วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

(Heroine) ที่นี่ไม่มีนายเอก ฉากเจ็ดสิบเอ็ด

ระรวยระรินแรงร้อนโรยรา    ระริกระทวยล้าหลั่งไหล


รุ่มเร้าร้อนรนรวดร้าวไร้       ลืมหรือไรรักลวงล่อหลอกหลอน

ฤทธิ์ฤๅเรารู้แล้วลบเลือน     รักฤๅเลื่อนหลอกเราร้าวร่ำร้อง

ลิ้มรสรักร้อนรุ่มร้าวรานลอง ระรวยรอนร้อนฤๅรอนรอนลม

แปลบปวดแสบยอกจุกในอก สะอึกชกตีตัวไปให้ร้าวเหลือ

ยอกยอกเน้นย่ำเหยียบแสบทาเกลือ ร้อนรนเหลือสิ้นแรงจะสิ้นลม

บาดคมลึกฝังไปกลางทรวงอก แผลร้าวรกลากร่างทุกข์ระทม

ยิ่งเงยหน้าแหงนมองฟ้าหน้ายิ่งจม ร้าวระทมจมทุกข์อเวจี


ยังจำได้ไหมวันนั้นที่สัญญาว่าจะรักเราเพียงคนเดียว มืออุ่นที่เกาะกุมอยู่เนิ่นนาน จำได้ไหมว่าพูดอะไรออกมาบ้าง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไกลเท่าไรก็จะมีแค่เราคนเดียว ห่างกันแค่น้ำทะเลกั้นแต่ใต้แผ่นฟ้าเดียวกัน อนิจจา คนเราก็แปรเปลี่ยนไปได้เช่นนี้ อันไม้เลื้อยอยู่ใกล้เสาหลักใดก็เลื้อยไปใจเขาเองก็คงเฉกเช่นกัน ถามว่าเจ็บมากไหม เจ็บมากจนไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี ครั้นเวลาอยู่เพียงลำพังภาพอดีตที่เคยทำร่วมกันมามันก็วนเวียนฉายขึ้นมาเหมือนเตือนใจ เยาะเย้ยหยันเหยียดให้เรายิ่งตรมระทมทุกข์หนักเข้าไปอีก ภูมิบุญนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของโตโต้ เหนื่อย ล้า แม้จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่ก็ไม่อยากแม้ที่จะลืมตามาเผชิญหน้าใคร อาย เจ็บ วาดวิมานเอาไว้ในอากาศ วิมานนั้นสวยงามวิจิตร วิมานรักของสองเรา แต่มันก็ปลิวลอยมลายหายไปอย่างง่ายดาย เหลือไว้เพียงภาพที่ล่อลวงตา บางทีก็ยังหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง สิ่งที่เพิ่งจะผ่านมามันเป็นแค่ฝัน มันไม่จริง แต่พอรู้สึกตัวขยับกายความร้าวรานแห่งใจมันก็ยากเกินจะบอกว่ามันเป็นเพียงฝัน หรือถ้ามันเป็นฝันจริงมันก็คงโหดร้ายหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากทีเดียว เพราะนอกจากใจที่เจ็บแปลบปลาบแล้ว กายเองก็ร้าวรานระทมไปเช่นกัน

"ตื่นแล้วเหรอครับ คนดี"

เสียงทุ้มเข้มดังแว่วอยู่บริเวณหน้าผาก ภูมิบุญพลิกกายออกจากการกอดก่ายของเขา

"อยู่นิ่งๆสักพักสิภูมิ"

ได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดโดยไม่ลืมตามาดูเขา ไม่อยากเห็นใคร ความจริงไม่อยากจะได้ยินเสียงใครเสียด้วยซ้ำ ภูมิบุญยังคงหลับตาอยากให้ความร้าวรานนี้จางหายออกไปจากใจเสียที แต่คิดขึ้นมาทีไรก็เจ็บยอกเข้าไปในใจไม่เจือจาง ไม่หายไปเลยสักที

"กินอะไรหน่อยไหม เก้าโมงแล้ว"

"ภูมิอยากจะอาบน้ำ"

ยอมพูดออกมาแต่ไม่ยอมมองหน้าเขา โตโต้กระชับก่อนแน่นขึ้นจุมพิศแผ่วเบาที่หน้าผาก

"ครับ พี่รู้ครับว่าเราเจ็บ แต่ภูมิรู้เอาไว้ด้วยนะ ยิ่งภูมิเจ็บเท่าไหร่ พี่เจ็บกว่าภูมิหลายร้อยเท่านัก"

เม้มปากแน่น "ทำไม" พอแล้วอย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย ไม่อยากมีใคร ไม่อยากได้ยาขนานไหนวิเศษแค่ไหนมาเยียวยารักษา จะรักษาตัวเอง พอแล้วกับบ่วงรักพันมัดใจแบบนี้ ภูมิบุญตัดสินใจลุกจากเตียงเดินออกไปเข้าห้องน้ำ โตโต้เองได้แต่นั่งมองตามแผ่นหลังไปก่อนจะกลับขึ้นห้องของตัวเอง สายตาของคนในบ้านรอคำตอบจากโตโต้อยู่ สายตาที่ห่วงหาอาทรฉายออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยอะไร

"น้องเป็นไงบ้างลูก"

คุณอภิสราถามขึ้น โตโต้ถอนหายใจออกมา

"คงสักพักล่ะครับแม่ โต้กลัวใจน้องจังเลย"

"โธ่ ภูมิ เมื่อไหร่เรื่องราวร้ายๆมันจะจบจะสิ้นเสียที"

ครางออกมาสีหน้าสีตาไม่ต่างไปจากบุตรชาย บาสไปโรงเรียนแล้วโดยมีลุงหมายขับรถไปส่ง ส่วนโตโต้วันนี้ขอเข้าบริษัทสายๆเพราะไม่มีกะจิตกะใจ ภูมิบุญเองคงไม่ได้ไปทำงานตามปกติ คงรอให้จิตใจกลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุดคุณอภิสราถึงจะปล่อยไป

เปิดน้ำฝักบัวไหลให้รดตัว ให้ความเย็นของน้ำมันราดเอาความร้อนรุ่มในใจหมายจะให้มันไหลออกมากับสายน้ำ แต่เปล่าเลย ยิ่งเย็นยิ่งยะเยือกเข้าไปถึงกลางใจ นี่เราทำผิดอะไรหรือ ถ้าเราทำผิดเองพร้อมจะยอมอ้อนวอนให้เขากลับมาคืนดี รักมากเหลือเกิน รักจนหมดใจ นี่เขาเห็นเราเป็นใครในสายตาของเขาหรือเราเป็นคนโง่งมงายยิ้มผ่านจอคอมพิวเตอร์ ให้เขาสองคนหัวเราะเยาะกับท่าทางการแสดงความรักของเรา นับวันนับคืนรอคอยเขาให้กลับมาเพื่อที่จะพาคนอื่นมายืนต่อหน้าแล้วบอกว่า "แฟนพี่" นี่น่ะหรือ เราเป็นใคร เราทำอะไรอยู่ เรื่องวันวานที่ผ่านไปไม่นานเขาไม่ได้คิดอะไรกับเราเลยหรือ อ้อมกอดนั้น จุมพิศนั้น คำรักคำนั้น มันเป็นอะไร มันมีความหมายอะไร พูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน จำมันได้ไหม จำมันได้หรือเปล่า คำพูดที่เพียงลอดไรฟันออกมารู้ไหม มันสลักฝังในใจอย่างไม่มีวันลบเลือน ไม่มีวัน

"ภูมิ ภูมิเป็นไงบ้าง"

พอออกจากห้องน้ำมาพลอยก็โทรศัพท์มาหาเพราะบาสรายงานแต่เช้า สายไม่ได้รับกว่าหกสิบกว่าสาย ภูมิบุญจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์เนิ่นนานกว่าจะยกมันขึ้นถอดถอนหายใจก่อนจะกดรับ

"พลอย"

ครางออกมา อีกฝั่งพอได้ยินก็แทบทรุดน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงหรือพลังอันใด ความหดหู่เจ็บปวดร้าวราวมันดังแว่วออกมา

"ภูมิ"

พลอยเองที่เป็นคนสะอื้นออกมา ไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะภูมิบุญเองก็เม้มปากแน่นพยายามจะไม่หลั่งน้ำตาออกมาอีก มันเกินพอ มันมากไปแล้ว แต่พลอยเองก็สะอื้นเกินกว่าที่จะพูดออกมาเป็นคำได้ ชีวิตของเพื่อนที่เธอรักตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเห็นภูมิบุญมีความสุขได้เนิ่นนานเลยสักครั้ง วิบากกรรมมันมากมายสายตาที่ร้าวรานเมื่อใดที่เผชิญทุกข์กรรมมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ทำกันลงคอ ใจดำ!!

"คุณท่านครับ ภูมิขอขึ้นไปกราบพระบนห้องได้ไหมครับ"

พอทำใจปรับสีหน้าไม่ให้เศร้าโศกอาดูรเกินไป รู้ดี รู้แก่ใจว่าผู้ที่รักตนก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าเขา ภูมิบุญก็เดินไปที่ตึกใหญ่ คุณอภิสราปรี่เข้ามาโอบไว้

"ได้สิลูก ไปเดี๋ยวป้าไปด้วย จันทร์วานตัดดอกซ้อนใส่พานมาให้หน่อย"

หันไปบอกจันทร์ รายนั้นเม้มปากแน่นแล้วรีบออกไปหน้าบ้าน

"เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นไหม"

"ครับ ไม่มีอะไรแล้ว"

ปากบอกไปอย่างนั้นพยายามฝืนยิ้ม แต่ใบหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึกแม้แต่เด็กไร้เดียงสายังมองออกว่าเขาไม่ได้ยิ้ม แต่กำลังร้องไห้อยู่ภายในใต้ดวงหน้านั้น สายตาที่เค้นเอาความเจ็บปวดฉายแววออกมา ความทรมานที่ถูกกักกันไว้ไม่ให้ไหลออกมา ใครมองก็รู้

"อย่าคิดมากนะลูก อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น ทำใจให้สบาย เรายังมีอะไรอีกหลายอย่างให้ต้องทำ อย่าเพิ่งท้อ"

กำลังใจจากปากของนายใหญ่ของบ้านพรั่งพรูออกมา มือก็คอยลูบปลอบประโลมอยู่ ภูมิบุญเม้มปากพยักหน้ายิ้มแห้งๆออกมา

ห้องพระที่ดูขรึมศักดิ์สิทธิ์ทาสีผนังด้วยสีน้ำตาลทองมีพระพุทธรูปหลายองค์หลายขนาดรายเรียงอยู่บนหิ้งพระ คราใดที่ใจเราหมองหม่น ครานั้นจะนึกถึงพระพุทธคุณ คราใดที่ใจเราสำราญดี เรากำลังนึกอะไร คุณอภิสรานั่งพับเพียบลงข้างๆภูมิบุญจันทร์กลับมาพร้อมพานดอกพุดซ้อนในมือสีขาวสะอาดตา

"แผ่เมตตาอโหสิกรรมให้แก่กันเสียเถิดลูก สิ่งใดผ่านก็ขอให้ผ่าน อย่าให้ทุกข์ให้ตรมอีกเลย"

สะกิดใจ พลันภาพในอดีตก็ฉายออกมา อภิชัยเองก็เคยรู้สึกแบบนี้เช่นกัน ยังจำได้ดีวันที่เขากอดขาขอร้องไม่ให้ภูมิบุญทิ้งไป ยังจำได้ดีทุกคำพูดที่เขาพูดออกไป "เราไม่เคยรักนายจำเอาไว้ ที่เราทำทั้งหมดเพื่อที่จะให้นายรู้ว่าการที่สูญเสียคนที่รัก มันรู้สึกยังไง" อนิจจาร้าวเหลือไปถึงใจ นี่น่ะหรือความรู้สึกของเขา นี่น่ะหรือความรู้สึกของเขาในตอนนั้น อภิชัย เราขอโทษ น้ำตาไหลออกมาทันที ภาพอดีตที่ยังคงแจ่มชัด เราเองก็เคยทำกับเขาไว้เจ็บแสบยอกอกไม่ใช่น้อย สมควรแล้วที่ได้รับผลกรรมนี้ สมควรแล้วที่ได้ลิ้มรสของความขมปวดใจนี้ คุณอภิสรากับจันทร์เอื้อมมือมาแตะที่บ่าของภูมิบุญเม้มปากพยายามแข็งใจไม่ร้องไห้ออกมา เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือร่างของภูมิบุญที่พนมมือก้มลงกราบแต่แน่นิ่งอยู่ท่านั้นสะอื้นออกมา

คุณอภิสราพนมมือขึ้นแล้วตั้งนโมสามจบ อาราธนาพระพุทธคูณ พระธรรมคุณ แลพระสังฆคุณ กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาได้ก็ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองน้ำตาไหลซึมออกมาแล้ว ภูมิบุญเองก็เม้มปากแน่นพนมมือพยายามตั้งสมาธิ

"อะหัง สุขิโต โหมิ อะหัง นิททุกโข โหมิ อะหัง อะเวโร โหมิ อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ อะหัง อะนีโฆ โหมิ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิฯ"

คุณอภิสรากล่าวบทแผ่เมตตาออกมาภูมิบุญจ้องมองไปที่พระพักตร์ขององค์พระพุทธรูป ราวกับกำลังอ้อนวอนขอร้องให้พระท่านช่วยให้พรให้ลุล่วงวิบากกรรมนี้ไปที

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในที่นี่ ลูกขอแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลในการสวดมนต์ครั้งนี้ ให้แก่ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร แลหลานของข้าพเจ้าที่ทุกข์ใจอยู่ที่นี้ สิ่งใดเคยทำผิดพลาดไป ทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ และอนาคตชาติ ทั้งที่จงใจก็ดี ไม่จงใจก็ดี ลูกขออโหสิกรรม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรจงประสบแต่ความสุขความเจริญ ด้วยเทอญ"

คุณอภิสรากล่าวขึ้นเสียงเครือไปด้วยน้ำตา ภูมิบุญน้ำตาไหลออกมาตั้งจิตอธิษฐาน หลับตาลง นั่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนน้ำตาเหือดแห้งหายไป

"ภูมิขออยู่บนนี้สักพักได้ไหมครับคุณท่าน"

ภูมิบุญเอ่ยออกมา คุณอภิสราพยักหน้าแล้วมองไปยังจันทร์ที่ใบหน้ารวดร้าวไม่ต่างกัน ทั้งสองก้มลงกราบพระแล้วลุกออกจากห้องไปแล้ว

"หลวงพ่อครับ นี่เป็นผลกรรมที่ผมเคยทำไว้ใช่ไหม ยายเคยพร่ำสอนแล้วแต่ผมไม่เคยทำตามได้เลย วันนี้รับรู้แล้วว่าผลกรรมมันตามสนองได้จริง มันเจ็บปวดเจียนตาย หลวงพ่อช่วยลูกให้พ้นบ่วงทุกข์นี้ด้วยเถิด"

ครางออกมาก้มลงกราบน้ำตาไหลพราก

"น้องภูมิเป็นยังไงบ้างคะคุณแม่"

แวนเองถือกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมภูมิบุญถึงบ้าน สีหน้าก็ไม่ต่างไปจากใคร แววตาดูร้าวรานมากเช่นกัน

"ยังไม่ตายหรอกหนู แล้วนี่เอาดอกไม้มาเยี่ยมใคร คนในบ้านนี้ไม่มีใครป่วยไข้"

คุณอภิสราเชิดหน้าไม่มองสบตาแวนที่ก้มหน้าไม่สู้หน้าเช่นกัน

"แวนมากราบขอโทษคุณแม่ค่ะ มาขอโทษน้องแทนน้องชาย"

"ไม่เป็นไรหรอกหนู ถือว่าตัดเวรตัดกรรมกันเสีย"

น้ำเสียงยังห้วนอยู่ แวนเองสะท้านใจ

"แวนเสียใจนะคะ"

"ใครๆเขาก็เสียกันทั้งนั้นล่ะหนู ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกจริงไหม เอาเถอะภูมิเขาไม่คิดแค้นอะไรในใจหรอก สบายใจได้ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ตัดกันแล้วตัดกันเลยนะ อย่ามาวอแวกับภูมิอีก สงสารน้องมันบ้าง ให้มันมีชีวิตที่สงบสุขบ้าง หนูเองตอนนี้ก็เป็นแม่คนแล้วนี่นะ น่าจะเข้าใจว่าถ้าลูกเราเจ็บ คนเป็นแม่อย่างเราเจ็บกว่าเท่าใด"

"คุณแม่"

เม้มปากแน่นน้ำตาคลอ

"แวนขอเจอน้องเขาได้ไหมคะ"

"ได้น่ะได้ แต่ไม่รู้ว่าภูมิเขาจะบากหน้ามาเจอเราหรือเปล่านะ"

ทุกคำพูดมันเสียดแทงเข้าไปในใจของแวน ปรายหางตาที่มองมารังเกียจเดียดฉันท์ เข้าใจดีในความรู้สึกเพราะเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นกับน้องชายแท้ๆของตนเช่นกัน

"จันทร์ไปตามภูมิให้หน่อย"

คุณอภิสราหันไปบอกจันทร์

"ตามสบายนะหนู ป้าขอตัวก่อน"

คุณอภิสราลุกขึ้นทันที เดินขึ้นห้องไปแล้ว พอจันทร์ไปบอกภูมิบุญว่าแวนมาพบก็นั่งนิ่งอยู่

"ไหวไหมลูก"

จันทร์ตบบ่าภูมิบุญเบาๆ

"แม่ ภูมิขอโทษแม่นะครับ ภูมิเป็นลูกไม่ดี คอยสร้างแต่ความทุกข์ใจให้แม่ แม่อโหสิกรรมให้ภูมินะครับ"

"ภูมิ"

สะอื้นออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หัวอกมารดาแค่แตะมือสัมผัสลูกก็รับรู้แล้วว่าลูกในอุทรของตนสบายดีหรือทุกข์ใจ จันทร์เองสุดกลั้น ทนมองดูความเจ็บปวดของลูกชายมสตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูมากับมือ แต่รักลูกมากไม่แพ้ใคร หัวอกกลัดหนองอยู่ทุกวี่วัน ที่นำพาความสุขมาให้ภูมิบุญไม่ได้ แล้วนี่อะไร ลูกชายก้มลงกราบกับตักมารดาร้องไห้กอดกันอยู่ จันทร์ปล่อยโฮออกมา ภูมิบุญเองก็ร้องไห้ สัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นการร้องไห้ฟูมฟายครั้งสุดท้าย ขอร้องไห้ให้มารดาของตน ขอร้องอยู่ในอกของมารดาของตนเท่านั้นพอ เนิ่นนานกว่าที่จะสงบลงได้ ภูมิบุญบอกให้มารดาตนลงไปก่อนขอตัวทำสีหน้าสีตาให้ดีขึ้นก่อนจะลงไปพบแขกที่รออยู่เบื้องล่าง

"เจ็บก็รู้ แต่ตายไหม ไม่ตาย เจ็บก็ดี จะได้รู้ไว้ ว่ายังมีลมหายใจอยู่ จะมาครวญครางเพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์ เขาไม่รักคือเขาไม่รัก เขาไม่เอาคือเขาไม่เอา เขาหมดใจไม่เหลือแล้ว จะร้องไห้ฟูมฟายแล้วเขาจะคืนมาไหมก็ไม่ หมดสมัยแล้วภูมิจะมาร้องไห้คร่ำครวญเป็นนางเอกอยู่แบบนี้ เราะเราไม่ใช่นางเอก ที่นี่ไม่มีนางเอก"

ภูมิบุญพูดกับตัวเองในห้องน้ำชั้นบนก่อนจะล้างหน้าล้างตาแสยะยิ้มให้กับความเศร้าหมองที่ปรากฏก่อนจะก้าวออกมา เดินลงมาชั้นล่างอย่างเชื่องช้า

"ภูมิ"

"พี่แวน"

ร้องออกไปพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ ดวงตายังคงแดงช้ำอยู่ก็ตาม

"ภูมิ"

แวนยังร้องเรียกอยู่ปรี่เข้ามาหาน้ำตาคลอเบ้า

"แหมเอาดอกไม้มาเยี่ยมด้วย ทำเหมือนใครป่วยเลยนะครับ แล้วใครดูน้องครับพี่แวน หนีมาแบบนี้น้องไม่ร้องคิดถึงแย่แล้วเหรอ"

สะอึกพูดไม่ออก เพราะภูมิบุญยิ้มออกมารู้ทั้งรู้ว่าเขาพยายามฝืนทำ ดวงหน้ายิ้มแต่แววตามันกำลังร้องไห้อยู่ แวนเอามือทาบอกตัวเอง

"ภูมิ โอเคไหม พี่ขอโทษแทน"

"ไม่มีอะไรหรอกครับพี่แวน มาขอทงขอโทษอะไรล่ะครับ ไม่มีใครทำอะไรใครสักหน่อย อย่าร้องไห้เลยครับ พี่แวนจะทำไห้เดี๋ยวภูมิร้องอีกคนนะ"

ระบายยิ้มแห้งๆออกมา แวนใจหายหลุดลอยไป

"พี่ไม่รู้จะว่าอะไรดีภูมิ เสียใจมาก แต่"

"เอาเถอะครับพี่แวน เห็นไหมภูมิไม่เป็นไรแล้ว คนเขาไม่รักกันแล้วนี่ครับ จะทำยังไงได้ ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน จะบังคับฝืนใจกันแบบนั้นเขาไม่เรียกว่ารักหรอกครับ"

"พี่ขอโทษนะภูมิ ที่จริงพี่ระแคะระคายมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่พี่ยังไม่แน่ใจ พี่ไม่อยากให้ภูมิ คนดีๆอย่างภูมิต้องเสียใจเพราะคนอย่างไอ้แทน"

ภูมิบุญนิ่งคิดอยู่ก่อนจะยิ้มออกมา

"มันเป็นกรรมของภูมิเองล่ะครับ ทำบุญกันมาแค่นี้ ขอบคุณพี่แวนมากนะครับที่อุตส่าห์เอาดอกไม้มาเยี่ยม"

คิดย้อนไปถึงคราวนั้น แวนหิ้วดอกเบญจมาศสีขาวทำเป็นพวงหรีดมาให้ภูมิบุญ ทำไปได้ยังไงกัน แต่คราวนี้ดอกกุหลาบสีขาวแซมเหลืองพันธ์ดีดอกใหญ่เป็นช่อสวยงามวางอยู่เบื้องหน้า อย่างน้อยเธอเองก็เสียใจ เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอแวนกลับบ้านไปภูมิบุญก็นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน ปากบอกแข็งแรงแต่ใจอ่อนระทวย จะให้ตัดคนที่รักหมดใจได้ง่ายดายเพียงนี้หรือ มันไม่ง่าย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ภูมิบุญนั่งรวบรวมความคิดอยู่

"ภูมิ"

เสียงร้องเรียกมาจากหน้าบ้าน นั่งจนลืมเวลา นี่มันเย็นขนาดนี้เชียวหรือ เพราะคนที่เรียกคือพลอย มีกายกำลังเดินตามมา ส่วนโตโต้เดินตามมากับบาสห่างๆ นี่เราดูแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ แค่อกหักไม่ได้เจ็บจะตายทำไมต้องแห่กันมาเยอะขนาดนี้

"อ้าวพลอยเลิกงานแล้วเหรอ"

ร้องทักออกไปหน้าตาดูไร้สีของเลือด

"เป็นไงบ้างภูมิ ไอ้ชาติชั่วนั่น มันสมควรได้รับการตอบแทนให้สาสม"

พลอยร้องออกมาดวงตาแดงช้ำ

"อย่าเลยพลอย จะไปเอาอะไรกับเขาล่ะ เขาหมดใจแล้วนี่ เราทำอะไรได้ อย่างมากก็ทำใจ"

"ภูมิ มันไม่แฟร์นะ ถ้าหมดรักไม่บอกกันออกมาตรงๆล่ะ หลอกกันให้คอยแบบนี้ได้ยังไง มันเอาอะไรทำหัวใจ"

ภูมิบุญเม้มปากแน่น ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไม อยากรู้แต่ไม่อยากได้ยินจากใครนอกจากเขาคนเดียว

"ทำไมทำกันแบบนี้นะ นี่มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่"

กายถามขึ้นเสียงเครียดเช่นกัน

"เอาน่าพี่กาย พลอยอย่าถามภูมิอีกเลย บาสไปบอกพี่อ้อยเอาของว่างมาให้หน่อยดิ"

โตโต้ตัดบทเพราะเห็นสภาพของภูมิบุญมาทั้งคืน พอแล้ว ความเจ็บปวดที่เขาเคยได้รับ มันน้อยนิดนักหากเปรียบกับคนร่างเล็กที่นั่งเหม่อทอดสายตาออกไปไกลแสนไกลคนนี้ กายกับพลอยพยักหน้าแล้วนั่งลง พลอยเอื้อมมือไปกุมมือเพื่อนเบาๆ แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา

"ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะตัวเอง เสียใจมากเหรอ"

แฟนหนุ่มคนใหม่ของแทนทวีเอ่ยขึ้น ทั้งวันไม่ไปไหนเลยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนคอนโด ส่วนแฟนหนุ่มก็เดินไปเดินมาดูท่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

"ไม่รู้สิพีท เค้ารู้สึกผิดอ่ะ เค้าเหมือนยังรัก"

"พอเลยตัวเอง อะไรกันตกลงกันไว้แล้วนี่ จบคือจบ ดูสิพีทกับมันมีอะไรต่างกันบ้าง ตัวเองอย่ามาพูดแบบนี้นะ เราอยู่ด้วยกันมาเกือบสามปีแล้วนะ เจอหน้ากันทุกวัน ไหนตัวเองบอกว่ามันก็มีคนที่วอแวเจอหน้ากันอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ"

แว้ดเสียงขึ้น แทนทวีครุ่นคิดอยู่ก่อนจะพยักหน้า ใช่สินะ แม้จะรู้สึกผิดแต่ครั้งหนึ่งภูมิบุญก็เคยมีอะไรกันกับโตโต้ เขาทำใจไม่ได้

"แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี เค้าน่าจะบอกกับน้องภูมิไปตรงๆ"

"อยากบอกก็ไปบอกสิตัวเอง จะสนใจทำไมเลิกกันแล้วนี่"

คนที่พูดเหมือนไม่เคยมีหัวใจรักใคร สายตาไม่ได้สนใจในคำพูดของตัวเอง แสยะปากคิดถึงใบหน้าที่สลดลงของภูมิบุญเมื่อวาน

"บาสไปวิ่งสวนหลวงกับพี่ไหม"

นานแสนนานกว่าที่ใจจะฟื้นสภาพคืนดังเดิม ภูมิบุญใช้เวลาอยู่กับตัวเองจากที่นานอยู่แล้วก็นานมากขึ้น พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น นี่มันอะไรส่วนไหนของชีวิต พอเริ่มรู้สึกดีก็เริ่มที่จะกลับมาเป็นปกติคนเดิม บาสเองตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นก็ค้างที่นี่เกือบทุกคืน นอนห้องโตโต้บ้างห้องภูมิบุญบ้าง แต่ส่วนมากนอนห้องภูมิบุญเพราะภูมิบุญไม่อยากให้โตโต้เข้ามาใกล้มากเกินไป หวั่นไหวไหม มาก แต่ตอนนี้มันงง มันสับสนกับหัวใจของตัวเอง

"ไปดิพี่่ เราปั่นจักรยานไปนะ"

"อืมก็ดี เราปั่นให้พี่ซ้อนท้ายนะ"

"สบายมาก"

ทั้งสองออกจากบ้านไปทันที ตรงไปยังสวนหลวง พอดีกบัแทนทวีขับรถกลับมาบ้านของตัวเองเพื่อคุยกับบิดาเรื่องชีวิตของเขาว่าจะเอายังไงดี แทนทวีขับรถตามไปทันที

"ภูมิๆ พี่ขอคุยด้วยหน่อย"

แทนทวีร้องเรียก ภูมิบุญชะงัก น้ำเสียงที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่เคยหลงไหล มันก้องดังแว่วในหูสะกิดใจ

"เฮ้ย อย่านะมึงอย่าหาว่ากูไม่เตือน"

พอบาสหันตามมาก็จอดจักรยานเกรี้ยวกราดใส่ทันที

"บาส"

ภูมิบุญตบบ่าของบาสเบาๆปรามเอาไว้ แทนทวีปราดตามองบาสอย่างเคืองใจ ตั้งแต่วันที่โดนเขากระโดดถีบกลางอก

"พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิภูมิ"

น้ำเสียงห้วนสายตามองปราดมา น่าใจหายใจละลายในแววตาเขามันไม่มีแววตาของความรักที่เคยมีให้กันเหลืออยู่เลย มันมีเพียงความว่างเปล่า

"ไม่ได้นะพี่ อย่าไปคุยกะมัน"

บาสร้องขึ้น ภูมิบุญครุ่นคิดอยู่ก่อนจะส่ายหน้าห้ามบาส

"ครับ"

ภูมิบุญตอบออกไปจ้องตาเขาเขม็ง แต่แทนทวีกลับหลบสายตา แล้วเดินห่างไปจากที่ยืนอยู่ ภูมิบุญเดินตามไป

"ภูมิ พี่ขอโทษนะสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

แทนทวีพูดออกมามองเข้ามาในตาของภูมิบุญ สะท้อนใจ ภูมิบุญสูดลมหายใจเข้าปอด ที่วาดหวังไว้มันไม่ใช่แบบนี้ มันไม่ใช่มายืนต่อหน้ากันเพื่อเอ่ยคำลา ไม่ได้ตั้งใจแต่จงใจใช่ไหม อยากจะตอกกลับให้หน้าหงายไป คนเขารักกันเขาทำกันอย่างนี้หรือ คำถามเดิมๆซ้ำๆยังวนไปเวียนมาในหัว ยังหาคำตอบไม่ได้คิดไม่ออก

"พี่รู้ว่าพี่ทำไม่ถูก พี่เสียใจนะ แต่พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี พี่ไม่อยากจะปิดบังภูมิหรอกนะ"

ภูมิบุญยังนิ่งเงียบอยู่ หัวใจที่กำลังแข็งแรงกลับสั่นไหวไปอีกครั้ง มันสั่นมันไหวปวดแปลบอยู่ในใจแทบไม่มีแรงจะยืน

"ภูมิ พูดอะไรบ้างสิ ทำไมเงียบแบบนี้ พี่ขอโทษ"

คนเคยรักกันแม้จะแค่เคยรักกัน แต่เยื่อใยมันก็ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง เยื่อสายใยรักที่มันถักทอขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตัดง่ายๆมันจะได้หรือ แทนทวีเองพอมาอยู่ต่อหน้าภูมิบุญเองก็หวั่นไหวไปไม่น้อยเช่นกัน คนร่างเล็กตรงหน้าดีกับเขาตลอดมา ความรักที่เขามอบให้มันบริสุทธิ์มันใสสะอาด แต่ตอนนี้ก้าวไปอีกทางแล้ว เสียดาย

"ภูมิ พูดอะไรบ้างสิ พี่ขอโทษ"

"อยากจะได้ยินอะไรจากภูมิล่ะครับพี่ พี่อยากจะให้ภูมิพูดอะไร"

"ภูมิ"

สะอึกไป จริงสินะถ้าให้พูดคาดคั้นให้เขาพูดจะเอาอะไรจากปากเขา เพราะถ้าเป็นเขาเองไม่ด่ากราดให้ก็บุญหัวแล้ว จะคาดคั้นอะไรเอากับคนที่กำลังพยายามสะกดความเจ็บปวดเอาไว้ภายใน จะบังคับให้เขาพูดอะไรในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ความหลังครั้งก่อนสะท้อนออกมาทางตาของภูมิบุญร้าวลึกลงไปในใจของแทนทวี อนิจจา ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อหลายเดือนก่อนสายตาสองคู่นี้กำลังมองจ้องกันอย่างดูดดื่ม แล้วตอนนี้สายตาของอีกคนกำลังตัดพ้อฉายความทรมานใจออกมา

"พี่รู้ว่าภูมิเจ็บ พี่เข้าใจ พี่ยังรักภูมิเหมือนเดิมนะ"

"ฮึ พอเถอะครับ พูดทำไม พี่จะพูดทำไม"

สวนขึ้นทั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบ

"ที่ทำกับภูมิเท่าที่ผ่านมามันคืออะไรพี่แทน มันหมายความว่ายังไง ภูมิเป็นอะไรในสายตาพี่ เป็นควายเหรอ ภูมิก็มีหัวใจนะ ไม่รักไม่ว่าแต่พี่ทำแบบนี้ทำไม พี่เอาอะไรทำหัวใจ"

ตวาดออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลออกมาสุดที่จะกลั้น ตัวสั่นสะท้านไหวติงไปทั้งร่าง แทนทวีตกใจปรี่จะเข้ามาประคองแต่ภูมิบุญถอยหนี

"ภูมิรักพี่มากนะ พี่ทำแบบนี้กับภูมิได้ยังไง ภูมิรอพี่คนเดียว ไม่เคยมองใครเฝ้ารออยู่คนเดียว"

"ภูมิ เข้าใจพี่ด้วยสิ พี่อยู่ที่โน่นพี่ไม่มีใคร พี่เหงานะภูมิ กับพีทพี่ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลขนาดนี้"

"มักมากไม่รู้จักพอ"

"ภูมิ แล้วภูมิเองล่ะกับไอ้โตโต้พี่ยังไม่ว่าอะไรภูมิสักคำ แล้วทำไม"

"อ้อ นี่ใช่ไหมสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจพี่ ภูมิขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็พอเถอะครับพี่แทน ภูมิอโหสิกรรมให้ จบกันแค่นี้เถอะหมดเวรหมดกรรมกันเสียที"

จากที่น้ำตาไหลพลันมันเหือดแห้งหายไปทันที คำพูดที่เหมือนยาทาแผลสดแสบแปลบเข้าไปกลางใจ เหมือนฟ้าผ่าลงแสกกลางหน้าตรงลงไปในหัวใจ นี่น่ะหรือคือความคิดของคนที่เคยบอกว่ารักกัน นี่น่ะหรือกับคำสัญญาที่ให้ไว้คำพูดแสนหวานเหล่านั้นมันคืออะไร แค่การผายลมออกมาทางปากเองหรอกหรือ ตอนนั้นบอกไม่ถือไม่คิดรักมั่นคงไม่ว่าจะยังไง แต่พอถึงเวลานี้เรื่องเก่าขุดเอามาเล่าใหม่ในเมื่อไม่มีทางไปก็เอาแผลเก่าสะกิดมันให้เลือดไหลออกมาสะใจแสบทรวงกันอีกครา ดี จะได้ตัดได้ง่ายๆ ภูมิบุญเม้มปากแน่น

"ภูมิ พี่ยังรัก"

"พี่จะพล่ามหาอะไรล่ะครับ ไปบอกคนใหม่ของพี่ดีกว่าไหม แค่นี้ใช่ไหมเรื่องที่จะคุยกับผม บาสไปเร็วเดี๋ยวค่ำก่อน"

"ภูมิ"

ภูมิบุญหันหลังจากไปแล้วบาสทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนที่จะวิ่งตามภูมิบุญไป

"อยากไปก็ไป คนแบบนี้ไม่เก็บไว่ทำพันธ์หรอก"

พูดออกมารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด เจ็บไหมยังมีเหลืออยู่ แต่มันไม่มากแล้ว ไม่มากเหมือนเมื่อวานไม่ร้าวรานจะเป็นจะตายเหมือนตอนที่เจอใหม่ๆ ยิ่งพอได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกจากปากของเขา "ไปเถอะแทนทวี"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น