กลางเดือนตุลาคม อากาศที่แปรเปลี่ยนในช่วงปลายฝนต้นหนาวไม่ร้อนมากไม่หนาวมากมีสายฝนโปรยปรายมาตลอดช่วงก่อนหน้านี้ ภูมิบุญเองกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานให้กับแวน แผนงานทุกอย่างเขาเป็นคนร่างเอง โดยร่างแล้วเอาไปเสนอแวน รายนั้นเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง
"ภูมิว่างานมีตอนกลางคืน ชุดนี้เป็นยังไงบ้างครับพี่แวน ไม่เทอะทะไป ส่วนชุดของพี่พอลก็สบายๆ เพราะเห็นพี่แวนบอกว่าแขกที่จะไปที่เขาค้อส่วนมากเป็นเพื่อนๆกันใช่ไหมครับ"
"ไหนจ๊ะภูมิ อืม น่ารักดีนะ สวยๆ พี่ชอบอะไรสบายๆแบบนี้ล่ะจ๊ะ"
"ถ้าพี่แวนชอบผมจะได้นัดทางร้านเขาเอาชุดเข้ามาให้ลองนะครับ"
"ภูมิเหนื่อยแย่เลยนะ วิ่งงานให้พี่อยู่คนเดียว"
"ไม่ หรอกครับพี่แวน สนุกดีออก พรุ่งนี้ภูมิก็ว่าจะไปเขาค้อนะครับ ไปดูเขาเตรียมสถานที่ เพราะเราสร้างศาลาตรงกลางรีสอร์ทขึ้นมาใหม่ กลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน"
ภูมิบุญเล่ารายละเอียดให้แวนฟังอย่างเป็นสุข นี่คืองานชิ้นแรกของเขาที่ลงมือทำเองทุกอย่าง ลงมาเต็มตัว โตโต้เองก็ปล่อยให้ภูมิบุญจัดการได้เต็มที่ ส่วนงานที่เชียงใหม่หินกับทีมก็เร่งมือกันเต็มที่เช่นกัน ภูมิบุญเองก็คอยเป็นที่ปรึกษาให้หิน เพราะโตโต้จะเป็นคนดูทั้งหมด แต่ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไร
"ไปถึงไหนแล้วครับคุณหิน"
เอ่ยถามขึ้นเมื่อเจอหน้าที่บริษัท ภูมิบุญไม่ค่อยนั่งที่ออฟฟิศแล้ว เดินไปแผนกต่างๆเวลาที่ตนต้องการเอกสารหรือข้อมูล ไม่ได้เรียกให้คนมาพบแล้ว
"อ้อ น้องภูมิ ตอนนี้เรากำลังเร่งมือเรื่องการปรับปรุงสถานที่น่ะครับ เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือทัชอัพอีกนิดหน่อย น้องภูมิมาพอดีเลย วันก่อนพี่ไปเชียงใหม่มาได้ตัวอย่างผ้ามา เป็นผ้าฝ้ายสีนวล แต่มันพริ้วลมดีเหลือเกิน เลยเอามาให้น้องภูมิดู เพราะคราวก่อนที่เราเลือกเอาไว้มันไม่พริ้วลมอย่างนี้นะครับ"
"นิ่มดีครับคุณหิน แล้วเรื่องราคาล่ะครับ"
"ไม่ต้องห่วงครับเพราะมันเบากว่า ราคาจึงถูกลงมาก"
"ดีครับ งั้นเราเปลี่ยนเป็นใช้ผ้าตัวนี้แทนก็แล้วกัน"
เรื่องที่ทำงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทัศนคติของพนักงานหลังการอบรมดีขึ้นมาก มีการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ดูถูกดูแคลนเพราะฉะนั้นการทำงานจึงลื่นไหลไปได้ด้วยดี
"บาส เก็บของเสร็จยัง เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปรับนะ"
ภูมิบุญกดโทรศัพท์ไปหาบาส ตอนนี้เขาเป็นเด็กดีขึ้นมากอยู่ในโอวาทไม่ก้าวร้าวเกเรเหมือนก่อน ภูมิบุญตั้งใจจะพาบาสไปเขาค้อด้วย เพราะหลังจากเหตุการณ์ร้ายๆก็ไม่ได้พาเขาออกไปเที่ยวไหนเลย
"เสร็จแล้วพี่ ตื่นเต้นจังเลยอ่ะ ผมไม่เคยไปเลยนะเขาค้อ"
"เอาเสื้อหนาวไปด้วยนะ พี่ว่าอากาศน่าจะเย็น อย่าลืมกล้องล่ะ"
โตโต้เองก็ติดสอยห้อยตามไปทุกงานไม่เคยปล่อยให้ภูมิบุญไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะถึงแม้ว่าภูมิบุญอยากจะไปคนเดียว ไม่อยากให้โตโต้ไปด้วย แต่รายนั้นก็เข้าหามารดาของตนอ้อนวอนเพราะรู้ว่าภูมิบุญไม่อยากขัดใจมารดาของตนและเขาก็ทำสำเร็จทุกครั้งไปจนภูมิบุญไม่อยากที่จะห้ามอีก
"แวะกินอะไรกันก่อนไหมภูมิ หิวไหมบาส"
โตโต้เอี้ยวคอมาถามบาสที่นั่งอยู่เบาะหลัง แล้วค่อยหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆ
"ก็ดีครับพี่ ผมยังไม่ได้กินไรเลยอ่ะ รีบจัดของ"
"งั้นเราแวะตรงปั้มแถวรังสิตดีไหมครับคุณโตโต้ จะได้ซื้อของกินขึ้นมาติดไว้บนรถด้วย"
"อืม ดีเหมือนกัน"
โตโต้ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขับรถมุ่งหน้าออกจากรุงเทพฯ
"พี่ภูมิๆ"
"หือ มีอะไรครับบาส"
บาสสะกิดแขนภูมิบุญเมื่อรถจอดที่ปั๊มขนาดใหญ่ชานเมือง
"ผมถามอะไรหน่อยสิ พี่จะโกรธไหม"
"อะไรครับ"
"พี่ภูมิเป็นแฟนกับพี่โตโต้เหรอครับ"
เขาโพล่งออกมา ภูมิบุญถึงกับหน้าชาไป ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
"มะ ไม่ครับบาส พี่มีแฟนอยู่แล้ว คุณโตโต้เขาเป็นเจ้านาย"
ตอบออกไปตะกุกตะกัก ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไม
"เหรอครับ แต่ผมว่าท่าทางที่พี่โตโต้แสดงออกมาเหมือนว่าพี่ภูมิเป็นแฟนเขาเลยนะ"
"ไม่หรอกบาส พี่รักแฟนพี่คนเดียว อย่าสงสัยเลย"
"ครับพี่ แฟนพี่นี่โชคดีจังนะครับ"
เขาพูดออกมาเสียงอ่อยๆ
"อ้าว ทำไมล่ะบาส พี่ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหนเลย"
"ใครบอก ผมว่าพี่ภูมินิสัยดีจะตาย น่ารักอีกตะหาก"
"บ้าเหรอบาส อย่าบอกนะว่าเราก็เป็นเกย์อีกคน"
"ไม่ๆพี่ แต่ผมพูดอย่างที่เห็น ผมไม่ได้ชอบผู้ชายผมยังคิดเลยว่าพี่น่ารัก"
"แก่แดดแล้วนะเรา ไม่เอาแล้ว ไปๆไปหาข้าวกิน เราจะเอาอะไรป่ะเดี๋ยวพี่ซื้อไปเก็บบนรถ"
ภูมิบุญพูดออกไปอย่างอารมณ์ดี พอดีโตโต้ก็เดินมาสมทบ ภูมิบุญแยกไปซื้อของโดยให้บาสกับโตโต้เดินไปที่ร้านขายอาหารก่อน
"บาส เราช่วยพี่หน่อยดิ"
"ครับพี่ มีอะไรให้ผมช่วยครับ"
โตโต้ทำท่ากระซิบกระซาบ สายตาก็คอยมองดูภูมิบุญ
"ทำให้พี่ภูมิเขาชอบพี่ได้ไหม ช่วยหน่อย พี่ตามจนท้อแล้วเนี่ย"
"อิอิ ผมว่าแล้ว เมื่อกี๊ผมก็ถามพี่ภูมิ ว่าเป็นแฟนกับพี่แน่ๆ แต่พี่ภูมิเขาบอกมีแฟนอยู่แล้ว"
"ฮึ แฟนน่ะอยู่ห่างกันมันจะเหมือนเดินเร้อพี่ว่า ป่านนี้ไม่ใช่มันมีใหม่ไปสามสี่คนแล้วเหรอ"
"แล้วแฟนพี่ภูมิเป็นใครอ่ะพี่"
"ก็พี่ชายพี่แวนไง"
"หา จริงเหรอครับ หน้าตาเป็นยังไงอ่ะหล่อไหมล่ะครับ"
"หล่ออะไรล่ะบาส ขี้เหร่กว่าพี่อีกนะ"
โตโต้พูดออกไปไม่ตรงกับความเป้นจริง ทั้งสองซุบซิบกันอยู่สักพักภูมิบุญก็เดินกลับมาพร้อมถุงใส่ของพะรุงพะรัง
กว่าจะมาถึงเขาค้อก็เกือบตีสองเข้าไปแล้ว โตโต้ยังเบิกตากว้างสายตาจับจ้องถนนอยู่ ง่วงเหมือนกันแต่เพราะคนที่นั่งมาข้างๆเองก็ไม่ยอมหลับตา เพราะคอยนั่งคุยเป็นเพื่อนตลอดทาง ส่วนบาสหลับไปแล้ว
"ไม่เคยขับรถมาที่นี่ตอนกลางคืนเลยนะเนี่ย"
โตโต้พูดออกมา
"มองไม่ค่อยเห็นถนนเหรอครับ"
"เปล่า แปลกๆดี ถนนโล่งดีนะพี่ว่า อากาศก็เย็นดี"
พอถึงที่รีสอร์ทก็พากันเข้าไปพักผ่อน บาสเองยังงัวเงียอยู่ ส่วนภูมิบุญก็เข้านอนที่ห้องของตัวเองแล้ว โตโต้เองก็แยกไปนอนเหมือนกัน
"บาสๆ มาดูหมอกเร็ว"
พอเช้าภูมิบุญตื่นก่อนใครเข้าไปปลุกบาสในห้องเพราะออกมาเจอหมอกลงหนาเต็มพื้นที่มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากไอสีขาวๆลอยกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
"หือ หมอกเหรอพี่"
"อืม เยอะมากเราไม่เคยเห็นแน่ๆ"
บาสงัวเงียตื่นขึ้นแล้วลุกออกมาตามภูมิบุญ
"โห เยอะมากพี่ ไม่เคยเห็นหมอกเยอะแบบนี้มาก่อน"
"สวยใช่ไหม"
"กล้องๆ ไปเอากล้องก่อนนะพี่"
บาสวิ่งกลับเข้าไปเอากล้องที่เตรียมมาพอออกมาก็สนุกสนานกับการถ่ายรูป แอบถ่ายภูมิบุญด้วยเพราะรายนั้นไม่ค่อยชอบถ่ายรูป ทั้งสามนอนค้างอีกหนึ่งคืนที่เขาค้อแล้วค่อยกลับมาที่กรุงเทพฯ
"ทางภูมิพร้อมทุกอย่างแล้วนะครับพี่แวน ตอนนี้เหลือแต่รอวัน อันนี้เป็นสไลด์เอามาให้พี่แวนดูก่อน"
หลายสัปดาห์ผ่านไปงานที่เตรียมก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี ภูมิบุญเอางานที่ตัวเองทำมานำเสนอแวนกับพอล
"อืม เยี่ยมเลยครับน้องภูมิ สวยจริงๆ เรียบๆแต่ดูดีนะ"
พอลพูดขึ้น
"เก่งมากเลยภูมิ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะทำออกมาสวยขนาดนี้ ตอนนี้ก็ตั้งตารอแต่วันงานสินะ"
"ขอบคุณครับ นี่เป็นงานแรก ภูมิไม่อยากให้พี่แวนกับพี่พอลเสียหน้า"
"ไม่นะภูมิ แบบนี้ได้หน้าสิไม่ว่า สวยมาก นายแทนมาเจอต้องชมไม่หยุดปากแน่ๆ"
"ครับ"
ไม่รู้ทำไมหัวใจอยู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมา หลุบตาลงต่ำเพราะคิดไปถึงวันงานทีไรในใจมันก็คิดไปถึงแต่แทนทวี
"ตาแทนมาแน่จ๊ะภูมิ ไม่ต้องห่วง"
แวนเหมือนรู้ทันพูดออกมา ภูมิบุญอายหน้าแดงขึ้นมาทันที
"เอ่อ ครับ มาวันไหนนะครับพี่แวน"
"พี่ว่าน่าจะมาก่อนวันงานสองวันนะ เพราะเห็นบอกว่ายังติดเรียนอยู่มาอยู่นานไม่ได้"
แค่นี้ก็พอใจแล้ว ดีใจมากแล้ว แค่วันเดียว ชั่วโมงเดียวก็เป็นสุขใจแล้ว ขอแค่ได้เห็นหน้าคนที่รัก คนที่รอคอยมานานแค่นั้นก็พอใจแล้วจริงๆ แค่สักเสี้ยววินาทีขอให้ได้กลิ่นของลมหายใจนั้น ได้สัมผัสมือที่ห่างหายจากการเกาะกุมไปนานแสนนาน แค่นั้นจริงๆ
"พี่แทน พี่แทนจะมาวันไหนนะครับ"
ภูมิบุญพิมพ์ข้อความลงไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
"หือ ใครบอกพี่จะกลับ พี่ไม่ได้กลับนะภูมิ"
"อย่ามาอำกันสิครับพี่แทน พี่แวนบอกหมดแล้ว"
"หือ พี่บอกพี่แวนไปแล้วนี่ว่าพี่ติดสอบ ไปไม่ได้"
"อย่าล้อเล่นเลยครับพี่แทน ภูมิอยากเจอพี่แทนมากนะ"
"พี่ก็อยากเจอภูมิมากนะ แต่พี่กลับไม่ได้จริงๆ พี่ไม่ได้อำนะภูมิ"
ตอนแรกคิดว่าเขาล้อเล่นแต่พอย้ำหลายๆทีเข้า ภูมิบุญเองที่สะอึกจุกอยู่ในอก ใจเต้นแรงร้อนรนขึ้นมาทันที
"ภูมิ อย่าโกรธพี่นะ พี่ไปไม่ได้จริงๆ"
หัวใจที่พองโตก่อนหน้านี้มันเหี่ยวแฟบลงทันใด เหมือนลูกโป่งมีคนเอาเข็มไปเจาะให้อากาศภายในออกมา เหลือไว้เพียงความเหี่ยวเฉาของตัวลูกโป่งเอง เสียใจจังเลย เจ็บยอกอยู่ในใจ
"ไม่เป็นไรครับ"
พยายามจะพิมพ์ข้อความที่ตัดพ้อเสียดแทงใจเขาเช่นกัน แต่พิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบทำอยู่อย่างนั้น หัวใจมันอ่อนล้าไปแล้ว ความห่อเหี่ยวมันเข้ามาปกคลุมหัวใจแล้ว ที่วาดหวังไว้มันพังทลายลง หัวใจที่กำลังพองโตมันบอบสลายไป น้ำตาคลอออกมา
"ภูมิ ภูมิ ยังอยู่ไหม พี่ขอโทษนะ"
ข้อความเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ได้แต่จ้องมองด้วยม่านน้ำตา แต่ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบแต่อย่างใด เจ็บ ร้าวอยู่ในใจ พยายามทนนั่งมองข้อความฝ่ายเดียวของแทนทวี ยิ่งเห็นยิ่งชอกช้ำใจ ยิ่งเห็นยิ่งปวดแปลบเข้าไปในใจ ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่รู้จะเริ่มเรียบเรียงคำพูดจากตรงไหน ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่มองด้วยน้ำตา
"ภูมิ พี่ขอโทษจริงๆนะ ถ้าภูมิไม่ตอบงั้นพี่ไปก่อนนะครับ"
เขาไปแล้ว น่าประหลาดตอนเขาออนไลน์อยู่ไม่คุย แต่พอเขาออกจากระบบไปกลับหวั่นในใจร้องไห้ออกมาซุกหน้าอยู่กับโต๊ะหมดอาลัย ตายอยากขึ้นมาทันที ใจคนเราหนอยากที่จะหาคำอธิบายจำกัดความ ปากไปอย่างหนึ่งใจคิดไปอย่างหนึ่ง ความร้าวรานมันจะไปไหนเสีย แต่ก็มีเวลาให้เศร้าโศกเสียใจเพียงเท่านี้ จะคร่ำครวญตีอกชกตัวประโยชน์อะไรหามีไม่
ภูมิบุญไม่มีเวลามานั่งตรมอกอยู่นานนักเพราะยิ่งวันงานงวดใกล้เข้ามา เขาเองด้วยความที่เป็นแม่งาน ไหนจะวิ่งขึ้นวิ่งลงเขาค้อกับกรุงเทพฯ เวลาส่วนมากใช้ไปกับการเตรียมงาน แก้นั่นทำนี่อยู่โตโต้เองก็คอยจับผิดเรื่องสีหน้าสีตาอยู่ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นภูมิบุญจึงพยายามทำตัวให้เป็นปกติให้ได้มากที่สุด
"พลอยเดี๋ยวตอนเย็นพาเราไปดูของที่ร้านขายเทียนหน่อยนะ เราว่าจะเพิ่มเทียนหอมตอนกลางคืน พลอยว่าเข้าท่าไหม"
ภูมิบุญเดินออกมาหาพลอยที่โต๊ะ
"อืม เข้าท่านะภูมิ โรแมนติกดีจัง ว่าแต่มันไม่มีลมเหรอภูมิ"
"ไม่หรอกพลอย มีแต่หมอก เราทดลองดูแล้วสวยดี"
"อืม ไปสิ ร้านไหนล่ะ"
"ก็แถวบ้านเรานี่ล่ะ เราโทรติดต่อไว้แล้ว"
พลอยเห็นดีเห็นงามด้วย ที่ชวนพลอยเพราะว่าพลอยมีรถขับเองแล้ว แม้จะมีกายคอยรับคอยส่งแต่พลอยเองก็อยากจะมีอะไรเป็นของตัวเอง แม้กระนั้นกายเองก็ไปดักรออยู่ที่บ้านประจำ หรือไม่ก็ไปรับมาจากที่บ้านเลย อาทิตย์หนึ่งพลอยขับรถมาเองแค่ไม่กี่วันรวมถึงวันนี้ด้วยเพราะกายติดประชุม
"เอากลิ่นนี้ไหมภูมิ หอมดีนะ กลิ่นอะไรคะพี่"
พลอยเอาเทียนหอมสีสันสวยงามขนาดกระทัดรัดกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก
"กลิ่นดอกโมกค่ะ มีกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวด้วยนะคะน้อง หอมสดชื่นดีเหมือนกัน"
"คือผมเอาไปใช้ในงานแต่งน่ะครับพี่ อยากได้กลิ่นที่มันออกหวานๆ โรแมนติกๆหน่อย"
ภูมิบุญบอกออกไปพลางหยิบกลิ่นนั้นกลิ่นนี้เอามาดมตามที่พลอยยื่นให้
"งั้นลองเป็นโรสแมรี่ ผสมกับลาเวนเดอร์ดีไหมคะ ถ้าจุดพร้อมกันกลิ่นมันจะหวานโรแมนติกดีนะคะ"
"เหรอครับ พี่รบกวนลองจุดให้ผมดมดูได้ไหมครับ"
พอทางร้านจุดเทียนให้ทดลองดมดูก็ชอบใจกันใหญ่
"เอาอันนี้ล่ะครับ ผมอยากจะได้สักอย่างละห้าร้อย พี่ส่งให้ได้ไหมครับ"
"ห้าร้อย"
เจ้าของร้านอุทานออกมาทำหน้าดีใจ
"ครับ ที่อยู่ตามนี้นะครับ ผมต้องวางมัดจำก่อนเท่าไหร่ครับ"
ภูมิบุญยื่นที่อยู่ให้ พอเข้าไปคุยรายละเอียดกับทางร้านก็เดินออกมาสมทบกับพลอย
"ภูมิ ภูมิ นั่นภูมิใช่ไหม"
เสียงทักดังมาจากนอกร้าน ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นมอง
"พี่ทัน"
ภูมิบุญเบิกตาโพลง นานมากแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกับทัน แปลกใจที่เจอประหลาดใจที่เขายังอยากจะเข้ามาทักทาย
"สวัสดีครับพี่ทัน ไม่เจอตั้งนานพี่ทันสบายดีเหรอครับ"
ภูมิบุญยกมือไหว้ก่อน พลอยเองเชิดหน้าอยู่ไม่ทำตามเพราะไม่ชอบขี้หน้าอยู่มาก
"ครับ พี่สบายดี ภูมิมาซื้อเทียนหอมเหรอครับ พอดีพี่ผ่านมาทำธุระแถวนี้พอดี"
"ครับ เอาไปใช้ในงานแต่งน่ะครับ"
"หือใครแต่งงานครับ อย่าบอกนะว่าเรา เรายังน่ารักเหมือนเดิมนะภูมิ ว่างไหมไปนั่งกินกาแฟกับพี่ก่อนไหม"
"ไม่ว่างค่ะ เดี๋ยวเราจะกลับแล้ว"
พลอยโพล่งขึ้น ภูมิบุญรีบเอามือสะกิด
"ว่างครับพี่ทัน พี่สาวพี่แทนน่ะครับจะแต่งงานพอดีภูมเป็นคนดูแลเรื่องงานให้เลยกะจะมาดูเทียนหน่อยพลอยงั้นพลอยกลับบ้านไปก่อนนะ ขอบใจมาก"
"จะดีเหรอภูมิ ไว้ใจไม่ได้นะไอ้นี่"
พลอยกระซิบบอกสายตาก็เหลือบไปมองทัน
"เอาน่าพลอย มันผ่านมานานแล้ว เขาคงไม่เป็นเหมือนเดิมหรอก"
ภูมิบุญบอกออกไปแล้วยิ้มให้ทัน พลอยทำหน้าประหลับประเหลือกไม่พอใจ แต่ก็ยอมจากไปแต่โดยดี
"เป็นไงเรา ดูโตขึ้นเยอะเลยนะ พี่นึกว่านักธุรกิจที่ไหน"
"แหม พี่ทันครับพูดเกินไป พี่ทันเองก็ยังดูดีอยู่นะครับ เราไม่เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนะ"
"สามปีได้แล้วมั้งตั้งแต่"
ไม่พูดออกมาแต่กลับหันไปหาพนักงานเรียกมาสั่งกาแฟ ภูมิบุญไม่คิดติดใจอะไรแล้ว ไม่อยากได้ยินเรื่องราวต่างๆในวันวาน
"แล้วพี่ทันทำอะไรอยู่ครับตอนนี้ช่วยที่บ้านอยู่หรือเปล่า"
"ครับ พี่ก็ทำงานให้ที่บ้านนั่นล่ะภูมิ ช่วงนี้คอนโดขึ้นเยอะพี่เลยไม่ว่างเลย "
"ดีแล้วครับ ทำงานเยอะๆจะได้ไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่าน"
หัวเราะออกไปเบาๆ ทันกลับมองจ้องหน้าตาหวาน
"ไม่อยากจะเชื่อนะ ว่าพี่เคยเกลียดเรามาก่อน"
อยู่ๆก็พูดขึ้นภูมิบุญทำหน้าไม่ถูกปรับไม่ทัน
"ครับ อย่าพูดถึงมันเลยครับพี่ทัน มันผ่านมาแล้ว"
"เนอะ เวลาเราโตขึ้นอะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนไป พี่เคยทำเรื่องไม่ดีกับภูมิเยอะมาก เยอะจนไม่รู้ว่าจะขอให้ยกโทษให้ยังไงดี"
เสียงเครียดเม้มปากแน่น ภูมิบุญเองเริ่มที่จะอึดอัดขึ้นมา
"บางอย่างมันเปลี่ยนไปนะภูมิ แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความรู้สึกที่มีต่อภูมิ"
"เกลียดภูมิน่ะเหรอครับพี่ทัน ยังเกลียดภูมิอยู่เหรอ"
สวนไปทันที ทันถึงกลับหัวเราะออกมา
"บ้าเหรอภูมิ นี่เราไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะอะไร"
"ครับ"
แม้จะรู้ดีว่าเขาจะพูดอะไรออกมาแต่ภูมิบุญก็อยากจะได้ยินจากปากของเขา
"เพราะพี่ชอบเราไงภูมิ รู้สึกยังไงก็ยังรู้สึกอย่างนั้น"
เขาหวังจะให้ภูมิบุญเขินในสิ่งที่พูดออกมา
"น่าเสียดายนะครับ พี่ทันน่าจะมาเจอภูมิก่อนพี่แทน"
พูดออกไปหน้าตาเฉย ทันหน้าเจื่อนลงทันที
"นั่นสินะ ไอ้แทนมันโชคดี"
พอถึงเวลานี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาตั้งแง่โกรธเคืองเหลียดกัน ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าเท่าไรนัก แต่เอาเถอะวันหนึ่งข้างหน้าชายผู้นี้อาจจะเป็นประโยชน์ หรืเอื้ออะไรหลายอย่างที่หาจากใครทั่วไปไม่ได้ให้กับภูมิบุญก้เป็นได้ ภูมิบุญมีแนวทางคิดของตัวเองก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยทันขับรถไปส่งภูมิบุญที่หน้าบ้าน
จะหักห้ามสิ่งใดในโลกา ฤๅจะมาหนักเท่าหักห้ามจิต
จะตัดสิ่งใดไม่ให้คิด เท่าดวงจิตตัดยากลำบากแสน
อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ฤๅจะคดดั่งใจเราจะเทียบแทน
แม้ลมปากจะหวานหูไม่รู้หาย แท้ก็สายธาราที่ไหลไป
ด้วยไฟรักสุมใจเผาไหม้จิต หยุดไม่คิดยิ่งหมองระทมไหม้
ดังน้ำค้างเหือดแห้งกลางดินทราย เหลือเพียงสายน้ำตาอยู่กลางใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น