำตาที่ไหลอาบหน้าแววตาที่วิงวอนขอร้อง

"พี่ไม่คิดเลยว่าพีทจะเป็นคนแบบนี้ พี่มองภูมิผิดไป พี่ขอโทษ"

"มองผิดไปหรือ พูดอีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว" ภูมิบุญคิดในใจแล้วแสยะยิ้มออกมา

"พี่แทน เรื่องระหว่างเราภูมิอโหสิกรรมให้หมดแล้ว ไม่คิดติดใจอะไร พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันจบแล้ว"

"พี่ทำผิดกับภูมิเอาไว้มาก ภูมิให้อภัยพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่หูหนวกตาบอดไป"

"ครับ"

"ภูมิ ตอนนี้ภูมิก็ยังไม่มีใคร พี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม พี่ขอแก้ตัวอีกครั้ง"

สายตาที่วิงวอนขอร้อง ถ้าเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่นที่เขาทำผิด ภูมิบุญอาจจะเห็นแก่สายตาคู่นี้ที่กำลังมองมา อาจจะใจอ่อนให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่เขาทำผิดไว้กับหัวใจ มันลบล้างกันยังไงหรือ ทำร้ายใจต้องได้รับสิ่งนั้นสิ่งเดียวกันตอบแทน

"พี่แทนครับ ภูมิถามพี่แทนอย่างหนึ่งสิ ถ้าพี่แทนตอบคำถามภูมิได้ ภูมิอาจจะกลับไปหาพี่"

ถามขึ้นเสียงเรียบแต่มันทำให้แทนทวีตาวาวขึ้นมาทันที ปรี่จะเข้ามาจับมือ แต่ภูมิบุญถอยออกไปหนึ่งก้าว

"ได้ภูมิ ถามพี่เลย ถามมาเลย"

"ถ้าพี่แทนมีแก้วอะไรก็ได้อยู่ในมือ วันนึงพี่เผลอทำมันร้าวขึ้นมา พี่แทนจะทำยังไงให้มันกลับมาเป็นแก้วใบเดิมครับ ตอบภูมิที ตอบภูมิให้ภูมิกระจ่างแก่ใจที"

สายตาที่เค้นเอาคำตอบ แม้จะได้คำตอบมาก็คงไม่เป็นที่พอใจแน่

"ก็หลอมมันขึ้นมาใหม่สิภูมิ ไม่เห็นจะยาก" แสดงความเขลาออกไป

"หึ ถ้าหลอมขึ้นมาใหม่มันก็ไม่ได้เหมือนเดิม ถึงพี่จะพยายามทำให้มันเป็นเหมือนเดิม จำไว้นะครับพี่แทน ตอนที่ภูมิรักพี่แทนภูมิคอยประคบประหงมใจเหมือนรักษาแก้ว ไม่ให้มีอะไรมาแผ้วพาน แต่เมื่อพี่ทำมันแตกมันร้าวเอง ภูมิเองก็เสียใจครับ"

"ภูมิ พี่ขอโทษจะให้พี่ทำยังไงภูมิถึงจะกลับมาหาพี่เหมือนเดิม บอกพี่ที"

"อย่า เลยครับพี่แทน ตอนนี้พี่แทนแค่คงไม่มีใครและคงต้องการใคร เหมือนที่พี่อยู่ไกลภูมิแล้วบอกว่าเหงา ภูมิเองก็เหงานะครับที่รอ เอาเถอะมันไม่มีประโยชน์หรอกครับพี่แทน ภูมิเสียใจด้วยจริงๆ"

ยังคงรักษาระดับน้ำเสียงไว้อย่างมั่นคง โตโต้กับบาสเองก็ออกมาจากรถยืนดูอยู่ห่างๆ

"ภูมิ ภูมิพูดเหมือนไม่เคยรักพี่จริงๆเลยนะ"

"หึ พี่แทน พี่แทนกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง พี่อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมาว่าภูมิแบบนั้น รู้สึกยังไงล่ะครับที่โดนคนที่รักตบหน้าเอาแบบนี้ เจ็บไหม รู้สึกแปลบปวดเข้าถึงใจไหม ถ้ารู้สึกอย่างนั้น จำไว้ภูมิก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน"

ขึ้นเสียงสายตาเกรี้ยวกราด คนที่อยู่ต่อหน้าเหมือนจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

"ภูมิจำไม่ได้เหรอว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน ภูมิจำ"

"อย่ามาย้อนความคิดให้ภูมิจำ อย่ามาพูดว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน เคย มันแค่เคย ทำไมภูมิจะจำไม่ได้จำได้ดี จำได้ก็ลบมันออกได้ แล้วถามตัวเองบ้างไหมตอนที่มีเขาเข้ามา จำอะไรเกี่ยวกับภูมิได้บ้าง ตอนนั้นภูมิอยู่ไหน อยู่ตรงไหนของหัวใจพี่ พี่ถึงแบ่งแยกใจได้ลงคอ อย่ามารื้อฟื้นว่าเคยรักกันยังไง ใช่เคยรักมาก แต่มันหมดไปแล้ว มันไม่มีเหลือแล้ว"

"ภูมิ"

"พี่แทน เราจบกันไปแล้ว พอเถอะครับ"

"พี่ขอโทษภูมิ พี่จะทำยังไงดี ให้พี่ทำยังไงดี"

"พี่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ทำตัวเหมือนเคย โชคดีนะพี่แทน"

"ภูมิ พี่ขอเป็นแค่พี่น้องกับภูมิยังไม่ได้เหรอ เห็นแก่ที่เราเคยรักกัน ได้ไหมภูมิ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดกับภูมิมามาก ถ้าภูมิจะใจร้ายไม่ให้พี่กลับมาพี่ก็ขอโอกาสเป็นแค่นั้นไม่ได้เหรอ"

"พี่แทน สิ่งที่พี่แทนทำอย่าว่าแต่พี่น้องเลยครับ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่เอา แต่อย่าห่วงเลย ภูมิยกโทษให้หมดแล้ว เลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ ถือว่ามันเป็นแค่ฝันไปเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันจบแค่นี้"

"ภูมิ ทำไมภูมิใจดำแบบนี้ แม้แต่เพื่อนภูมิก็ไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ เพราะมันใช่ไหม"

สายตาปราดไปมองโตโต้ ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"ครับ"

"ภูมิรักมันใช่ไหม อ้อที่แท้ คนที่เปลี่ยนไม่ใช่พี่หรอกแต่มันเป็นภูมิ ภูมิเองที่ปันใจ"

"หึหึ พี่แทน"

หัวเราะออกมา ยกริมฝีปากสูงขึ้น

"ใช่ครับ ภูมิเพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน ว่าที่ผ่านมาภูมิรักใคร กับพี่แทนเองบางทีมันเป็นแค่ความรักระหว่างพี่น้อง แต่สำหรับพี่โต้ ภูมิรักเขามานานแล้ว รักตั้งแต่วันแรกที่เห็น พอใจไหมครับ อย่าหาว่าภูมิหลอกพี่เลยนะครับ ถือว่าเราหายกัน"

กัดฟันพูดออกมา คนที่ได้ยินหัวใจกระตุกดีดลิงโลดขึ้นมา แต่อีกคนเม้มปากแน่น

"มักง่าย"

"งั้นจะมาเรียกร้องอะไรจากคนมักง่ายคนนี้ล่ะครับ"

เสียงเขียวสายตาที่จ้องมองทำให้แทนทวีสะอึก

"เอ่อ พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ ภูมิ พี่ขอโทษ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าภูมิจะรู้สึกแบบนั้น ไม่มีใจเหลือให้พี่จริงๆเลยหรือภูมิ ภูมิไม่มีอะไรเหลือให้พี่แล้วจริงๆเหรอ"

"ครับ ใจที่มีให้ไปหมดแล้ว พี่ก็ขยี้มันด้วยเท้าแหลกรานไปหมดแล้ว กลับไปเถอะพี่แทน ต่อจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ต่อจากนี้เวลาเจอหน้ากัน ขอให้ทำเหมือนไม่รู้จักภูมิ เพราะภูมิเองก็จะมองพี่เป็นธาตุอากาศเหมือนกัน"

"ภูมิ"

ร่ำไห้ออกมาปิ่มใจจะขาด ทรุดตัวลงสะอึกสะอื้นกอดขาภูมิบุญเอาไว้

"พี่ขอโทษ พี่รู้แล้ว พี่เจ็บแล้ว ภูมิพี่ขอโทษ อย่าทำแบบนี้กับพี่เลย"

คำพูดของภูมิบุญไม่ได้สะกิดใจให้แค่แทนทวีเท่านั้นที่สะอึก อีกสองคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับมองหน้ากันหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ

"อย่าทำแบบนี้เลยครับพี่แทน อย่ามาร้องไห้ให้ภูมิเลย มันไม่มีค่าอะไรหรอก"

"ภูมิ ทำไมพูดแบบนี้ ไม่เห็นใจพี่เลยเหรอ ภูมิพี่ขอโทษ"

"ภูมิบอกแล้วนี่ครับ ภูมิยกโทษให้แล้ว อย่ามาทำแบบนี้ รู้ไหมสิ่งที่พี่ทำมันทำให้ภูมิรู้สึกรังเกียจ พี่ดูไม่มีค่าอะไรเลย"

คำพูดที่ทิ่มแทงใจเฉือดเฉือนไม่ได้อยากพูดออกไป แต่อยากตัดให้ขาด ไม่ต้องมามีเยื่อใยเหลือต่อกันอีก

"ภูมิ"

"ปล่อยเถอะพี่แทน"

"ใจร้าย ทำไมภูมิเป็นคนใจร้ายแบบนี้"

ยอมปล่อยขาแต่โดยดี ร่างกายสั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้นไห้ ภูมิบุญเองก็มองอยู่ด้วยสายตาที่สมเพชเวทนา

"ใช่ครับภูมิใจร้าย ภูมิเคยบอกพี่แล้ว ว่าอย่าให้ภูมิได้ทำ ทำไมครับพี่ ในเมื่อภูมิเคยไว้ใจพี่ แล้วพี่ยังทำกับภูมิได้เลย แล้วทำไมภูมิจะทำให้พี่รู้ไม่ได้ว่าเจ็บน่ะ มันเป็นยังไง เจ็บไหมครับ ถ้าเจ็บนั่นล่ะคือสิ่งที่ภูมิเคยรู้สึก อ้อ ถ้ายังมีโอกาสเจอแฟนพี่ อ้อไม่ใช่สินะแฟนคนนั้นของพี่ ฝากบอกเขาด้วยนะว่ามันยังไม่จบ มันง่ายไปกับสิ่งที่พี่กับเขาทำไว้กับภูมิ ในเมื่อภูมิยอมหลีกทางให้แล้วไม่ยอมปล่อยภูมิไปเอง ก็รับเอาไปเถอะความใจร้ายของภูมิ บอกเขารอรับหมายศาลได้เลย"

เหวี่ยงขาออกเดินเข้าบ้านไปแล้ว โตโต้ยิ้มแสยะออกมา บาสวิ่งเข้าไปเปิดประตูให้โตโต้เอารถเข้าบ้าน ส่วนแทนทวีนั่งเหลือกกลิ้งอยู่หน้าบ้านเหมือนคนไม่มีทางไป น่าอนาถใจแท้

ด้านพีทพอไม่มีที่ไปก็กลับไปบ้านหามารดาของตน พอก้าวเข้าบ้านก็เห็นมารดายืนถลึงตาใส่อยู่

"ทำไมสร้างแต่เรื่อง เนี่ยเห็นไหม หมายศาล"

ปาซองเอกสารทางราชการใส่หน้าลูกชาย

"อะไรกันล่ะแม่ หมายศาลอะไร"

"ก็แกไปทำอะไรไว้ล่ะ ห๊า โอ๊ยกลับมาทั้งทีนี่มาสร้างเรื่องให้ชั้นเหรอ"

"อะไรแม่ โอ๊ยอย่ามาพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม พีทเครียด"

"ชั้นสิควรจะเครียดกว่าแก ละเมิดลิขสิทธิ์เขา รู้ไหมเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ เกือบสิบล้าน!!"

"โว้ยแม่!! ไหน"

ร้องตวาดกลับไปเช่นกัน พอเปิดเอกสารออกดูถึงกับปล่อยให้มันร่วงลงหน้าซีด ทรุดลงกับที่

"แก ไอ้ภูมิ"

สายตาเคียดแค้นน้ำตาล้นออกมา พีทวิ่งขึ้นไปบนบ้านรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิกออกมา พยายามติดต่อกับทันแต่ทำยังไงก็ติดต่อไม่ได้

"อะไรแก ชั้นไม่มีอารมณ์มาคุยหรอกนะ"

พอมีโทรศัพท์เรียกเข้ามาก็รีบกดรับนึกว่าเป้นของคนที่รออยู่ แต่พอเป็นเพื่อนสนิทก็โวยวายใส่

"ย่ะ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะคุยหรอก แต่แกเล่นบทรักได้เริ่ดนะหล่อน แหมครางซะ ทำหน้าซะ"

"แกพูดอะไร"

"แหมอีนี่ เข้าไปดูในเวบสิยะ ดังใหญ่แล้วนะแก ตอนนี้หน้าแกว่อนไปทุกเวบแล้ว"

"อะไรนะ"

หัวใจสั่นไหวปาโทรศัพท์เข้าผนังห้องทันที

"กรี๊ด"

พีทกรีดร้องออกมา ล้มตัวลงบนเตียงร่ำไห้อยู่ ผลกรรมมันตามมาทันแล้ว ไม่ต้องรอชาติหน้าหรือชาติไหน รับเอาไว้ตั้งรับเอาไว้ให้มั่น เพราะมันยังมีอีกระลอกที่ใหญ่กว่าตั้งเค้ากำลังจะถาโถมเข้ามา

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบเก้า

เปรียบหนึ่งบุษบกลอยคอในวารี    ชลธีไหลผ่านมาม่านน้ำใส


เหล่ามัจฉาแลนกกาคอยตอดใย    กลีบร่วงใบเน่าเหม็นก็โรยรา

เปรียบสองดังโคถึกที่ก้มหัว          เห็นแต่ตัวแลเงาไม่รู้ค่า

หลักตรงไหนวนรอบเห็นเท่าตา    แพรกพฤกษายังหน่ายเจ้าควายเอย

เปรียบสามดังวานรที่ได้แก้ว       ถึงเพริศแพร้วระยับค่าไม่ชื่นเฉย

ขว้างปาไปในป่าเมินเสียเลย       เพราะไม่เคยเห็นค่าของแก้วนิล

เปรียบสี่ดังมนุษย์ผู้ขลาดเขลา   เอาตัวเราเป็นที่ตั้งใฝ่ถวิล

หาของรักคว้าตามใจมุ่งลงดิน   ไร้แล้วสิ้นปัญญาจะครองตัว


"ภูมิให้พี่ปล่อยเลยไหม พี่ว่าน่าจะปล่อยได้แล้วนะ จะกระทืบก็กระทืบให้มันจมดิน"

ทันเองโทรศัพท์กลับมาหาภูมิบุญหลังจากที่ขับรถหนีพีทมา

"พี่ทันส่งให้ภูมิหน่อยได้ไหมครับ อยากให้ใครสักคนได้ดู"

ภูมิบุญแสยะยิ้มออกมา

"ไม่ได้อยากทำแบบนี้นะครับพี่ทัน บอกแล้วอย่าบังคับภูมิ"

พอได้รับข้อความเป็นรูปแบบวีดีโอจากทัน ภูมิบุญก็เปิดดู เบะปากกับสิ่งที่เห็นดูไม่จบ ทำใจไม่ได้ แค่อยากเห็นว่าหน้าของคนๆนั้นมันชัดเจนอยู่หรือไม่ ทันเองถ่ายวีดีโอได้ดีเสียจริง ภาพซูมเน้นหน้าตาของอีกฝ่ายมันชัดเจนยิ่งนัก ภูมิบุญถ่ายข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ทันที แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเก็บไว้เป็นไม้เด็ด

"ภูมิ ออกมาเจอพี่หน่อยสิ พี่อยากจะคุยด้วย"

พอไปที่ทำงานแทนทวีก็โทรศัพท์เข้ามาหาภูมิบุญแต่เช้า

"ครับ มีอะไรหรอครับพี่แทน"

"เรื่องเมื่อคืนน่ะภูมิ พี่อยากจะเคลียร์ให้มันรู้เรื่อง"

"เรื่องอะไรครับ เคลียร์ไปแล้วนี่ครับ"

"มันไม่จบนะภูมิ ภูมิทำเกินไปนะ ลงมาคุยกับพี่ พี่รออยู่ที่ร้านกาแฟข้างบริษัท"

วางสายไปแล้ว ภูมิบุญใจเต้นระทึก ไม่ใช่กลัวแต่เหมือนโดนสะกิดต่อมในใจอีกครา โตโต้เดินปรี่เข้ามาหา

"มันอยู่ข้างล่างใช่ไหม"

เสียงดังที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ดังพอที่จะให้โตโต้ไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ภูมิบุญพยักหน้า

"ไป ลงไปคุยกับมัน"

"เดี๋ยวภูมิไปเองดีกว่าครับ เขาคงอยากคุยกับภูมิ"

"ไม่ได้ ไม่ต้องห้าม มันไม่มีเวลาสองต่อสองกับภูมิอีกแล้ว"

เสียงดุห้วนลากแขนภูมิบุญออกจากห้องไป

"มีอะไรภูมิ"

"พลอยดูออฟฟิศด้วย เดี๋ยวลงไปข้างล่าง"

โตโต้สั่ง ภูมิบุญหันไปมองหน้าพลอยแล้วยักคิ้วให้ส่งสัญญาณ

"บอสคะ ให้พลอยไปด้วยได้ไหมคะ"

"อย่าเลยพลอย อยู่นี่ล่ะ"

ในใจของพลอยเต้น เรื่องเมื่อคืนก็พลาดไปไม่อยากจะพลาดวันนี้อีก เพราะหลังจากที่ภูมิบุญเล่าให้ฟังพลอยเองก็เดือดบอกว่าทำน้อยไป น่าจะเอาให้หนักกว่านี้อีก โตโต้เดินนำหน้าภูมิบุญลงไป สีหน้าไม่เอาใครเลย ใครเห็นก็ต้องหลบ

"หึ มาคนเดียวไม่ได้เหรอภูมิกลัวพี่จะทำอะไร พี่ไม่เหมือนเรานะ"

พอเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านก็แขวะทันที

"แล้วพี่แทนทำไมไม่มาคนเดียวล่ะครับ หรือคนที่นั่งข้างๆไม่ใช่คน"

ภูมิบุญแสยะยิ้มให้แทนทวี

"แทนดูสิ คำขอโทษสักคำยังไม่มี ยังมาปากดีอีก ร้ายกาจที่สุด"

"มึงจะเอายังไงไอ้แทน"

เสียงเข้มดุกว่าใครดังขึ้นสายตาที่มองเหมือนกำลังจะกลืนกินร่างของทั้งสองลงคอไป

"ก็ไม่เอาไง เรื่องระหว่างภูมิกับกู มึงไม่เกี่ยว"

"ไอ้"

"พี่โต้ อย่าครับ เราไม่จำเป็นต้องไปแลกกับเขา ภูมิคุยเอง"

ภูมิบุญปรามไว้แล้วนั่งลงข้างหน้าของทั้งสอง โตโต้นั่งลงแต่ลากเก้าอี้ออกไปห่างๆเพราะกลัวว่าจะอดใจไม่ไหว

"ภูมิทำเกินไปนะ เห็นไหมว่าพีทเขาเจ็บแค่ไหน ทำไมถึงลงไม้ลงมือกันขนาดนี้"

แทนทวีเปิดฉาก สายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่น่าเชื่อว่ามันออกมาจากตาคู่เดียวกันกับคู่ที่เคยฉายแสดงความรักออกมา

"แล้วเขาเล่าอะไรให้พี่แทนฟังบ้างล่ะครับ"

"ทุกอย่าง ภูมิไม่ต้องมานอกเรื่อง นี่มันอะไรกันทำไมเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้ พี่มองคนผิดไปจริงๆ"

มองคนผิด พูดออกมาได้ยังไง นี่เขากำลังตำหนิภูมิบุญอยู่ เม้มปากแน่นพยายามระบายลมหายใจร้อนออกมา

"เหรอครับ ถ้าบอกทุกอย่างแล้ว พี่ยังหูหนวกตาบอดเทิดทูนเขาอยู่อีกเหรอพี่แทน พี่เอาอะไรทำหัวใจ ที่เลิกกับภูมิน่ะ เสียใจนะแต่ไม่เสียใจเท่าที่ภูมิรู้ว่าเคยคบกับควาย"

"ภูมิ"

แทนทวีตบโต๊ะเสียงดัง โตโต้ลุกขึ้นยืนขวางเอาไว้ สายตาทั้งสี่คู่มองหน้ากันอย่างไม่ยอมยี่หระ พนักงานในร้านไม่กล้าทำอะไรเพราะรู้จักดีว่าใครกำลังมีเรื่องอยู่ได้แต่ถอยห่างออกไป

"เอาเถอะ จะยังไงก็ตาม พี่ก็เสียใจเหมือนกันที่เคยคบกับภูมิ"

แทนทวีพูดออกมา มันเสียดใจจังเลย ทำไมมันแทงใจมากมายขนาดนี้

"ครับ แล้วพี่จะเอาอะไรล่ะครับวันนี้ หรืออยากให้ภูมิซ้ำอีกรอบนึงเหรอถึงจะยอมจบ"

"แทน ดูน้องภูมิสิ ใจร้ายที่สุด"

"หุบปากไปเถอะ ตอแหลได้กับเขาคนเดียวนั่นล่ะ คนอื่นคิดว่าเขาจะโง่เหมือน"

"ภูมิ มันจะมากไปแล้วนะ"

ลุกขึ้นจะกระชากคอภูมิบุญแต่โตโต้ตบโต๊ะก่อน

"มึงจะทำอะไร"

"ที่แฟนพี่เล่า เขาเล่าหรือเปล่าล่ะครับว่าภูมิทำไมถึงทำ พี่น่าจะรู้จักภูมิดี แต่คงไม่หรอก เขาบอกไหมว่าเขาไปขโมยตีมงานของบริษัทภูมิมา"

"ไม่จริงนะแทน ตีมงานพีทคิดขึ้นเอง พีทจบจากนอกนะ มีความจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องไปแย่งงานกับคนที่ไม่มีหัวคิดแบบนี้"

แทนทวีมองหน้าภูมิบุญจ้องอยู่ไม่วางตา ภูมิบุญเองก็จ้องอยู่

"เหรอ เอาเถอะคิดยังไงไปคุยกันที่ศาลก็แล้วกันเพราะของเราจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาเอาไว้ เตรียมหลักฐานให้เหมือนกับที่เรามีล่ะ"

พูดขึ้นเสียงเรียบ หน้าของพีทซีดเผือดลง

"แล้วบอกพี่ไหมว่าเขาไปกับใคร เมื่อคืนน่ะ"

"เพื่อนไงแทน พีทไปกับเพื่อน"

รีบลนลานออกตัว

"เหรอ เพื่อนเหรอ หึหึ"

"แทนกลับเถอะ น้องภูมิพูดไม่รู้เรื่องหรอก"

"ไม่ได้นะพีท ยังไงภูมิก็ต้องรับผิดชอบ"

แทนทวีแย้งไม่ยอมไป

"แทน พีทไม่เป็นไร พีทไม่เอาความกับน้องภูมิ พีทเข้าใจหัวอกคนที่โดนแย่งแฟนไปว่ามันเป็นยังไง"

ร้องไห้ออกมา แต่มันไม่ได้น่าเวทนาแต่อย่างใด คนที่เห็นยิ่งอยากจะเข้าไปตบซ้ำ

"มีอะไรปักหลังอยู่เหรอคุณ เอาตัวให้รอดนะ"

ภูมิบุญขู่ตามหลังเพราะพีทลากแขนของแทนทวีออกไปแล้ว

"ทำไมไม่บอกมันไปเลยภูมิ มันจะได้หายกินหญ้าเสียที"

"พี่โต้ครับ มันง่ายไป เจ็บแค่นี้มันไม่พอหรอกครับ สำหรับคนอย่างพี่แทนกับมัน"

พูดออกมาเสียงเครียด โตโต้ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รีบเข้ามากุมมือไว้

"ภูมิ อย่าให้มันทำร้ายตัวภูมิเองนะ"

"ไม่แล้วล่ะครับพี่โต้ ภูมิพอแล้ว แค่อยากให้เขารู้แค่นั้นเอง ว่าตอนที่เจ็บ มันเจ็บจริงๆนะ คนเราบางคนแค่บอกว่าเราเจ็บเขาไม่เข้าใจหรอกครับ เขาต้องได้รับรู้เองเขาถึงจะรู้สึก"

โตโต้ได้แต่ถอนหายใจออกมา คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ได้มีมิติเดียว ครั้นดีก็ดีจนใจหาย ครั้นร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไป พอหวนคิดย้อนพิจารณาให้ดีแล้ว หึหึ สมควรแล้วล่ะไอ้แทน โตโต้ยิ้มออกมา จูงมือของภูมิบุญขึ้นออฟฟิศไป

ตอนบ่ายก็นั่งรถไปเขาค้อกับโตโต้มีบาสติดรถไปด้วย ส่วนพลอยจะตามไปทีหลังโดยมีกายไปส่ง พอไปถึงเขาค้อกลางดึกก็ลงมือทำงานกันเลยมีหินกับต้นเตรียมงานรออยู่แล้ว งานเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แบบงานที่วาดขึ้นใหม่บรรจงรังสรรค์สร้างขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร โต๊ะไม้กลมหนาก็ให้ชั่งต่อขึ้นมาอีกชั้นเอากระจกหนาเป็นหน้าโต๊ะ ส่วนพื้นที่ว่างที่มองเห็นมีกระไม้ทรงกลมความสูงของขอบเตี้ยๆเพื่อที่จะเอาใส่โอเอซิสสำหรับปักดอกไม้ โต๊ะทำขึ้นใหม่เกือบร้อยกว่าตัว ช่างเองก็เกณฑ์ช่างจากด้านนอกมาช่วยแล้วคุมงานอีกทีหนึ่ง ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำแบ่งออกเป็นสองกะ เพราะภูมิบุญประกาศแล้วว่าจะให้ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับช่างกับแม่บ้านที่อยู่ทำงานอาทิตย์นี้ ทุกคนจึงเต็มใจออกแรงกายแรงใจช่วยเต็มที่ เก้าอี้ก็เอาผ้าไหมหยาบๆสีขาวปักดิ้นสีส้มโอรสทำมือทั้งหมด แม้จะมีเวลาไม่มากแต่คนที่ช่วยก็ทำกันอย่างแข็งขัน เอามาทำเป็นที่คลุมทั้งเก้าอี้ให้รับกับดอกไม้ที่จะใส่ประดับที่โต๊ะ เก้าอี้แต่ละตัวถูกประดับด้วยดอกพุดสีขาวร้อยกรองเป็นสายรวบไปข้างหลังทำอุบะระย้าลงมาสวยงามนัก ตามขาโต๊ะก็ประดับประดาไปด้วยเถากุหลาบที่ทำขึ้นสีขาวสีส้มโอรสสลับกันอยู่ บริเวณภายในงานก็ตกแต่งด้วยกุหลาบขาวแซมกับกุหลาบสีส้มอมชมพูที่ต้องสั่งมาจากเชียงใหม่ทั้งหมดและกวาดมาจากปากคลองตลาดอีกที่ น้ำพุยังคงไว้เช่นเดิมแต่ได้ทำเหล็กเป็นกรงเหมือนกรงนกขนาดใหญ่ล้อมเอาไว้ ประดับประดาไปด้วยไฟที่สาดขึ้น ตามกรงนั้นก็ประดับไปเถาด้วยกุหลาบมีขาวกับสีโอรสเกี่ยวพันเลื้อยกันขึ้นไป พอเปิดน้ำพุที่พุ่งขึ้นเพียงแต่เบาๆ เหมือนสวรรค์ใจกลางงาน ตามต้นไม้ห้อยโคมกระดาษสาที่เขียนชื่อของทั้งสองติดอยู่ แสงไฟสีส้มที่ส่องผ่านกระดาษสีลอดออกมาวามวับระยับไปทั่วบริเวณงาน บนเวทีก็ทำเป็นโครงไม้ไผ่สานเป็นมิติ ฉากหลังก็ทำเหลื่อมล้ำกัน และทั้งหมดถูกประดับด้วยกุหลาบขาวด้านหนึ่งและกุหลาบสีโอรสอีกด้านหนึ่ง รถบรรทุกที่คราคร่ำเรียงรายกันเข้ามาตอนเช้ามืด คันแล้วคันเล่าเพื่อส่งของจำพวกดอกไม้อุปกรณ์ต่างๆก่อนวันงาน พอของมาส่งก็ออกมาช่วยกันตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง ดอกไม้จุดสำคัญยังไม่ปัก หรือถ้าปักแล้วให้เอาผ้าใบมากางกั้นแดดกั้นลมคอยพรมน้ำให้อยู่ตลอดเวลา

กานดากับประภัสพร้อมทั้งครอบครัวมาถึงตอนบ่ายแก่ๆ พอเห็นงานกานดาเองถึงกับร้องไห้ออกมา

"น้องภูมิ พี่ขอโทษที่เคยว่าน้องภูมิไป พี่ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ สวยมาก"

ร้องไห้ออกมาด้วยความปีติตื้นตัน ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"เพราะน้องภูมิคนนี้นะครับคุณกานดา เขาคิดตีมขึ้นมาให้ใหม่ ถ้าไม่ได้บาสภูมิเองคงไม่มีปัญญา"

ภูมิบุญเองก็ดันหลังบาสให้ยกมือไหว้ครอบครัวของกานดา บาสยิ้มแห้งๆเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับเจ้าของงาน

"พี่กานให้เพิ่มอีกสองแสนค่ะน้องภูมิ ถูกใจพี่กานมาก"

กานดาพูดออกมายิ้มทั้งน้ำตา

"อย่าเลยครับคุณกานดา ถือเป็นของขวัญของบริษัทของเรา ที่เคยทำให้เราเกือบเสียคุณกานดาไป"

"อย่าปฏิเสธเลยครับน้องภูมิ พี่พอใจมาก พ่อแม่ก็ชอบใจมาก โดยเฉพาะดอกไม้ที่เก้าอี้นั่น"

พอถึงเวลางานจริงๆ ดอกไม้ที่รับกับแสงโคมไฟ ทางเข้างานเองก็ประดับประดาไปด้วยดอกไม้โคมไฟ ห้อยระย้าอยู่งดงามยิ่งนัก น้ำพุที่เปิดไฟสาดส่องขึ้นช่างเข้าใจปั้นแต่ง โต๊ะที่ปักดอกไม้ที่พื้นชั้นแรกมองเห็นแจ่มชัดจากกระจกหน้าโต๊ะพราวไปด้วยกุหลาบขาวเต็มกระบะแซมด้วยกุหลาบสีส้มเป้นชื่อย่อภาษาอังกฤษของคนทั้งสอง มีแก้วเจียรไนยวางอยู่ตรงกลางสะท้อนแสงระยิบระยับ แขกทุกคนต่างชื่นชมในงานครั้งนี้ บนเวทีเองก็สว่างไสวไปด้วยไฟที่สาดส่อง มวลดอกไม้ก็บานรับแสงนั้น เจ้าสาวร้องไห้ออกมาอีกคราเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นกล่าวคำขอบคุณ มารดาของกานดาเองก็ร้องไห้น้ำตาซึมออกมา กินใจยิ่งนักภูมิบุญเดินไปกอดบาสด้วยความรักและแทนคำขอบใจ

"ขอบใจมากบาส พี่ดีใจมาก พี่ดีใจจริงๆ"

สะอึกคำพูดเพราะมันปริ่มไปด้วยน้ำตา บาสเองก็กอดภูมิบุญร้องไห้ออกมา

"บาสมีวันนี้เพราะพี่ภูมิ เพราะพี่ที่ให้โอกาสบาส ขอบคุณครับพี่ภูมิ"

จากเหตุการณ์ที่ติดลบเสียเปรียบพลิกกลับมาเป็นกำชัยได้ เพราะสติที่มีไม่วู่วามตอนมีเหตุ พอกลับมาถึงกรุงเทพฯทั้งสามก็รีบเข้าไปพักเพราะหน้าตาดูอิดโรยไม่ต่างกัน แต่ทว่าคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าบ้านทำให้ทุกคนชะงักอยู่

"มันมาทำไมอีก"

โตโต้เปิดประตูรถจะลงไปตวาดไล่หนีไป แต่ภูมิบุญรั้งมือเอาไว้

"อย่าพี่โต้ ดูหน้าเขาสิ คงรู้เรื่องแล้ว"

ชายคนนั้นคือแทนทวี หน้าตาที่ดูอิดโรยอดนอนซูบผอมตาแดงช้ำ ยืนแน่นิ่งมองเข้ามาในรถน้ำตายังไหลออกมาไม่หยุด

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน แทนทวีได้รับเมล์ประหลาด

"เปิดดูซะไอ้ควาย ถ้าไม่อยากเขายาวถึงดวงพระจันทร์"

ข้อความตัวใหญ่สีแดงสดส่งเข้าเมล์ส่วนตัวของเขา แทนทวีกดลบไปทันที แต่เอะใจเพราะเขาส่งมาอีกรอบ เลยลองเปิดดู มันคือวีดีโอไฟล์ที่แนบมากับเมล์ พอเปิดดูแทนทวีถึงกับสั่นเป็นเจ้าเข้า

"พีท นี่มันอะไร พีททำอะไร"

ไม่ทำงาน ทำไม่ได้ อยู่ไม่ได้ร่างมันสั่นไหว ใจมันเต้นแรงบีบให้เขาต้องปรี่กลับไปที่คอนโด อีกร่างที่เขาโวยวายใส่ยังนอนหลับสบายอารมณ์อยู่บนเตียง

"อะไรอ่ะแทน โวยวายแต่เช้า"

"พีทหลอกแทนใช่ไหม พีททำไมทำแบบนี้ ไหนบอกรักแทน ไหนบอกเราจะแต่งงานกัน แทนอุตส่าห์ขัดใจพ่อแม่นะ พีททำแบบนี้ได้ยังไง"

แทนทวีโวยวายเสียงดังลั่น หน้าตาเหี้ยมเกรียม

"อะไรแทน พีทไม่เข้าใจ แทนพูดเรื่องอะไร"

ยังตีหน้าซื้อไร้เดียงสาอยู่ แทนทวีสุดกลั้น

"แหกตาดูนี่ซะ"

แทนทวีปาแผ่นซีดีที่ที่ถ่ายข้อมูลจากวีดีโอที่ได้รับลงแผ่นซีดีใส่หน้าของพีทอย่างแรง เขาเองยังสั่นอยู่ พีทเริ่มหน้าถอดสี

"ไม่อ่ะ พีทไม่รู้เรื่องพีทจำเป็นต้องดูด้วยเหรอ"

"บอกให้ดู อีแพศยา"

ตวาดออกมาเสียงดังกว่าเดิม ตาถลนนออกจากเบ้า พีทถึงกับสะอึก

"แทน"

พีทเองก็เริ่มที่จะสั่น แต่ก็ต้องเดินเอาแผ่นไปยัดเข้าใส่เครื่องเล่น ทันทีที่เครื่องอ่านแผ่นที่ใส่เข้าไป ภาพที่ฉายออกมาทางจอโทรทัศน์ พีทรีบกดปิดทันที

"ไม่ใช่พีทนะแทน บ้าเหรอ ใครกันทำเรื่องแบบนี้"

"ยังจะมาตอแหล มึงนี่หลอกกูมาตลอดใช่ไหม สัตว์"

ปรี่เข้ากระชากแขนทันที กำปั้นแน่นๆต่อยเข้าที่หน้าของพีท

"โอ๊ย แทน ฟังพีทก่อน แทนอย่า กรี๊ด"

กระหน่ำซัดหมัดใส่หน้าใส่ตัว

"ไม่ใช่พีทนะแทน แทนดูดีๆมันไม่ใช่พีท"

คร่ำครวญร่ำร้องอยู่ แทนทวีเองพอได้สติจึงถอยออกไป คราบเลือดกรังเต็มมือ

"ไหนมึงพิสูจน์ซิว่าไม่ใช่มึง นั่นมันหน้ามึง นั่นมันเสียงมึง แล้วไอ้นั่นมันเป็นใคร ห๊า อีสัตว์ ไอ้นั่นมันเป็นใคร"

"ปิ๊งป่อง"

เสียงกดกริ่งหน้าประตูคอนโดดังขึ้น พีทแทบจะเป็นลมล้มพับลงกับที่

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบแปด

"พี่แทนครับ นี่ภูมินะ"

ก่อนหน้านั้นระหว่างทางไปยังทองหล่อภูมิบุญยกโทรศัพท์ขึ้นตัดสินใจโทรไปหาแทนทวี ในใจไม่เหลืออะไรให้เขาแล้ว แม้จะยังมีเยื่อใยรักอยู่บ้างแต่มันก็ไม่มีอิทธิพลใดๆจะมาทำให้จิตใจในตอนนี้ไหวหวั่นได้

"เอ่อ ครับภูมิ ว่าไงครับ"

น้ำเสียงที่ดูห่างเหินยิ่งนานวันมันยิ่งดูดันความสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันห่างไกลกันออกไปนั่นมันยิ่งทำให้ภูมิบุญตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น

"ภูมิอยากจะบอกพี่แทนเรื่องของแฟนพี่น่ะครับ"

"หือ มีอะไรภูมิ มีอะไรกับพีทอีก"

"ภูมิไม่มีอะไรกับเขาหรอกครับ แต่อยากให้พี่แทนช่วยเตือนแฟนพี่ได้ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับภูมิอีก ภูมิยกโทษให้แล้ว ไม่ติดใจแล้ว"

"ภูมิ ทำไมไม่ลองถามตัวเองล่ะ ว่าเราทำอะไรไว้กับพีท เราสาดน้ำร้อนใส่เขานะภูมิ"

แทนทวีทำให้เลือดในกายร้อนแรงขึ้น ภูมิบุญเม้มปากหนักไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากของคนที่เคยรัก นี่สินะที่เขาว่าเวลาคนมันหมดใจ เยื่อใยอะไรสักอย่างมันก็ไม่มีเหลือให้กัน ทั้งที่แต่ก่อนจะเชื่อใจกันเป็นคนยังไงเขาก็รู้ดีมาโดยตลอด แต่นี่เขาเหมือนหลับหูหลับตาฟังความข้างเดียว แล้วเราจะมานั่งคร่ำครวญฟูมฟายอะไรให้เขาล่ะ

"อ้อ พี่แทนเชื่ออย่างนั้นใช่ไหมครับ งั้นอย่าหาว่าภูมิใจร้ายนะครับ"

กดสายทิ้งไปถอนหายใจออกมา สายตาที่ฉายออกมามันอัดแน่นไปด้วยความคับแค้นใจ เขาทำให้เจ็บจนแทบจะเดินหลับบ้านไม่ถูกไม่พอ หน้ามืดตามัวอีกต่างหาก

"มันว่ายังไงภูมิ"

เสียงทุ้มที่กำลังขับรถอยู่ดังขึ้นเรียกสติ

"อ้อ เขาหาว่าภูมิเป็นคนเริ่มก่อนครับ"

"เลว เห็นไหมภูมิ มันโง่เป็นควายแบบนี้ล่ะ ดีนะมันเข้าใจเลือกคบกัน เดนคนกับเดนคนมาอยู่ด้วยกันช่างเหมาะสมกันดีแท้"

"ครับ"

ภูมิบุญเม้มปากแน่น "อย่าหาว่าแรงนะพี่แทน เห็นแก่หน้าพี่แทนหรอกนะถึงโทรบอก แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ ไม่ไว้หน้าแล้วนะ" ภูมิบุญไม่เปล่งเสียงออกมาแต่คิดอยู่ในใจ

"ภูมิยังรักมันอยู่ไหม"

โตโต้ถามขึ้นเสียงเครียดแล้วเหลือบสายตามามอง

"พี่โต้ พี่โต้คิดว่าภูมิจะยังรักเขาอยู่ได้เหรอครับ ภูมิยอมรับว่าเมื่อก่อนที่ยังไม่รู้ยังรัก หรืออะไรไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าภูมิหูหนวกตาบอดไปก็แล้วกัน อย่าถามภูมิเลยครับว่าเหลืออะไรไว้ให้เขา มันไม่มีสักอย่าง"

น้ำเสียงของภูมิบุญทำให้โตโต้ยิ้มออกมาอย่างพอใจในคำตอบ

เสียง เพลงที่ดังกระหึ่มอยู่นั้นไม่ได้ทำให้คนที่ใส่ชุดดำตัวเล็กเคลิบเคลิ้มหรือเพลิดเพลินไปด้วยเลย ในใจมันร้อนเหมือนสุมไฟกองใหญ่อยู่ มือเริ่มสั่นเพราะความโกรธที่ขังอัดแน่นอยู่ในใจ สายตาคอยจับจ้องอยู่ที่หน้าประตู ระบายลมหายใจออกมาช้าๆเหมือนกำลังควบคุมมันอยู่ ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกาย คอยกุมมือไว้บีบเบาๆให้คลายความร้อนในใจลง แต่ไม่เลย ภูมิบุญเหลือบไปเห็นทันที่กำลังเดินเข้ามา ทันเหลือบสายตามามองแล้วเดินตรงเข้ามานั่งโต๊ะข้างๆทำเป็นไม่รู้จักกัน แค่เพียงไม่นานที่ทันกดโทรศัพท์ส่งข้อความออกไป ร่างของคนที่รอคอยก็เดินเข้ามาหาทัน แต่พอปราดสายตาไปเห็นภูมิบุญที่นั่งเบิกตาโพลงอยู่ก็ชะงักเท้าสีหน้ามองไม่ชัดว่าสลดหรืออะไรแต่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเขาก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"มานานแล้วเหรอทัน"

ทักทายขึ้นทันทียิ้มเต็มดวงหน้าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

"เพิ่งมา"

"อ้าว น้องภูมินี่ มาเที่ยวด้วยเหรอ"

ยังไงก็ต้องทักเพราะโต๊ะอยู่ติดกัน ภูมิบุญไม่ตอบแต่จ้องหน้าไม่วางตา

"ต๊าย นึกว่าจะกินนมนอนอยู่กับบ้าน เที่ยวเป็นด้วยเนอะ"

"เฮ้ย พูดอะไรระวังปากหน่อยนะมึง"

โตโต้โพล่งขึ้นสายตาเกรี้ยวกราด พีทถอยร่นไปหลบหลังทัน ภูมิบุญบีบมือของโตโต้เอาไว้แล้วส่ายหน้าให้ เขาจึงยอมนิ่ง

"ต๊าย นี่แฟนใหม่เหรอน้องภูมิ ไวนะ ได้ข่าวเพิ่งโดนแทนเขี่ยทิ้งนี่ เร็วเหมือนกันนะเรา"

"หึหึ ชอบเล่าจังนะครับเรื่องเก่าๆน่ะ ของเก่าของภูมิน่ะเหรอครับ ได้ข่าวเหมือนกันนี่ว่ามีคนชอบกินของเหลือเดน"

เน้นคำว่าเก่าภูมิบุญเองยังบีบมือโตโต้อยู่

"แก"

"ทำไม พูดแค่นี้เดือดเหรอ ทีว่าคนอื่นว่าเอาๆ เจ็บเป็นรู้สึกด้วยเหรอ นึกว่าหน้าหนาไม่รู้สึกเสียอีก"

พีทกัดปากตัวเอง บริเวณนั้นถูกกันคนออกไป อีกทั้งยังไม่ดึกมาก ทันเองติดต่อไว้กับเจ้าของร้านที่เขารู้จักไว้แล้ว พีทยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจกัยสิ่งที่ภูมิบุญพูด ยิ้มร่าเริงคลอเคลียกับทัน

"เก่งนะจ๊ะน้องภูมิ เห็นหงิมๆแบบนี้แอบแรงนะเนี่ย ต๊าย แทนอยู่กับงูพิษมานานเหมือนกันนะเนี่ย"

"อย่างน้อยก็ไม่ตีสองหน้าลิ้นสองแฉก ร่านหาคนนั้นคนนี้หรอกนะ แล้วที่ออกมาร่านแรดเนี่ย ของเก่าผมเขารู้ไหม อ้อ ลืมไปมีเขานี่นะ คงนอนเทิดทูนเป็นควายอยู่ที่บ้าน"

"มากไปแล้วนะ แกกล้าดียังไง"

แว้ดเสียงขึ้นถลึงตาใส่ ภูมิบุญเองก็ใช่ว่าจะกลัว ลุกขึ้นเหมือนกัน ทันดึงมือของพีทเอาไว้

"อ้อ พี่ไม่ถือสาหรอกนะ คนการศึกษาน้อยน่ะ คงถนัดแต่พูดเรื่องแบบนี้สินะ ลืมบอกไป คิดงานเก่งนะน้องภูมิ แขกชอบทุกคนเลย นับถือนับถือ"

โตโต้ลุกขึ้นตบโต๊ะทันที ภูมิบุญจับมือเอาไว้ ส่งสายตาที่คมกริบมองโตโต้ให้หยุด เขาเองก็หยุดกัดฟันอยู่ ท่าทางของพีทที่ดัดจริตทำท่ากลัวยิ่งยั่วโมโหเขามากกว่าเดิม

"เรื่องนั้นน่ะเหรอครับ ไม่ถือสาครับ ถือว่าทำทาน น่าสงสารจังอุตส่าห์บินไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีสมอง ไม่ได้อะไรกลับมาเลยเหรอครับ หรือว่ามัวแต่ร่านหาดุ้นของผู้ชาย เอ๊ะหรือว่าโดนมากไป สมองเลยฝ่อ"

"แก"

"พอแล้วคุณ ไปๆอย่าไปมีเรื่องกับเขา"

ทันทำท่าห้าม

"คุณเห็นมันว่าพีทไหม มันเป็นใครมาว่าพีทแว้ดๆ"

"คุณเองก็ว่าน้องเขานี่"

"นี่คุณ"

พีทกัดฟัน ภูมิบุญไม่ยอมหยุดง่ายๆ

"เรื่องที่ทำไว้น่ะ อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายๆนะ และรู้เอาไว้ด้วย ว่าคนที่จบที่เมืองนี้บ้านนี้ล่ะ จะทำให้คุณจนหนทางไป"

"แกมีปัญญาจะทำอะไรชั้น หาไอ้หน้าจืด"

"นี่ไง"

สาดเหล้าใส่หน้าทันที

"อ๊าย ทันช่วยด้วย"

ถ้าอยู่กับเพื่อนจะสาดคืนหรือไม่ก็โผเข้าหาแล้ว แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ค้ำคออยู่ พีทได้แต่แสดงจริตออกมาหลบอยู่หลังทัน

"ไปๆ ไปล้างหน้าล้างตา ผมไปรอข้างนอกไปที่อื่นกันดีกว่า"

"ฮึ แกจำไว้นะไอ้ภูมิ"

พีทเองก็ยังไม่ยอมหยุด โกรธท่วมใจแต่ทำอะไรไม่ได้

"พี่โต้ ไปรอภูมิที่รถ"

"ภูมิ ไม่ได้พี่ไปด้วย"

"ภูมิขอล่ะครับ ภูมิยังสะสางไม่จบ"

"ไม่"

"บอกให้ไปรอที่รถ"

เด็ดขาดด้วยคำพูดและสายตา โตโต้ชะงักไป เคยเห็นฤิทธิ์แล้ว รู้แล้ว ซึ้งแล้ว ได้แต่พยักหน้าทำหน้าเจื่อนๆเดินออกมา พอเห็นโตโต้เดินออกมา ทันเองก็เข้าไปแนะนำตัวกับโตโต้ ส่วนภูมิบุญเดินตามเข้าไปในห้องน้ำแล้ว

"ว่าไง"

ภูมิบุญถีบประตูเข้าไปในห้องน้ำเสียงดัง ตอนนี้ไม่มีใครเลยในห้องน้ำ มีเพียงพีทที่หน้าตาบึ้งตึงอยู่ กำลังวักน้ำใส่เสื้อล้างคราบเหล้าออก

"แกจะเอายังไง กล้าตามมาถึงนี่เลย โอ๊ย"

ไม่ยอมให้อ้าปากพูดให้จบ ถีบเข้าไปที่กลางตัว พีทล้มหงายหลังไปหลังชนผนัง

"มึงทำอะไรไว้กับกู สัตว์"

ปรี่เข้าไปเตะซ้ำ

"โอ๊ย ช่วยด้วย มึง"

พยายามดิ้นหนีไปตั้งหลัก ก่อนที่คลานจะเกาะประตูห้องน้ำพยายามดันกายขึ้นมาได้

"พลั่ก"

"โอ๊ย"

ภูมิบุญถีบเข้าที่กลางหลังพีทหัวขมำไปอีกหน้าซุกลงกับโถชักโครก แต่ก็พยายามเอามือดันขอบโถเอาไว้

"มึงจำไว้ให้ดี อย่าคิดว่ามึงแน่แค่คนเดียว มึงคิดเหรอว่าคนอื่นเขาจะง่อยเหมือนผัวมึง อย่ามาวอแวกับกู จำไว้"

เอาเท้าเหยียบหัวลงกับชักโครกจนหน้าจุ่มลงไปปริ่มกับน้ำ ภูมิบุญเอื้อมมือไปกดชักโครกทันที

"ว้ายย ช่วย"

"ร้อง มึงร้องเลย อย่ามาแรงใส่กู จำไว้"

พายุร้ายวิญาณเลวเข้าสิงสายตาที่จ้องมองร่างที่ดิ้นพยายามดิ้นหนีออกจากการเกาะกุมอยู่นั้นมันเหมือนจ้องมองของเน่าเหม็น ภูมิบุญใช้แรงทั้งหมดของมือออกแรงกระชากฝาชักโครกออกมา ปล่อยเท้าลง

"ไอ้ชาติ โอ๊ย" "โพล๊ะ"

โชคยังดีที่เป็นแค่พลาสติกราคาถูกไม่ใช่กระเบื้อง ภูมิบุญกระหน่ำฟาดใส่หัวของพีท ไม่มีเลือดมีแต่น้ำที่กระเด็นออก

"ภูมิๆ พอแล้ว"

ทันกับโตโต้วิ่งเข้ามาโตโต้ดึงร่างของภูมิบุญออกดึงออก เสียงร้องของพีทระงมอยู่คับห้องน้ำ

"ฮ่า เลว สัตว์ มึงกล้าทำแบบนี้กับกูเหรอ"

พอเงยหน้าขึ้นมาหายใจได้ พีทก็ปรี่เข้ามาไม่ยอมเช่นกัน

"พลั่ก โอ๊ย"

ปรี่เข้ามาก็โดนถีบออกไปหลังชนผนังห้องน้ำ

"ยังไม่พอใช่ไหม หา"

ภูมิบุญดิ้นออกจากการเกาะกุมของโตโต้ รายนั้นพอเห็นท่าทางของพีทก็ปล่อยมือทันที ภูมิบุญโผเข้าหา เหยียบเข้าที่หน้าบี้ติดกับพื้นห้องน้ำ

"จำไว้ จำใส่หัวไว้ อย่ามาลองดี"

"ปล่อยกู ปล่อย"

พีทเองก็ดิ้นอยู่มือไม้คว้าจะกระชากเช่นกัน เขาไม่ยอมง่ายๆ ภูมิบุญก็ต่อยเข้าที่ท้องมือดึงรองเท้าของพีทออกมาฟาดเข้าไปที่ตัวเพราะเขาก้มหน้าเอามือป้องหน้าเอาไว้

"ยอมแล้ว พอแล้ว"

เขาร้องออกมา หน้าตาบวมช้ำน้ำตาไหลเปื้อนหน้า ไม่รู้ว่าน้ำจากตาหรือจากชักโครก

"พอเถอะภูมิ สกปรก"

โตโต้ดึงตัวของภูมิบุญออก

"จำเอาไว้ ถ้ายังไม่หยุด มันจะไม่ใช่แค่นี้ ถ้าคิดว่าแน่ให้มาเลย มีอะไรงัดมาเลย คราวนี้มันจะไม่ใช่แค่นี้ จำไว้ ทำกูเจ็บแค่ไหน มึงจะได้ไปสิบเท่า จำไว้"

ตะคอกออกไป พีทตัวงอนอนขดอยู่ สายตาของภูมิบุญมันไม่ใช่ตัวของเขาเลย แม้แต่โตโต้ที่มองสบตาสายตาคู่นี้อยู่ทุกวัน หรือแม้จะเคยเห็นความเกรี้ยวกราดแบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้มาก่อน โตโต้ต้องกอดตัวของภูมิบุญเอาไว้แน่น พอสงบลงก็พากันออกไปจากห้องน้ำ ภูมิบุญพยักหน้าให้ทัน รายนั้นก็เข้าไปประคองตัวของพีท

"คุณไปไหนมา ไม่มาช่วยพีท ฮึกๆ"

คร่ำครวญออกมาสะอึกสะอื้น มือก็กอดทันไว้แน่น

"ผมช่วยแล้วแต่แฟนมันจับตัวไว้ เจ็บไหมที่รัก"

แม้ในใจจะแสยะยิ้มสาแก่ใจแต่ปากก็พูดออกไปแบบนั้น

"พีทเจ็บใจ คอยดูนะพีทจะเอาคืน"

"คุณอย่าเลย น้องคนนี้ผมคุ้นๆหน้า เขาเป็นรุ่นน้องที่มหาฯลัย ตอนเรียนน่ะเคยมีเรื่องกันกับอีกคนเกือบตายนะคุณ แย่งผู้ชายกันนี่ล่ะ ไม่มีใครอยากจะยุ่งกับเขาหรอก"

พูดออกไปแล้วสังเกตสีหน้าท่าทางของพีท ซึ่งสลดซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

"ภูมิ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะพี่ขอ"

โตโต้พูดขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน

"ภูมิไม่ได้อยากทำแบบนี้ ภูมิ"

น้ำตาไหลออกมาเม้มปากแน่น พอมีสติคืนมาก็รู้สึกตัว สิ่งที่พยายามจะฝังมันลงไปในส่วนลึกที่สุดของใจ มันยังคงเผยออกมาทุกครั้งที่โกรธจัด บุคลิกที่ตัวเขาเองก็ไม่พึงใจ

"พี่รู้ภูมิพี่รู้ แต่พอแล้ว ต่อจากนี้พี่จะไม่ให้ภูมิเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว"

อยากจะจอดรถลงแล้วดึงตัวเข้ามากอดเหลือเกิน ร่างที่สะท้อนเพราะสะอื้นอยู่นั้นเหมือนเขาต้องการใครสักคน โตโต้ตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางทันที

"พี่"

เป็นภูมิบุญเองที่โผเข้าหา

"ครับภูมิ ไม่มีอะไรแล้วนะ"

กอดปลอบอยู่

"พี่รู้ว่าเราไม่อยากทำ แต่ครั้งนี้พี่ไม่ว่า พี่แค่ไม่อยากเห็นภูมิมีแววตาแบบนั้นอีก รู้ไหมพี่ใจหาย"

โตโต้เองก็พยายามปลอบประโลมอยุ่จนภูมิบุญเงียบลง

"รู้ไหมภูมิทำพี่กลัวนะเนี่ย"

โตโต้ล้อเลียนก่อนจะขับรถต่อไป

"กลัวก็อย่ามาแหย่สิครับ"

"ฮ่าๆๆ แบบนี้พี่จะไปไหนได้เนี่ย มีแฟนดุขนาดนี้"

หันขวับทำตาเขียวใส่ทันที

"พี่โต้"

ด้านทันพอพาพีทออกมาจากผับแล้วก็ทำท่าจะไปส่งที่คอนโด


"คุณ อย่าเพิ่งไปด้ไหมพาพีทไปไหนก่อนก็ได้ พีทไม่อยากกลับ"


"อ้าวจะไปไหนล่ะคุณ"


ทันร้องขึ้นถามเหลือบสายตามามอง


"ไปโรงแรมก่อนได้ไหม"


"เฮ้ยคุณ ไปทำไมคุณเจ็บขนาดนี้ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรคุณหรอกนะ"


"แต่พีทมี พีทไม่เจ็บหรอกคุณ ช่วยปลอบใจพีทหน่อยได้ไหม เนี่ยเจ็บไปหมดแล้ว"


ทันได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา


"เอาข้างทางเลยไหมล่ะ"


"ได้ ที่มืดๆหน่อยนะคุณ"


ไม่ได้เกรงกลัวหรือสะทกสะท้านแต่อย่างใด ร่างกายที่ระบมอยู่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขยาดเลยแม้แต่น้อย พีทเริ่มตั้งแต่พูดจบก้มหัวลงซุกหน้าขาของทัน ทันเองก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะต้องการทำให้เขาตายใจ


"เอาพีทแรงๆเลยคุณ เอาแรงๆ"


พอถึงเวลาก็ร้องขอออกมา ทันเองก็กัดฟันทำตามที่บอกเขาใส่ถุงยางอนามัยถึงสองชั้น โดยที่พีทไม่ทันได้สังเกต รู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะท่าทางของคนที่กำลังร้องครวญครางอยู่ต่อหน้านี้มันช่างน่ากลัวเสียจริง


"พีทมีความสุขที่สุดเลยคุณ อ่าแรงๆเอาแรงๆ เต็มที่เลย อ่า"


ปากก็พร่ำเพ้อออกมา ทันรีบขยับเอวให้เร็วถี่กว่าเดิม


"อ๊ะ ผมจะเสร็จแล้ว"


"อย่าเพิ่งเสร็จ อย่า"


รีบถอนตัวออกจากเนื้อหนันของทันรีบหันมา ทำเหมือนเดิมถึงถุงยางออกแล้วกลืนกินอย่างไม่รังเกียจ ทันเองที่เป็นฝ่ายแขยงขนลุกขนพองอยู่ แต่ก็ไม่หยุดคิด


"ช่วยพีทหน่อยสิคุณ"


"ออกไปนอกรถเดี๋ยวเปื้อน"


ทันบอกก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไปก่อน พอพีทก้าวตามลงมาก็ทำท่าเป็นรับโทรศัพท์ทั้งที่ไม่มีใครโทรเข้ามา


"หา อะไรนะ อยู่ไหน เออๆ เดี๋ยวไปเลย รอก่อน"


พีทยืนฟังอยู่สีหน้ายังดูปกติ ส่วนทันพอทำท่ากดสายทิ้งแล้วหันหน้ามามองพีทอย่างสลด


"ผมต้องไปก่อนนะคุณ ทวดเข้าโรงบาล เอาไว้มาต่อกันนะ"


"อ้าว แล้วพีทล่ะ"


"โทษทีผมจำเป็นคุณกลับเองนะ"


"คุณ เดี๋ยว คุณ"


ทันไม่ฟังเสียงรีบเดินอ้อนกลับไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งล็อครถทันทีก่อนจะบึ่งรถออกไป ส่วนพีทยืนอึ้งอยู่รีบดึงกางเกงขึ้น


"โว้ย มันวันอะไรวะ ซวยฉิบหาย"




พอกลับถึงห้องก็ตีหน้าเศร้าร่ำไห้ออกมาโผเข้าไปกอดแทนทวี



"พีท เกิดอะไรขึ้น นี่พีทไปโดนอะไรมา"


แทนทวีเองก็ร้องอกมาเสียงหลงหน้าตาตื่น


"แทน แทนดูสิ น้องภูมิเขาทำร้ายพีท"


"อะไรนะพีท ทำไมเลวแบบนี้"


แทนทวีก่นด่าออกมาสายตาเคียดแค้น


"พีทไปกินข้าวกับเพื่อน อยู่ๆน้องภูมิก็ปรี่เข้ามาทำร้าย แทน พีทไม่ยอมนะ มันเกินไป พีทเจ็บแทนจ๋า พีทเจ็บ"


"ฮึ แทนเองก็ไม่ยอมหรอกนะพีท ทำเกินไปแล้ว ทำไมเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้นะ ไม่น่าหลงรักคนแบบนี้เลย"


โพล่งออกมาสายตายังเขียวขุ่น ส่วนพีทก็ซุกอยู่ในอกแล้วแสยะยิ้มออกมาทางปากเหมือนนางร้ายในละครเขาทำ แม้จะยังสะอื้นอยู่ แทนทวีก็กอดปลอบอยู่


"เอาสิภูมิ ชั้นไม่นักเลงสู้แกหรอก แต่อย่าคิดว่าชั้นจะยอม ไม่ได้ด้วยเล่ห์แกก็ต้องเจอชั้นด้วยกล คอยดู"


คาดโทษเอาไว้ในใจสายตาฉายความเคียดแค้นออกมา

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบเจ็ด

"ป๊อด นังปริมมันจะแต่งงานอาทิตย์หน้าใช่ไหม"


พีทกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่สนิทที่สุดที่เคยร่วมปาร์ตี้กัน

"ใช่การ์ดแกก็ได้ไปแล้วนี่ หรือไม่ได้ดู"

"อีนี่ ชั้นถามเพื่อความมั่นใจ โอ๊ยไม่คุยด้วยแล้ว รำคาญ"

พีทหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เพื่อนแล้วกดสายทิ้งก่อนจะกดเบอร์โทรสัพท์ที่ต้องการแล้วกดสายโทรออก

"ไม่ได้หรอกแก ชั้นวางมัดจำไปแล้ว งานจะเริ่มอยู่แล้วการ์ดก็แจกหมดแล้ว แกจะให้เปลี่ยนแบบนี้ไม่ได้หรอก"

เสียงของเพื่อนว่าที่เจ้าสาวเอ่ยขึ้น

"ไม่ได้เลยเหรอแก ชั้นจะจัดให้เลยนะ"

"แกไม่ลองไปถามนังแคทดูล่ะ มันท้องกับซ้งเห็นมันบอกแม่มันจะจับแต่งงานอยู่นี่"

"เหรอแก งั้นแค่นี้นะ"

เมื่ออีกฝ่ายไม่เอื้อผลประโยชน์ก็วางสายแล้วกดโทรศัพท์ไปหาอีกคนทันที

"อีกแค่อาทิตย์เดียวเองนะครับคุณกานดา ตอนนี้ที่โน่นเราเซ็ทของเตรียมไว้พอสมควรแล้ว วันนี้ภูมิเอาตัวอย่างอาหารโบราณมาให้ลองชิมดู ไม่ทราบว่าพอได้ไหมครับ"

ภูมิบุญกับหินเองก็กำลังเสนองานอยู่ ทางฝ่ายกานดาเองชอบใจกับสิ่งที่ภูมิบุญนำเสนอยิ่งนัก

"ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะน้องภูมิ พี่กานพอใจกับแผนงานมาก รอแค่ถึงวันงานเท่านั้นเอง ไม่ห่วงอะไรแล้ว อาหารก็ถูกใจพี่มากค่ะขอบคุณมาก"

กานดายิ้มออกมาภูมิบุญค่อยโล่งใจ

"เดี๋ยววันพุธพี่จะล่วงหน้าไปที่งานก่อนนะครับน้องภูมิ แล้วน้องบาสสอบเสร็จหรือยังครับ"

หินถามขึ้นระหว่างทางกลับบริษัท

"สอบเสร็จแล้วครับภูมิกับบาสว่าจะไปเช้าวันพฤหัสน่าจะถึงตอนบ่าย ทำทั้งวันน่าจะพอ เรื่องการเตรียมงานเรียบร้อยดีนะครับคุณหิน"

"เรียบร้อยดีครับ ของเราพร้อมแล้ว ดอกไม้ก็คืนวันพุธน่าจะถึง ส่วนอาหารก็ถึงวันงานครับ สถานที่ก็เหลือแค่ไปตกแต่ง"

"ถ้ามีอะไรเร่งด่วนบอกภูมิได้เลยนะครับ"

ภูมิบุญเองนั่งตำแหน่งควบคุมงานเกี่ยวกับการจัดอีเวนท์เต็มตัวแล้ว โดยมีหินเป็นผู้ช่วยส่วนด้านพีอาร์ให้เมย์คอยดูแลให้ งานทุกอย่างในบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่น คุณอภิสราเองก็วางมือแล้วไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว โตโต้เองก็นั่งแท่นผู้บริหารเต็มตัว มีภูมิบุญเป็นผู้ช่วย

"วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านสักวันไหมภูมิ"

โตโต้ถามขึ้นเมื่อกลับถึงบริษัท

"ได้ครับเดี๋ยวจะได้ชวนบาสไปด้วย"

"ไปกับพี่สองคนไม่ได้เหรอภูมิ ให้บาสมันไปรอที่บ้าน"

โตโต้ส่งสายตาวิงวอน ภูมิบุญเองก็อึกอักอยู่

"นะครับภูมิ พี่ขอสักวัน"

"มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับพี่"

"เอ่อ ไม่มีหรอกครับ พี่แค่อยากกินข้าวกับภูมิสองคน ได้ไหมครับ"

เสียงนุ่มทุ้มเสียดใจเหลือเกิน ภูมิบุญได้แต่เม้มปาก กลับมาย้อนหวนคิดถึงใจตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าเขา เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านไป สิ่งที่เขาทำไว้กับตัว สิ่งนี้มันคาใจ สิ่งที่จริงๆแล้วอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดในใจนี่เรารู้สึกยังไงกับเขากันแน่ ภูมิบุญตั้งคำภามให้กับตัวเอง

"วันนี้วันเกิดพี่ สิ่งเดียวที่อยากได้ในโลกนี้คือการที่ภูมิมานั่งกินข้าวกับพี่แค่นี้ล่ะ"

โตโต้เผยความในใจออกมา สายตามองภูมิบุญหวานฉ่ำ

"อ้าวแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับพี่โต้ ภูมิจะได้เตรียมของขวัญให้"

ภูมิบุญพูดแก้เขินไป

"ไม่ต้องหรอกครับภูมิ แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว"

ทำไมหัวใจถึงเต้นแรง เหมือนเลือดในกายมันร้อนวิ่งพลุ้งพล่านอยู่ทั่วร่าง เกิดอะไรขึ้นทำไมหัวใจมันไหวเอนได้มากถึงเพียงนี้ ทำไมสายตาของเขามันช่างหวานเสียจริง หวานจนไม่อาจหลบไปไหนได้

"น้องภูมิคะ ทำไมทำกับพี่กานแบบนี้ ไม่ไว้หน้ากันเลย เห็นพี่กานเป็นอะไร พี่กานอุตส่าห์ไว้ใจ ทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง"

พอเช้าวันใหม่ ยังไม่ทันจะเที่ยงกานดาก็โทรศัพท์เข้ามาโวยวายกับภูมิบุญ ตกใจอึ้งงงไปหมด

"เอ่อ คุณกานดาใจเย็นๆนะครับ เกิดอะไรขึ้นครับ"

ไม่รู้จะถามอะไรออกไปดี เพราะน้ำเสียงของกานดาเหมือนคนทั้งโกรธทั้งร้องไห้ผสมกัน

"ยังมีหน้ามาถามอีก ไปเปิดดูนิตยาสาร"

กานกาบอกชื่อนิตยสารออกมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่พักใหญ่จึงวางสายไป

"น้องภูมิๆ แย่แล้ว มีคนก็อบตีมงานของคุณกานดาไป ทั้งดุ้นเลยน้องภูมิ"

แค่วางสายไปจริงๆหินก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น ในมือถือนิตยาสารในแวดวงสังคมไฮโซ ภูมิบุญใจสั่นระทึก โตโต้เองก็ลุกขึ้นเดินมาหา

"งานเพิ่งมีไปเมื่อคืนก่อน ดูเหมือนจะมีการเร่งพิมพ์ออกมาด้วยนะครับ ปกตินิตยาสารฉบับนี้จะออกทุกสิ้นเดือน เพื่อนพี่โทรมาบอก"

หินเปิดหน้าที่เหมือนเอามือสิบมือมารุมตบหน้าภูมิบุญให้ชาร้อนอยู่ ปากก็เล่าเรื่องราวที่น่าจะเป็นให้ฟัง

"ใครกัน เลวที่สุด"

ภูมิบุญแค่ปราดตาดูก็รู้ว่าชิ้นงานที่แสดงให้เห็นอยู่ต่อหน้าเป็นงานของตน งานของบาสที่คิดออกมา ตีมงานดอกไม้ แม้จะไม่ใช่ทุกอย่างแต่แกนหลักของงานมันเหมือนกันทุกอย่าง เหมือนกันชนิดที่เรียกว่าเป็นงานเดียวกันกับของคุณกานดาเลยก็ว่าได้

"ไม่ทราบเหมือนกันนะครับน้องภูมิ คนของเราไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆ เพราะแบบมีพี่กับต้น ในแผนกเท่านั้นที่รู้ ไม่มีทางครับน้องภูมิ"

"ไปพบคุณกานดากับผมหน่อยครับคุณหิน"

เสียงขรึมสายตาครุ่นคิดอยู่

"ไหวไหมภูมิ ให้พี่ไปด้วยไหม"

โตโต้เดินมาจับบ่าของภูมิบุญเอาไว้

"ไม่เป็นไรครับ ภูมิต้องไปขอโทษคุณกานดาด้วยตัวเอง"

ภูมิบุญบอกแล้วเดินออกจากห้องไป หินรีบวิ่งตามออกมา พลอยเองก็หน้าตาตื่นแต่ภูมิบุญได้แต่พยักหน้าให้ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเดี๋ยวเล่ารายละเอียดให้ฟัง

"บาสเหรอ สอบเสร็จยัง"

ภูมิบุญกดโทรศัพทไปหาบาสทันที

"เสร็จพอดีพี่ภูมิ วันสุดท้ายแล้วโล่งจังเลย"

"บาส แบบงานของคุณกานดาน่ะ ร่างให้พี่ใหม่ได้ไหมเอาวันนี้เลย บาสร่างไว้คร่าวๆอยู่แล้วใช่ไหม เอามาทั้งหมดมารอพี่ที่บริษัท"

"หา เกิดอะไรขึ้นพี่ภูมิ"

"เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง รีบหน่อยนะบาส"

ภูมิบุญกดวางสายจากบาสแล้วโทรบอกพลอย ไม่ให้พลอยพูดอะไรแค่เล่าในสิ่งที่จำเป็นต้องบอกกับบาส แล้ววางสายไป

"ใจเย็นๆนะครับน้องภูมิเรายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ"

"ใครเป็นออร์กาไนเซอร์งานนี้ครับ คุณหินสืบให้ได้ไหมว่าเจ้าสาวเป็นใคร เจ้าบ่าวเป็นใคร แล้วใครเป็นคนจัดงาน ตีมงานได้มาจากไหน ภูมิขอคำตอบก่อนไปถึงบ้านคุณกานดานะครับ"

ถือเป็นคำสั่ง หินรีบลนลานกดโทรศัพท์ออกไปหาเพื่อนทันที ภูมิบุญที่นั่งอยู่ข้างๆหันหน้าออกนอกกระจกเปิดดูในนิตยสารไม่มีชื่อบอกเอาไว้ เม้มปากแน่น พอจะดุดึงดันขึ้นมาหินเองถึงกับไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา สายตาของภูมิบุญดูโกรธจัดไม่ลงง่ายๆ

"แวะร้านดอกไม้ด้วยครับ"

ภูมิบุญบอกคนขับรถ เขาก็ตอบรับ กว่าจะไปถึงบ้านของคุณกานดาก็เกือบชั่วโมงเข้าไปแล้ว หินเองได้คำตอบแค่ใครเป็นเจ้าสาวกับเจ้าบ่าว แต่เรื่องคนจัดงานกำลังจะได้คำตอบ แต่ภูมิบุญลงจากรถไปแล้ว

"ฮึ พี่เสียใจมากนะคะน้องภูมิ ทำไมทำกันแบบนี้ แล้วนี่พี่ยังจะมีหน้าจัดงานไปได้ยังไง"

แค่เพียงเห็นหน้ากานดาเองก็ไม่ยอมมองหน้าโกรธจัด แม้คนที่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวจะพยายามบีบมือไว้

"ภูมิต้องขอโทษคุณกานดาด้วยนะครับ ภูมิไม่รู้จริงว่าตีมงานของเราจะไปซ้ำกับงานของคนอื่น"

"พี่ไม่รู้ล่ะค่ะ ยังไงก็ไม่เอาแล้ว ไม่ไว้หน้าพี่เลยอะไรกัน"

"ใจเย็นๆสิกาน ฟังน้องเขาก่อน"

ภูมิบุญก้มหน้านิ่ง

"ภูมิขอแก้ตัวได้ไหมครับ"

"ยังไงคะ งานพี่มีศุกร์นี้แล้ว แล้วนี่มันก็วันจันทร์ จะแก้ยังไงพี่ไม่เอางานที่ซ้ำกับคนอื่นนะคะ อะไรกันใช้ไม่ได้เลย"

ร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ ภูมิบุญได้แต่แน่นิ่งอึ้งอยู่ลำบากใจมากเหลือเกิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น

"แน่ใจเหรอครับน้องภูมิว่าไม่มีใครทราบเรื่องนี้"

"ครับคุณประภัส บริษัทเรามีคนรู้อยู่ไม่กี่คน ไม่มีทางจะออกไปจากทางบริษัทเราแน่ๆครับ อีกอย่างคนในงานก็ไม่มีใครรู้จักมักจี่"

"แล้วเพื่อนน้องภูมิคนนั้นล่ะคะ ที่เค้ามาขอไปงานของเราเราน่ะภัสจำได้ไหม"

กานดาพูดขึ้นทั้งน้ำตาภูมิบุญปราดตาขึ้นมองทันที

"คนไหนครับคุณกานดา"

"ชื่ออะไรนะภัส พีทหรืออะไรนี่ล่ะ"

ถอนหายใจออกมาภูมิบุญแสยะยิ้มออกมา

"คุณกานดาครับ นั่นไม่ใช่เพื่อนผม"

ภูมิบุญตัดสินใจเล่าเรื่องราวของพีทให้กานดาฟัง เรื่องที่เขาเคยแย่งแทนทวีไปจากเขาและเรื่องที่ไม่ลงรอยกัน

"ตายจริง นิสัยแย่มาก พี่กานก็ว่าอยู่ทำไมเขาถึงมาดึงแผนงานของพี่ไปดู"

"คุณกานดาไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวภูมิจะปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้ใหม่ ขออย่างเดียว ขอความไว้วางใจให้ภูมิอีกสักครั้ง นะครับคุณกานดา ภูมิต้องขอโทาด้วยที่ให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานของคุณกานดาเสีย"

ภูมิบุญอ้อนวอนน้ำตาปริ่มออกมา กานดาหันไปมองว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งพยักหน้าช้าๆ

"ไม่เป็นไรค่ะน้องภูมิ พี่กานเข้าใจ แต่ขออย่าได้ทำกับพี่กานแบบนี้อีก งานแต่งงานมันสำคัญมากสำหรับพี่กาน ยังไงพี่กานฝากด้วยนะคะ"


กานดาเองก็พูดออกมาเสียงเครือ เสียงที่บีบคั้นความรู้สึกได้ดีเหลือเกิน นี่เขากล้าทำเรื่องแบบนี้กับคนที่กำลังจะแต่งงาน เขาไม่รู้จักแยกแยะแม้กระทั่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเลยหรือ เอาความรักของคนอื่นมาเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเห็นเป็นสาแก่ใจตัวเองได้ยังไง
"บาส ไหนแผนงานพี่ขอดูหน่อย"

พอกลับถึงบริษัทก็เห็นบาสนั่งรออยู่กับโตโต้ในห้องทำงานแล้วมีพลอยเดินเข้ามาสมทบ

"คุณหินครับ เชิญคุณต้นด้วยนะครับ จะได้แจงงานกันเลย"

ภูมิบุญหันไปบอกหินรายนั้นรีบกดโทรศัพท์ไปบอกเพื่อนร่วมงานทันที

"เกิดอะไรขึ้นภูมิ ใครทำ"

โตโต้ถามขึ้นเสียงขรึม

"คิดว่าน่าจะเป็นแฟนที่แทนครับ เพราะเห็นเข้าไปหาคุณกานดาและอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของภูมิ แล้วขอดูแบบงาน"

"ชาติชั่ว มันจะเอายังไง"

โตโต้โพล่งขึ้นเสียงดุห้วนทันที

"เชี่ยที่สุด มันขโมยความคิดผมไปนะพี่"

"อีนี่ มันวอนซะแล้ว ต้องจัดการนะภูมิ"

คนในห้องก่นด่ากันทุกคน ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา

"ตอนนี้เรามาช่วยกันเลือกแผนงานแล้วส่งไปเสนอให้คุณกานดาก่อนดีกว่า เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น พลอยเตรียมจดให้เราด้วยนะ"

ภูมิบุญบอกเพื่อนรักพลอยเองก็พยักหน้าแม้จะยังโมโหอยู่

"พี่ไม่ยอมนะภูมิ พี่จะให้คุณอนิรุธจัดการ"

"ครับพี่โต้ เรื่องนั้นเราค่อยว่ากัน ภูมิเองก็ไม่ยอม"

ภูมิบุญหันไปพูดกับโตโต้แล้วหันมาที่บาสที่ทำหน้าสุดเซ็ง

"ไหนบาส อ้อคุณต้นเชิญครับ"

พอเห็นหินเดินเข้ามาพร้อมกับต้นก็เชิญให้นั่ง ภูมิบุญยืนอยู่ข้างๆโตโต้กับบาส ก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะรับแขกในห้องแล้วนั่นล้อมวงกันอยู่

"คุณกานดาครับ ภูมิขอรบกวนอีกอย่างได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าคุณประภัสชอบสีอะไรครับ หรือชอบดอกไม้ไหม"

พอคุยกันไม่ลงตัวสักทีก็กดโทรศัพท์ไปหากานดาอีกรอบ

"ชอบสีส้มโอรสค่ะน้องภูมิ ส่วนดอกไม้ไม่เห็นพี่ภัสชอบนะคะ"

"ขอบคุณมากครับคุณกานดา อีกไม่เกินชั่วโมงภูมิจะส่งเมล์ไปให้ดูนะครับ"

ภูมิบุญกดวางสายแล้วหันหน้ามองทุกคน

"แบบนี้เป็นไงพี่ ถ้าเขายังอยากได้ดอกไม้สีขาวอยู่ แล้วถ้าชอบสีส้มๆอ่ะ"

บาสลากเมาส์ไปมาบนโน๊ตบุ้กของตัวเองแล้วหันไปให้ภูมิบุญดู

"บาส"

ภูมิบุญร้องออกมาตาโต ทุกคนจึงมาล้อมวงกันดู

"โห สุดยอดบาส พี่ยอมเราจริงๆ แน่มากๆ"

หินร้องขึ้นบ้าง

"ไหน"

โตโต้ร้องออกมาบ้างแล้วไปเกาะบ่าบาส

"เออ เข้าใจทำ เรามีหัวทางด้านนี้จริงๆนะพี่ว่า รีบเรียนให้จบเร็วๆแล้วมาช่วยพี่ภูมิเขาทำงาน"

"แหมเฮีย อันนี้แค่ร่างๆครับ ผมขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะเอาให้แจ่มกว่านี้ ผมรับรอง"

บาสพูดแล้วดึงเครื่องกลับเข้าหาตัวเอง ที่เขาร่างไว้คือแบบที่เน้นดอกไม้สีขาวสลับกับสีส้มอมชมพู ป้ายชื่อของคู่บ่าวสาวก็ทำขึ้นด้วยดอกไม้เน้นกุหลาบขาว แบบที่วาดออกมามันสวยเตะตาทีเดียว ภูมิบุญเองก็ปรึกษากับลูกทีมว่าต้องการอะไรเพิ่มลดอะไรบ้าง แจงงานให้ทุุกคน หินจากที่จะไปเขาค้อวันพุธก็ออกเดินทางไปพร้มต้นเลยหลังจากที่ได้รับงานเสร็จ ส่วนบาสพอร่างแบบลงสีเสร็จก็ให้ภูมิบุญปรับแก้อีกนิดหน่อยจึงส่งแบบไปให้กานดาอนุมัติ

"น้องภูมิ ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ สวยกว่าอันที่แล้วอีก ขอบใจมาก"

เสียงเหมือนร้องไห้ออกมาอีก

"คุณกานดาชอบใช่ไหมครับ ภูมิขอโทษอีกครั้งที่ทำเรื่องน่าอายแต่ครั้งนี้คนที่เห็นคือภูมิกับทีมงานห้าคนเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกภูมิจะรับผิดชอบเองครับ"

ภูมิบุญแสดงความรับผิดชอบออกไป กานดาเองก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น พอคุยอยู่กับกานดาสักพักก็วางสาย แล้วหันมาพยักหน้าให้บาส

"อ่า โล่งใจหน่อย แต่โต๊ะต้องเปลี่ยนใหม่นะพี่ เราไม่ขาดทุนเหรอ"

"อืม พี่ว่าเราให้ช่างต่อเป็นอีกชั้นได้ไหม เพราะของเราที่มีเป็นไม้ทึบ ถ้าให้ช่างต่อวันนี้น่าจะทัน"

ภูมิบุญกดโทรศัพท์ออกไปหาหินสั่งงานออกไป

"ภูมิ เราโตขึ้นเยอะมากเลยนะ พี่ภูมิใจในตัวเราจริงๆ"

โตโต้พูดขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน มีบาสนั่งเปิดคอมฯอยุ่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจ

"ขอบคุณครับพี่โต้ แต่ไม่หรอก มันเป็นความรับผิดชอบของภูมินี่ครับ"

"แล้วเรื่องนี้เราจะจัดการยังไง พี่จะเล่นให้หนักเลยนะ"

"ภูมิมีวิธีของภูมิครับพี่โต้ไม่ต้องห่วง"

ฉายแววตาที่ไม่ค่อยได้เห็นในช่วงหลังออกมา แววตาที่แค้นระอุ แววตาที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงของความเคียดแค้นที่พร้อมทุกเมื่อที่จะประทุออกมา

"พี่ทันเหรอครับ ภูมิรบกวนอะไรพี่ทันหน่อยสิครับ"

พอกลับถึงบ้านก็กำชับทั้งสองคนไม่ให้เอ่ยเรื่องนี้ที่บ้านอีก ไม่อยากให้คนในบ้านต้องเป็นกังวลใจ ภูมิบุญนั่งอยุ่ในห้องพักของตัวเอง เล่าเรื่องให้ทันฟัง

"ให้พี่ทำยังไงว่ามาเลยครับภูมิ"

บอกความประสงค์ออกไปทันเองก็รับฟังอยู่

"พี่ทันอย่าลืมนะครับว่าเราจะต้องไม่รู้จักกัน และต้องมั่นใจว่าที่ตรงนั้นภูมิจะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่"

"ฮ่าๆๆ อย่าเอาให้ถึงตายนะภูมิ ปล่อยไว้ให้พี่เล่นมันด้วย"

พอวางสายจากทันภูมิบุญเองก็อาบน้ำชำระร่างกายแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยีนส์สีดำเหมือนคราวที่ไปงานวันเกิดของนิตาคราวนั้น

"ภูมิจะไปไหน"

โตโต้เห็นภูมิบุญกำลังจะเดินออกจากบ้านไป การแต่งตัวที่ไม่เคยเห็นมานาน นานจนจำไม่ได้

"ภูมินัดคุยงานกับคุณกานดาอีกน่ะครับพี่โต้"

"อย่ามาหลอกพี่ จะไปไหน"

โตโต้จับข้อมือไว้แน่นสายตาเค้นเอาคำตอบ ภูมิบุญถอนหายใจออกมา

"จะไปเจอพี่แทน ภูมิจะไปคุยให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไง"

"ทำไมไม่บอกพี่สักคำ"

เสียงห้วนดุขึ้นทันที

"ภูมิไม่อยากให้"

"ไป ไปด้วยกัน ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก รุ้ไหมว่าพี่เป็นห่วง"

โตโต้ทั้งที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา ดึงแขนภูมิบุญไปที่รถ

"พี่โต้ ไปเปลี่ยนกางเกงก่อนดีไหม เดี๋ยวเข้าผับไม่ได้"

ภูมิบุญร้องออกมา โตโต้นิ่งคิดอยู่ก่อนที่จะลากแขนภูมิบุญขึ้นไปบนห้องด้วยเพราะกลัวว่าจะหนีไปคนเดียว ภูมิบุญไม่ได้ขัดขืนอะไรเดินตามโดยดุสดี ไม่มีอะไรต้องปิดใคร จะมามัวแอบเก็บงำเอาไว้ในใจแล้วแก้ปัญหาไปคนเดียวน่ะหรือไม่มีทาง เรื่องจริงคือเรื่องจริง ความจริงแม้จะตีไข่ใส่สีไปบ้าง แต่มันจะต้องไม่อยู่ในใจเพียงคนเดียว

"คุณออกมาเจอกันหน่อยสิ ที่เดิมนะ คิดถึงอยากเจอ"

ทันเองก็ทำตามคำขอของภูมิบุญกดโทรศัพท์นัดแนะกับพีททันที

"คิดถึงพีทเหรอคุณ ได้สิเดี๋ยวไปที่เดิมนะ"

รายนั้นกำลังดีใจจากคำชมจากงานที่เขาฉกมันมาจากคนอื่น ปัญญาของคนอื่นแต่เขากลับลอยหน้าลอยตา บอกว่า ผมครับ ผมทำเอง งานนี้เป็นฝีมือของผมเองครับ ไม่ได้ระแวงใจอะไร

เสียงเพลงในสถานที่อโคจรดังแว่วออกมา ภูมิบุญนั่งอยุ่มุมในสุดของร้านมีโตโต้นั่งประกบอยู่ สายตาของภูมิบุญยังมั่นคงเรื่องความแค้นไม่ได้คิดอยากจะทำแบบนี้ ไม่ได้อยากจะให้ความแค้นมันไม่ยอมไปไหนเสียที ให้อภัยเหรอได้นะ ให้อภัยอยู่แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วคนพรรค์นั้นคนจำพวกอย่างพีทเขาจะรับรู้ไหมว่าเราได้แผ่เมตตาให้ทุกคืน ให้หมดเวรหมดกรรมกันไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะยอมหยุด ไม่มีหรอกนะที่จะมานั่งส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีที่นี่ ทำอะไรมา ให้มันรู้เสียบ้างว่าคนอื่นเขาก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ตัวเองกำลังจะโดนอยู่นี้

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบหก

"คุณกานดาครับ นี่น้องภูมิครับคนดูแลงานของคุณกานดา"


เสียงของหินแนะนำให้รู้จักกับภูมิบุญ หญิงสาววัยรุ่นตอนปลายหน้าตาท่าทางดูดีมีสกุลยิ้มหวาน ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆก็ท่าทางไม่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นถึงฐานะของบุคคลทั้งสอง ภูมิบุญยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ยังดูเด็กๆอยู่เลยนะคะน้องภูมิ เก่งจังค่ะ"

"ยินดีที่ได้รับใช้เช่นกันครับคุณกานดา คุณประภัส ดูแบบงานแล้วหรือยังครับพอใช้ได้ไหมครับ"

"พี่กานชอบแบบนี้ค่ะน้องภูมิ ดอกกุหลาบสีขาว มีน้ำพุ สวยมากค่ะพี่กานชอบ"

กานดาเปิดสมุดรูปแบบของงานที่ตนชอบให้ภูมิบุญดู

"อ้อ แบบนี้น้องผมเป็นคนคิดเองครับ"

บาสเป็นคนคิดแผนงานนี้ขึ้นมา เพราะหลังจากทราบแก่นของงานว่าตัวคุณกานดาเองชอบดอกไม้สีขาว จึงคิดแบบนี้ออกมา ภูมิบุญยิ้มพอใจ

"จริงเหรอคะน้องภูมิตายจริงเก่งทั้งน้องทั้งพี่เลยนะคะ ส่วนเรื่องอาหารพี่กานอยากได้เป็นอาหารไทยโบราณน่ะค่ะน้องภูมิ สลับกับค็อกเทลจัดเป็นมุมได้ไหมคะ"

ภูมิบุญเอาปากกาขึ้นมาจดอย่างตั้งใจ

"น้องภูมิครับ ท่าทางคุณกานดาชอบน้องภูมิมากเลยนะครับ พี่ว่ายกงานนี้ให้น้องภูมิดูแลไปเต็มตัวดีกว่า เพราะพี่มีอีกงานเป็นงานเปิดตัวสินค้าที่เชียงใหม่ จะได้ลงงานนั้นเต็มตัวไปเลย"

หินพูดขึ้นระหว่างเดินออกมาจากการพบกานดา

"จะดีเหรอครับคุณหิน ไม่ดีกว่าครับ ภูมิอยากช่วย มันเป็นงานของคุณหินอยู่แล้ว ไม่เอาหรอกครับ ภูมิเป็นที่ปรึกษาให้คุณหินดีกว่า"

"โห น้องภูมิพี่คิดว่าจะได้สบายหัวซะหน่อย ไม่เป็นไรครับ แต่งานนี้คุณกานดาเขารีเควสตัวน้องภูมิเลยนะครับ"

"ไปแน่ครับคุณหิน"

ทั้งสองเดินออกมาจากร้านอาหารที่นัดคุยกัน เดินไปขึ้นรถก่อนกลับเข้าบริษัท

"หึหึ เดี๋ยวแกเจอชั้นหน่อยสิไอ้ภูมิ"

มีสายตาอยู่คู่หนึ่งที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา พีทก้าวลงจากรถแล้วเดินปรี่เข้าไปข้างในร้าน เขาสืบทราบมาว่ากานดากับภูมิบุญนัดคุยงานกันที่นี่ เขาจึงตามมาสังเกตการณ์

"อ๊ะ คุณกานดาใช่ไหมครับ สวัสดีครับ ผมพีทนะครับ จากเอ็นออร์การ์ไนเซอร์ พีทขอรบกวนเวลาคุณกานดาสักนิดได้ไหมครับ"

พีทถือวิสาสะเข้าไปทักทายโดยที่คนทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงๆ พีทนั่งลงต่อหน้าทันที

"ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ"

"อ้อ คือพีทจะมาแสดงความยินดีด้วยกับคุณกานดากับคุณประภัสน่ะครับ พีทเป็นเพื่อนกับน้องภูมิ เห็นน้องภูมิบอกว่าคุณกานดาจะไปจัดงานแต่งที่เขาค้อ ถ้าไม่รบกวนวันงานพีทขอไปช่วยอีกแรงได้ไหมครับ พอดีขอภูมิเขาแล้ว เขาบอกว่าให้มาขอคุณกานดาเอง"

ทั้งสองมองหน้ากัน

"เอ่อ แล้วแต่น้องภูมิสิคะ ไม่เห็นต้องมาขอกานเลย"

"อ้อ ไม่ได้หรอกครับคุณกานดา เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่ใครจะเข้าจะออกง่ายๆไม่ดีแน่ๆ จริงไหมครับ แบบงานที่เลือกไว้แบบนี้เหรอครับ ตายจริงสวยมาก"

ถือวิสาสะหยิบแบบงานที่วางอยู่ข้างๆกานดาขึ้นมาดู สายตากวาดมองอย่างรวดเร็ว

"เนี่ยคุณกานดาทราบไหมครับ ว่าน้องภูมิน่ะเก่งมากจัดหลายงานมีแต่คนประทับใจ แต่พีทเองก็จัดงานแต่งนะครับ มีอะไรเราปรึกษากันตลอด อยากเห็นวันงานเร็วๆจังเลยนะครับ"

สายตาไม่ได้ใส่ใจปฏิกริยาของคนทั้งคู่เลย พูดในสิ่งที่ตนอยากพูด เข้าประเด็น พอไม่มีอะไรจะพูดต่อก็ขอตัวเดินหนีออกมาทันที

"เราจะได้เห็นกัน คิดแบบงานเก๋ดีนี่"

สายตาฉายออกมาแล้วแสยะยิ้มออกมา

"บาสเก่งมาก เจ้าของงานเขาชอบแบบที่บาสเลือกมากนะ เสร็จงานนี้พี่จะเพิ่มค่าขนมบาสด้วยนะ"

ภูมิบุญพูดขึ้นตอนกลับบ้านเพราะวันนี้บาสจะไปค้างที่บ้าน

"จริงเหรอพี่ โห ดีใจจังอ่ะ"

บาสร้องขึ้นสีหน้าท่าทางดูดีใจ

"เก่งมากบาส รีบเรียนให้จบนะจะได้ออกมาช่วยพี่ภูมิ"

โตโต้เสริมเอี้ยวคอมายิ้มให้

"ครับเฮีย ผมจะตั้งใจเรียน ดีใจจังเลย"

"ยังมีแบบที่คิดไว้อีกหลายแบบใช่ไหม พี่จะได้เอาไปเสนอลูกค้าคนอื่น"

"มีเยอะเลยพี่ ผมว่างๆคิดไว้ตลอด เวลาพักกลางวันก็นั่งคิด"

"เรียนก็เรียน ว่างค่อยคิดดิบาส"

เสียงเข้มดุขึ้นมา บาสทำหน้าจ๋อยลง

"พี่โต้อย่าว่าบาสเลยครับ ดีกว่าเอาเวลาว่างไปทำอย่างอื่น เดี๋ยวนี้ทำโฟโต้ช็อปเก่งแล้วนี่ วันก่อนบาสยังมาสอนภูมิเลย"

คนที่นั่งเคียงข้างมาปราม โตโต้จึงเงียบไป บาสเองแอบยิ้มออกมา

"แทน วันนี้ออกไปข้างนอกไหม"

"ไปไหน"

"ไปกินข้าวสิแทน เป็นไงบ้างงานของแทนน่ะ"

พีทถามขึ้นหลังจากวางกระเป๋าลงบนโซฟาเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม

"อืมก็ดีนะ ไม่มีอะไรมาก ของพีทล่ะ"

"ก็ดี ไม่น่าเบื่อ มีอะไรสนุกๆให้ทำเยอะ หึหึ"

สายตาจ้องมองไปแล้วแสยะยิ้มออกมาเหมือนเคย ทั้งคู่ตกลงไปทานข้าวเย็นกันที่โรงแรมชื่อดังแถวสุขุมวิท

"กินอาหารอิตาเลียนเนอะแทน ไม่ได้กินมานานแล้ว"

"อืม ได้ๆ"

แทนทวีดูเนือยๆไปเพราะเวลาทำงานก็ทำงานหนัก และความเครียดที่ครอบครัวมอบให้มันก็สุมรุมอยู่ เพราะทางบ้านไม่มีใครคุยกับแทนทวีนอกเรื่อง ไม่ถามสารทุกข์สุกดิบ คุยแค่เรื่องงานสองสามคำ หน้าตาของแทนทวีเศร้าหมองลงมาก พอเดินเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนก็เลือกที่นั่ง สายตาของพีทเหลือบไปมองเห็นหญิงชายคู่หนึ่ง สะดุดตากับฝ่ายชายที่หน้าตาดูผุดผ่องต้องตาเป็นยิ่งนัก

"เอาตรงนี้ดีกว่าแทน"

เลือกที่นั่งถามออกไปแต่นั่งลงบนเก้าอี้แล้ว แทนทวีเองก็ไม่ได้สังเกตนั่งตาม พีทเลือกที่นั่งที่หันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม พอสั่งอาหารระหว่างรอก็ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มโปรยเสน่ห์ ส่วนฝ่ายนั้นเริ่มรู้ตัวสะกิดบอกแฟนสาว ทั้งสองคุยกับซุบซิบอยู่ ส่วนพีทเองพอเห็นว่าทั้งสองรู้ตัวจึงเปลี่ยนมุมมองไปทำเป็นไม่สนใจ พออาหารมาก็ลงมือทานกัน แต่ต้องหยุดลงเพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะเห็นว่าเขาถามพนักงานเกี่ยวกับทางไปห้องน้ำ พอพนักงานบอกเสร็จเขาก็เดินออกไป พอพ้นแค่ประตูร้านอาหารพีทก็ลุกขึ้นบ้าง

"ไปห้องน้ำแป๊บนะแทน"

พีทลุกตามไปทันที พอเข้าไปในห้องน้ำก็มองไม่เห็นชายคนนั้นที่โถปัสสาวะ แต่เห็นประตูห้องน้ำปิดอยู่ พีทฉายรอยยิ้มออกมา เขาไปยืนรอที่หน้าห้องน้ำทันที พอเสียงปลดล็อคกลอนประตู

"โอ๊ย ลื่น"

ถลาเข้าไปในห้องน้ำที่ประตูกำลังเปิดออก โผเข้าไปกอดเขาอย่างจงใจ

"เฮ้ย"

"อุ๊ยขอโทษครับ พอดีลื่น"

"เป็นอะไรไหมครับ"

"โอ๊ย เจ็บข้อเท้า"

แสดงละครออกมาน้ำเน่าที่สุด แต่สีหน้าของชายไก่อ่อนนั้นดูจะเชื่อสนิทใจ พีทเกาะแขนเขาแน่นไม่ปล่อยสูดเอากลิ่นกายเข้าปอดเพื่อกระตุ้นฮอร์โมนของตัวเอง จงใจเอาหน้าซุกลงไปกับอกพยายามหายใจทางปากให้ไอร้อนแผ่ไปตรงกลางอกของเขา ชายหนุ่มอึดอัดขึ้นมาทันที

"เดี๋ยวผมไปตามคนมาช่วย"

เขาพูดออกมาน้ำเสียงแสดงความลำบากใจออกมา

"ไม่ อย่าเพิ่งไปช่วยพีทก่อน"

พีทเบียดกายเข้าหาเจาะจงเน้นเฉพาะส่วนเขาพยายามเบี่ยงร่างออก แต่พีทก็ลุกไล่ไม่ยอมเช่นกัน

"เอ่อ"

"เจ็บมากดูให้หน่อยได้ไหมครับ"

พีททำท่าครางออกมาใบหน้าเหยเก เขาลังเล

"ตรงไหนครับ"

"ตรงนี้"

ท่าที่ยืนอยู่ตอนนี้คืพีทกำลังเกาะแขนของเขาอยู่หน้าไม่ห่างจากอกเท่าไรนัก เอวก็เบียดอยู่กับส่วนสำคัญของเขาพอเขาถามขึ้นพีทก็ชี้ลงไปที่ข้อเท้า โดยวิธีที่ชี้คือเบียดมือลงไปข้างตัวเอาหน้าโน้มเข้าไปหาเขาประชิดกว่าเดิม มือที่สอดลงมาจงใจให้มันโดนส่วนนั้นเขาสะดุ้งถอยหลังไปนิ้วมือของพีทก็เกี่ยวไปโดนซิปรูดลงทันที

"เฮ้ยคุณ"

เขาผลักตัวของพีทออกทันทีหน้าตาเหวอหวาดกลัว

"ช่วยไหมครับ มันตื่นแล้วนะ"

พูดออกมาทำสายตายั่วยวน

"ไอ้บ้า โรคจิตป่าววะ"

เดินเดินออกจากห้องน้ำทันที

"ควายเอ้ย สวรรค์อยู่แค่เอื้อม โง่จัง"

พีทสบถออกมาก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ

"คุณ เพื่อนคุณน่ะเลวมากเลยนะ ล่วงเกินผมในห้องน้ำ โรคจิตหรือเปล่า"

ชายหนุ่มโวยวายขึ้นทันทีต่อหน้าแทนทวี ด้วยความโมโหและตกใจทำให้เขาไม่สามารถระงับสติได้

"อะไรกันคุณ ใครเขาไปทำอะไรคุณ"

แทนเองก็หน้าตาตื่นเพราะอยู่ดีๆก็มีคนมาชี้หน้าว่าอยู่

"ก็คนที่มากับคุณน่ะ เขาจะทำไม่ดีกับผมในห้องน้ำ"

"อะไรกันครับ แทน มีอะไรเหรอ"

เดินเข้ามาสีหน้าสีตาไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย

"ไอ้โรคจิต เมื่อกี๊แกจะล่วงเกินกูอยู่เลย"

"อะไรกัน บ้าเหรอคุณ คุณมีหลักฐานอะไรมาว่าผมแบบนี้ ผมฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้นะ ผมเป็นใครมีหน้ามีตาขนาดนี้ ผมจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง"

"ตอแหล เมื่อกี๊แกมาจับของกูอยู่เลย บอกว่าจะอมให้"

"ตายแล้ว แทนอย่าไปฟังเค้านะ อะไรกันน่าเกลียด ใครจะไปทำแบบนั้น สกปรก"

เอามือทาบอกทำสีหน้าตกใจปรี่เข้าไปเกาะแขนแทนทวีที่ลุกขึ้นยืนแล้ว

"มีอะไรกันครับ กรุณาอย่ามีเรื่องกันที่นี่นะครับ ผมขอร้อง"

ผู้จัดการร้านเดินปรี่เข้ามาห้าม ชายหนุ่มคนนั้นถึงหยุดมองหน้าพีทอย่างเคียดแค้น

"พวกสัตว์ประหลาด วิปริตผิดเพศอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาทำแบบนี้อีก"

เขาพูดออกมาก่อนจะจูงมือแฟนสาวเดินออกจากร้านไป

"เดี๋ยว เมื่อกี๊ว่าใครเป็นสัตว์ประหลาดนะ"

"พีทไม่เอาอายคนเขา ไปกลับเถอะ"

เม้มปากแน่นยอมเชื่อฟังแทนทวีแต่โดยดี เพราะต่อนหน้าแฟนหนุ่มเขาคือคนที่น่ารักเท่านั้น

"แทนเดี๋ยวแทนไปสั่งกลับบ้านให้หน่อยสิ พีทยังไม่ได้กินเลยอ่ะ อะไรกันอารมณ์เสียแท้ๆ คนเรานี่ก็แปลก ไม่อยากจ่ายค่าอาหารแพงๆ ไม่มีปัญญาแล้วมากุเรื่องขึ้น เข้าใจทำเนอะ"

พีทพูดออกมาแทนทวีเริ่มลังเลใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แทนทวีเดินกลับเข้าไปในร้าน พีทรีบปรี่ไปที่ลานจอดรถทันที สอดส่องสายตาหาคู่กรณี พอเห็นเขากำลังจะก้าวขึ้นรถก็วิ่งเข้าไปหา

"เดี๋ยว ไอ้สัตว์ เมื่อกี้มึงด่ากูเหรอ"

ถีบเข้าที่เอวของเขาอัดเข้ากับประตูรถ

"โอ๊ย!!! กรี๊ด!!!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"

"มึงอย่าร้องนะอีชะนี มึงอยากให้ผัวมึงตายเหรอ"

เกรี้ยวกราดขึ้นมือจิกผมของเขาขึ้นคร่อมร่างเอาไว้จับหัวโขกกับพื้นอย่างแรง เลือดไหลออกมา

"กรี๊ดด ช่วยด้วย"

"อีนี่ พูดไม่ฟังใช่ไหม"

พอชายหนุ่มสิ้นแรงพีทก็ปรี่เข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังขวัญเสียอยู่ กระชากแขนเข้ามาหาตัวฟาดมือลงไปที่หน้าทันที

"กล้าทำให้กูอายเหรอ พวกแกต้องอายกว่าร้อยเท่า นี่แน่ะ"

"กรี๊ดดด"

"หยุดนะ คุณทำอะไร"

ยามรักษาการประจำชั้นวิ่งกรูกันเข้ามาสองคนจับตัวของพีทเอาไว้

"ปล่อยกูนะ ปล่อย"

เรื่องไปจบลงที่สถานีตำรวจ ทางฝ่ายเสียหายไม่ยอมความ แต่ด้วยบารมีของมารดาของพีท เขาลอยหน้าลอยตาอยู่ไม่ได้สนใจอะไร

"พีท ทำไมพีททำแบบนี้"

แทนทวีถามขึ้นสายตาขุ่นมัวเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของแฟนหนุ่ม

"แทน ก็พีทเดินไปรอแทนที่รถ มันก็เข้ามาด่าว่าพีทอีก พีททนไม่ไหวน่ะ อะไรกันพีทไม่ได้ไปหาเรื่องเขาก่อนนะแทน อยู่ดีๆมาว่าพีทเป็นโรคจิต พีทไม่เอาเรื่องก็ดีถมไปแล้ว แล้วนี่อะไรยังมาว่าพีทอีก พีทไม่ยอมนะแทน"

ร้องไห้กระซิกออกมาจับมือแทนทวีไว้แน่น ส่งสายตาวิงวอนขอความเห็นใจ

"โกหก ตอแหล"

"พอๆ อย่ามาทะเลาะกันบนโรงพัก"

ร้อยเวรหนุ่มปรามขึ้น พีทเอามือขึ้นปาดน้ำตาที่สั่งได้ออกแล้วนั่งกอดอกเชิดหน้าไม่สนใจ

"ยังไงผมก็ไม่ยอมนะครับคุณตำรวจแบบนี้มันทำร้ายร่างกายกัน ชัดๆ"

"ฮึ ตามสบาย"

"ไอ้ชั่ว"

เขาปรี่จะลุกขึ้นโผเข้าหา

"คุณ หยุดนะ นี่มันโรงพักนะ ถ้ายังไม่หยุดผมจะขังทั้งสองคนนั่นล่ะ"

"ขังรวมกันสองคนได้ไหมครับคุณตำรวจ"

ยังเอ่ยขึ้นน้ำเสียงไม่ไดกังวลแต่อย่างใด แต่สายตากลับหันไปยิ้มเยาะแสยะปากใส่อยู่

"ไอ้"

ชายหนุ่มกราดเกรี้ยวแต่ร้อยเวรส่งสายตาสยบจึงยอมเงียบ พอมารดาของพีทมาถึงก็ตกลงกับทางผู้ปกครองของอีกฝ่าย ตอนแรกจะไม่ยอมความแต่เสนอเงินไปก้อนใหญ่ทั้งสองจึงยอมความ

"ทำไมดีแต่ก่อเรื่อง"

"แม่ ก็มันมาว่าพีท"

"โอ๊ย ขยันจริงจริ๊งเรื่องก่อเรื่องเนี่ย ไปกลับบ้าน"

"แม่กลับไปก่อนเถอะ พีทจะคุยกับตำรวจก่อน"

"มีอะไรให้คุย"

"แม่ กลับไปก่อนเถอะ พีทขอโทษ"

ยังยืนยันคำเดิมกอดอกหันหลังให้มารดา

"แทน พีทฝากไปส่งแม่ให้หน่อย พีทขอปรึกษากับคุณตำรวจก่อนเดี๋ยวเรากลับ"

"ทำไมไม่กลับพร้อมกัน"

"แทนกลับไปก่อน พีทมีเหตุผลของพีท เดี๋ยวค่อยคุยกัน"

พีทไม่สบตา แทนทวีมองอยู่ด้วยสายตาที่ครุ่นคิด ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปกับมารดาของพีท ที่ยังไม่ไปเพราะเห็นนายตำรวจหนุ่มที่เพิ่งมาเปลี่ยนเวร หน้าตาถูกใจยิ่งนัก

"คุณตำรวจครับ ช่วยขังผมที่นี่สักคืนได้ไหม"

ทำให้ตำรวจถึงกับอ้าปากค้าง

"เป็นบ้าเหรอคุณ ใครเขาอยากนอนในคุกบ้าง คุณเป็นบ้าหรือเปล่า"

"คือ ฮึกๆ พีทเป็นคนไม่ดี ทำให้แม่เสียใจ พีทอยากดัดนิสัยของตัวเอง น่ะครับ ได้โปรดเถอะครับคุณตรวจ ให้พีทได้รับรู้ถึงรสชาติของความอัปยศอดสู แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ยังดี"

ร้องไห้ออกมาคร่ำครวญ ตำรวจเองก็ตกใจ

"ไม่ได้หรอกคุณ คดีมันยอมความกันไปแล้ว เราไม่มีสิทธิ์กักขังประชาชนหรอกครับ"

"แม้ประชาชนจะเรียกร้องเองเหรอครับ"

"ใช่ คุณกลับบ้านไปเถอะ"

ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ใส่จริตความเจ็บปวดออกมาแต่ตำรวจก็ไม่ได้ใจอ่อน พีทครุ่นคิดอยู่ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เดินเซทำท่าล้มไปเกี่ยวเครื่องพิมพ์ดีดของเจ้าหน้าที่ให้ร่วงลงจากโต๊ะ พอเครื่องหล่นอยู่ที่พื้นก็ใช้เท้าเตะให้กระแทกกับผนังห้องเครื่องพิมพ์ดีดกระจายแยกออกเป็นส่วนๆ

"คุณ"

ตำราวจร้องคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

"งั้นคุณตำรวจก็ขังผมได้แล้วสินะ เพราะทำลายทรัพย์สินของทางราชการ"

ลอยหน้าลอยตาพูด ตำรวจนายนั้นได้แต่กัดฟันแน่นเดินปรี่ออกไปหานายตำรวจคนที่พีทหมายตาเอาไว้ก่อนจะปรึกษากันอยู่ สรุปอยากนอนในกรงตำรวจก็ไม่ขัดความต้องการแต่อย่างใด แต่พีทขอร้องให้แยกขังเพราะไม่อยากอยู่ร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่น ทางตำรวจขี้เกียจรำคาญจึงแยกขัง ไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อนใจแต่อย่างใดยิ้มกริ่มคิดแผนเอาไว้ในใจ

"พี่ว่าบาสคิดแบบอื่นไว้เยอะๆก็ดีนะ สถานที่เรามันจำกัดพี่กลัวว่าแบบมันจะซ้ำกัน"

ภูมิบุญนั่งคุยอยู่กับบาสและโตโต้ที่ห้องรับแขก กางแผนงานออกมาดู บาสเองวาดแผนงานไว้หลายแบบ

"ไม่หรอกพี่ภูมิ ผมว่ามันท้าทายดีออก ยิ่งสถานที่เราจำกัด มันยิ่งโชว์กึ๋นเรานะว่าแน่แค่ไหน เรื่องแบบซ้ำกันไม่มีทางหรอกพี่ ผมศึกษามาดี"

บาสหัวเราะชอบใจ ภูมิบุญยิ้มออกมา โตโต้เองก็จ้องมองหน้าของภูมิบุญอยู่

"งั้นเดี๋ยวใกล้ๆวันงานพี่จะให้บาสขึ้นไปเขาค้อกับพี่ ขาดโรงเรียนบ่อยไปไหมเรา"

"โอ๊ยไม่เลยพี่ อาทิตย์หน้าใช่ไหม ได้ครับเพราะอาทิตย์นี้สอบ อาทิตย์หน้าน่าจะปิดเทอมพอดี ไม่มีปัญหา ผมจะได้รับงานเต็มตัวเสียที"

"แหม พ่อนักธุรกิจใหญ่ สอบให้ผ่านก่อนเถอะ"

ภูมิบุญหัวเราะออกมา ทั้งสามหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน โดยบาสนอนที่ห้องของภูมิบุญเช่นเคย

"คุณตำรวจครับ พีทหิวน้ำ"

พอเห็นสบโอกาสจึงครางขึ้น ดึกมากแล้วมีเพียงเสียงวิทยุที่ตำรวจร้อยเวรหนุ่มเปิดคลออยู่ นายตำรวจนายนี้น่าจะเพิ่งจบมาเพราะหน้ายังอ่อนๆอยู่

"ครับ"

เขาก็ใจดีเดินไปกดน้ำมาให้พีท พอเขายื่นแก้วน้ำให้ พีทก็จับมือของตำรวจทันที

"มือนิ่มจังครับ อุ๊ยน้ำหกใส่"

จริตจะก้านนี่ไม่ต้องห่วง ไม่เคยอาย เพราะคิดเสมอว่าอายก็ไม่ได้สิ่งที่หมาย พอน้ำหกใส่มือตำรวจเขาจะชักมือออกแต่พีทกลับดึงเอาไว้ ก้มลงอ้าปากดูดนิ้วนั้นทันที

"คุณ"

พีทเอาลิ้นวนรอบๆนิ้วดุนๆอยู่ สายตาก็ส่งประกายยั่วยวน นายตำรวจชักมืออกอย่างรวดเร็ว

"อย่ามาทำอะไรแบบนี้บนโรงพัก เดี๋ยวคุณจะโดนข้อหาไม่น้อยนะ"

"ก็เห็นมือเลอะ พีทก็อยากจะเช็ดให้ ที่คุณตำรวจพูด ทำที่นี่ไม่ได้ ถ้าที่อื่นได้เหรอครับ"

"คุณ"

นายตำรวจหน้าแดงขึ้นมาทันที เดินหันหน้าหนีไป

"โอ๊ย"

พีทแกล้งร้องขึ้นอีกเสียงดังพอสมควรพอที่จะทำให้ตำรวจหันกลับมาอีกครั้ง

"เป็นอะไรคุณ"

"เจ็บขาครับคุณตำรวจ อ่า ขาแพลงแน่เลย"

แต่ท่าที่ทำอยู่นั้นมันไม่น่าจะเรียกว่าเจ็บขา เพราะพีทเอาร่องก้นมาสีอยู่ที่ลูกกรงหันหน้ามาทำสายตายั่วยวน ส่ายก้นไปมา นายตำรวจถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สมเพชเวทนาคนที่ทำอาการแบบนี้อยู่เบื้องหน้า

"คุณตำรวจช่วยดูหน่อยสิครับ โอ๊ยเจ็บ"

ยื่นขาออกไปนอกลูกกรง ตำรวจยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้มลงดูอย่างระมัดระวัง พอเขาก้มลงแค่นั้นพีทก็ทำท่ายั่วยวนส่งสายตาหวานฉ่ำ

"พีทช่วยไหมครับคุณตำรวจ"

"โรคจิต"

นายตำรวจคนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วเดินหนีไปทันที สรุปแล้วต้องนอนในกรงขังฟรีก่อนจะโทรเรียกมารดามาประกันตัวอีกรอบในตอนเช้า

"ทำอะไรรู้จักคิดซะบ้าง อะไรกันก่อเรื่องวันเดียวเยอะแยะแม่เสียเงินไปหลายแสนเรานี่ไม่ไหวนะพีท"

"อย่าบ่นไปหน่อยเลยแม่ ใครจะอยากให้มันเป็นแบบนี้ เอาเถอะเดี๋ยวพีทจะหาคืนให้"

"อายเขาไหม รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น โว้ยกลุ้มใจ"

มารดาของพีทร้องออกมาน้ำเสียงเอือมระอา

"อายทำไมแม่ พีทไม่แคร์ จะแรงแบบนี้ล่ะใครจะทำไม"