วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากหกสิบเก้า

คืนก่อนที่แทนทวีจะกลับไปออสเตรเลียเขาได้พาภูมิบุญไปค้างที่หัวหิน แม้บรรยากาศจะชวนให้ออกไปเดินเล่นแต่ทั้งสองก็ไม่ออกไปจากห้องเลยนอนก่ายกอดกันอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน
 
"ไม่อยากกลับเลยให้ตายสิ อยากอยู่แบบนี้กับภูมิไปนานๆ"
 
แทนทวีพรมจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน ภูมิบุญเองก็เบียดกายเข้าหาเช่นกัน
 
"รีบกลับไปเรียนให้จบเถอะครับพี่แทน พอจบแล้วเราก็จะได้เจอกันทุกวันไง"
 
"เนอะ อยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆจังเลย"
 
วันเวลาที่เป็นสุขรู้สึกไหมว่ามันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ได้สูดกลิ่นกายคนรักไม่ทันไรก้ต้องถึงเวลาที่เขาต้องกลับแล้ว ใจหายลอยปลิวไปไกลแสนไกล พยายามกดเก็บความรู้สึกเหล่านั้นความหวิวหวั่นในใจไว้ข้างในพยายามฝืนยิ้มออกมา ในวันที่เขาจำเป็นต้องร่ำลาจากไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็จะหวนกลับมาอีกไม่นาน
 
สนามบินสุวรรณภูมิคราคร่ำไปด้วยผู้คนเช่นทุกวัน ครั้งนี้ภูมิบุญไม่ต้องหลบซ่อนเพื่อที่จะไปส่งแทนทวีเหมือนครั้งก่อนแล้ว ทั้งคู่ยืนอยู่เคียงข้างกัน มีนายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงสิริกานต์ยืนอยู่ไม่ไกล
 
"ดูแลตัวเองดีๆนะภูมิ"
 
แทนทวีกุมมือของภูมิบุญเอาไว้แน่นบีบคลึงอยู่ถ่ายถอนความในใจให้ซึมผ่านไปกับแรงบีบนั้น
 
"พี่แทนเองก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ภูมิรออยู่นะ"
 
"พี่จะรีบกลับมานะภูมิ พี่รักเรามากนะ"
 
"ภูมิก็รักพี่แทนครับ รักมาก"
 
เขาเดินจากเข้าไปด้านในแล้วภูมิบุญยืนเม้มปากแน่นอยู่ ไม่เอ่ยอะไรออกมา ในใจหวิวๆบอกไม่ถูก เป็นธรรมดาของมนุษย์เมื่อใดที่ต้องพัดพรากจากคนที่รักของที่รักย่อมใจหาย เป็นเรื่องปกติแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ตาม พอกลับถึงบ้านก็เห็นโตโต้ยืนหน้ายักษ์รออยู่ที่หน้าห้องของตนเอง
 
"เป็นไงไปกกกันมาช้ำเลยล่ะสิท่า"
 
น้ำเสียงที่พูดออกมาประชดประชัน สายตาก็ดูเกรี้ยวกราด ภูมิบุญแม้จะเข้าใจอะไรไม่มากนักแต่ก็เข้าใจเขาดีว่าคงรู้สึกลำบากใจไปไม่น้อย
 
"ครับ ก็ดีครับ"
 
"พี่ไม่เข้าใจทำไมเราถึงได้รักมันนัก คนอยู่ใกล้ๆตัวไม่มอง"
 
"แล้วพี่แทนเขามีอะไรเสียหายล่ะครับ ผมถึงจะรักเขาไม่ได้"
 
ได้แต่กัดฟันโตโต้เองเม้มปากแน่นสายตาเคียดแค้นขึ้นมา
 
"สักวันภูมิ สักวันเราจะรู้ พี่ไม่เป็นไรพี่รอได้ เรานี่เก่งนะฝืนใจตัวเองได้ด้วย"
 
โตโต้พูดแล้วเดินหนีไปปล่อยให้ภูมิบุญยืนคิดอยู่คนเดียว แม้จะรู้สึกผิดที่เห็นโตโต้ดูซึมๆไปแต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจหรือปันใจให้ใคร ได้อีกให้มันจบแค่นี้เถอะนะคุณโตโต้เรื่องระหว่างเรา ภูมิบุญบอกกับตัวเอง
 
ชีวิตที่ดำเนินต่อไปตามครรลอง ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ งานเปิดตัวที่เชียงใหม่ผ่านไปได้ด้วยดีชื่อเสียงของรีสอร์ทก็ถือว่าประสบผลสำเร็จตามวงสังคมเป็นอย่างดี ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่งานจึงออกมาดีเกินคาด บาสเองก็ช่วยออกแบบการตกแต่งงาน เขารู้สึกชอบงานประเภทนี้ภุมิบุญจึงเคี่ยวเข็ญให้เขาเรียนต่อทางมัณฑนศิลป์ บาสเองก็ตั้งใจเรียนมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนพลอยตอนนี้ตกลงปลงใจคบกับกายไปแบบเปิดเผยแล้ว โครงการแต่งงานยังไม่มีในเร็ววันนี้แต่ทั้งสองก็ดูรักกันดี ส่วนคนที่กำลังจะแต่งงานเป็นคู่ต่อไปคือไพลินกับก้อง รายนั้นก็อยากจะจัดงานเหมือนแวน เพราะหลังจากงานแต่งงานของแวนผ่านไปเพื่อนๆในวงสังคมของแวนและพอลก็ต่างมาจัดงานที่เขาค้อกันเกือบทุกคู่นับเป็นที่ฮือฮาในแวดวงการจัดงานแต่งเลยก็ว่าได้
 
แวนเองก็คลอดลูกแล้วเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชัง ทั้งสองดูมีความสุขในชีวิตคู่เป็นอย่างมากครอบครัวที่สมบูรณ์ตามอุดมคติ อย่างที่ใครๆหลายคนวาดฝันเอาไว้ ครอบครัวที่เพรียบพร้อมทั้งบิดามารดาแล้วก็บุตร มองย้อนกลับมาหาตนก็ได้แต่สะท้อนใจ นี่เราผิดปกติไปหรือ จิตที่ใฝ่รักชายเพศเดียวกัน เพศที่มีทุกอย่างเหมือนกันเราผิดปกติไปใช่ไหม แต่สิ่งนี้เราเลือกเอง อันความรักหากเกิดกับใครเพศใดๆแล้วมันแก้ได้เปลี่ยนได้ด้วยหรือ ภูมิบุญเคยตั้งคำถามให้กับตัวเอง แต่คำตอบก็ยังลอยอยู่บนฟ้า ไม่มีใครหรือคำตอบใดๆจะให้ความกระจ่างแก่ใจเขาได้สักที อย่างน้อยก็ยังดีในสิ่งที่ใครๆอาจจะมองว่าผิดปกตินี้แต่ผู้ให้ชีวิตและผู้มีพระคุณมองข้ามมันไปเสีย เข้าอกเข้าใจ รู้ดีแก่ใจว่าบุคคลเหล่านั้นก็คงเจ็บปวดไม่น้อยที่รู้ว่าลูกชายของตนหรือคนที่ตนเองรักและเอ็นดูไม่ได้เป็นเหมือนชาวบ้านเขา แต่อนิจจังสังขารไม่เที่ยง อันตัวเราจะอยู่ได้ถึงวันพรุ่งหรือไม่ก็ไม่รู้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ทำไมเราไม่เลือกที่จะสูดเอาแต่กลิ่นของความฉ่ำชื่นสุขใจไม่ดีกว่าสูดเอากลิ่นของความทุกข์ตรมระทมจิตหรอกหรือ

"ภูมิพี่ไพลินน่ะเรื่องมาก บอกไม่อยากได้ตีมเดียวกับพี่แวน อะไรกันน่าเบื่องบก็เขียม"

พลอยบ่นออกมาตอนสายในมือกางแผนงานงานแต่งของไพลินกับก้องขึ้นดูบนโต๊ะทำงาน งานนี้พลอยลงเต็มตัวทั้งที่เป็นบริษัททำรีสอร์ทแต่เดี๋ยวนี้รับงานจัดงานแต่ง หรืองานอะไรก็ตามแต่ที่ใช้สถานที่ของทางรีสอร์ทจึงมีการจัดตั้งแผนกขึ้นมาใหม่คือ แผนกจัดเลี้ยงแต่ยังไม่มีคนคุมอย่างเต็มตัวเพราะภูมิบุญเป็นคนดูอยู่ แผนกนี้สร้างรายได้ให้กับบริษัทนับว่าดีทีเดียวเป็นผลพวงมาจากงานแต่งงานของแวนและงานเปิดตัวที่เชียงใหม่

"อย่าบ่นเลยน่า ตีมซ้ำๆกันใครเขาจะอยากได้ล่ะพลอย แล้วพี่ไพลินอยากได้แบบไหนล่ะ"

"อยากได้แบบมีดอกไม้มีเทียนมีผ้า ดูสิภูมิ แล้วจะให้ทำยังไงให้มันต่าง"

ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่

"ลองถามบาสหรือยัง เผื่อบาสจะมีไอเดีย"

"อุ๊ยภูมิ น้องมันเตรียมตัวสอบอยู่นี่ไม่อยากรบกวน"

"บ้าสิพลอย ถ้าไม่บอกมันล่ะมันยิ่งจะงอน เราว่าถามหน่อยล่ะกัน จะดีใจล่ะสิไม่ว่า"

ภูมิบุญบอกเพราะถ้างานไหนที่บาสช่วยออกไอเดียก็จะแบ่งเงินให้บาสเก็บไว้ใช้เองด้วย รายนั้นดีใจใหญ่ที่มีรายได้เป็นของตัวเอง แต่เขาก็นับว่าเป็นเด็กดีไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพราะเขามีเป้าหมายที่จะซื้อคอนโดฯเป็นของตัวเองตอนนี้เก็บเงินได้ครึ่งทางแล้ว

"พี่แทน พี่แทนจะกลับวันไหนนะครับ"

เป็นปกติเกือบทุกวันที่จะสนทนากับคนรักก่อนเข้านอน แม้บางวันจะยุ่งจนไม่อาจจะออนไลน์สนทนากันได้ แต่ก็ยังคงทำอยู่เป็นประจำไม่มีขาด

"คงอาทิตย์หน้าล่ะภูมิตอนนี้เคลียร์เอกสารอยู่ ดีใจไหมภูมิที่พี่จะกลับแล้ว"

"ดีใจสิครับ ดีใจมาก"

"ภูมิรู้ไหมที่นิวซีแลนด์ผู้ชายเขาแต่งงานกันได้ด้วยนะ"

"จริงเหรอครับ ดีจังเลย"

"เรามาแต่งงานกันที่นี่ดีไหมภูมิ"

ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกมา ทำให้คนที่รับสารหัวใจพองโตวาดวิมานอากาศเอาไว้แล้ว เป็นไปได้ด้วยหรือที่ผู้ชายจะแต่งงานกัน มันเป็นจริงด้วยหรือ

"จะดีเหรอครับพี่แทน"

"ดีสิภูมิ พี่อยากแต่งงานกับเรานะ"

"อืม กลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหมครับ กลัวแต่ว่าพี่แทนจะเปลี่ยนใจ"

"ภูมิ"

"ภูมิล้อเล่นครับพี่ แล้วได้ตารางบินมาหรือยังครับ ให้ภูมิไปรับไหม"

"ไม่ต้องหรอกภูมิ พี่อยากไปเซอร์ไพรซ์เราอีก"

"ไม่เอาแล้วพี่แทน ภูมิหัวใจจะวายตายพอดี"

"ฮ่าๆ ไม่ชอบหรอกหรือ พี่ว่าดีนะให้เราหัวใจเต้นแรง"

ยิ่งใกล้วันที่แทนทวีจะกลับใจยิ่งเต้นแรง ภูมิบุญจากที่ไม่เคยทำเรื่องดูแลตัวเองอย่างเข้าสปาก็ทำ อยากให้ตัวเองดูดีที่สุดเมื่อคนรักมาเห็น โตโต้เองก็ได้แต่เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆด้วยหัวใจที่ร้าวราน ยิ่งภูมิบุญดูมีความสุขเขาเองเหมือนจะตรมระทมทุกข์เป็นเท่าตัว ยิ่งภูมิบุญฉายยิ้มออกมาบนดวงหน้า น้ำตาของเขาก็คลอดหัวอกกลัดหนองเข้าไปทุกวัน นี่คงเป็นกรรมที่ทำกับภูมิบุญเอาไว้ แต่ก่อนทำร้ายเขาเกลียดชังเขาเข้าไส้ แต่ตอนนี้หัวใจมันศิโรราบให้แทบเท้าจะเหยียบจะย่ำยังไงก็แล้วแต่ภูมิบุญ และเขาเองก็กำลังทำแบบนั้นอยู่

"ตาโต้ ไม่สบายหรือเปล่าลูก ทำไมพักหน้าดูหมองจัง"

ผู้เป็นมารดาทักขึ้นเมื่อตอนเย็นก่อนรับประมานอาหาร ภูมิบุญกำลังช่วยจันทร์กับอ้อยอยู่ในครัว

"อ้อ ไม่มีอะไรครับแม่ งานคงยุ่ง"

"พักบ้างนะลูก อย่าให้ล้มหมอนนอนเสื่อไป เดี๋ยวมันจะมาหนักที่น้อง"

เม้มปากแน่นถอนหายใจออกมา

"แม่ดูรักภูมิจังนะครับ"

คุณอภิสรานิ่งจ้องมองใบหน้าซูบซีดของบุตรชายอย่างพิจารณา

"รักสิ รักมาก"

"ครับแม่ ผมรู้ครับ ผมก็รักน้องเขามาก"

พูดเสียงขาดๆหายๆเหมือนกระซิบออกมาท่อนสุดท้าย

"โต้ ฟังแม่นะ น้องเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ เราไม่ดีใจเหรอที่จะเห็นน้องมีความสุข แม่เองก็ปวดใจที่เห็นน้องเขาทุกข์อยู่ทุกวัน และตอนนี้น้องมันกำลังมีความสุขแม่เองก็ดีใจ"

"ครับแม่ โต้เองก็ดีใจ แต่ทำไมโต้ถึงรู้สึกปวดใจจังล่ะครับ"

"มานี่ลูก อย่าคิดมากของๆเรายังไงมันก็เป็นของๆเรา ถือว่าทำบุญกันมาน้อย แต่อย่างน้อยก็ยังดีไม่ใช่เหรอที่น้องมันยังอยู่กับเรา"

คุณอภิสราลุกขึ้นไปโอบกอดบุตรชาย โตโต้น้ำตาซึมออกมา มารดาของเขารู้ทุกเรื่องทุกความเคลื่อนไหว รู้ไปไกลกว่าที่เขารู้เสียอีกแต่เหมือนกำลังรอบางอย่าง รอให้ฟ้าเปิดใจกระจ่างมากกว่านี้ถึงจะยอมปริปากออกมา

"เป็นไงลูก ตาแทนนั่นจะกลับมาเมื่อไหร่นะ"

คุณอภิสราถามขึ้นตอนทานข้าวเย็นด้วยกัน ภูมิบุญระบายยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยแม้อยากจะปิดบังความในใจไว้แต่มันทะลัก ล้นออกมาทางตาทางสีหน้าท่าทาง

"เห็นบอกว่าอาทิตย์หน้านี่ล่ะครับคุณท่าน"

"อืม ท่าทางเราดีใจมากนะ"

เสียงที่เรียบนิ่งทำให้ภูมิบุญหยุดอาการลิงโลด มีอะไรเจืออยู่ในน้ำเสียงเรียบนั้น

"เอ่อ ครับคุณท่าน"

"เอาเถอะจ๊ะ คนรักกันอยู่ห่างกันนานๆไม่ดีหรอก กลับมาซะได้ก็ดี คนฝั่งนี้จะได้สุขใจเสียที"

คุณอภิสรายิ้มออกมาแห้งๆ ส่วนโตโต้วางช้อนกับส้อมในมือ เม้มปากแน่น

"อ้าว อิ่มแล้วเหรอลูก"

"ครับ โต้ไม่ค่อยหิว เออภูมิ เรื่องงานของไพลิน กับโครงการที่ปราณน่ะพี่ขอดูหน่อยได้ไหม"

เสียงของโตโต้เครียดขรึมมาก ขรึมเสียจนรู้สึกเสียวแปลบไปถึงสันหลัง

"ครับ ได้ครับ เดี๋ยวภูมิเอาขึ้นไปให้ดูนะครับ"

โตโต้เดินขึ้นห้องไปแล้ว ภูมิบุญระบายลมหายใจออกมา พักหลังเวลามีงานอะไรที่ต้องคิดร่วมกันจะเอาขึ้นไปทำบนห้องของโตโต้ เขาไม่ได้ละลาบละล้วงภูมิบุญเหมือนแต่ก่อนแล้ว เหมือนคนกำลังทำใจ ภูมิบุญเองแม้จะลำบากใจแต่ก็อยากจะตัดความสัมพันธ์แบบนี้ให้ขาดไปเสียเรื่องค้างคาใจจะได้หมดไปเสียที

"นี่ครับคุณโตโต้ แบบงานที่ปราณ ส่วนเล่มนี้เป็นงานของพี่ไพลิน แต่ของพี่ไพลินเรายังไม่ได้สรุปนะครับ แต่ร่างๆเอาไว้ก่อน"

ภูมิบุญวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าโตโต้ที่นั่งนิ่งอยู่ไม่ไหวติง

"ภูมิ"

เขาครางออกมาลอดออกจาคอ ภูมิบุญสะท้านไปทั้งใจ

"ครับ คุณโตโต้"

"ก่อนที่เราจะกลับไปหามัน พี่ขอกอดภูมิอีกสักครั้งได้ไหม"

เขาปราดตาขึ้นมอง ภูมิบุญสะอึกไปดวงตาที่เคลือบไปด้วยม่านน้ำตา มองฉายอกมาด้วยความร้าวรานจากภายใน ใจกระตุกหวิวไป

"อย่าเลยครับ มันไม่ดีหรอก"

พูดออกไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากตัดให้ขาด ทำให้จบ

"แค่กอดอีกสักครั้ง ในฐานะพี่ชายกับน้องชายก็ไม่ได้เลยเหรอภูมิ"

น้ำเสียงที่เค้นออกมามันระทมทุกข์จนรู้สึกได้ นี่เขาเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ภูมิบุญเม้มปากแน่นคิดไตร่ตรองอยู่ ส่วนในใจก็หวั่นไหวปลิวลอยหายไปไกลแสนไกลแล้ว

"คุณโตโต้"

"นะครับภูมิ พี่ขอกอดเราเป็นครั้งสุกท้ายได้ไหม แค่วินาทีเดียวก็ยังดี"

"พอเถอะครับ อย่าพูดเลย"

อ่อนระทวยไปทั้งใจทั้งร่างกาย ภูมิบุญเองก็โผเข้ากอดเขาทั้งน้ำตา ทำไมมันเจ็บยอกในใจเช่นนี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นน้ำตาของชายผู้นี้ แล้วนี่อะไร เขาสะอื้นออกมาทันทีที่ร่างกายของภูมิบุญกอดกระชับกับร่างของเขา

"พี่รักภูมินะ พี่รักภูมิมาก เพิ่งจะรู้ตัวตอนที่พี่กำลังจะเสียภูมิไป"

เขาคร่ำครวญออกมากอดภูมิบุญแน่นจนไม่มีที่ว่างให้อากาศลอดผ่านเข้าไปได้ ตัวสั่นไหวโยนไปกับแรงสะอื้น

"พี่เสียใจ พี่เสียใจที่เคยทำไม่ดีกับภูมิ"

"คุณโตโต้"

"พี่ขอโทษ พี่ผิดเองพี่มันเลว"

"พอแล้ว คุณโตโต้ พอแล้ว"

ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมว่าใจทำไมมันสิ้นไร้เรี่ยวแรงมากขาดนี้ กอดเขาแน่นเช่นกัน นานแสนนานกว่าที่พายุในใจจะสงบลงปล่อยให้ไออุ่นจากร่างของอีกฝ่ายถ่ายเทผ่าน เข้าสู่ร่างกายไปหล่อเลี้ยงหัวใจของตนเอง นานพอที่จะแยกออกจากกัน

"จำไว้นะภูมิ พี่จะรอเราอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะยังไง"

โตโต้พูดขึ้นไม่มีน้ำตาแล้ว สายตานิ่งคมกริบ

"อย่าเลยครับ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกคุณโตโต้ อย่ารอเลยครับ"

"ไม่ต้องพูดหรอกภูมิ พี่จะทำอะไรเราไม่ต้องมาสนใจหรอก ไม่ต้องมาสนใจพี่"

ไม่มีอะไรจะพุดออกไป พยายามรวบรวมกำลังใจที่จะก้าวออกมาจากห้องของเขา พยายามรวบรวมพลังทุกอย่างที่มีนำพาร่างออกมาจากห้องให้ได้ แต่มันก็ยากเหลือเกิน ดูเหมือนเรี่ยวแรงพลังกายพลังใจมันจะหายไป อ่อนแรงอ่อนล้าไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมใจถึงหวั่นไหวไปได้มากขนาดนี้ นี่เกิดอะไรขึ้นกับเรา นี่ใจเราหวั่นไหวให้กับเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ภูมิบุญตั้งคำถามให้กับตัวเองอีกครั้ง แต่มีเพียงนิ่งเงียบงันเป็นคำตอบจากหัวใจของตัวเอง

"ภูมิตกลงพี่แทนเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ"

พลอยถามขึ้นในวันทำงาน ภูมิบุญยิ้มออกมาทันที โตโต้ที่เดินเข้ามาพร้อมกันหน้าเจื่อนลงเดินเข้าออฟฟิศไปแล้ว

"เห็นบอกว่าพรุ่งนี้ล่ะพลอย เราดีใจจังเลย ว่าจะไปรับที่สนามบิน"

"แล้วรู้ไฟลท์เหรอภูมิ"

พลอยถามน้ำเสียงลิงโลดดีใจไปกับเพื่อนรัก

"ไม่รู้ แต่เราว่าจะลองเช็คกับทางสายการบินดู"

"ทำไมไม่ยอมบอกเนอะ กะจะเซอร์ไพรซ์กันไปถึงไหนเนี่ย"

"นั่นน่ะสิ แต่พี่แทนเขาชอบทำแบบนี้ล่ะพลอยทำให้ประหลาดใจอยู่เรื่อยล่ะ"

"แต่บ่อยๆก็ไม่ไหวนะเราว่า เดี๋ยวช็อคตายกันพอดี"

พลอยหัวเราะออกมาภูมิบุญเองก็ยิ้มออกมา ในใจมันกรีดร้องดีใจล่วงหน้าไปแล้ว แต่พอเข้าไปทำงานเห็นสีหน้าของโตโต้แล้วก็ต้องหุบสีหน้าที่ดีใจสุขใจลงเสีย เพราะเห็นใจเขามากเหมือนกัน

"พลอย เราว่าจะไปซื้อของขวัญให้พี่แทน พลอยว่าเราควรจะซื้ออะไรดี"

ปรึกษาพลอยตอนพักทานข้าวกลางวัน โตโต้บอกไม่หิวเลยไม่ได้ลงมากินข้าวด้วย ภูมิบุญกับพลอยนั่งกินข้าวอยู่ร้านอาหารตามสั่งข้างๆตึก

"เราว่าเสื้อเชิ้ตดีไหมล่ะ ไม่รู้สิคนมาจากนอกนี่เอาอะไรให้เป็นของขวัญดีล่ะ"

พลอยเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

"พาเราไปเลือกหน่อยสิพลอย"

"อยากไปนะภูมิ แต่อีตาบ้านั่นจะมารับไปเจอที่บ้านอะไรก็ไม่รู้"

พาดพิงไปถึงกาย ภูมิบุญยิ้มออกมา

"จริงเหรอ งั้นไม่เป็นไร เราว่างานต่อไปต้องเป็นพลอยกับพี่กายแน่ๆ"

ภูมิบุญแซวขึ้น พลอยอายหน้าแดง

"บ้าเหรอภูมิ ถ้าอยากจะแต่งงานกับเราต้องคบกันให้ได้เก้าปีก่อนย่ะ เราไม่มีทางอ่อนยอมให้ง่ายๆหรอกเสียชื่อพลอยหมด"

"แหมนะ ให้เขารอนานเดี๋ยวคานทองก็ถามหาหรอก"

"ทีพี่แทนยังให้ภูมิรอได้เลย ทำไมเราจะให้เขารอไม่ได้"

พลอยโพล่งออกมา ภูมิบุญนิ่งเงียบไป

"อุ๊ยเราขอโทษนะภูมิ ปากไม่ดีอีกแล้ว"

"ไม่เป็นไรหรอก แหมแต่ของเราเขาก็จะกลับมาแล้วนี่ รอแค่ไหนก็เต็มใจรอ"

"จ้า ยอมจริงๆเลย"

ทั้งสองสนทนากันอยู่จนถึงเวลางานจึงกลับเข้าออฟฟิศตามปกติ สรุปแล้วภูมิบุญต้องโทรศัพท์ไปชวนบาสให้ออกมาซื้อของขวัญเป็นเพื่อน รายนั้นไม่เคยปฏิเสธ แม้เขาจะติดเรียนหรือติดอ่านหนังสือแต่สำหรับภูมิบุญแล้วเขามีเวลาให้เสมอ เพราะเขารู้แล้วว่าภูมิบุญเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่เขา

ชีวิตคนเราเปราะ บางยิ่งนัก ผ่านวันผ่านคืนมานานแสนนานจนความเปราะบางมันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองจน แข็งแกร่ง ลมพัดที่ผ่านมาแต่ก่อนหนาวสะท้านยะเยือกไปถึงใจถึงจิตวิญญาณแต่มาบัดนี้ลม นั้นเพียงปัดเป่าให้ทุเลาคลายร้อนเท่านั้นเอง ชีวิตที่สมบูรณ์จริงๆแล้วคืออะไร บริวารแวดล้อม เงินทองมั่งคั่ง ความรักไม่เคยหมดสิ้นจากใจหรือ มันอาจจะจริงตามนั้นก็เป็นได้ แต่ความสมบูรณ์ของใจคือการที่ได้นอนหลับแล้วไม่ผวาตื่นฝันร้ายหรือคิดวกวน ว่าจะมีอะไรมาทำให้ใจหม่นหมองจนนอนไม่ได้ ความสมบูรณ์ของจิตใจคือการที่ใจเรารู้จักพอ เสพในสิ่งที่มี หาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่รายรอบกายไม่ใช่หรือ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น