วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบ

"ช่วยพี่เลือกหน่อยนะบาส ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องซื้ออะไรให้พี่แทนดี"

พอนัดเจอกับบาสที่หน้าซีคอนฯหลังเลิกงานบาสก็มาตามนัด ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่ ภูมิบุญปรี่เข้าไปหายิ้มให้อย่างดีใจ


"โห อิจฉาพี่แทนจังอ่ะพี่ มีแฟนรออยู่นี่ ยังจะซื้อของฝากให้อีก"


"แหมบาส เราเองอยากได้อะไรพี่ก็ซื้อให้นี่ เดี๋ยวเรามีแฟนก็รู้เองล่ะ"


"คร้าบ งั้นซื้อของเสร็จพี่เลี้ยงข้าวผมด้วยน้า ผมอยากกินอาหารเวียตนามอ่ะ"


"ได้สิ เข้าไปข้างในกันเถอะร้อน"


ภูมิบุญบอกแล้วเดินนำเข้าไปในห้างฝั่งโรบินสัน


"พี่ไม่ซื้อเสื้อเชิ้ตล่ะพี่ สีหวานๆ"


"ไม่รู้สิบาส ดูก่อน ใจหนึ่งก็อยากให้นาฬิกา อีกใจก็อยากให้เสื้อผ้า ลองเดินตัดสินใจดูก่อน"


"อ้อ ครับอย่านานนักนะพี่ ผมหิวแล้วเนี่ย"


"คร้าบ พ่อน้องชาย แป๊บเดียวล่ะน่า"


เดินหยอกล้อกันเข้าไปในตัวห้างสรรพสินค้า ก็ตรงไปยังชั้นขายเครื่องแต่งกายชาย เดินวนอยู่รอบหนึ่งแต่ยังตัดสินใจไม่ได้สักที


"แวะยี่ห้อนี้ก่อนดีไหมบาส ท่าทางจะเข้าท่าอยู่นะ"


"ครับ"


เดินปรี่เข้าไปตรงเคาท์เตอร์หยิบเสื้อยืดขึ้นมาดูสีหวานดี


"ตัวนี้เป็นไงบา...."


ได้แต่อ้าปากค้างตะลึงงันอยู่ เพราะสายตาเหลือบไปเห็นที่คนคุ้นเคย คนที่เป็นดวงใจ ใบหน้าที่คุ้นเคยติดตรึงตาตรึงในใจเขายืนอยู่ต่อหน้า แต่พอเขาเห็นหน้าภูมิบุญท่าทางของเขาก็เหมือนกับเจอโจทก์เก่า ตาถลนออกมาหน้าซีดเผือดลงทันที


"ภูมิ"


"พี่แทน"


คนฝั่งนี้แม้จะตกใจแต่ความดีใจมันเข้ามาแทนที่แล้ว ความปลาบปลื้มปีติมันสูบฉีดผ่านเส้นเลือดขึ้นมาหล่อเลี้ยงทั่วทั้งสรรพางค์กาย ปรี่จะเข้าไปหาเขาแต่แทนทวีถอยหลังออกไปทำให้ภูมิบุญชะงักเท้าไว้
ลังเลอยู่

"ตัวเอง ตัวนี้เป็นไงบ้าง"


เสียงอื่นร้องทักมา เสียงที่ทำให้หัวใจหลุดปลิวไปไหนแล้ว เสียงที่กระชากใจออกไปทั้งดวง ภูมิบุญใจสั่นหวั่นไหวเหลือบตาไปมองตามเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเท่าๆกันกับแทนทวีดูจากรูปร่างผิวพรรณหน้าตาแล้วเขา ดูดีมากทีเดียว สายตาที่เขาปราดมองมามันเหยียดหยันอยู่ในที


"ใครอ่ะตัวเอง"


กระตุกใจเหลือเกิน "ใคร" นี่เรากลายเป็นใครไปแล้วหรือ สมองเริ่มพร่ามัวมึนทึบประมวลผลไม่ออก กรามเริ่มขบเข้าหากันแน่นปากเริ่มเม้มแน่น มือสั่นฟันเริ่มกระทบกันดังกึกๆ


"ภูมิ ภูมิมาทำอะไรที่นี่"


"ไหนบอกจะมาพรุ่งนี้"


น้ำเสียงที่น่าเวทนาเปล่งออกไปจากลำคอ แต่น่าประหลาดไม่มีน้ำตาสักหยดออกมาเคลือบตาเหมือนทุกที


"อ้อ พี่มาก่อนน่ะภูมิ เป็นไงบ้าง สบายดีเหรอ"


ทำไมรู้สึกห่างเหินแบบนี้ ทำไมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม นี่เขาเป็นอะไรไป นี่มันเป็นความฝันใช่ไหม


"อ้อ นี่น่ะเหรอ น้องภูมิที่แทนคุยด้วยน่ะ ตัวจริงน่ารักกว่าในกล้องอีกนะ"


เหมือนโดนฝ่ามือฟาดลงมาที่หน้าสักสิบครั้ง มันชาไปทั้งตัวเลือดที่ไหลร้อนเหมือนมันหยุดไหลไปแล้ว สภาพทุกอย่างของร่างกายมันเหมือนจะหยุดชะงักลง


"เพื่อนเหรอครับพี่แทน"


กัดฟันถามออกไปทั้งที่ใจมันรับรู้แล้ว
รู้ดีแก่ใจแล้วว่าคนข้างหน้านี้เป็นใคร

"อ้อ นี่พีทแฟนพี่เองภูมิ"


"เฮ้ย พี่ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ เลวว่ะพี่"


บาสทนยืนฟังอยู่นานพอกดโทรศัพท์ไปหาโตโต้เสร็จก็โพล่งออกมาเขาก้าวมายืนขวางหน้าของภูมิบุญเอาไว้


"อ้อ เฮอะๆ เหรอครับพี่ อ้อแฟนพี่เหรอ เฮอะๆ ดีจัง"


กลายเป็นคนบ้าไม่สมประกอบไปแล้ว ท่าทางของภูมิบุญเหมือนคนเสียจริต ยืนคว้างอยู่พยายามจะเดินหนี บาสเห็นท่าไม่ดีรีบจับข้อมือไว้


"ภูมิ พี่ขอคุยด้วยหน่อย พี่รู้ว่าภูมิรู้สึกยังไง"


"บาสพาพี่ไป"


พูดไม่เป็นคำน้ำตาเริ่มจะไหลออกมาแล้ว ไม่อยากให้ใครเห็นไม่อยากเป็นคนที่น่าอับอายในที่แห่งนี้


"หยุดเลย สัตว์ อย่าเข้ามานะ ชาติชั่ว"


บาสชี้หน้ากราดก่อนจะรีบจูงมือของภูมิบุญเดินหนีไป


"ไปสนใจทำไมตัวเอง เดี๋ยวเค้าก็รู้อยู่ดี น่าสงสาร"


"พีท"


อนาถใจแท้เด็กชายมัธยมกำลังจูงมือคนที่นับถือเป็นพี่ชายปลิวระลิ่วเดินลงบันไดเลื่อนมา ภูมิบุญเดินเหินไม่ได้อย่างปกติเขาสะดุดพื้นต่างระดับของบันไดหัวคะมำลง


"ไหวไหมพี่"


บาสถาม ภูมิบุญเม้มปากแน่นพยายามไม่ร้องไห้ออกมา ส่ายหน้า แต่เหมือนหน้ามันหนักมีหินถ่วงอยู่หัวมันหนัก มันชาไปหมด นี่อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น


"อยู่ไหนเฮีย ผมอยู่ข้างหน้าแล้ว"


บาสรับโทรศัพท์ของโตโต้ พอออกมายืนข้างหน้าห้างบาสเหลือบไปเห็นรถของโตโต้ก็รีบจูงมือของภูมิบุญไปหาทันที


"พี่ภูมิจะไปไหน"


เดินไปไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าจิตใจมันกระเจิดกระเจิง ใจหรือ เรายังมีใจเหลืออยู่อีกเหรอ "แฟนพี่" เขาคือแฟนแทนทวี แล้วเราล่ะ เป็นใคร เราล่ะ เรากลายเป็นใครไปแล้ว


"ภูมิ"


โตโต้ลงจากรถมาพอเห็นสภาพก็ถึงกับเข่าอ่อน ภูมิบุญเหมือนคนบ้าที่ไม่เหลือแล้วซึ่งสติ หน้าตาบูดเบี้ยวเหมือนพยายามกักเก็บอะไรไว้ภายใน ความรวดร้าวที่มันฉายออกมาทางแววตายากเกินที่จะบีบกักขังมันเอาไว้ ความปวดร้าวมันแสดงออกมาทุกอณูของร่างกาย
ร่างที่สั่นไหวเหมือนหนาวปากที่สั่นฟันกระทบกันอยู่

"กลับบ้านเราภูมิ"


"พี่"


นั่นเป็นเสียงเดียวที่ออกจากปากภูมิบุญ แวบหนึ่งปลื้มปีติเหลือเกินที่ภูมิบุญยอมเรียกเขาว่าพี่ แต่ส่วนที่เหลือของหัวใจมันแหลกราญไปแล้วเพราะคนที่โผเข้ากอดต่อหน้าร่าง สั่นสะท้านไปด้วยพลังของความสูญเสียอาดูรใจ โตโต้กอดภูมิบุญไว้แน่นไม่สนใจสายตาใคร กอดไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องรีบจูงมือภูมิบุญขึ้นรถไปเพราะเสียงบีบแตรไล่ดังกึกก้องแล้ว


"เลวมากนะเฮีย เชี่ยสุดๆ อยากจะเตะปากมันสักที"


บาสสบถออกมาระหว่างทาง โตโต้เองไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ชำเลืองมองคนตัวเล็กที่กอดตัวเองเม้มปากแน่นอยู่ ไม่มีเสียงสะอื้นออกมา มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบหน้า สายตามองออกไปนอกกระจกไม่รู้ว่ามันจะเจ็บปวดมากมายเพียงใด แต่อยากให้เขารับรู้เหลือเกินว่าคนที่กำลังมองเองก็ปวดร้าวไม่น้อยเช่นกัน พอถึงบ้านภูมิบุญรีบลงจากรถเอามือปาดน้ำตาเพราะเห็นคุณอภิสรากับจันทร์นั่งคอยอยู่หน้าบ้านแล้ว พอเดินลงรถได้ก็เซถลาไป หมดแล้วซึ่งเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดที่กักเก็บไว้มันระเบิดออกมา ภูมิบุญทรุดกายลงกับพื้นหน้าบ้าน สะอื้นออกมาปิ่มใจจะขาด ไม่มีเสียงมีแต่น้ำตากับท่าทางที่ตัวโยนสั่นไหวอยู่


"ภูมิ"


"พี่ภูมิ"


ทั้งสองยังก้าวลงจากรถไม่ทันที่จะคว้าตัวเอาไว้ร้องเสียงระงม


"ตายแล้วภูมิลูกเป็นอะไร ภูมิ"


เสียงของคุณอภิสรากับจันทร์ดังคู่กันอยู่หน้าบ้านก่อนที่จะปรี่เข้ามาดู


"ภูมิ ภูมิทำอะไรผิด ฮึกๆ"


"โธ่ลูก"


คุณอภิสราโผเข้าไปกอดร่างที่แทบจะแนบลงกับพื้น ดึงขึ้นมาจันทร์เองก็น้ำตาไหลออกมาเพราะเห็นสภาพของลูกชายแล้วทนไม่ได้ ยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรก็น้ำตาไหลก่อนแล้วตามประสาหัวอกคนเป็นแม่ ส่วนคุณอภิสราเม้มปากแน่น กระตุกใจมากเช่นกันแต่ก็พยายามนิ่งเป็นเสาให้ภูมิบุญค้ำ
กอดอยู่

"น้องเป็นอะไรตาโต้"


ถามเสียงขุ่นเขียว


"เอ่อ น้อง"


"ก็ไอ้เชี่ย เอ้ย แฟนพี่ภูมิน่ะครับคุณท่าน กลับมาแล้วพร้อมแฟนใหม่ เราไปเจอที่ซีคอนฯ"


บาสพูดออกมาสายตาโกรธแค้นกำหมัดแน่น


"โธ่ลูก ใจร้ายจริงๆ"


มือก็ลูบตามหลังเพราะแรงสะอื้นของภูมิบุญมันสะท้อนเข้าไปถึงทรวงอกของผู้เป็นใหญ่ในบ้าน


"คุณท่าน ภูมิเป็นใคร ภูมิเป็นใครในสายตาเขา ภูมิโง่มากเลยใช่ไหม ภูมิทำอะไรผิด ภูมิทำอะไรผิด"


คนที่เห็นภาพนี้ต่างเม้มปากแน่นอนาจใจกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า ร่างของชายรูปร่างงามผิวงามจิตใจดีผู้นี้กำลังเสียจิตวิญญาณไป เสียงคร่ำครวญที่โอดครวญออกมาแม้เราเห็นเรายังรับรู้ได้ว่าเขาคงทุกข์เจ็บ ปวดทรมานแสนสาหัสสากรรจ์มากมายนัก แล้วตัวของคนที่กำลังคร่ำครวญเองเล่าเขาจะเจ็บยอกเข้าไปในจิตถึงเท่าใด ใบหน้าคมงามรูปนั้นกำลังจะจรดลงกับพื้นน้ำตาไหลหยดลงเป็นด่างดวงบนพื้นปูน แรงดึงของมารดากับคุณอภิสราก็ต้านไว้ไม่ได้ เสียใจ เจ็บใจ ปวดร้าวเหลือเกิน


"เฮียไปไหน"


บาสร้องขึ้น เพราะโตโต้ปรี่ขึ้นรถไปบาสวิ่งตามเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเคียงข้าง ผู้เป็นมารดาไม่ได้ร้องห้ามแต่อย่างใด เพราะลำพังคนที่อยู่ต่อหน้าก็กระชากหัวใจไปมากแล้ว
ร่างที่โน้มลงไปกับแรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยให้ร่างของเขาติดพื้นไม่ได้ มันบีบใจเกินไปพยายามดึงรั้งขึ้นมาไว้ในอก

"ตั้งจิตให้มั่นนะลูก ตั้งจิตให้มั่น"


เสียงเหมือนพระสวดอยู่เหนือหัวดังเป็นระยะ ตอนนี้สติไม่มีเหลือแล้ว มันชาไปหมด น้ำตาที่ไหลออกมามันมากมายไม่มีหยุดหย่อน อันเสียงใดจะผ่านเข้ามาในโสตประสาทได้ในตอนนี้นั้นยากยิ่ง เพราะเจ้าตัวกำลังหน้ามืดตามัวร้าวรานใจอยู่ แม้จะเป็นเสียงทิพยืเสียงสวรรค์ก็ไม่ได้ยินแล้ว


"เฮียจะไปเอาเลือดหัวมันออก"


"ผมไปด้วย"


โตโต้กัดฟันแน่นขับรถตรงไปยังบ้านของแทนทวีทันที ตอนแรกตั้งใจจะไปหาที่ซีคอนฯแต่คิดว่าคงคลาดกัน ขับรถออกมาแล้วแต่ยังไงก็ต้องไป


"ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่แวนพูดมันจะเลวร้ายแบบนี้"


"พี่แวนพูดอะไรเฮีย"


บาสถามสีหน้าอยากรู้อยากเห็น


"แวนบอกว่าแทนทวีอาจจะมีคนใหม่ เพราะเคยโทรไปหาที่โน่นแล้วมีคนอื่นรับสาย"


"ชาติชั่ว พี่ภูมิอุตส่าห์รอ เลวชาติ"


บาสสบถออกมา


"ใช่ เลว"


กัดฟันแน่นขบกรามจนปูดโปน


"ภูมิลูก ตั้งสติหน่อย ป้าใจจะขาด พอแล้วลูก พอแล้ว"


"ภูมิพอเถอะลูก พอแล้ว"


เสียงคร่ำครวญของผู้เป็นมารดาที่เข้ามากอดตัวอีกข้างเคียงคู่อยู่กับคุณอภิสราพยายามช่วยกันเรียกสติให้คืนกลับมาหาภูมิบุญ เพราะภูมิบุญแค่สะอื้นออกมาไม่เปล่งเสียงเหมือนกำลังกลืนความชอกช้ำใจลงไปในคอ หายใจเริ่มติดขัด
ผู่ที่สวมกอดอยู่ยิ่งเห็นยิ่งร้าวรานใจ

"แม่ แม่ภูมิ ภูมิเจ็บ"


"แม่รู้ลูก พอแล้ว พอแล้ว แม่ขอร้อง พอแล้วลูก"


จะสรรหาคำใดมาบรรยายความโศกาอาดูรเบื้องหน้าถึงจะเทียบเท่าความเสียใจที่เขาได้รับ ร่างเล็กเริ่มขดงอแม้จะมีผู้ใหญ่สองท่านกอดรั้งไว้แต่แรงสะอื้น แรงสะท้อนของหัวใจมันต้านไว้ มันค้านยึดเหนี่ยวให้ร่างกำลังจะลงสู่พื้น คุณอภิสราจากที่นิ่งเข้มแข็งอยู่ก็ร้องไห้ออกมา ยิ่งเห็นภูมิบุญคร่ำครวญยิ่งเหมือนใจจะขาดตามไป อนิจจา ความเศร้าโศกของบุตรในอุทรมากเท่าใดผู้เป็นมารดาได้รับไปมากเท่าทวีคูณ


"โต้"


แวนที่กำลังเล่นกำลูกชายวัยแบเบาะอยู่หน้าบ้านหน้าซีดลงทันทีเมื่อเห็นหน้าอดีตแฟนหนุ่มบุกมาถึงหน้าบ้าน


"มันอยู่ไหนแวน"


เสียงกร้าวแข็งเปล่งออกไปสายตามองเลยข้ามหัวของแวนไป


"พี่ฝนๆ ฝากน้องเข้าไปในบ้านหน่อยค่ะ"


แวนหน้าถอดสีร้องหาคนในบ้านให้มาพาลูกหลบพายุร้ายที่คิดว่ากำลังจะกระหน่ำลงในไม่ช้า


"ใจเย็นๆนะโต้ มีอะไรค่อยพูดต่อยจากัน"


"มันอยู่ไหน"


ยังเน้นคำเดิมแต่น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นมาก


"มีอะไรกันลูก"


เสียงของบุพการีของแวนดังออกมาสักพักร่างของทั้งสองก็มายืนอยู่ตรงหน้า


"สวัสดีครับ วันนี้ผมขออนุญาตินะครับ"


โตโต้ยกมือขึ้นไหว้บอกออกไปก่อนที่จะสอดส่องสายตาหาแทนทวี


"แทนยังไม่กลับเลยจ๊ะโต้"


"กลับจากไหน โกหก ไหนบอกจะกลับมาพรุ่งนี้ เลว รู้ไหมภูมิไปเจอมันมากับตา"


"หา อะไรนะ"


แวนเอามือขึ้นทาบอก บิดามารดาก็กุมจับมือกันสีหน้าไม่ต่างไปจากแวนเลยแม้แต่น้อย


"รู้กันแล้วช่วยกันปิดใช่ไหมแวน ทำไมทำแบบนี้ ไปดูภูมิสิ ไปดูว่าภูมิเป็นยังไงตอนนี้ พอใจไหม พอใจรึยัง"


เสียงตวาดดังลั่นไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้ว


"โต้ ใจเย็นๆนะ แวนไม่ได้ตั้งใจจะปิดนะ"


"โกหก ทำแบบนี้กับภูมิได้ยังไง รู้ไหมว่าภูมิเขานับวันนับคืนรอ สมใจแล้วใช่ไหม เขี่ยเขาออกพ้นทางได้แล้วนี่"


สายตาจับจ้องไปที่บุพการีของแวน รายนั้นหลบสายตา แพทย์หญิงศิริกานต์เดินเข้าบ้านไปแล้ว ทรุดลงบนโซฟา แวบแรกที่เห็นหน้าบุตรชายกลับมาพรอ้มเพื่อนชายอีกคน แล้วประกาศก้องว่า "นี่แฟนผมครับแม่ เราว่าจะไปแต่งงานกันที่นิวซีแลนด์ปีหน้า" หัวใจก็สลายหายไป ตอนแรกที่คิดเอาไว้คือแค่ให้ห่างจากภูมิบุญเผื่อว่าแทนทวีจะเปลี่ยนใจมีแฟนที่เป็นอิสตรีเพศ แต่ไม่เลยคิดผิดแท้ๆ เสียภูมิบุญไปก็ชอกช้ำใจมากพออยู่แล้ว แต่ลูกชายยิ่งมาทำแบบนี้เหมือนตายทั้งเป็น


"ใจเย็นๆก่อนนะโต้พ่อขอล่ะ"


"ครับ ผมจะใจเย็นถ้าผมได้เจอหน้าไอ้ชาติชั่วนั่นก่อน"


ไม่ยอมลดราวาศอกให้เลย ยืนกระต่ายขาเดียวเกรี้ยวกราดอยู่ แวนเองน้ำตาไหลออกมาเห็นใจภูมิบุญชิงชังน้องชายตัวเองแต่จะทำยังไงได้ ยังไงๆเขาก็เป็นเลือดเป็นเชื้อของตัวเอง


"โต้ แวนเข้าใจโต้นะ แวนขอโทษแทนตาแทนด้วย"


"สายไปแล้วล่ะแวน นี่เห็นภูมิเป็นควายเหรอ ไม่รักกันแล้วหลอกเขาไว้ทำไม ภูมิทำอะไรผิดเหรอ เลวชั่วช้าที่สุด เอาอะไรทำหัวใจ"


พอดีกับเสียงรถจอดกึกลงหน้ารั้งประตูบ้าน โตโต้เบนความสนใจไปหารถคันนั้นทันที พอรู้ว่าใครก็วิ่งเข้าไปกระชากประตูรถออกลากแขนของแทนทวีออกมาจากรถ


"พลั่กๆๆๆๆ"


เสียงต่อยเข้าที่หน้านับครั้งไม่ได้


"โอ๊ย ว้ายนี่มันอะไรกัน"


ผู้ชายคนนั้นร้องว้ายออกมา แวนเองก็ร้องเสียงเดียวกันแล้วปรี่เข้าไปห้าม นายแพทย์แทนชัยก็ปรี่เข้าไปดึงตัวของโตโต้ออกมา


"สัตว์ มึงเป็นคนอยู่รึเปล่า ไอ้เชี่ย เลวยิ่งกว่าหมา สาระเลวเอ้ย"


พอโตโต้โดนดึงตัวออกมาบาสเองก็กระโดดถีบเข้าไปที่ยอดอกของแทนทวี รายนั้นกำลังพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเลือดกบปากเปรอะตามหน้า ก็หงายหลังล้มลงไปอีก


"พอแล้ว บอกให้พอ หยุด"


นายแพทย์แทนชัยร้องออกมา บาสยืนกัดฟันแน่น


"อะไรกัน ทำไมพาลจังเลย นิสัยไม่ดี"


"หุบปากไปเลยอีตุ๊ด มึงอยากโดนเหรอ"


บาสตวาดใส่แฟนใหม่ของแทนทวีที่ก้าวลงมาประคองร่างของแทนทวีขึ้น พอขาดคำบาสก็เหวี่ยงเท้าเข้าไปที่สะเอวของเขาทันที


"โอ๊ย"


"พอแล้ว อย่ามาเป็นนักเลงแถวนี้นะ ไม่งั้นพ่อจะเรียกตำรวจแล้วนะ"


นายแพทย์แทนชัยเหลืออดร้องออกมาเสียงดัง บาสหยุดกึกลงสายตาไม่ได้กลัวแม้แต่น้อยแต่ที่หยุดเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ โตโต้สะบัดออกจากการเกาะกุมของแวนกับนายแพทย์แทนชัย


"ไหนมึงบอกกูมาซิ มึงทำแบบนี้ได้ยังไง"


"อะไร คนเขาไม่รักกันแล้วทำแบบนี้เลยเหรอ ต่ำทรามที่สุด"


เขาคนนั้นพูดออกมาแม้สีหน้าสีตาจะหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่ด้วยเป็นคนที่ไม่เคยโดนใครทำร้ายแบบนี้มาก่อน
จึงไม่ยอมแพ้เช่นกัน

"มึงหุบปากกูไม่ได้ถามมึง มึงว่าไงไอ้แทน"


แทนทวีหลุบตาลงไม่กล้าสบตา พอเจ็บตัวถึงคิดขึ้นมาได้ว่าเขาลืมไปว่าเขาเองก็มีภูมิบุญคอยอยู่ที่นี่ ใจใจคิดว่าจะค่อยๆบอก จากที่ห่างกันมานาน เรื่องราวหลายๆอย่างผ่านเข้ามา เขาได้แต่คิดว่าภูมิบุยต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่เขาคงลืมไปว่าทุกคำพูดที่เขาเปล่งออกมา รายนั้นจดเอาไว้บันทึกเอาไว้จารไว้ในใจยากที่จะลบเลือน


"ผมขอโทษ ผมยังไม่ได้บอกภูมิ ผมว่า"


"ว่าอะไร สัตว์ มึงทำได้ยังไง ให้ภูมิเขารอปีสองปี ส่วนมึงก็ไประเริงกับอีเชี่ยนี่ มึงเอาอะไรทำหัวใจ หา"


"โต้พอเถอะพ่อขอ พ่อรู้ว่าภูมิเขารู้สึกยังไง เอาไว้มีสติแล้วค่อยมาคุยกันดีไหม พ่อขอล่ะ"


"รู้เหรอครับว่าภูมิเขารู้สึกยังไง พ่อรู้เหรอครับ พ่อเห็นเหรอว่าคนที่หาทางไปไม่เจอน่ะมันเป็นยังไง ภูมิเดินกลับเข้าบ้านยังไม่ได้เลย พ่อไปดูสิครับถ้าอยากรู้ และไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันแล้วทั้งนั้น ดี ตัดกันแบบนี้ล่ะตายจะได้ไม่ต้องมาเผาผี ไปบาส กลับ ผมต้องกราบขอโทษด้วยนะครับที่มาโวยวายที่นี่ แต่เข้าใจผมด้วย คนของผมทำอะไรผิด เขาสมควรได้รับการตอบแทนแบบนี้ด้วยเหรอครับ คุณพ่อ"


ประโยคสุดท้ายราบเรียบนิ่งพรอ้มกับการยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นใหญ่ในบ้าน นายแพทย์แทนชัยกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างยากลำบากหน้าชาร้อนวูบวาบตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีคำไหนเจ็บปวดเสียดใจได้เท่านี้มาก่อน แวนเองก็สะอื้นยืนเกาะแขนบิดาอยู่ มองน้องชายอย่างหยามเหยียดก่อนจะเข้าบ้านไปด้วยแรงลากของบิดา ส่วนแพทย์หญิงศิริกานต์นั่งร้องไห้อยู่ ได้ยินทุกคำเจ็บทุกประโยคยอกใจอยู่ ทนดูไม่ได้ทนเห็นไม่ได้ รู้สึกผิดเจ็บอยู่ในใจ พอเห็นหน้าแวนก็โผเข้ากอดร่ำไห้กันอยู่สองคน


"พากันไปอยู่คอนโดได้ไหมตาแทน พ่อทำใจไม่ได้"


"พ่อ"


เป็นคำเดียวที่พูดกับบุตรชายก่อนจะจูงแขนภรรยาขึ้นห้องไปส่วนแวนก็ไปอุ้มเอาลูกชายมาจากเด็กในบ้านแล้วขึ้นห้องไปเช่นกัน ด้านภูมิบุญพอร้องไห้จนเหนื่อยไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรงแล้วก็ลุกขึ้นมาได้ คุณอภิสรากับจันทร์พยุงไปนั่งในบ้าน คุณอภิสรายังลูบหัวอยู่ไม่หยุด แม้จะมีน้ำตาซึมออกมาบ้างแต่ก็ไม่สะอื้นแล้ว


"ภูมิกราบขอโทษคุณท่านนะครับ ที่ทำให้คุณท่านร้องไห้ ภูมินี่ไม่ไหวเลยจริงๆ"


ภูมิบุญก้มลงจะกราบแต่คุณอภิสราจับมือไว้เม้มปากสายหน้าน้ำตาไหลออกมา ยอกใจเหลือเกิน


"ภูมิลูก จำไว้นะ เราเจ็บแม่เรากับป้าก็เจ็บ ป้ารู้ว่าเราเสียใจ แต่มันต้องผ่านไปได้ลูก เขาไม่เห็นค่าของเราก็ช่างเขา นั่นไม่ได้แสดงว่าเราจะไม่มีค่านะ ภูมิยังมีค่าเสมอสำหรับป้ากับแม่จันทร์ของภูมิ มีค่ามาก มากจนเกินจะให้ภูมิมาทำแบบนี้ไม่ได้"


น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอีกภูมิบุญเม้มปากหนัก


"ภูมิขอโทษ มันเป็นกรรมของภูมิเอง ภูมิโง่เอง"


"อย่าลูก อย่าพูดแบบนี้ คนเราถ้าเขาจะหลอกเรา ต่อให้ฉลาดแค่ไหนเขาก็หลอก อย่าเสียใจไปเลย น้ำใจคนเรามันไม่ได้มีให้เห็นกันแค่นี้หรอก สักวันเขาจะรู้ว่าเขาได้เสียสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเขาไป"


ผู้เป็นใหญ่ในบ้านก็พยายามเหลือเกินที่จะเรียกขวัญและกำลังใจคืนมาให้คนที่นั่งน้ำตาไหลอยู่เบื้องหน้า


"แม่ เป็นไงบ้างครับ"


โตโต้กลับเข้ามาพร้อมกับบาส ถามขึ้นเสียงเบาเพราะเห็นสภาพแล้วใจอ่อนระทวยไป โตโต้เข้าไปนั่งใกล้ๆจับบ่าของภูมิบุญเอาไว้ ส่วนบาสไปนั่งลงข้างๆจันทร์แล้วกอดแขนของจันทร์ไว้เพราะรายนั้นยังสะอื้นอยู่


"ถือว่าทำบุญกันมาแค่นี้ล่ะกันนะลูก อย่าไปคิดจองเวรจองกรรมกับเขาเลย"


คุณอภิสราบอกก่อนที่จะปล่อยให้ภูมิบุญกลับห้องไป ภูมิบุญกินข้าวไม่ลงพยายามแล้วไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวปัญหา แต่ทำไม่ได้จริงๆ แค่น้ำเปล่าเวลากลืนมันลงก็เหมือนกลืนก้อนหินดินทรายลงไปในคอ โตโต้เองให้บาสนอนที่ห้องของเขา ส่วนตัวเขาเองนอนไม่ได้ นั่งยังไม่ได้จิตใจเป็นห่วงเป็นกังวลกับคนร่างเล็กที่เพิ่งจะเดินกลับห้องไป เขาอาสาไปนอนเฝ้าภูมิบุญที่หน้าห้องเพราะกลัวว่าจะทำร้ายตัวเอง คุณอภิสราก็ไม่ว่าอะไรเพราะความในใจมันเกินที่จะพูดเปล่งออกมาเป็นคำพูดได้ โตโต้ให้อ้อยกางมุ้งให้ที่หน้าห้องของภูมิบุญแล้วเขาก็ไปนอนเฝ้าอยู่อย่างนั้น


สรรพสิ่งทั้งหลายรู้ไหมเวลาเราโดนทำร้ายได้บาดแผลมา ตอนแรกมันจะไม่เจ็บอาจจะดูชาๆเสียด้วยซ้ำ แต่อนิจจาเวลาใดที่ได้อยู่เพียงลำพัง มีสติสัมปชัญญะกลับคืนมา นิ่งพอที่จะได้คิดไตรตรองความเป็นไปเป็นมาแล้วความเจ็บปวดที่มันซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของความรู้สึก ตอนนี้มันปรากฏแสดงผลออกมาแล้ว ใจที่ชาแปรเปลี่ยนเป็นปวดร้าวเจ็บยอกอยู่ในอก เสียงสะอื้นดังก้องออกไปให้คนที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องเม้มปากแน่น อยากเข้าไปกอดปลอบโยนเหลือเกิน อยากเข้าไปโอบกอด ภูมิบุญซุกหน้าลงกับหมอน สะอื้นดังแว่วไม่ยอมหยุด โตโต้เองทนไม่ได้อีกต่อไป ไปขอกุญแจจากจันทร์ให้มาเปิดประตูให้


"โต้ดูภูมิเองครับแม่จันทร์"


บอกให้จันทร์คลายกังวลก่อนที่ตนเองจะก้าวเข้าไปในห้อง


"ภูมิ"


ร้องออกไปทรุดกายลงนั่งข้างๆ ภูมิบุญลุกขึ้นมาโผเข้ากอดโตโต้


"ร้องไห้พอครับ พี่เข้าใจ ร้องออกมาเถอะคนดี พี่อยู่นี่แล้ว"


"ฮึกๆๆ พี่ภูมิโง่มากใช่ไหม ภูมิโง่มากใช่ไหม"


คร่ำครวญออกมา โตโต้กอดร่างของภูมิบุญแน่นเอามือลูบตามแผ่นหลัง


"ไม่หรอกภูมิ เขานั่นล่ะที่โง่ไม่ใช่ภูมิ"


"ภูมิใจจะขาด เจ็บ เจ็บเหลือเกิน"


"ภูมิ คนดีของพี่ พี่อยู่นี่แล้วนะครับ พี่จะอยู่กับภูมิ ตรงนี้ อยู่ตรงนี้เสมอไม่ไปไหน รู้ไว้นะว่าภูมิมีพี่อยู่ทั้งคน"


อยากให้เขารับรู้จากใจ ว่ามีอีกคนที่รอเขาอยู่ ในใจก็ยินดีปรีดาที่แทนทวีทำแบบนั้น เพราะเขาเองก็คิดเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน คราวนี้เองที่จะไม่มีใครได้เข้าใกล้ภูมิบุญอีกนอกจากเขาคนเดียว โตโต้ยิ้มออกมาพรมจูบทั่วหน้าผากของภูมิบุญก่อนที่ภูมิบุญจะสิ้นฤทธิ์เดชนอนหลับไป


ดังหินผาเหวี่ยงไปในอากาศ         ศิโรราบยอมแล้วแทบเท้านี้



จะขว้างปาอย่างไรก็ตามที           แค่เธอมีน้ำใจรักเหลือให้กัน


เห็นรอยยิ้มคราใดใจจะขาด          ยิ่งคมบาดกรีดลึกกลางใจฉัน


เขาคนนั้นได้ใจเธอเชยชมกัน        ส่วนตัวฉันนั้นแค่เป็นคนคุ้นเคย


ได้กลิ่นนี้ทีไรใจจะขาด                เหมือนมีดบาดปักใจแต่ทำเฉย


เธอไม่รู้เธอไม่เคยจะรู้เลย            กลิ่นที่เคยจากนี้เขาได้มันไป


แค่เดินผ่านก็รับรู้ถึงไออุ่น            แผ่ละมุนผ่านลมมาให้ใจไหว


เธอรับรู้หรือไม่ฉันปวดใจ             ฉันเป็นใครเป็นได้แค่วันวาน


หงษ์หยกสวยยังระทวยกับสายลม   บอระเพ็ดขมยังจำนนกับตาดตาล


ใจของคนย่อมสิ้นลมกับคำหวาน    เพราะเป็นมารไม่ให้เราเห็นทางไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น