"ป๊อด นังปริมมันจะแต่งงานอาทิตย์หน้าใช่ไหม"
พีทกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่สนิทที่สุดที่เคยร่วมปาร์ตี้กัน
"ใช่การ์ดแกก็ได้ไปแล้วนี่ หรือไม่ได้ดู"
"อีนี่ ชั้นถามเพื่อความมั่นใจ โอ๊ยไม่คุยด้วยแล้ว รำคาญ"
พีทหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เพื่อนแล้วกดสายทิ้งก่อนจะกดเบอร์โทรสัพท์ที่ต้องการแล้วกดสายโทรออก
"ไม่ได้หรอกแก ชั้นวางมัดจำไปแล้ว งานจะเริ่มอยู่แล้วการ์ดก็แจกหมดแล้ว แกจะให้เปลี่ยนแบบนี้ไม่ได้หรอก"
เสียงของเพื่อนว่าที่เจ้าสาวเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้เลยเหรอแก ชั้นจะจัดให้เลยนะ"
"แกไม่ลองไปถามนังแคทดูล่ะ มันท้องกับซ้งเห็นมันบอกแม่มันจะจับแต่งงานอยู่นี่"
"เหรอแก งั้นแค่นี้นะ"
เมื่ออีกฝ่ายไม่เอื้อผลประโยชน์ก็วางสายแล้วกดโทรศัพท์ไปหาอีกคนทันที
"อีกแค่อาทิตย์เดียวเองนะครับคุณกานดา ตอนนี้ที่โน่นเราเซ็ทของเตรียมไว้พอสมควรแล้ว วันนี้ภูมิเอาตัวอย่างอาหารโบราณมาให้ลองชิมดู ไม่ทราบว่าพอได้ไหมครับ"
ภูมิบุญกับหินเองก็กำลังเสนองานอยู่ ทางฝ่ายกานดาเองชอบใจกับสิ่งที่ภูมิบุญนำเสนอยิ่งนัก
"ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะน้องภูมิ พี่กานพอใจกับแผนงานมาก รอแค่ถึงวันงานเท่านั้นเอง ไม่ห่วงอะไรแล้ว อาหารก็ถูกใจพี่มากค่ะขอบคุณมาก"
กานดายิ้มออกมาภูมิบุญค่อยโล่งใจ
"เดี๋ยววันพุธพี่จะล่วงหน้าไปที่งานก่อนนะครับน้องภูมิ แล้วน้องบาสสอบเสร็จหรือยังครับ"
หินถามขึ้นระหว่างทางกลับบริษัท
"สอบเสร็จแล้วครับภูมิกับบาสว่าจะไปเช้าวันพฤหัสน่าจะถึงตอนบ่าย ทำทั้งวันน่าจะพอ เรื่องการเตรียมงานเรียบร้อยดีนะครับคุณหิน"
"เรียบร้อยดีครับ ของเราพร้อมแล้ว ดอกไม้ก็คืนวันพุธน่าจะถึง ส่วนอาหารก็ถึงวันงานครับ สถานที่ก็เหลือแค่ไปตกแต่ง"
"ถ้ามีอะไรเร่งด่วนบอกภูมิได้เลยนะครับ"
ภูมิบุญเองนั่งตำแหน่งควบคุมงานเกี่ยวกับการจัดอีเวนท์เต็มตัวแล้ว โดยมีหินเป็นผู้ช่วยส่วนด้านพีอาร์ให้เมย์คอยดูแลให้ งานทุกอย่างในบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่น คุณอภิสราเองก็วางมือแล้วไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว โตโต้เองก็นั่งแท่นผู้บริหารเต็มตัว มีภูมิบุญเป็นผู้ช่วย
"วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านสักวันไหมภูมิ"
โตโต้ถามขึ้นเมื่อกลับถึงบริษัท
"ได้ครับเดี๋ยวจะได้ชวนบาสไปด้วย"
"ไปกับพี่สองคนไม่ได้เหรอภูมิ ให้บาสมันไปรอที่บ้าน"
โตโต้ส่งสายตาวิงวอน ภูมิบุญเองก็อึกอักอยู่
"นะครับภูมิ พี่ขอสักวัน"
"มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับพี่"
"เอ่อ ไม่มีหรอกครับ พี่แค่อยากกินข้าวกับภูมิสองคน ได้ไหมครับ"
เสียงนุ่มทุ้มเสียดใจเหลือเกิน ภูมิบุญได้แต่เม้มปาก กลับมาย้อนหวนคิดถึงใจตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าเขา เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านไป สิ่งที่เขาทำไว้กับตัว สิ่งนี้มันคาใจ สิ่งที่จริงๆแล้วอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดในใจนี่เรารู้สึกยังไงกับเขากันแน่ ภูมิบุญตั้งคำภามให้กับตัวเอง
"วันนี้วันเกิดพี่ สิ่งเดียวที่อยากได้ในโลกนี้คือการที่ภูมิมานั่งกินข้าวกับพี่แค่นี้ล่ะ"
โตโต้เผยความในใจออกมา สายตามองภูมิบุญหวานฉ่ำ
"อ้าวแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับพี่โต้ ภูมิจะได้เตรียมของขวัญให้"
ภูมิบุญพูดแก้เขินไป
"ไม่ต้องหรอกครับภูมิ แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว"
ทำไมหัวใจถึงเต้นแรง เหมือนเลือดในกายมันร้อนวิ่งพลุ้งพล่านอยู่ทั่วร่าง เกิดอะไรขึ้นทำไมหัวใจมันไหวเอนได้มากถึงเพียงนี้ ทำไมสายตาของเขามันช่างหวานเสียจริง หวานจนไม่อาจหลบไปไหนได้
"น้องภูมิคะ ทำไมทำกับพี่กานแบบนี้ ไม่ไว้หน้ากันเลย เห็นพี่กานเป็นอะไร พี่กานอุตส่าห์ไว้ใจ ทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง"
พอเช้าวันใหม่ ยังไม่ทันจะเที่ยงกานดาก็โทรศัพท์เข้ามาโวยวายกับภูมิบุญ ตกใจอึ้งงงไปหมด
"เอ่อ คุณกานดาใจเย็นๆนะครับ เกิดอะไรขึ้นครับ"
ไม่รู้จะถามอะไรออกไปดี เพราะน้ำเสียงของกานดาเหมือนคนทั้งโกรธทั้งร้องไห้ผสมกัน
"ยังมีหน้ามาถามอีก ไปเปิดดูนิตยาสาร"
กานกาบอกชื่อนิตยสารออกมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่พักใหญ่จึงวางสายไป
"น้องภูมิๆ แย่แล้ว มีคนก็อบตีมงานของคุณกานดาไป ทั้งดุ้นเลยน้องภูมิ"
แค่วางสายไปจริงๆหินก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น ในมือถือนิตยาสารในแวดวงสังคมไฮโซ ภูมิบุญใจสั่นระทึก โตโต้เองก็ลุกขึ้นเดินมาหา
"งานเพิ่งมีไปเมื่อคืนก่อน ดูเหมือนจะมีการเร่งพิมพ์ออกมาด้วยนะครับ ปกตินิตยาสารฉบับนี้จะออกทุกสิ้นเดือน เพื่อนพี่โทรมาบอก"
หินเปิดหน้าที่เหมือนเอามือสิบมือมารุมตบหน้าภูมิบุญให้ชาร้อนอยู่ ปากก็เล่าเรื่องราวที่น่าจะเป็นให้ฟัง
"ใครกัน เลวที่สุด"
ภูมิบุญแค่ปราดตาดูก็รู้ว่าชิ้นงานที่แสดงให้เห็นอยู่ต่อหน้าเป็นงานของตน งานของบาสที่คิดออกมา ตีมงานดอกไม้ แม้จะไม่ใช่ทุกอย่างแต่แกนหลักของงานมันเหมือนกันทุกอย่าง เหมือนกันชนิดที่เรียกว่าเป็นงานเดียวกันกับของคุณกานดาเลยก็ว่าได้
"ไม่ทราบเหมือนกันนะครับน้องภูมิ คนของเราไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆ เพราะแบบมีพี่กับต้น ในแผนกเท่านั้นที่รู้ ไม่มีทางครับน้องภูมิ"
"ไปพบคุณกานดากับผมหน่อยครับคุณหิน"
เสียงขรึมสายตาครุ่นคิดอยู่
"ไหวไหมภูมิ ให้พี่ไปด้วยไหม"
โตโต้เดินมาจับบ่าของภูมิบุญเอาไว้
"ไม่เป็นไรครับ ภูมิต้องไปขอโทษคุณกานดาด้วยตัวเอง"
ภูมิบุญบอกแล้วเดินออกจากห้องไป หินรีบวิ่งตามออกมา พลอยเองก็หน้าตาตื่นแต่ภูมิบุญได้แต่พยักหน้าให้ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเดี๋ยวเล่ารายละเอียดให้ฟัง
"บาสเหรอ สอบเสร็จยัง"
ภูมิบุญกดโทรศัพทไปหาบาสทันที
"เสร็จพอดีพี่ภูมิ วันสุดท้ายแล้วโล่งจังเลย"
"บาส แบบงานของคุณกานดาน่ะ ร่างให้พี่ใหม่ได้ไหมเอาวันนี้เลย บาสร่างไว้คร่าวๆอยู่แล้วใช่ไหม เอามาทั้งหมดมารอพี่ที่บริษัท"
"หา เกิดอะไรขึ้นพี่ภูมิ"
"เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง รีบหน่อยนะบาส"
ภูมิบุญกดวางสายจากบาสแล้วโทรบอกพลอย ไม่ให้พลอยพูดอะไรแค่เล่าในสิ่งที่จำเป็นต้องบอกกับบาส แล้ววางสายไป
"ใจเย็นๆนะครับน้องภูมิเรายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ"
"ใครเป็นออร์กาไนเซอร์งานนี้ครับ คุณหินสืบให้ได้ไหมว่าเจ้าสาวเป็นใคร เจ้าบ่าวเป็นใคร แล้วใครเป็นคนจัดงาน ตีมงานได้มาจากไหน ภูมิขอคำตอบก่อนไปถึงบ้านคุณกานดานะครับ"
ถือเป็นคำสั่ง หินรีบลนลานกดโทรศัพท์ออกไปหาเพื่อนทันที ภูมิบุญที่นั่งอยู่ข้างๆหันหน้าออกนอกกระจกเปิดดูในนิตยสารไม่มีชื่อบอกเอาไว้ เม้มปากแน่น พอจะดุดึงดันขึ้นมาหินเองถึงกับไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา สายตาของภูมิบุญดูโกรธจัดไม่ลงง่ายๆ
"แวะร้านดอกไม้ด้วยครับ"
ภูมิบุญบอกคนขับรถ เขาก็ตอบรับ กว่าจะไปถึงบ้านของคุณกานดาก็เกือบชั่วโมงเข้าไปแล้ว หินเองได้คำตอบแค่ใครเป็นเจ้าสาวกับเจ้าบ่าว แต่เรื่องคนจัดงานกำลังจะได้คำตอบ แต่ภูมิบุญลงจากรถไปแล้ว
"ฮึ พี่เสียใจมากนะคะน้องภูมิ ทำไมทำกันแบบนี้ แล้วนี่พี่ยังจะมีหน้าจัดงานไปได้ยังไง"
แค่เพียงเห็นหน้ากานดาเองก็ไม่ยอมมองหน้าโกรธจัด แม้คนที่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวจะพยายามบีบมือไว้
"ภูมิต้องขอโทษคุณกานดาด้วยนะครับ ภูมิไม่รู้จริงว่าตีมงานของเราจะไปซ้ำกับงานของคนอื่น"
"พี่ไม่รู้ล่ะค่ะ ยังไงก็ไม่เอาแล้ว ไม่ไว้หน้าพี่เลยอะไรกัน"
"ใจเย็นๆสิกาน ฟังน้องเขาก่อน"
ภูมิบุญก้มหน้านิ่ง
"ภูมิขอแก้ตัวได้ไหมครับ"
"ยังไงคะ งานพี่มีศุกร์นี้แล้ว แล้วนี่มันก็วันจันทร์ จะแก้ยังไงพี่ไม่เอางานที่ซ้ำกับคนอื่นนะคะ อะไรกันใช้ไม่ได้เลย"
ร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ ภูมิบุญได้แต่แน่นิ่งอึ้งอยู่ลำบากใจมากเหลือเกิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
"แน่ใจเหรอครับน้องภูมิว่าไม่มีใครทราบเรื่องนี้"
"ครับคุณประภัส บริษัทเรามีคนรู้อยู่ไม่กี่คน ไม่มีทางจะออกไปจากทางบริษัทเราแน่ๆครับ อีกอย่างคนในงานก็ไม่มีใครรู้จักมักจี่"
"แล้วเพื่อนน้องภูมิคนนั้นล่ะคะ ที่เค้ามาขอไปงานของเราเราน่ะภัสจำได้ไหม"
กานดาพูดขึ้นทั้งน้ำตาภูมิบุญปราดตาขึ้นมองทันที
"คนไหนครับคุณกานดา"
"ชื่ออะไรนะภัส พีทหรืออะไรนี่ล่ะ"
ถอนหายใจออกมาภูมิบุญแสยะยิ้มออกมา
"คุณกานดาครับ นั่นไม่ใช่เพื่อนผม"
ภูมิบุญตัดสินใจเล่าเรื่องราวของพีทให้กานดาฟัง เรื่องที่เขาเคยแย่งแทนทวีไปจากเขาและเรื่องที่ไม่ลงรอยกัน
"ตายจริง นิสัยแย่มาก พี่กานก็ว่าอยู่ทำไมเขาถึงมาดึงแผนงานของพี่ไปดู"
"คุณกานดาไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวภูมิจะปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้ใหม่ ขออย่างเดียว ขอความไว้วางใจให้ภูมิอีกสักครั้ง นะครับคุณกานดา ภูมิต้องขอโทาด้วยที่ให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานของคุณกานดาเสีย"
ภูมิบุญอ้อนวอนน้ำตาปริ่มออกมา กานดาหันไปมองว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งพยักหน้าช้าๆ
"ไม่เป็นไรค่ะน้องภูมิ พี่กานเข้าใจ แต่ขออย่าได้ทำกับพี่กานแบบนี้อีก งานแต่งงานมันสำคัญมากสำหรับพี่กาน ยังไงพี่กานฝากด้วยนะคะ"
กานดาเองก็พูดออกมาเสียงเครือ เสียงที่บีบคั้นความรู้สึกได้ดีเหลือเกิน นี่เขากล้าทำเรื่องแบบนี้กับคนที่กำลังจะแต่งงาน เขาไม่รู้จักแยกแยะแม้กระทั่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเลยหรือ เอาความรักของคนอื่นมาเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเห็นเป็นสาแก่ใจตัวเองได้ยังไง
"บาส ไหนแผนงานพี่ขอดูหน่อย"
พอกลับถึงบริษัทก็เห็นบาสนั่งรออยู่กับโตโต้ในห้องทำงานแล้วมีพลอยเดินเข้ามาสมทบ
"คุณหินครับ เชิญคุณต้นด้วยนะครับ จะได้แจงงานกันเลย"
ภูมิบุญหันไปบอกหินรายนั้นรีบกดโทรศัพท์ไปบอกเพื่อนร่วมงานทันที
"เกิดอะไรขึ้นภูมิ ใครทำ"
โตโต้ถามขึ้นเสียงขรึม
"คิดว่าน่าจะเป็นแฟนที่แทนครับ เพราะเห็นเข้าไปหาคุณกานดาและอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของภูมิ แล้วขอดูแบบงาน"
"ชาติชั่ว มันจะเอายังไง"
โตโต้โพล่งขึ้นเสียงดุห้วนทันที
"เชี่ยที่สุด มันขโมยความคิดผมไปนะพี่"
"อีนี่ มันวอนซะแล้ว ต้องจัดการนะภูมิ"
คนในห้องก่นด่ากันทุกคน ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"ตอนนี้เรามาช่วยกันเลือกแผนงานแล้วส่งไปเสนอให้คุณกานดาก่อนดีกว่า เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น พลอยเตรียมจดให้เราด้วยนะ"
ภูมิบุญบอกเพื่อนรักพลอยเองก็พยักหน้าแม้จะยังโมโหอยู่
"พี่ไม่ยอมนะภูมิ พี่จะให้คุณอนิรุธจัดการ"
"ครับพี่โต้ เรื่องนั้นเราค่อยว่ากัน ภูมิเองก็ไม่ยอม"
ภูมิบุญหันไปพูดกับโตโต้แล้วหันมาที่บาสที่ทำหน้าสุดเซ็ง
"ไหนบาส อ้อคุณต้นเชิญครับ"
พอเห็นหินเดินเข้ามาพร้อมกับต้นก็เชิญให้นั่ง ภูมิบุญยืนอยู่ข้างๆโตโต้กับบาส ก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะรับแขกในห้องแล้วนั่นล้อมวงกันอยู่
"คุณกานดาครับ ภูมิขอรบกวนอีกอย่างได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าคุณประภัสชอบสีอะไรครับ หรือชอบดอกไม้ไหม"
พอคุยกันไม่ลงตัวสักทีก็กดโทรศัพท์ไปหากานดาอีกรอบ
"ชอบสีส้มโอรสค่ะน้องภูมิ ส่วนดอกไม้ไม่เห็นพี่ภัสชอบนะคะ"
"ขอบคุณมากครับคุณกานดา อีกไม่เกินชั่วโมงภูมิจะส่งเมล์ไปให้ดูนะครับ"
ภูมิบุญกดวางสายแล้วหันหน้ามองทุกคน
"แบบนี้เป็นไงพี่ ถ้าเขายังอยากได้ดอกไม้สีขาวอยู่ แล้วถ้าชอบสีส้มๆอ่ะ"
บาสลากเมาส์ไปมาบนโน๊ตบุ้กของตัวเองแล้วหันไปให้ภูมิบุญดู
"บาส"
ภูมิบุญร้องออกมาตาโต ทุกคนจึงมาล้อมวงกันดู
"โห สุดยอดบาส พี่ยอมเราจริงๆ แน่มากๆ"
หินร้องขึ้นบ้าง
"ไหน"
โตโต้ร้องออกมาบ้างแล้วไปเกาะบ่าบาส
"เออ เข้าใจทำ เรามีหัวทางด้านนี้จริงๆนะพี่ว่า รีบเรียนให้จบเร็วๆแล้วมาช่วยพี่ภูมิเขาทำงาน"
"แหมเฮีย อันนี้แค่ร่างๆครับ ผมขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะเอาให้แจ่มกว่านี้ ผมรับรอง"
บาสพูดแล้วดึงเครื่องกลับเข้าหาตัวเอง ที่เขาร่างไว้คือแบบที่เน้นดอกไม้สีขาวสลับกับสีส้มอมชมพู ป้ายชื่อของคู่บ่าวสาวก็ทำขึ้นด้วยดอกไม้เน้นกุหลาบขาว แบบที่วาดออกมามันสวยเตะตาทีเดียว ภูมิบุญเองก็ปรึกษากับลูกทีมว่าต้องการอะไรเพิ่มลดอะไรบ้าง แจงงานให้ทุุกคน หินจากที่จะไปเขาค้อวันพุธก็ออกเดินทางไปพร้มต้นเลยหลังจากที่ได้รับงานเสร็จ ส่วนบาสพอร่างแบบลงสีเสร็จก็ให้ภูมิบุญปรับแก้อีกนิดหน่อยจึงส่งแบบไปให้กานดาอนุมัติ
"น้องภูมิ ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ สวยกว่าอันที่แล้วอีก ขอบใจมาก"
เสียงเหมือนร้องไห้ออกมาอีก
"คุณกานดาชอบใช่ไหมครับ ภูมิขอโทษอีกครั้งที่ทำเรื่องน่าอายแต่ครั้งนี้คนที่เห็นคือภูมิกับทีมงานห้าคนเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกภูมิจะรับผิดชอบเองครับ"
ภูมิบุญแสดงความรับผิดชอบออกไป กานดาเองก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น พอคุยอยู่กับกานดาสักพักก็วางสาย แล้วหันมาพยักหน้าให้บาส
"อ่า โล่งใจหน่อย แต่โต๊ะต้องเปลี่ยนใหม่นะพี่ เราไม่ขาดทุนเหรอ"
"อืม พี่ว่าเราให้ช่างต่อเป็นอีกชั้นได้ไหม เพราะของเราที่มีเป็นไม้ทึบ ถ้าให้ช่างต่อวันนี้น่าจะทัน"
ภูมิบุญกดโทรศัพท์ออกไปหาหินสั่งงานออกไป
"ภูมิ เราโตขึ้นเยอะมากเลยนะ พี่ภูมิใจในตัวเราจริงๆ"
โตโต้พูดขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน มีบาสนั่งเปิดคอมฯอยุ่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจ
"ขอบคุณครับพี่โต้ แต่ไม่หรอก มันเป็นความรับผิดชอบของภูมินี่ครับ"
"แล้วเรื่องนี้เราจะจัดการยังไง พี่จะเล่นให้หนักเลยนะ"
"ภูมิมีวิธีของภูมิครับพี่โต้ไม่ต้องห่วง"
ฉายแววตาที่ไม่ค่อยได้เห็นในช่วงหลังออกมา แววตาที่แค้นระอุ แววตาที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงของความเคียดแค้นที่พร้อมทุกเมื่อที่จะประทุออกมา
"พี่ทันเหรอครับ ภูมิรบกวนอะไรพี่ทันหน่อยสิครับ"
พอกลับถึงบ้านก็กำชับทั้งสองคนไม่ให้เอ่ยเรื่องนี้ที่บ้านอีก ไม่อยากให้คนในบ้านต้องเป็นกังวลใจ ภูมิบุญนั่งอยุ่ในห้องพักของตัวเอง เล่าเรื่องให้ทันฟัง
"ให้พี่ทำยังไงว่ามาเลยครับภูมิ"
บอกความประสงค์ออกไปทันเองก็รับฟังอยู่
"พี่ทันอย่าลืมนะครับว่าเราจะต้องไม่รู้จักกัน และต้องมั่นใจว่าที่ตรงนั้นภูมิจะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่"
"ฮ่าๆๆ อย่าเอาให้ถึงตายนะภูมิ ปล่อยไว้ให้พี่เล่นมันด้วย"
พอวางสายจากทันภูมิบุญเองก็อาบน้ำชำระร่างกายแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยีนส์สีดำเหมือนคราวที่ไปงานวันเกิดของนิตาคราวนั้น
"ภูมิจะไปไหน"
โตโต้เห็นภูมิบุญกำลังจะเดินออกจากบ้านไป การแต่งตัวที่ไม่เคยเห็นมานาน นานจนจำไม่ได้
"ภูมินัดคุยงานกับคุณกานดาอีกน่ะครับพี่โต้"
"อย่ามาหลอกพี่ จะไปไหน"
โตโต้จับข้อมือไว้แน่นสายตาเค้นเอาคำตอบ ภูมิบุญถอนหายใจออกมา
"จะไปเจอพี่แทน ภูมิจะไปคุยให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไง"
"ทำไมไม่บอกพี่สักคำ"
เสียงห้วนดุขึ้นทันที
"ภูมิไม่อยากให้"
"ไป ไปด้วยกัน ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก รุ้ไหมว่าพี่เป็นห่วง"
โตโต้ทั้งที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา ดึงแขนภูมิบุญไปที่รถ
"พี่โต้ ไปเปลี่ยนกางเกงก่อนดีไหม เดี๋ยวเข้าผับไม่ได้"
ภูมิบุญร้องออกมา โตโต้นิ่งคิดอยู่ก่อนที่จะลากแขนภูมิบุญขึ้นไปบนห้องด้วยเพราะกลัวว่าจะหนีไปคนเดียว ภูมิบุญไม่ได้ขัดขืนอะไรเดินตามโดยดุสดี ไม่มีอะไรต้องปิดใคร จะมามัวแอบเก็บงำเอาไว้ในใจแล้วแก้ปัญหาไปคนเดียวน่ะหรือไม่มีทาง เรื่องจริงคือเรื่องจริง ความจริงแม้จะตีไข่ใส่สีไปบ้าง แต่มันจะต้องไม่อยู่ในใจเพียงคนเดียว
"คุณออกมาเจอกันหน่อยสิ ที่เดิมนะ คิดถึงอยากเจอ"
ทันเองก็ทำตามคำขอของภูมิบุญกดโทรศัพท์นัดแนะกับพีททันที
"คิดถึงพีทเหรอคุณ ได้สิเดี๋ยวไปที่เดิมนะ"
รายนั้นกำลังดีใจจากคำชมจากงานที่เขาฉกมันมาจากคนอื่น ปัญญาของคนอื่นแต่เขากลับลอยหน้าลอยตา บอกว่า ผมครับ ผมทำเอง งานนี้เป็นฝีมือของผมเองครับ ไม่ได้ระแวงใจอะไร
เสียงเพลงในสถานที่อโคจรดังแว่วออกมา ภูมิบุญนั่งอยุ่มุมในสุดของร้านมีโตโต้นั่งประกบอยู่ สายตาของภูมิบุญยังมั่นคงเรื่องความแค้นไม่ได้คิดอยากจะทำแบบนี้ ไม่ได้อยากจะให้ความแค้นมันไม่ยอมไปไหนเสียที ให้อภัยเหรอได้นะ ให้อภัยอยู่แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วคนพรรค์นั้นคนจำพวกอย่างพีทเขาจะรับรู้ไหมว่าเราได้แผ่เมตตาให้ทุกคืน ให้หมดเวรหมดกรรมกันไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะยอมหยุด ไม่มีหรอกนะที่จะมานั่งส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีที่นี่ ทำอะไรมา ให้มันรู้เสียบ้างว่าคนอื่นเขาก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ตัวเองกำลังจะโดนอยู่นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น