พอถึงโรงพยาบาลก็รู้สึกหวั่นใจไม่กล้าสู้หน้าบาส เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น แต่โตโต้ก็ดันหลังให้ภูมิบุญเข้าห้องไปและคอยตามหลังให้กำลังใจอยู่
"บาส"
ร้องขึ้นเสียงสั่น
"พี่"
"เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม"
ภูมิบุญเข้าไปยืนข้างๆเตียง บาสบ่ายหน้าหนีไม่มองหน้า สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ภูมิบุญสะท้อนใจในถาพที่เห็น
"บาส พี่ขอโทษนะ ถ้าวันนั้นพี่ไม่ทำแบบนั้น เราก็คงไม่เป็นแบบนี้"
น้ำเสียงสั่นเครือไปด้วยความรวดร้าวในใจ โตโต้เดินเข้ามาประชิดตัวบีบบ่าของภูมิบุญเบาๆเพื่อให้กำลังใจ เพราะน้อยครั้งที่จะเห็นคนเบื้องหน้านี้อ่อนไหว
"มันไม่เกี่ยวกับพี่หรอกครับ ผมซวยเอง"
พอเอ่ยขึ้นมาก็กระชากใจให้ร่วงหล่นลงหายไป
"บาส"
"ผมตัดสินใจแล้วล่ะพี่ ผมจะไม่เรียนต่อ จะออกมาหางานทำ"
"บาส"
ได้แต่ร้องเรียกชื่อ น้ำตาเริ่มคลอออกมา
"ไม่ได้นะบาส พี่ไม่ยอมให้เราออกมาทำงานหรอกนะ พี่จะดูแลเราเอง"
"พี่เป็นใคร ทำไมพี่ถึงจะมาดูแลผม ในเมื่อพ่อของผมเองเขายังไม่สนใจใยดีผมเลย พี่ปล่อยให้ผมเดินไปตามทางของผมเถอะ"
น้ำเสียงของเขาเองก็ระทมทุกข์อยู่ไม่น้อย ภาพบิดาหันหลังเดินจากไป ภาพสิ่งต่างๆที่วนเวียนเข้ามาในชีวิตมันฉายออกมาอย่างแจ่มชัด
"บาส อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ไม่รู้นะว่าเราจะคิดยังไง แต่พี่ไม่ยอมปล่อยให้เราไปเผชิญชีวิตเพียงลำพังแบบนั้นหรอก พี่รู้ว่าเราเจ็บ แต่อยากให้รู้เรารู้ไว้นะบาส พี่เองก็เจ็บมากเหมือนกัน ยิ่งเห็นเราเป็นแบบนี้พี่ยิ่งทรมาน"
"พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับผม อย่ามาสงสารผม ผมไม่ต้องการ"
"บาส ใจเย็นๆสิครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพี่รู้ว่ามันเลวร้ายนะสำหรับเรา แต่อยากให้รู้นะว่ายังมีพี่กับพี่ภูมิอยู่ อย่าคิดแบบนั้นเลย"
โตโต้พูดออกมาบ้าง แต่ท่าทางของบาสไม่ยอมลงง่ายๆยืนกระต่ายขาเดียวอยู่
"คุณโตโต้ภูมิขอคุยกับน้องเขาหน่อยสิครับ"
ภูมิบุญหันไปบอกโตโต้ รายนั้นก็นิ่งคิดอยู่แล้วพยักหน้าเดินออกจากห้องไป
"บาส อยากรู้เรื่องของพี่ไหม ว่าพี่เป็นมายังไง"
"ไม่ ผมอยากอยู่คนเดียว"
เขาเมินหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ
"รู้ไหม พี่โตมากับยายที่ต่างจังหวัด โตมาโดยไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย อยากเจอหน้าพ่อนะ อยากเจอมาก แต่แม้แต่รูปสักใบพี่ก็ไม่เคยเห็น แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ เพราะพี่คิดว่าพี่อยู่ได้ โตมาในสังคมที่ไม่ดีแต่ยายสอนพี่ในสิ่งที่ดี"
ไม่ได้สนใจในทีท่าของเขา แต่ภูมิบุญเล่าเรื่องต่างๆของตัวเอง เล่าอย่างละเอียด ทั้งเรื่องที่มีเหตุบาดหมางใจกับปลัดอำเภอจนได้ย้ายโรงเรียน เรื่องของอภิชัย เรื่องของยาย แม้ภูมิบุญเองจะไม่ค่อยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะทุกครั้งที่เล่ามันคือทุกครั้งที่เขาเอาหัวใจตัวเองออกมาเหยียบย่ำให้เจ็บปวด แต่เขาเห็นว่าเป็นทางเดียวในตอนนี้ที่จะทำให้บาสหันมาสนใจเขาได้บ้าง พอเล่าถึงยายก็เม้มปากแน่นกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สะอื้นออกมา บาสเองก็ตกใจ ภูมิบุญซุกหน้าลงกับขอบเตียงสะอื้นไห้อยู่ บาสต้องเอามือมาแตะที่แขนเบาๆเพราะทนเห็นสภาพไม่ได้เหมือนกัน น้อยครั้งที่ภูมิบุญจะร้องไห้ถ้าไม่เจอเรื่องกระแทกใจ แต่ครั้งนี้เขาก็ได้ร้องไห้ออกมาเพราะเรื่องของคนที่นอนอยู่บนเตียงเบื้องหน้า กับเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตทั้งหมดมันเข้ามาสุมรุมกันอยู่
"พี่ โอเคไหม"
บาสร้องเรียกสติให้คืนกลับมา ภูมิบุญสะอื้นหนักแม้เสียงไม่มีแต่ท่าทางที่แสดงออกมามันก็บีบหัวใจของบาสได้ไม่น้อย ภูมิบุญยังไม่หายสะอื้นดีก็เล่าต่อไปถึงเรื่องของนิตา เล่าเคล้าน้ำตา บาสเองก็เริ่มที่จะน้ำตาไหลออกมา
"พี่ ผมขอโทษ"
เขายอมเอ่ยออกมา ผมบุญเม้มปากแน่น
"ผมขอโทษ ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าพี่เจออะไรมาบ้าง ผมขอโทษ"
เขาคร่ำครวญออกมาเพราะทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดร่างของเขาแผ่วเบา
"ไม่เป็นไรนะบาส อย่าคิดว่าไม่มีใคร พี่อยู่ตรงนี้ เรายังมีพี่อีกคนนะ"
ทั้งสองกอดกันร้องไห้อยู่นานแสนนาน พลอยกับกายยืนคุยกับโตโต้อยู่ด้านนอก รออยู่นานเป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่ก็เชื่อใจของภูมิบุญ
"บาสอยากให้พี่ทำอะไรกับเด็กพวกนั้น พี่จะทำให้สาสมกับที่พวกมันทำไว้กับเรา"
พอหยุดร้องไห้ก็พูดออกมาน้ำเสียงขุ่นเขียว
"พี่ อย่าเลยครับ พวกเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นหรอก"
สิ่งที่ลอดออกมาจากปากของบาสทำให้ภูมิบุญถึงกับอึ้ง
"บาส แต่มันทำกับเรามากเกินไปนะ พี่ไม่ยอม"
ภูมิบุญร้องออกไปสายตาเคียดแค้น
"ครับผมเองก็เจ็บใจ แต่หลังจากที่คุยกับคุณตำรวจแล้ว ผมพอรู้ว่าโทษมันท่าจะหนัก ผมไม่อยากให้ใครหมดอนาคตไปเหมือนผม"
ร่างของภูมิบุญกระตุกสั่นไหวไปในทันที หัวใจที่เริ่มจะฟื้นแข็งแรงกลับโดนกระแทกกระทั้นเข้าไปอีกรอบ นี่น่ะหรือเด็กที่เขาคิดว่ามีปัญหาในตอนแรก นี่น่ะหรือความคิดของเขา สิ่งที่บาสพบเจอมาแม้จะเป็นเวลาไม่นานนักแต่เขาก็ได้ลิ้มรสของความลำบาก อนาคตที่กำลังจะดับวูบเลือนหายไปต่อหน้า เขารู้ดีว่ามันเป็นยังไง แม้เขาจะถูกเลี้ยงดูมาแบบวัตถุนิยมแต่พื้นฐานจิตใจของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด
"เราแน่ใจแล้วเหรอบาส"
ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่ก่อนจะเอ่ยออกไป
"ครับ ผมไม่เอาเรื่อง"
บาสถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น ภูมิบุญเม้มปากแน่นครุ่นคิดอยู่ เงาของรัตติกาลมันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร ในคืนที่ไร้แสงใดในระยะสายตาที่จะมองเห็น เงานั้นมันหลอกหลอนให้เราต้องคอยผวา กลัวแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเอง ทว่าหากมองย้อนกลับไปเพราะเงาของโลกทำให้มีเวลากลางคืนกับกลางวัน เพราะเงาของโลกทำให้เราเห็นดวงจันทร์สลับกับดวงอาทิตย์ ถ้าคิดให้ดีแล้วความมืดก็ทำให้อะไรหลายๆอย่างเกิดสมดุล มีกลางวันมีกลางคืน มีมืดมีสว่าง เพราะถ้าสว่างเราก็มองเห็นท้องฟ้าครามสวย และถ้ามืดเราก็เห็นแสงดาวแสงเดือนระยับ ในความมืดย่อมมีสิ่งดีๆหรือสวยงามซ่อนอยู่ฉันท์ใด มนุษย์เราก็ย่อมมีทั้งดีและเลวฉันท์นั้นแล
"เห็นใจอีชั้นเถิดค่าคุณตำรวจ อย่าเอาลุกชายอีชั้นเข้าคุกเลยนะคะ"
เสียงคร่ำครวญของมารดาของเด็กคนที่ทำร้ายบาสดังก้อง สถานีตำรวจ หลังจากที่มาถึงโวยวายอยู่พักใหญ่แต่พอทราบโทษกับหลักประกันที่ทางคุณอนิรุ ธตั้งไว้แล้วถึงกลับร้องไห้สั่นกันทุกคน
"อีชั้นเป็นแค่แม่ค้า จะไปเอาเงินแสนเงินล้านมาจากไหน สงสารลูกชายอีชั้นด้วยเถิดค่ะ"
เธอร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อนหน้า ทางตำรวจก็พยายามทำให้เธอหยุดฟูมฟายเพื่อที่จะได้ทำตามหลักกฏหมาย เพราะน้ำตาเปลี่ยนกฏหมายไม่ได้ ผู้ปกครองของเด็กอีกสองคนก็ทำท่าเหมือนกัน แต่รายนั้นแย่กว่าเพราะทำงานโรงงานน้องสาวก็เข้าโรงพยาบาล ส่วนลูกชายก็กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่ในคุก เสียงอ้อนวอนดังโหยหวนไปทั่วทั้งสถานี ภูมิบุญขอร้องให้โตโต้พากลับไปที่โรงพักอีกรอบ กายกับพลอยก็ตามมาด้วยทั้งที่ภูมิบุญยังไม่ได้บอกอะไร
"คุณเจ้าขาสงสารเด็กมันด้วยเถอะค่ะ อย่าใจร้ายเลยนะคะ"
พอภูมิบุญขึ้นไปบนสถานีก็ยืนนิ่งอยู่ ผู้กำกับเข้ามาคุยกับกายเพื่อเล่ารายละเอียดให้ฟัง ส่วนคุณอนิรุธก็เข้ามาหาโตโต้กับภูมิบุญ พอเล่าถึงโทษทัณฑ์ที่เด็กทั้งสี่คนจะได้รับ ภูมิบุญก็ถึงกับกระตุกเพราะโทษทำร้ายร่างกายมันไม่รุนแรงเท่าไหร่นักแต่ที่ เพิ่มข้อหาพยายามฆ่าไปโทษมันรุนแรงจนภูมิบุญหน้าซีดไม่มีเลือดสักหยด
"ต้องจำคุกนานขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณอนิรุธ"
ภูมิบุญครางออกมาสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด
"ทำไมล่ะภูมิ ดีออกสมน้ำหน้ามัน"
พลอยร้องขึ้น ภูมิบุญเม้มปากแน่น ลุกขึ้นเดินไปหาผู้ปกครองของเด็กทั้งสี่
"คุณคะเด็กมันแค่มีเรื่องกันอย่าทำกันถึงขนาดนี้เลยนะคะ ดิชั้นขอร้องล่ะ"
"นั่นสิครับคุณ เด็กมันมีเรื่องกันแค่นี้ถึงกับต้องขังกันเลยเหรอ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอครับ"
"พวกคุณมีเงินมีทองขนาดนี้ สงสารคนจนๆอย่างพวกเราด้วยเถอะครับ พวกเราไม่มีปัญญาจะหาเงินมาประกันตัวได้หรอก"
ทุกเสียงรุมมาที่ภูมิบุญที่นั่งนิ่งพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่
"ทำไมคะ ก็ลูกของพวกคุณทำผิด ใครทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด เก่งนักไม่ใช่เหรอคะ ก็ไปอยู่ในคุกสักสี่ห้าปีไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไปเก่งในคุกไงคะ"
พลอยแว้ดเสียงขึ้น
"พลอย"
"นี่คุณ ไม่เห็นใจกันหน่อยสิ ใจดำจริงๆ"
"ใจไม่ดำหรอกค่ะ แล้วทำไมตอนทำไม่คิดล่ะคะว่าผลมันจะเป็นยังไง ตอนนี้จะมาโอดครวญให้ใครเขาเห็นใจ"
"พลอยพอเถอะ"
ภูมิบุญปรามกายเองก็เข้ามาจับแขนพลอยไว้ ทางตำรวจเริ่มที่จะเข้ามาสังเกตุการณ์เพราะเห็นฤิทธิ์ของพลอยแล้ว
"ไม่ได้นะภูมิ อย่าเสียเวลาเสวนากับคนพวกนี้เลย"
"ใช่สิ พวกเรามันจนนี่ ไม่ใช่ลูกใช่หลานคุณนี่คุณก็พูดแบบนี้ได้"
"ป้ากราบล่ะค่ะคุณกรุณาเราด้วยอย่าให้ลูกชายป้าต้องเข้าคุกเลย มันจะเรียนจบอยู่แล้ว เห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะค่ะ"
ป้าแกทำท่าจะก้มลงกราบจริงๆภูมิบุญไปจับมือเอาไว้
"อย่าทำแบบนี้เลยครับป้า"
"แม่อย่าไปง้อมัน จะไปขอร้องคนพวกนี้ทำไม"
เสียงเด็กคนนั้นร้องขึ้นสายตากร้าวมีน้ำตาคลออยู่
"หุบปากไปเลยไอ้ลูกเลว ทำชั่วทำผิดแล้วยังไม่สำนึกเหรอ ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้"
น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลรินออกมา สะท้อนใจของภูมิบุญยิ่งนัก ภูมิบุญลุกขึ้นเดินไปจูงแขนโตโต้ออกไปข้างนอก
"คุณโตโต้ครับ ภูมิไม่เอาเรื่องเด็กพวกนี้แล้ว"
"หา อะไรนะภูมิ ทำไมล่ะ"
โตโต้ร้องออกมาหน้าตาตื่น
"บาสเขาไม่อยากเห็นใครต้องเสียอนคตเหมือนเขาอีก ภูมิเองก็เข้าใจน้องมันนะครับ พอกันที ให้บาปกรรมมันจบแค่นี้เถอะ"
ภูมิบุญพูดออกไปเสียงเครียด โตโต้นิ่งคิดอยู่ก่อนจะเรียกคุณอนิรุธออกมาบอกความประสงค์ของภูมิบุญ
"เอ่อ ผมเกรงว่าจะช้าไปน่ะครับน้องภูมิ ถึงเราจะไม่เอาเรื่องแต่มันเป็นคดีอาญา เราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ"
"ทำไมล่ะครับ คุณอนิรุธ"
ภูมิบุญหน้าถอดสีอีกครั้ง
"คือคดีอาญามันไม่เหมือนคดีแพ่งนะครับ ถ้าหากตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันแล้ว ต้องรอศาลอย่างเดียวครับ"
"แล้วเรื่องประกันตัวล่ะครับ"
"ถ้าน้องภูมิไม่เอาเรื่อง เดี๋ยวผมจะลองคุยกับทางตำรวจดูนะครับ น่าจะพอได้เพราะเรื่องยังไม่ถึงศาล"
คุณอนิรุธแจงออกมา ทำให้ภูมิบุญค่อยโล่งใจ โตโต้เองก็จับบ่าของภูมิบุญอยู่
"แม่กลับไปเถอะ ผมจะติดคุกเอง แม่ไม่ต้องลำบาก"
"จะให้แม่ปล่อยแกไว้นี่ได้ยังไง เป็นตายยังไงก็ต้องช่วย"
เสียงแม่ลูกร้องไห้พร่ำพรรณากันอยู่ ภูมิบุญเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าทุกคน
"พอใจหรือยัง ไม่ต้องมาสงสาร อยากทำอะไรก็เชิญ"
"นี่มันจะมากไปแล้วนะ"
พลอยแว้ดเสียงขึ้นเพราะพ่อของเด็กอีกคนร้องขึ้น
"พลอย ทุกคนครับ เรื่องวันนี้ ทางผมไม่เอาเรื่อง"
"อะไรนะภูมิ"
พลอยร้องขึ้น ภูมิบุญพยักหน้าให้พลอยโตโต้ได้บอกกับกายแล้วกายจึงดึงตัวพลอยออกไปคุย
"ที่ไม่เอาเรื่อง เพราคนเจ็บเขาอโหสิกรรมให้นะครับ ไม่ใช่ผม"
ภูมิบุญพุดเสียงเรียบนิ่ง ทุกคนอึ้งอยู่ไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากใคร
"น้องผม เขาไม่อยากเห็นใครต้องมาเสียอนาคตเพราะการกระทำที่สิ้นคิดของใครบางคน"
"ขอบคุณมากนะคะคุณ"
เสียงร้องของความปีติดีใจดังออกมา
"น้องๆครับ พี่จะพยายามให้ทนายช่วยนะ เรื่องมันเป็นคดีอาญาไปแล้ว อยากจะยกเลิกแต่มันก็ทำไม่ได้แต่เรื่องประกันตัวพี่จะให้ทนายพี่ช่วยลดลงให้น้อยที่สุด ผ่านเรื่องวันนี้ไปแล้วพี่อยากจะขอให้พวกเราตั้งใจเรียนให้จบนะครับ เป็นคนดีของสังคม อย่าทำแบบนี้กับใครอีก เพราะคนที่เดือดร้อนไม่ได้มีแต่เราคนเดียว"
ภูมิบุญพูดเสียงนิ่งสายตากวาดมองผ่านแต่ละใบหน้าไปอย่างเชื่องช้า พอพูดจบแม่ลูกโผเข้ากอดกันกลมเสียงร่ำไห้ดังสนั่นไปทั่วทั้งโรงพัก ภูมิบุญหันหลังเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่โล่งใจ
"พี่ เดี๋ยว"
เสียงเรียกของเด็กคนนั้น ภูมิบุญหยุดกึกลงแล้วหันไป
"ผมขอโทษนะครับพี่ ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ"
เขายกมือไหว้ทั้งน้ำตา เด็กทั้งสี่คนยกมือไหว้ภูมิบุญพร้อมกันทุกคน ภูมิบุญออกจากโรงพักมาแล้ว
"เราไม่เข้าใจเลยจริงๆนะภูมิ บาสมันคิดอะไรของมัน"
พลอยถามขึ้นตอนออกมาจากโรงพัก
"บาสมันคงไม่อยากเห็นใครเป็นเหมือนมันล่ะพลอย ดีแล้วล่ะจะได้หมดเวรหมดกรรมกันไปเสียที"
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเพราะน้ำเสียงของภูมิบุญเหนื่อยหน่ายที่จะเล่าหรือแจงเหตุผล ว่าทำไม หรือเพราะอะไร ตัดสินใจไปแล้ว พูดออกไปแล้ว ทำอย่างที่บาสต้องการแล้ว อยากให้มันจบอยากให้มันหมดเรื่องแบบนี้ไปจากใจเสียที แม้แต่คุณอภิสราเองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
"ดีแล้วลูก อย่าไปจองเวรจองกรรมเขาเลย เราจะได้กุศล"
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี กุศลหรือ มันเป็นตัวยังไง ภูมิบุญเองแย้งในใจแต่ก็นิ่งเงียบไป แต่บางทีการทำแบบนี้อย่างน้อยก็ได้เห็นแววตาที่ตอนแรกมองอย่างเกลียดชัง มันเปลี่ยนเป็นแววตาที่มีความหวัง มองภูมิบุญอย่างดีใจเหมือนเขาได้ให้ชีวิตใหม่แก่เด็กทั้งสี่คน หรือว่านี่น่ะหรือเขาเรียกกุศล
เรื่องราวเลวร้ายผ่านไปแล้ว บาสออกจากโรงพยาบาลแล้ว ภูมิบุญเช่าหอที่ใหม่ที่ดูดีกว่าใกล้โรงเรียนกว่าให้บาส โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดโตโต้เป็นคนรับผิดชอบออกให้ เจ้าตูบขี้เรื้อนเองก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วหลังจากที่เอาไปฝากไว้ที่โรง พยาบาลสัตว์หลายสัปดาห์ จากสุนัขขี้เรื้อนมันเริ่มมีแววตาสดใสอ้วนท้วนขึ้น ขนเริ่มขึ้น มีแววของสุนัขพันธ์ดี เพราะแท้จริงมันคือสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ภูมิบุญรักและดูแลเอาใจใส่มันมาก อย่างน้อยก็สงสาร คุณอภิสราเองก็เอ็นดูมันเช่นกัน หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปคุณอภิสราก็มีการกำหนดวันทำบุญบ้านครั้งใหญ่ ภูมิบุญเองก็คุยกับแทนทวีมากยิ่งขึ้นแม้จะยุ่งมากแค่ไหนก็ตามเขาต้องเจียด เวลาให้คนที่เขารัก ส่วนงานก็ง่วนอยู่แต่กับการเตรียมงานแต่งของแวน ชีวิตที่มีเมฆหมอกทะมึนดำบังอยู่ตลอดเวลาเริ่มมองเห็นฟ้าสีครามแสงแห่งความ สุขสาดส่องอยู่ไรๆ หวังว่ามันจะเป็นความสุขที่แท้จริง ไม่มีสิ่งเลวร้ายเข้ามาอีกนะ ภูมิบุญคิดเอาไว้
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเพราะน้ำเสียงของภูมิบุญเหนื่อยหน่ายที่จะเล่าหรือแจงเหตุผล ว่าทำไม หรือเพราะอะไร ตัดสินใจไปแล้ว พูดออกไปแล้ว ทำอย่างที่บาสต้องการแล้ว อยากให้มันจบอยากให้มันหมดเรื่องแบบนี้ไปจากใจเสียที แม้แต่คุณอภิสราเองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
"ดีแล้วลูก อย่าไปจองเวรจองกรรมเขาเลย เราจะได้กุศล"
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี กุศลหรือ มันเป็นตัวยังไง ภูมิบุญเองแย้งในใจแต่ก็นิ่งเงียบไป แต่บางทีการทำแบบนี้อย่างน้อยก็ได้เห็นแววตาที่ตอนแรกมองอย่างเกลียดชัง มันเปลี่ยนเป็นแววตาที่มีความหวัง มองภูมิบุญอย่างดีใจเหมือนเขาได้ให้ชีวิตใหม่แก่เด็กทั้งสี่คน หรือว่านี่น่ะหรือเขาเรียกกุศล
เรื่องราวเลวร้ายผ่านไปแล้ว บาสออกจากโรงพยาบาลแล้ว ภูมิบุญเช่าหอที่ใหม่ที่ดูดีกว่าใกล้โรงเรียนกว่าให้บาส โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดโตโต้เป็นคนรับผิดชอบออกให้ เจ้าตูบขี้เรื้อนเองก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วหลังจากที่เอาไปฝากไว้ที่โรง พยาบาลสัตว์หลายสัปดาห์ จากสุนัขขี้เรื้อนมันเริ่มมีแววตาสดใสอ้วนท้วนขึ้น ขนเริ่มขึ้น มีแววของสุนัขพันธ์ดี เพราะแท้จริงมันคือสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ภูมิบุญรักและดูแลเอาใจใส่มันมาก อย่างน้อยก็สงสาร คุณอภิสราเองก็เอ็นดูมันเช่นกัน หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปคุณอภิสราก็มีการกำหนดวันทำบุญบ้านครั้งใหญ่ ภูมิบุญเองก็คุยกับแทนทวีมากยิ่งขึ้นแม้จะยุ่งมากแค่ไหนก็ตามเขาต้องเจียด เวลาให้คนที่เขารัก ส่วนงานก็ง่วนอยู่แต่กับการเตรียมงานแต่งของแวน ชีวิตที่มีเมฆหมอกทะมึนดำบังอยู่ตลอดเวลาเริ่มมองเห็นฟ้าสีครามแสงแห่งความ สุขสาดส่องอยู่ไรๆ หวังว่ามันจะเป็นความสุขที่แท้จริง ไม่มีสิ่งเลวร้ายเข้ามาอีกนะ ภูมิบุญคิดเอาไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น