วันทำบุญบ้านคุณอภิสราเชิญนายแพทย์แทนชัยกับแพทย์หญิงศิริกานต์มาด้วยเนื่องจากช่วงหลังเห็นกริยาท่าทีของแวนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอีกทั้งภูมิบุญเองก็ชอบพออยู่กับบุตรชายเพียงคนเดียวกับท่านทั้งสอง ส่วนแขกคนอื่นๆโตโต้ก็เชิญเพื่อนมาสองสามคน ภูมิบุญเองก็เชิญฝ้ายกับโต้ง ก้องกับไพลิน แล้วก็พลอยมาร่วมทำบุญบ้านครั้งนี้ด้วยแต่กายมาไม่ได้เพราะต้องไปดูงานต่างประเทศสองวัน ก่อนถึงวันทำบุญภูมิบุญก็ง่วนอยู่กับการเตรียมงานเพราะไม่ได้จ้างใครเรื่องทำกับข้าว จัดเตรียมอาสนะสำหรับพระสงฆ์ใบตองห่อและรองอาหาร ดอกไม้ในการทำบุญล้วนแล้วแต่ทำขึ้นมาเอง ดอกไม้ภูมิบุญกับคุณอภิสราช่วยกันจัดทำมีบัวขาวกับกล้วยไม้สีขาวมีจำปีกับรักเสียบไม้ รวมถึงใบตองด้วย ส่วนเรื่องอาหารในครัวอ้อยกับจันทร์เป็นคนจัดการ โตโต้เองก็มานั่งดูภูมิบุญกับคุณอภิสราพับใบตองอยู่อยากทำบ้างพยายามทำอยู่ หลายอันแต่ไม่เข้าท่าจึงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ
"ภูมินี่เก่งนะ ทำประณีตบรรจง ป้าสู้ไม่ได้เลย"
คุณอภิสราเอ่ยขึ้นหลังจากเฝ้ามองดูภูมิบุญพับกระทงอยู่
"ไม่หรอกครับคุณท่าน ภูมิเองก็ทำไม่เก่งหรอกครับ แต่อาศัยทำบ่อยๆ"
"พี่เขาก็ทำออกบ่อย ไหนตาโต้ทำไปกี่อันแล้วนะ ไม่เห็นรายนั้นได้เรื่องสักอันเลยนี่ลูก"
คุณอภิสราหัวเราะออกมา โตโต้เองก็ยิ้มอายๆ พอถึงวันงานแขกก็มาถึงงานแต่เช้าแวนกับพอลมาถึงพร้อมกับพลอย พลอยเองพอมาถึงก็ปรี่เข้าไปช่วยในครัวทันทีเพราะคุ้นเคยกันดี ส่วนพอลกับแวนก็นั่งคุยกันอยู่กับโตโต้
"พี่ฝ้าย พี่โต้ง สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับที่สละเวลามา"
"ไม่เสียเวลาเลยจ๊ะ เรื่องงานบุญนี่ขอให้บอก เราดูโตขึ้นเยอะเลยนะภูมิ"
ฝ้ายยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอหน้าของภูมิบุญ
"อ้าวฝ้าย ทำไมไปว่าน้องเขาแก่ขึ้นล่ะเดี๋ยวภูมิก็น้อยใจหรอก"
"บ้าเหรอโต้ง โตขึ้นนี่ดูจากแววตาท่าทางหรอก บ้าน้องภูมิยังหน้าอ่อนเหมือนเดิมนั่นล่ะจ๊ะอย่าไปฟังพี่โต้งนะภูมิ"
ทั้งสามหัวเราะอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ถือสาหาความแต่อย่างใด พอเชิญแขกเข้าไปในบ้านก็ออกมารับไพลินกับก้องที่ตามๆกันมา ไพลินเองก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก้องเองก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย พอบุพการีของแทนทวีมาถึงภูมิบุญก็ออกไปรับถึงหน้าบ้าน
"ขอบพระคุณคุณท่านทั้งสองนะครับที่มา เชิญด้านในก่อนครับ"
กริยาท่าทางของภูมิบุญกระตุกใจแพทย์หญิงศิริกานต์เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ได้แต่เก็บเงียบไว้ในใจ
"อะไรกันภูมิ จนป่านนี้ยังเรียกคุณท่านอยู่อีกเหรอ พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกเลยคุณท่งคุณท่านเนี่ย เรียกพ่อเถอะลูก"
"ครับ คุณพ่อกับคุณแม่สบายดีนะครับ ภูมิไม่ค่อยมีเวลาว่างเข้าไปเยี่ยมเลย ว่าจะทำแกงส้มปลาช่อนไปฝากอยู่แต่หาโอกาสไม่ได้สักที"
ภูมิบุญนิ่งคิดก่อนจะพูดออกไป นายแพทย์แทนชัยหัวเราะร่าเริงอย่างอารมณ์ดี พ อเชิญเข้าบ้านคุณอภิสรากับโตโต้ก็ออกมาต้อนรับอีกทีหนึ่ง โตโต้เองมีสีหน้าเจื่อนๆนิดหน่อยคงเพราะเคยคบหากับบุตรีของทั้งสองคน แต่ก็ชักสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม
"ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอที่เสียเวลามาทำบุญบ้านกับดิฉัน เชิญนั่งก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวพระก็มาถึงแล้ว"
"บ้านเราอยู่แค่นี้เองครับคุณอภิสรา แต่ก็ไม่เคยแวะมาเยี่ยมเยียนสักที"
"นั่นสินะคะ คงเพราะรั้วบ้านมันใหญ่โตไป บางทีมันก็กักขังเรามากเกินไปเหมือนกันนะ แทนที่จะเปิดรับออกมาเจอเพื่อนบ้าน เจอสิ่งดีๆบ้าง ใช่ไหมคะคุณหมอ"
สีหน้าของแพทย์หญิงศิริกานต์เจื่อนลงทำหน้าลำบากใจอยู่ แต่ยังไม่มีใครทันสังเกตุ พอพระมาถึงภูมิบุญก็เตรียมของกับพลอย ส่วนโตโต้ พอลและก้องก็ออกไปรับพระสงฆ์เข้ามาในบ้าน นิมนต์มาเก้ารูปเพื่อความเป็นศิริมงคล พอพระเริ่มทำพิธีทุกคนก็นั่งพนมมือเรียงรายกันอยู่ พอเสร็จคุณอภิสรา โตโต้และภูมิบุญก็ไปประเคนภัตตราหาร ภูมิบุญคอยส่งของให้คุณอภิสราอยู่ด้านหลัง ท่าทางที่คล่องแคล่วรู้งานสร้างความประทับใจแก่คนที่เฝ้ามองดูอยู่
"ภูมินี่เอาการเอางานดีจังนะคะคุณ"
แพทย์หญิงศิริกานต์เอ่ยขึ้นเบาๆข้างผู้เป็นสามี
"นั่นสินะ ใครได้ไปเป็นลูกภูมิใจหน้าบานเลยล่ะ"
ผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นไม่รู้ว่าคำพูดของตนจะไปเสียดแทงใจของภรรยา นั่นสินะเพชรอยู่ในมือแล้วแท้ๆแต่ตนเองกับตั้งแง่กีดกันคนทั้งสอง เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ทำใจไว้แล้วหรือยัง แพทย์หญิงศิริกานต์ตั้งคำถามให้กับตัวเอง เพราะอย่างที่เธอคาดไว้ว่ารู้จักบุตรชายของตนดีว่าเป็นคนยังไง ถ้าเขาเป็นไปอย่างที่คิดเตรียมใจไว้แล้วจริงๆเหรอ
พอเลี้ยงพระเสร็จท่านก็ให้พรภูมิบุญนั่งอยู่ข้างๆคุณอภิสราเอามือแตะที่แขนเพราะกำลังกรวดน้ำ โตโต้เองก็แตะแขนมารดาของตนอีกข้างภาพเบื้องหน้านี้มันช่างน่าดูเสียนี่กระไร ฝั่งขวาเป็นบุตรชายตัวใหญ่ท่าทางเก้ๆกังๆไม่ถนัด แต่ฝั่งซ้ายเป็นเด็กในเรือนของตน รูปร่างเล็กสมส่วนผิวสีน้ำผึ้งขับกับแสงไฟยิ่งทำให้ชวนมอง ท่าทางดูปราดเปรียวคล่องแคล่ว
"เสียดาย"
"หือ อะไรนะคุณ"
นายแพทย์แทนชัยกระซิบถามภรรยาเสียงเบาเพราะพิธียังไม่จบ แพทย์หญิงศิริกานต์ส่ายหน้าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พอเสร็จงานพรกลับวัดไปแล้วก็เลี้ยงข้าวแขก
"ตามสบายเลยนะคะ วันนี้มีขนมจีนน้ำยาปลาช่อน จันทร์เขาโชว์ฝีมือเองเลย เชิญค่ะเชิญ"
เสียงคุณอภิสราเชื้อเชิญแขกให้นั่งรับประทานอาหารตามอัธยาศัย ภูมิบุญเองก็คอยดูแลแขกเหรื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
"เป็นไงบ้างครับพี่ฝ้าย ทานได้ไหมครับ"
"อื้ม อร่อยมากเลยภูมิ น้ำยาข้นมาก รสชาติกลมกล่อมที่สุด พี่ต้องขอเบิ้นแล้วล่ะ"
ฝ้ายที่กำลังเคี้ยวผักอยู่ตอบพลางหัวเราะร่าเริง ส่วนโต้งเองก็กำลังสนใจกับรายการอาหารอย่างอื่นอยู่
"น่ากินทั้งนั้นเลยนะภูมิ ทำประณีตมากเลยอ่ะ ใบตองห่อเอยแกะสลักเอย"
"ท่าน่ากินพี่โต้งก็ทานเยอะๆนะครับ แม่เขาจะได้ไม่เสียใจ"
ภูมิบุญเดินไปดูทางแวนรายนั้นไม่ค่อยคุ้นกับอาหารเผ็ดๆ เท่าไหร่นักแต่อาหารก็มีอยู่หลายชิดทั้งแกง ผัดทอด นึ่ง อาหารที่ยกออกมาแต่ละอย่างทำให้พลอยตีมือก้องเอาไว้แทบไม่ทัน
"บอกแฟนตัวเองหน่อยสิพี่ไพลิน ดูกิน ก้องตายอดตายอยากมาจากไหนอ่ะ"
"โหย ไม่ได้หรอกพลอย ของดีๆอร่อยๆทั้งนั้น ไม่กินเดี๋ยวแม่จันทร์เขาจะเสียใจ"
"เข้าใจพูดเนอะ"
"แล้วนายกายอะไรนั่นไม่มาหรอกเหรอจ๊ะ แม่น้องสาวตัวดี"
ไพลินได้ทียอกย้อนพลอย รายนั้นทำหน้าไม่ถูก
"ไม่ว่างมาค่ะ"
"ต๊าย ออกตัวแล้วเหรอว่าคบกัน แหมยอมๆตั้งแต่แรกๆก็สิ้นเรื่องแล้วนะ"
"พี่ไพลิน"
"อย่าไปว่าพลอยเขาเลยครับพี่ไพลิน ดีใจจังที่เพื่อนขายออกแล้ว"
"แหมภูมิ ขายองขายออกอะไรล่ะ อย่างเราน่ะใครเขาจะมาเอา"
"นั่นสินะพลอย ฮ่าๆ ห้าวๆอย่างพลอยคิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมีคนมอง"
"นายก้อง เกินไปแล้วย่ะ ห้าวๆอย่างเราแต่สวยนะจ๊ะจะบอก"
"จ้า แม่สวย วันก่อนเห็นนอนเลยไม่ล้างหน้าล้างตา ตื่นขึ้นมามาสคาร่าเต็มเบ้าตานี่ได้ข่าว"
ไพลินเผาน้องสาวชนิดเผาขน
"พี่ไพลิน"
ถลึงตาเขียวใส่พี่สาว ทุกคนหัวเราะขึ้นทันที ภูมิบุญเองก็หัวเราะออกมาเพราะคิดภาพตาม ไม่รู้ตัวหรอกว่าถูกใครหลายคนเฝ้ามองอยู่ เคยเห็นภูมิบุญหัวเราะสักครั้งไหม ไม่เคยเลย นานแสนนานจะมีก็เพียงรอยยิ้มที่เหือดแห้งแต่กระนั้นก็ยังยากที่จะเห็น แต่วันนี้เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสดใส ใครกันนะที่มาทำให้เขาหยุดหัวเราะไปเสีย รอยยิ้มนี้ เสียงหัวเราะแบบนี้ มันช่างชวนให้น่ามอง ไรฟันขาวเรียงเป็นระเบียบรอยยิ้มที่ดวงหน้าสีหน้าแววตาดูมีความสุข ใครกันนะที่มาทำให้มันหม่นหมองลง โต้โต้นั่งมองอยู่ไกลๆแวนเองกับพอลก็หันมามอง คุณอภิสราถึงกับยิ้มออกมาพึงใจกับสิ่งที่ได้เห็น
"เวลาภูมิยิ้มนี่น่ามองนะจันทร์ ทำไมไม่ค่อยยิ้มให้เห็นเลย มันถึงเวลาซะทีนะที่ภูมิเขาจะมีความสุข เจอเรื่องร้ายๆมามากพอแล้ว"
คุณอภิสราเอ่ยขึ้นกับจันทร์รายนั้นก็ยิ้มออกมา แค่รอยยิ้มของคนๆเดียวสร้างความสุขให้คนได้มากมายหลายคน แค่รอยยิ้มจากคนที่ตรมทุกข์มาตลอดเกือบทั้งชีวิต มันเป็นเหมือนสายฝนกลางทะเลทราย ชื่นฉ่ำหัวใจเหลือเกิน
"ว่างๆก็ไปเยี่ยมแม่บ้างนะจ๊ะภูมิ ยังคิดถึงแกงส้มของภูมิอยู่เลยนะ"
พอออกมาส่งแขกหน้าบ้านแพทย์หญิงศิริกานต์ก็พูดขึ้น
"ครับ คุณ เอ่อ คุณแม่ ถ้าภูมิว่างเดี๋ยวภูมิเข้าไปเยี่ยมนะครับ"
"นั่นสิลูก บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง"
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ น้องภูมิไปเยี่ยมบ้านเราบ่อยแน่ๆ เพราะงานแต่งของแวนก็ได้ภูมินี่ล่ะค่ะเป็นแม่งานให้"
แวนเสริมขึ้นยืนเรียงรายกันอยู่ทั้งครอบครัว
"จริงเหรอลูก ดีๆ"
นายแพทย์แทนชัยเอ่ยขึ้นทั้งสองเข้ามาลูบหัวของภูมิบุญอย่างเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่ภูมิบุญรู้สึกโล่งใจ เข้าข้างตัวเองไปว่าพ่อแม่ของแทนทวีก็ชอบตนเช่นกัน
"พี่แทนครับ วันนี้ภูมิมีความสุขที่สุดเลย"
พอมีเวลาส่วนตัวหลังจากเก็บข้าวของช่วยทางบ้านเสร็จก็เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์
"ดีแล้วครับภูมิ พี่อยากให้ภูมิมีความสุขมากๆนะ เพราะถ้าภูมิมีความสุขพี่เองก็มีความสุข"
"วันนี้ภูมิได้กล้องมาแล้วนะครับพี่แทน อยากเห็นหน้าภูมิไหม"
"อยากสิภูมิ ไหนๆ"
พอเชื่อมต่อกับกล้องได้ก็ส่งคำเชิญไปให้แทนทวีเปิดกล้องของตนดู
"ภูมิ"
"ครับพี่แทน"
"ภูมิ น่ารักเหมือนเดิมนะ น่ารักมาก"
"แหมพี่แทนครับ ก็คนๆเดิมนะ พี่แทนก็ยังหล่อเหมือนเดิมนะครับ"
"พี่ดีใจจังครับที่ได้เห็นหน้าภูมิ มีความสุขที่สุด"
ทั้งสองสนทนากันอยู่นานพอสมควรกำลังใจที่ส่งมอบให้กันสร้างความสุขให้แต่ละฝ่าย ภูมิเป็นรู้สึกเป็นสุขใจมากที่สุดวันหนึ่ง ไม่มีอะไรคั่งค้างในใจ ปมต่างๆดูเหมือนจะถูกคลี่คลายหมดแล้ว พอไปทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว เพราะโปรเจ็กต์ที่เชียงใหม่ได้กำหนดวันที่จัดงานแล้ว คือปลายปี ส่วนงานแต่งงานของแวนก็อีกแค่เดือนกว่าๆ ภูมิบุญจึงรีบลงมือทำงานอย่างเต็มที่ พอเลิกงานก็ให้โตโต้พาไปเจอบาสทุกวัน รายนั้นดีขึ้นมากแล้วไปโรงเรียนได้ตามปกติ แม้สีหน้าแววตาจะยังไม่สดใสร่าเริงเหมือนเดิมแต่ก็ดูดีขึ้นมาก
"วันนี้เป็นไงบ้างบาส เรียนเหนื่อยไหม"
ภูมิบุญถามขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน เพราะต้องรับบาสไปทานข้าวที่บ้านด้วยทุกวัน คุณอภิสราเองก็เอ็นดูบาสพอสมควร แม้จะไม่มากเท่าไหร่แต่ก็ไม่แสดงออกอะไรมากนัก ด้วยความที่บาสเป็นคนแข็งๆพูดน้อย แต่คุณอภิสราเองก็เห็นใจในสิ่งที่เขาเผชิญมา
"แหมพี่ ผมแค่ไปนั่งเรียนไม่เหนื่อยหรอกครับ พี่สองคนล่ะ งานยุ่งไหม"
"ยุ่งดิบาส ช่วงนี้งานเปิดตัวที่เชียงใหม่กำลังยุ่งเชียว"
"เชียงใหม่เหรอครับ"
บาสหันไปทางต้นเสียง โตโต้สายตายังมองถนนเบื้องหน้าอยู่
"อยากไปไหมบาส เดี๋ยวคราวหน้าถ้าพี่ขึ้นไปดูงานแล้วตรงกับวันหยุดของเราเดี๋ยวพี่พาไป"
ภูมิบุญเอี้ยวคอมายิ้มให้
"จริงนะพี่ ผมอยากไปครับ แม่เคยสัญญาว่าจะพาไปตั้งแต่ปีที่แล้ว"
น้ำเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัดสายตาหลุบต่ำลง ภูมิบุญกับโตโต้มองหน้ากัน
"นี่ไงครับเดี๋ยวพี่สองคนจะพาไป เขาค้อด้วยเป็นไงเคยไปไหม สวยนะ"
โตโต้พูดออกมา บาสค่อยมีสีหน้าดีขึ้น
"ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณมาก"
บาสยิ้มขึ้นมาในใจลิงโลด เพราะแม้ตอนที่เขามีทุกอย่างอยู่นั้นพ่อแม่ของเขาไม่ได้มีเวลาให้เลย ปกติจะให้เงินเอาไว้ใช้อย่างเดียว อยากได้อะไรอยากซื้ออะไรก็ตามใจเขา อยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้แต่ต้องในระแวกนี้ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยเงินและวัตถุมันจึงไม่แปลกที่เวลาไม่มีวัตถุรองรับความ ต้องการเขาก็รับไม่ได้ แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นแม้จะยังเด็กแต่เขาก็พอคิดได้ เวลาอยากได้อะไรพอไปขอภูมิบุญรายนั้นจะซักเสียจนเขารำคาญ ทำไม เพราะอะไร ใช้ประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีจะโอเคไหม หรือถ้ามีจะรู้สึกดีขึ้นจริงๆไหม แม้จะรู้สึกรำคาญแต่พอกลับมาคิดเองมันก็จริงอย่างที่ภูมิบุญบอก
"บาส ยังอยากได้โทรศัพท์รุ่นนี้อยู่ใช่ไหม"
ภูมิบุญตัดสินใจยื่นกล่องโทรศัพท์ใหม่ราคาหลายหมื่นบาทให้บาสหลังกินข้าวเสร็จ เขามานั่งเล่นกับเจ้าตูบที่ตอนนี้ขนยาวสลวยสุขภาพแข็งแรงต่างจากเจ้าขี้ เรื้อนในตอนแรกราวกับเป็นคนละตัว
"เอ่อ พี่"
เขาทำหน้าตกใจยังไม่ยื่นมือมารับ
"พี่ให้เป็นของขวัญเราละกัน ที่เราเป็นเด็กดี"
บาสก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่
"ของเก่าก็ยังใช้ได้อยู่นี่ครับพี่ ปกติผมไม่ได้โทรออกหาใคร เพื่อนที่ใหม่ก็ยังไม่สนิท มีแต่รับสายพี่กับพี่พลอยเท่านั้นเอง"
ภูมิบุญมองหน้าเขาอย่างพิจารณา
"ผมไม่อยากได้แล้วครับพี่ รบกวนพี่เปล่าๆ เดี๋ยวนี้ทำรายงานเยอะ ผมต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น เกรงใจพี่ครับ"
"บาส"
ร้องออกมาแววตาปลื้มปีติกับสิ่งที่ได้ยิน
"ขอบคุณพี่มากนะครับที่ดีกับผมเหลือเกิน"
เขายกมือขึ้นไหว้ ภูมิบุญนั่งลงข้างๆเอามือขึ้นแตะบ่าของเขาเบาๆ
"พี่ดีใจนะบาส ดีใจที่เราคิดได้ พี่ภูมิใจในตัวเรามากนะ"
"ผมเป็นเด็กไม่ดีหรอกครับพี่ แต่ผมก็ไม่อยากทำให้พี่กับพี่พลอยเสียใจ"
ภูมิบุญยิ้มออกมาช่วงนี้รอยยิ้มผุดขึ้นบนดวงหน้าของภูมิบุญบ่อยครั้ง บ่อยจนคนที่เห็นเป็นสุขใจเช่นกัน พอแตะบ่าเขาอยู่สักพัก บาสก็ถอนหายใจออกมาสีหน้าเศร้าลงอีก
"มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าบาส"
"ที่โรงเรียนใหม่ ผมไม่มีเพื่อนเลยครับพี่ เหมือนผมเป็นตัวประหลาด บางทีผมก็ไม่อยากไปโรงเรียน"
ภูมิบุญสูดลมหายใจเข้าปอดมองเขาอย่างสงสาร
"บาส ถ้าเราอยากมีเพื่อน เราก็ต้องเข้าหาเพื่อนก่อนสิครับ พี่ว่าเพราะท่าทางเราตอนนี้ดูเครียดๆพูดน้อยล่ะมั้ง เพื่อนๆจึงไม่กล้าเข้ามาคุย ถ้าเราอยากให้เขาคุยกับเรา เราก็ต้องเอ่ยปากคุยกับเขาก่อน อย่าคิดมากเลยนะพี่ว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองล่ะ"
"พี่ผมถามหน่อยสิ เพื่อนเก่าผม ทำไมเวลาผมไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมพวกมันไม่คุยกับผมเลย ทั้งที่แต่ก่อนเป็นเพื่อนรักกัน"
น้ำเสียงเครียดขึ้นมา
"บาส คนเราน่ะการเลี้ยงดูไม่เหมือนกัน ถ้าเพื่อนเราเป็นแบบนั้น เราก็อย่าไปเสียดายเลยนะครับ แสดงว่าเขาคบเราเพียงผิวเผิน เวลามีเงินถึงเรียกเพื่อน เวลาไม่มีเงินก็ไม่คุย อย่าไปใส่ใจเลย ถ้าเราเป็นคนดีพี่เชื่อว่าสักวันเราจะมีเพื่อนที่รักเราจริง"
ภูมิบุญแบ่งปันประสบการณืต่างๆให้บาสฟังพอเย็นหน่อยก็ให้ลุงหมายไปส่งบาสที่หอพัก ส่วนภูมิบุญก็เข้าไปนั่งคุยกับคุณอภิสราอยู่ในบ้านสักพักก่อนที่จะแยกตัวไป
"พี่ว่าบาสมันดูดีขึ้นแล้วนะ ท่าทางไม่เครียดเหมือนแต่ก่อนแล้ว"
โตโต้นั่งอยู่บนเตียงของภูมิบุญ พอเปิดประตุห้องเข้ามาก็ถึงกับชะงักแต่ก็สงวนท่าทีเอาไว้
"ครับ แต่เราก็ยังคงต้องเฝ้าดูอยู่นี่ครับ ยังปล่อยไม่ได้หรอก"
"อืม เหนื่อยจังวันนี้ อ่า"
ครางออกมาพลางนอนลงบนเตียงเอามือประสานท้ายทอย
"คุณโตโต้มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"
ถามออกไปเพราะเห็นท่าทางแล้วคงไม่ยอมกลับง่ายๆ
"ก็มาหาไงภูมิ แค่อยากมาเห็นหน้า"
"เจอกันอยู่ทุกวันนี่ครับ ไม่เบื่อหน้าผมเหรอ"
"ไม่เคยเบื่อ มีแต่อยากเจอมากขึ้น"
พอพูดออกไปถึงรู้ตัวว่าไม่น่าปริปากออกไปแบบนั้นเลย ภูมิบุญยังยืนเก้ๆกังๆอยู่กลางห้อง
"มานั่งนี่สิภูมิ พี่ถามอะไรหน่อย"
"ครับ"
ภูมิบุญไม่ได้ทำอย่างที่เขาบอก แต่เดินอ้อมไปนั่งบนโต๊ะหน้าคอมพิวเตอร์
"เรื่องงานของแวนน่ะ ไอ้แทนมันจะกลับมาด้วยใช่ไหม"
"คิดว่าน่าจะกลับครับ"
"เหรอ กลับมาทำไม"
เสียงเหมือนคนพาล
"อ้าวคุณโตโต้ก็เขาเป็นพี่น้องกันนี่ครับ พี่สาวแต่งงานทั้งทีก็ต้องกลับมาสิครับ"
"หึหึ ขอให้กลับมาคนเดียวนะ"
หัวเราะขึ้นมา ภูมิบุญได้แต่เม้มปากแน่น ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาอีก
"มีธุระอะไรอีกไหมครับ ภูมิจะอาบน้ำ"
"ไม่มีแล้ว แต่ขอเอนหลังสักพักได้ไหม"
"ไม่ไปนอนที่ห้องล่ะครับ เวลาหลับจะได้นอนไปเลย"
"ที่นี่ก็เหมือนกันล่ะน่า ทำไมกลัวกลิ่นตัวพี่จะติดเตียงเราเหรอ แต่ว่าเตียงเรานี่หอมดีเนอะ กลิ่นตัวภูมิยังติดอยู่เลย"
ว่าแล้วก็นอนคว่ำหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดเสียงดัง ภูมิบุญได้แต่ยืนเม้มปาก ไม่รู้จะไล่เขายังไงดี จึงได้แต่หยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไป พออาบน้ำเสร็จ ใช้เวลานานพอสมควรกลับเข้าห้องมา คิดว่าเขาคงกลับห้องไปแล้ว แต่ไม่เลย เขานอนแผ่หราอยู่กลางเตียงท่าทางเหมือนหลับไปแล้ว ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาจะมาไม้ไหนอีกนะ ภูมิบุญแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปเขย่าตัวของโตโต้
"คุณโตโต้ครับ คุณโตโต้กลับไปนอนที่ห้องเถอะครับ"
"หือ"
พลิกกายหนีมือของภูมิบุญ
"คุณโตโต้"
"เอ๊ะ คุณโตโต้จะทำอะไรครับ"
พอภูมิบุญกระเด้ตัวขึ้นยังไม่ทันสุดดีโตโต้ก็คว้าแขนของภูมิบุญดึงให้ล้มลงไปนอนทับเขาบนเตียงกอดไว้แน่น
"ขอกอดหน่อยดิภูมิ พี่ไม่ได้กอดเรานานแล้วนะ"
"อย่าทำแบบนี้ครับ"
"ทำไมล่ะ หือ"
ไม่กอดเปล่าเอาหน้าซุกเข้าตามซอกคอสูดหายใจแรงๆ ภูมิบุญหน้าแดงขึ้นมาพยายามดิ้นหนี
"อย่าครับ ปล่อย"
"ขอกอดหน่อยน่า นะพี่กอดแป๊บเดียว"
"ไม่เอาครับ ปล่อยเถอะ"
ภูมิบุญดิ้นอยู่สักพักแต่สู้แรงของโตโต้ไม่ได้จึงนิ่งอยู่ ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ได้ต่อสู้หรือต้านทานอะไรเขามากมายนัก คงเป็นเพราะเจอหน้าเขาทุกวัน ชินกับการที่เขาพยายามแทะโลมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกเวลา พอภูมิบุญนิ่งเขาก็เบื่อไปเอง ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย โตโต้กลับห้องไปแล้ว ภูมิบุญจึงเปิดคอมพิวเตอร์สนทนากับคนเพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจของเขา
"งานพี่แวนพี่จะกลับด้วยนะภูมิ กลับอาทิตย์นึง"
แทนทวีบอกออกมาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภูมิบุญหัวใจเต้นแรงขึ้นมา
"จริงเหรอครับพี่แทน ภูมิดีใจจังเลย"
"พี่ก็ดีใจ พี่จะพาภูมิไปเที่ยวให้หนำใจเลย ลางานไว้นะภูมิ"
"ครับพี่แทน อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลยนะครับ ภูมิคิดถึงพี่แทนมากนะรู้ไหม"
"พี่ก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆเหมือนกันครับ อยากกอดภูมิจะแย่อยู่แล้ว"
หัวใจ พองโตขึ้นมาคำพูดของแทนทวีเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มฉ่ำ รู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน นานแสนนานที่รอคอยคนรัก มันนานกัดกินหัวใจ แต่พอรู้ว่าวันที่จะได้เจอหน้าของคนที่รักหัวใจก็พองโตมีชีวิตชีวาขึ้น
ภารตีแน่งน้อง คอยถ้า พี่เอย
อกขื่นทุกข์ตรมแล้ว ห่อนบ้า
น้องรอพี่ดวงแก้ว ใจรักผูกมั่น
ขอพี่ยาคืนน้อง อกร้องเปรมปรีย์
ทะเลกั้นฟากฟ้า สุดหล้า แสนไกล
ผูกจิตแน่นอุรา พี่เจ้า
ตัวไกลใจดุจผา นั้นแฮ พี่เอย
ใจมั่นหวังเชยชู้ พี่ข้า คืนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น